หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 685 การสูญสิ้นจากภัยพิบัติที่มาจากธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น
- Home
- หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
- บทที่ 685 การสูญสิ้นจากภัยพิบัติที่มาจากธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น
ตรงหน้าที่ดูเหมือนยอดเขาไม่ใช่ยอดเขา…….
ด้านหน้าที่ดูเหมือนสิ่งก่อสร้างไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง…….
และศพที่ใหญ่โตกำยำแต่ละศพ สะสมนานปีกองเป็นภูเขาศพ ลูกหนึ่งต่ออีกลูกหนึ่ง ต่อเนื่องกันไม่หยุด ราวกับว่าไม่มีจุดสิ้นสุด
ศพของคนจากนอกแผ่นดินที่อยู่ด้านล่างสุด เปลี่ยนเป็นกระดูกขาวตั้งนานแล้ว ยิ่งขึ้นไปด้านบน จึงสามารถค่อยๆเห็นเลือดเนื้อได้
แต่ แม้จะเป็นเช่นนี้
แหงนหน้ามองไป ด้านบนสุดหนึ่งสองชั้นนั่น เลือดเนื้อล้วนเน่าเปื่อยแล้ว เนื้อที่เน่าเปื่อยหย่อนยานราวกับโคลนเช่นนั้น แทรกซึมเข้าไปในกองศพด้านล่างทีละชั้นๆ ภูเขาศพทุกลูกล้วนเป็นเช่นนี้
ยิ่งกว่าคุกของโลกมนุษย์
ที่นี่เผชิญกับอะไรแล้วกันแน่?
กลิ่นเหม็นเน่าขยะแขยงพุ่งเข้ามาแทงจมูก ทำให้จิตใจของคนเกิดความปั่นป่วนอย่างสุดๆ
“แหวะ…….”
สัมผัสกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรงก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ท้องไส้ของหลานเยาเยา เกิดความปั่นป่วนสุดๆเป็นระยะๆ อาเจียนออกมาติดๆกันอย่างถึงที่สุด แทบจะอาเจียนเอาน้ำย่อยในลำไส้ออกมาแล้ว นางจึงนึกได้ว่า ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมียาป้องกันการอาเจียน
แน่นอน!
เช่นคนที่ตั้งครรภ์แบบนางนี้ ไม่สามารถกินยาประเภทนี้ได้ แต่สามารถปิดปากปิดจมูกได้ พยายามลดการโจมตีของกลิ่นเหม็นเน่าให้น้องลง
เรือแห่งความสิ้นหวังจอดเทียบท่าระหว่างภูเขาศพสองลูก ในภูเขาศพที่สูงๆต่ำๆต่อเนื่องกันตรงนี้ เป็นที่เดียวที่สามารถให้เรือเข้าฝั่งได้
น้ำทะเลที่อยู่ใกล้ภูเขาศพที่สุดเปลี่ยนเป็นน้ำศพแล้ว ในนี้แมลงหลายร้อยชนิดขวักไขว่ไปมา คนที่มีอาการหวาดกลัวอย่างรุนแรง คาดว่าแวบเดียวก็สามารถสลบไปได้ครึ่งเดือน
บนเท้าของทุกคนสวมผ้ากันน้ำ ยังทายาน้ำที่หลานเยาเยาผสมขึ้น ป้องกันเท้าที่เหยียบลงบนพื้น ถูกแมลงสีขาวที่อยู่อย่างหนาแน่นปีนขึ้นมาเต็มทั้งเท้า
ข้ามผ่านภูเขาศพทอดยาวสูงต่ำที่อยู่เลียบริมฝั่ง
ด้านหลังคือดินเป็นผืนๆที่ไหม้เกรียม ไร้สิ่งมีชีวิต
คนของเรือแห่งความสิ้นหวังหวาดผวาเป็นที่สุด
“ที่นี่เงียบสงัดทั้งผืน แม้แต่นกบินสักตัวก็ไม่มี เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“พื้นดินทั้งหมดเป็นสีดำ ราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตแล้ว”
“ชู่ว เบาเสียงหน่อย อย่างพูดมั่วซั่ว ที่นี่ทั้งหมดล้วนเป็นศพของคนจากนอกแผ่นดิน ใครจะรู้ว่าพวกมันตายได้อย่างไร ถ้าหากพวกมันถูกสิ่งที่ใหญ่โตกว่าพวกมันฆ่าตายล่ะ?”
เมื่อมีคนพูดเช่นนี้
คนเมื่อครู่ที่ยังถกกันอยู่ ปิดปากแน่นทันที
หลานเยาเยาเดินไปทางด้านหน้าทีละก้าวๆ หานแสติดตามอยู่ข้างกายไม่ห่าง
ก่อนลงจากเรือ หานแสเคยบอกให้นางอยู่บนเรือดีๆ ทำอะไรไม่ได้ไม่มีหลานเยาเยา พวกเขาข้ามผ่านภูเขาศพไม่ได้โดยสิ้นเชิง ด้านหลังภูเขาศพยังมีอะไร ทุกคนล้วนไม่รู้ มีหลานเยาเยาหมอเทวดาผู้นี้ที่สามารถเสกของออกมาได้ตามอำเภอใจอยู่ ชีวิตของพวกเขาก็ได้รับการรับรองแล้ว
อีกทั้งหลานเยาเยาเอง ก็จะลงไปให้ได้
หลายครั้งที่คำพูดมาถึงปาก หานแสล้วนฝืนกลั้นกลับไปแล้ว
บอกหลานเยาเยาว่าอ๋องเย่ตายไปแล้ว แต่เศษชิ้นส่วนสีเหลืองทองและร่องรอยเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นเขาสั่งให้คนสร้างขึ้นมา นี่คือการทำลายความหวังสุดท้ายอันน้อยนิดในใจของนางลงอย่างไร้ข้อกังขา
เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
แต่หลานเยาเยาตั้งครรภ์แล้ว ไม่สามารถเดินทางไกลลุยน้ำข้ามทะเลได้ ยิ่งไม่สามารถรับการกระทบกระเทือนได้
เขาควรจะทำอย่างไร?
“ข้าบอกแล้วให้เจ้าขึ้นเกี้ยว เจ้าก็ไม่ฟัง ตอนนี้ดีแล้วสินะ? อยากกลับไปเอาก็ไม่ได้แล้ว” หานแสไม่มีอะไรพูดหาเรื่องพูด
หลานเยาเยาเพียงแค่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ขี้เกียจใส่ใจเขา
สุดท้ายพบว่าหานแสที่ค่อนข้างพูดน้อยไม่พูดจาโดยตลอด เพราะว่าเป็นกังวลร่างกายของนาง แทบจะฝืนกลายเป็นคนพูดมากแล้ว ภายใต้ความจนปัญญา ทำได้เพียงตอบกลับประโยคหนึ่ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเอง ช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร เจ้าดูแลพวกเขาให้ดีเถอะ!”
หลานเยาเยาชี้ไปทางคนเหล่านั้นที่เดินอยู่ด้านหน้า
พวกเขาแต่ละคนสีหน้าขาวซีด มองดูไปรอบๆอย่างระแวดระวังเป็นที่สุด ราวกับว่าสำหรับความกลัวที่ไม่รู้จักจึงแสดงออกว่ายากที่จะก้าวเดินไปอย่างเห็นได้ชัด
หานแสขมวดคิ้ว
หลานเยาเยาเดินไปถึงด้านหน้าก่อนแล้ว หานแสก็รีบติดตามขึ้น ก็เช่นนี้ คนกลุ่มหนึ่งเดินไปด้านหน้าระยะหนึ่ง
แผ่นดินผืนนี้มองไปไม่เห็นที่สิ้นสุด อีกทั้งทั้งหมดล้วนเป็นดินไหม้เกรียมละลานตา
หลานเยาเยารู้ลึกๆว่า คนจากนอกแผ่นดินที่บุกเข้าโจมตีแผ่นดินของพวกเขาเหล่านั้น เทียบกับศพที่กองเป็นภูเขาที่นี่ เป็นเพียงจำนวนที่เล็กน้อยมากๆ ดังนั้นสามารถคาดการณ์ได้ว่า แผ่นดินใหญ่ผืนนี้ใหญ่กว่าแผ่นดินใหญ่ผืนนั้นของพวกเขามากมายนัก น่าจะเพราะความวุ่นวายภายในและภัยธรรมชาติ ทำให้พวกเขาเดินไปถึงขั้นชนเผ่าสิ้นสลายประเภทนั้น
ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน คนจากนอกแผ่นดินก็คิดเข้าโจมตีแผ่นดินใหญ่ผืนนั้นของพวกเขาแล้ว
นี่อธิบายได้ว่า เริ่มตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน คนจากนอกแผ่นดินก็เกิดความวุ่นวายภายในแล้ว หรือประสบกับภัยธรรมชาติ
นี่ก็คือ ทำไมผู้บัญชาการทหารของคนจากนอกแผ่นดิน ทำไมถึงได้ยอมที่จะสู้จนตาย ให้ลูกเด็กเล็กแดงของคนจากนอกแผ่นดินหลบซ่อนเข้าไปในภูเขาและป่าลึก และเป็นสาเหตุที่ไม่ยอมพาพวกมันกลับมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง
ที่นี่เป็นดินที่ไหม้เกรียมทั้งหมด
ดังนั้น ภัยธรรมชาติร้ายแรงมากเป็นที่สุด
ภัยธรรมชาติ?
ภัยธรรมชาติอะไรกันแน่ ที่สามารถทำให้สถานที่ดำรงชีพของคนจากนอกแผ่นดินเปลี่ยนเป็นเช่นนี้?
ฉับพลันนั้น!
“รีบดู นั่นคืออะไรขอรับ?” ฉับพลันนั้นมีคนหนึ่ง ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
ทุกคนได้ยินก็มองไป อะไรก็มองไม่เห็น
“ข้าเห็นแล้วจริงๆ เหมือนพลังก้อนหนึ่ง อยู่บนยอดเขาที่ไม่ไกลนั่น ครู่เดียวก็หายตัวไปแล้วขอรับ” คนที่ร้องตะโกนพยายามโต้แย้ง พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้โกหก
เวลานี้ หานแสเปิดปากแล้ว
“ระวังสังเกตรอบๆ ระวังตัวเตรียมป้องกัน”
หลานเยาเยาไม่เห็นเงาขาว แต่กลับสังเกตเห็นเมฆในท้องฟ้าบนยอดภูเขาแล้ว มืดสลัว ไม่มีแสงสว่าง ยังทำให้คนรู้สึกหดหู่กว่าเมื่อเทียบกับช่วงฟ้าครึ้มที่ฝนกำลังจะตก
สภาพอากาศชนิดนี้ สามารถค่อยๆก่อตัวกลายเป็นผลลัพธ์ได้เพียงชนิดเดียว
เมื่อนึกถึงดินที่ไหม้เกรียมทั้งหมดของที่นี่ นางอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต
แย่แล้ว!
“หานแส!” นางเปล่งเสียงเรียกหานแสอย่างกะทันหัน สีหน้าเคร่งขรึมสุดๆ
“ทำไมหรือ?”
“ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าทำไมคนจากนอกแผ่นดินถึงได้ค่อยๆสูญสิ้น…….”
“ทำไม?” หานแสสังเกตได้ถึงความผิดปกติของหลานเยาเยา ดังนั้นก็เปลี่ยนเป็นกังวลเล็กน้อยแล้ว
“อธิบายไม่ทันแล้ว แถวๆนี้น่าจะมีถ้ำ อุโมงค์ใต้ดินหรือถ้ำประเภทนั้น พวกเราจำเป็นต้องเข้าไปหลบในนั้นก่อนที่ฟ้าจะมืด ไม่เช่นนั้นจะตายกันทั้งหมด”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป ทุกคนล้วนตกตะลึงแล้ว
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่หลานเยาเยาเทพธิดาผู้นี้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่ารู้ทุกอย่างที่ดำรงอยู่บนโลกได้ตั้งนานแล้ว
ดังนั้น สิ้นสุดเสียง ทุกคนไม่ได้มีข้อสงสัยใด ล้วนมองไปทางหานแส รอคอยหานแสออกคำสั่ง
เป็นดังคาด!
หลังจากหานแสออกคำสั่งแล้ว
ทุกคนสองคนหนึ่งกลุ่ม กระจายออกไปค้นหาสถานที่ที่มีถ้ำทั่วทุกสารทิศ เพราะว่าที่นี่ชั่งใหญ่เกินไปแล้ว อีกทั้งเป็นสถานที่ที่ทิ้งศพของคนจากนอกแผ่นดินโดยเฉพาะ แถวๆนี้จะมีหรือไม่มีพวกถ้ำหรืออุโมงค์ใต้ดิน
ด้วยเหตุนี้!
พวกเขามองภูเขาสูงที่ผุดขึ้นมาจากใต้ที่ราบในที่ไกลๆเป็นเป้าหมาย มีภูเขาถึงจะมีถ้ำ
คนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนที่ไปทางด้านนั้นอย่างรวดเร็ว แต่สถานที่นั้น มองดูว่าอยู่ไม่ไกล ในความเป็นจริงที่นี่ชั่งใหญ่โตนัก ยิ่งเดินรู้สึกว่ายิ่งไกล
อย่างเดียวที่โชคดีคือ
เวลาที่พวกเขามาที่นี่เป็นตอนเช้าตรู่ และไม่ใช่ตอนเย็น
แต่…….
จากการสำรวจรอบหนึ่ง เรือแห่งความสิ้นหวังเทียบท่า ยังได้เตรียมการป้องกันอีก ลงจากเรือข้ามผ่านภูเขาศพ เกรงว่าตอนนี้ได้ผ่านช่วงเที่ยงไปแล้ว ห่างจะตอนเย็นไม่นานแล้ว
ระยะทางยังเดินได้ไม่ถึงครึ่ง ลมก็เริ่มพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เมฆบนท้องฟ้ายิ่งรวมตัวยิ่งเยอะ สุดท้ายค่อยๆก่อตัวเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างแท้จริงแล้ว ดั่งหมึกเช่นนั้น
ระหว่างชั้นเมฆเริ่มมีลูกไฟระยิบระยับ
นั่นคือสายฟ้า!
ลูกไฟชนิดนี้ยังเล็กเกินไป เพียงแค่ทอดยาวคดเคี้ยวเป็นเส้นๆ สามารถทำได้เพียงแลบบนชั้นเมฆ แต่จากเวลาที่ผ่านไป สายฟ้าที่ระยิบระยับ เริ่มค่อยๆใหญ่ขึ้น และราวกับว่าเริ่มหยั่งรากและแตกหน่อ แลบออกมาเป็นสายฟ้าสีขาวสะดุดตาเป็นเส้นๆดั่งสายใย
เดิมทีเป็นเพียงแค่สายฟ้าในชั้นเมฆ
เพิ่งจะผ่านไปครู่เดียว ก็เริ่มผ่าไปถึงครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าแล้ว
สุดท้าย…….
“เปรี้ยง” เสียงหนึ่ง
สายฟ้าสีขาวสว่างแสบตาเส้นหนึ่ง จากชั้นเมฆที่ทอดยาวคดเคี้ยวฝาดลงบนพื้น พื้นดินบนพื้นที่ไหม้ดำอยู่แล้วในเดิมทีมีควันไหม้เพิ่มขึ้นอีกชั้นในพริบตา
ฟ้าแลบนั่นผ่าลงด้านหน้าของพวกเขาพอดี
อยู่ใกล้หน่อยก็ล้วนสั่นสะเทือนไปทั้งตัว
“ไม่ดี เริ่มแล้ว!”
หลังจากเสียงหนึ่งของหลานเยาเยา ฟ้าผ่าเช่นนี้เพียงแค่เพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น ไม่เช่นนั้นที่นี่คงไม่เป็นดินไหม้เกรียมทั้งหมดเช่นนี้ เกรงว่าทั้งคืนก็ล้วนเป็นฟ้าผ่าที่สามารถผ่าลงบนพื้นอย่างหนาแน่น
คิดถึงตรงนี้ ในจิตใจของนางก็เย็นยะเยือกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ฟ้าผ่าเริ่มแล้ว พวกเขาห่างจากภูเขาดำเกรียมสูงๆนั่น แม้ว่าจะมีเพียงระยะห่างสั้นๆ
แต่ว่า!
ที่นี่มีถ้ำที่สามารถหลบซ่อนได้จริงหรือไม่นั้น นางไม่มั่นใจโดยสิ้นเชิง
เพราะว่าที่นี่เคยเป็นสถานที่ทิ้งศพของคนจากนอกแผ่นดิน ที่อยู่อาศัยของคนจากนอกแผ่นดินจะต้องอยู่ห่างจากที่นี่ไกลมากๆเป็นแน่ แต่เมื่อมองไป มีเพียงภูเขาลูกตรงหน้านี้ที่เป็นความหวังเดียวของพวกเขา
แล้วในเวลานี้
มีคนร้องตะโกนขึ้นด้วยเสียงดัง “เงาสีขาวนั่นปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว”