หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 87 ฮองเฮากลั่นแกล้ง
บทที่ 87 ฮองเฮากลั่นแกล้ง
เพื่อไม่ให้โหลวเย่วไม่พูดอะไรที่น่าตกใจอีกนางจึงพานางเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนเดินไปพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไป ทำให้คนรอบข้างที่มองพวกเขาเป็นเหมือนอากาศ
จนกระทั่งพวกนางสองคนเดินลับสายตาจากพวกนางไป ฉินหลิงเจียวที่จ้องจนตาแทบถลนออกมาก็กระทืบเท้าอย่างโมโห
นางพูดอย่างไม่ชอบใจว่า:
“ทำไมคนขี้เหร่นั่นครู่เดียวก็เปลี่ยนมาสวยกว่าพี่มู่หวั่นได้?”
หลินเฟยหรันที่อยู่ข้างๆก็ใช้ศอกผลักนางเล็กน้อยหลังจากกลอกตามองนางก็พูดว่า:
“หลานเยาเยาดูดีกว่าพี่มู่หวั่นที่ไหนกัน พี่มู่หวั่นเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง”
พูดก็พูดงั้นเถอะแต่สายตาของนางมองไปทางที่หลานเยาเยาเดินไปตลอด ในใจก็คิดว่ารออยู่ในงานเลี้ยงก่อนนางจะต้องถามหลานเยาเยาให้ได้เลยว่านางทำอย่างไรถึงได้เปลี่ยนไปสวย นางเองก็อยากเปลี่ยนไปสวยกว่าใครๆเขาเหมือนกัน
ถังมู่หวั่นเอาท่าทางของพวกนางสองคนเก็บไว้ในสายตาคิ้วก็ขมวดขึ้น มือที่จับผ้าเช็ดหน้าไว้ก็ค่อยๆกำแน่นขึ้น……
งานเลี้ยงข้างนอกพระราชินีจัดขึ้นที่พระตำหนักจีหมิง
ตอนที่หลานเยาเยาและโหลวเย่วมาถึง ข้างในก็มีคนเยอะแล้ว
“พระชายาเย่เสด็จ!”
“องค์หญิงจาวหยางเสด็จ!”
เมื่อเสียงประกาศแหลมลดลง คนข้างในก็ต่างหันมามอง
หลังจากที่สายตาของทุกคนมาหยุดอยู่ที่พวกนาง……
“ว้าว……”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮา!
ได้ยินมาว่าองค์หญิงจาวหยางป่วยเป็นโรคประหลาดสามารถมีชีวิตได้ในความมืดไม่งั้นก็จะบ้าคลั่ง กระหายเลือด
มีเพียงจื่อซีลูกน้องของอ๋องเย่เท่านั้นที่สามารถระงับอาการป่วยนี้ได้ ดังนั้นตลอดสามปีนี้องค์หญิงจาวหยางถึงอยู่ที่จวนอ๋องเย่ตลอด
แต่ตอนนี้……
องค์หญิงจาวหยางไม่เพียงแต่ออกมาตอนกลางวันซ้ำยังไม่มีอะไรมาปกปิดไว้ด้วย ดูแล้วอาการป่วยของนางดีแล้ว!
แต่นี่กลับไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุด
ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุดก็คือหลานเยาเยา ล้วนพูดกันว่าหลานเยาเยานั้นผอมแห้งน่าเกลียดแล้วยังถูกองค์ชายรัชทายาทถอดหมั้น
ได้ยินข่าวซุบซิบว่า ด้วยเหตุนี้หลานเยาเยาจะโดดผาฆ่าตัวตายแต่น่าเสียดายที่ไม่ตาย
คนที่อยู่ในงานแม้คนส่วนใหญ่จะไม่เคยเห็นหน้านางแต่ก็มีคนส่วนเล็กๆที่เคยเห็นหน้านาง
คนที่อยู่ตรงหน้านี้ต้องไม่ใช่หลานเยาเยาแน่!
หลานเยาเยามีใบหน้าสวยจนล่มเมืองอย่างงี้ที่ไหนกัน?
แต่ว่า!
ท่านแม่ฉูซื่อของหลานเยาเยาก็มีหน้าตาราวกับเทพธิดาแต่เป็นหญิงงามที่โด่งดังในตอนนั้นและตอนนี้ผู้หญิงคนนี้กับฉูซื่อก็คล้ายกันมาก
แต่ฉูซื่อกำเนิดลูกสาวเพียงคนเดียว
องค์หญิงจาวหยางกับนางก็มาด้วยกันอีกทั้งยังถูกประกาศเรียกว่าพระชายาเย่
งั้นนาง……ก็คือหลานเยาเยา!
แต่ก่อนพวกเขาสงสัยมาตลอดว่าอ๋องเย่แต่งงานกับคนน่าเกลียดได้ยังไง อีกทั้งยังเป็นลูกสาวของเมียน้อยอีก?
ตอนนี้ดูแล้ว อ๋องเย่นี่มีตาหนิ!
หลานเยาเยาและโหลวเย่วเดินเข้าไปด้วยกัน หลานเยาเยาใจแกร่งมากที่ไม่สนสายตาอิจฉาริษยาดุร้ายและหวาดระแวงเลย
แต่
โหลวเย่วไม่เหมือนกัน สามปีแล้วที่นางไม่เคยเจอกับสายตาที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยแบบนี้ ในใจจึงมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก
สามปีก่อนตอนที่นางป่วยครั้งแรกก็อยู่ในงานเลี้ยงวัดเกิดเสด็จพ่อหลังจากนั้นทุกคนที่เห็นนางก็จะหวาดกลัวแล้วหลบจนแทบไม่ทัน
ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นแต่อาการป่วยของนางดีขึ้นแล้ว!
นางลากมือของหลานเยาเยาแล้วอดไม่ได้ที่จะออกแรง
“ไม่เป็นไร พวกเขาก็มีความชอบของตนเองทั้งนั้น
เสียงของหลานเยาเยาเบามาก นางแค่อยากให้โหลวเย่วได้ยินเพียงคนเดียว
แต่ทว่า!
องค์ชายรัชทายาทที่นั่งอยู่ไม่ไกลกลับได้ยินเขาก็ทำหน้าขรึม
หลานเยาเยาเป็นผู้หญิงที่เขาไม่ต้องการ แม้ตอนนี้จะเปลี่ยนไปสวยเช่นนี้แต่ยังไงก็เป็นเขาที่ทิ้งนาง
นางควรจะมีชีวิตอยู่ในเงามืดที่ถูกเขาทิ้ง นางควรจะหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวัน ใช้น้ำตาล้างหน้า……
นางยิ้มเบิกบานอย่างงี้ได้อย่างไร?
ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เป็นไปได้อย่างไร?
ตอนนี้นางต้องเสแสร้งอยู่แน่ๆ คิดจะใช้อุบายอยากแต่ทำเป็นปฏิเสธเพื่อเอาชนะใจเขากลับมา คิดว่าเขาไม่รู้เหรอ?
ฝันไปเถอะ!
นางไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
หลานเยาเยาที่ไม่รู้ว่าองค์ชายรัชทายาทคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ก็กำลังแสดงความยินดีพระราชินีพร้อมกับโหลวเย่ว
“ดีดีดี พวกเจ้ารีบมาเร็วให้ข้าดูพวกเจ้าดีๆหน่อย”
“เพคะ!”หลานเยาเยาและโหลวเย่วตอบรับพร้อมกัน
ตอนที่พวกนางกำลังไปข้างหน้า ฮองเฮาที่นั่งอยู่ข้างล่างพระราชินีก็กล่าวเตือนพระราชินีว่า:
“ท่านแม่ อาการของจาวหยางยังไม่หายเป็นปกติ ท่านต้องระวังบ้าง”
เสียงของฮองเฮาไม่ดังมากแต่ในห้องโถงก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็หันมามองด้านนี้ทำให้แววตาของโหลวเย่วหมองลง
“นี่……”
พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนในงานเลี้ยงวันเกิด โรคของจาวหยางแทบจะทำให้นางสูบเลือดคนอื่นจนหมดอีกทั้งท่าทางที่เปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างมาก
พอคิดถึงตรงนี้พระราชินีก็ลังเลขึ้นมาทันที แต่นางพูดออกไปแล้วถ้ากลับคำขึ้นมา นี่จะไม่ได้เป็นการตั้งใจทำให้จาวหยางอึกอักรึเปล่า?
ในตอนที่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้
เสียงใสๆก็ดังขึ้น
“พระราชินีโปรดวางใจ จื่อซีที่รักษาโรคขององค์หญิงจาวหยางบอกว่าพบสาเหตุของโรคแล้ว ตอนนี้นอกจากอาการร่างกายอ่อนแอขององค์หญิงจาวหยางแล้วก็นับว่าหายดีหมดแล้ว”
ตอนนี้จะไม่มีอาการป่วยอีกแล้ว!
แต่ถ้าตากแดด นอกจากจะทำร้ายพื้นฐานของร่างกายแล้วก็ยังส่งผลกระทบต่อสมองขององค์หญิงจาวหยางอีกด้วย
ตราบใดที่ยาพิษถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว องค์หญิงจาวหยางก็จะไม่ต่างจากคนทั่วไป!
“เช่นนั้นก็ดีมาก”
รอยยิ้มแข็งทื่อของพระราชินีก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเปลี่ยนเป็นใจดีมีเมตตาอีกครั้ง จากนั้นก็พยักหน้าเงียบๆ
แต่ทว่า!
มีบางคนไม่ชอบเห็นคนดีอกดีใจ ฮองเฮามองหลานเยาเยา ริมฝีปากแดงเปิดเบาแล้วน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก็ดังขึ้น:
“ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถวางใจเกินไปถึงอย่างไรร่างกายของพระราชินีก็สำคัญ
ตลอดสามปีนี้ จื่อซีก็
ไม่ได้รักษาจาวหยางหายดีอีกทั้งยังได้ยินมาว่าอาการป่วยของจาวหยางก็ทรุดลงตลอดจะมาหายดีในคืนเดียวได้ยังไง?นี่……ไม่กลัวสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้วหรอกแต่จะกลัวสิ่งที่ไม่คาดคิดมากกว่า”
หลังจากพูดจบประโยค สายตาก็กลับมาหยุดที่หลานเยาเยาอีกครั้งแล้วพูดด้วยสีหน้าถากถาง:
“ก็เหมือนกับบางคนเห็นอยู่แท้ๆว่าหน้าตาเกินคำบรรยายแต่แค่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นสวยราวกับเทพธิดา มองแว็บเดียวก็รู้ว่าไม่ปกติ หรือว่าใช้อะไร?”
ถ้าเป็นสามปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นพระราชินีฮองเฮาหรือโอรสอื่นๆก็ปฏิบัติต่อองค์หญิงจาวหยางอย่างเอ็นดู
แต่เสียดายในคืนนั้น องค์หญิงจาวหยางช่วยอ๋องเย่แล้วก็เกิดอาการกำเริบในคืนฉลองวันเกิดฮ่องเต้ทั้งหมดก็เลยเปลี่ยนไป!
นอกจากพวกเขาจะห่างออกไปแล้วก็ยังพุ่งเป้ามาอีก
สำหรับหลานเยาเยาที่ถูกแบ่งว่าเป็นลูกสาวของเมียน้อยก็ได้กลายมาเป็นพระชายาเย่ คิดว่าอย่างนี้แล้วนางจะสามารถเปลี่ยนจากฐานะที่ต่ำต้อยมาสูงส่งได้ทันทีเหรอ?
เฮอะ!
นกกระจอกยังไงมันก็เป็นนกกระจอก
เป็นคนที่ขึ้นไปไม่ถึงหน้าเวที ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนสักกี่หน้าสุดท้ายก็ขึ้นไปไม่ถึงหน้าเวทีอยู่ดี
ได้ยินดังนั้น!
สีหน้าทุกคนก็แตกต่างกันแต่ส่วนมากก็จะระแวดระวัง วิเคราะห์และดูถูก
หลานเยาเยาก็ฮึดฮัดในใจแต่บนหน้าก็มีรอยยิ้มเรียบๆอยู่บนใบหน้า
“ได้ยินท่านอ๋องพูดว่า เขาแอบตามหาหมอจากทั่วทุกสารทิศแล้วก็สองสามวันก่อนมีหมออัจฉริยะท่านหนึ่งรู้อาการขององค์หญิงจาวหยางก็เอาวิธีการรักษาอาการป่วยขององค์หญิงให้แก่จื่อซี ดังนั้นองค์หญิงจาวหยางถึงหายเป็นปกติ
สำหรับหน้าข้าทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินขนาดนี้ก็ต้องขอบคุณท่านอ๋องของเราแล้วก็ยิ่งขอบคุณหมออัจฉริยะท่านนั้น ไม่งั้นหน้าตาตอนนี้ก็คงไม่เป็นเช่นนี้……”