หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 1049 สตอล์คเกอร์โรคจิต / ตอนที่ 1050 เธอเป็นใคร? เธออยู่ที่ไหน?
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 1049 สตอล์คเกอร์โรคจิต / ตอนที่ 1050 เธอเป็นใคร? เธออยู่ที่ไหน?
ตอนที่ 1049 สตอล์คเกอร์โรคจิต
“ครับ” มั่วหย่งเหิงหลุบตาลงและพูดด้วยความเคารพ
เมื่อมั่วเฉียนเห็นดังนั้นก็ตบไหล่เขาอย่างพึงพอใจและให้เขารีบไปประคบน้ำแข็งให้ตัวเอง
ตบหัวแล้วลูบหลัง
ใช้วิธีเมตตาและแข็งกร้าวไปพร้อมๆกัน เป็นวิธีที่ฉลาดมาก
มั่วหย่งเหิงผงกหัวโดยไม่พูดอะไรและเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลมั่วไป
ร่างเขาเพิ่งจะหายไปจากหน้าประตูได้ไม่นาน มั่วเฉียนก็หันไปสั่งพ่อบ้าน “ให้คนคอยจับดูหย่งเหิงไว้ อย่าให้เขาไปพบคนที่ไม่ควรพบ แล้วให้คนไปดักฟังโทรศัพท์เขาด้วย อย่ากระโตกกระตากให้เขาจับได้ล่ะ”
พ่อบ้าน “ครับ!”
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่มั่วหย่งเหิงขับรถออกจากคฤหาสน์ตระกูลมั่ว ฟ่านอวี่ที่คอยเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลมั่วก็ขับรถตามรถมั่วหย่งเหิงไป
เขาขับตามไปโดยใช้ระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล และไม่กลัวว่ามั่วหย่งเหิงจะจับได้
ช่วงติดไฟแดง เขายังจงใจจอดรถข้างๆ มั่วหย่งเหิงและหันไปทักทายเขา
“คุณชายหย่งเหิง ถ้าไม่รีบล่ะก็ ผมอยากชวนไปดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟตรงสี่แยกข้างหน้า?” น้ำเสียงอ่อนโยนของฟ่านอวี่เหมือนได้เจอเพื่อนเก่า
เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรอยแผลที่มุมปากของมั่วหย่งเหิง ดวงตาอบอุ่นก็สั่นไหว
ยังไม่ทันได้ถามอะไร มั่วหย่งเหิงก็พูดด้วยความเย็นชา “ฉันไม่ว่าง”
น้ำเสียงเยือกเย็นจับใจ
ไฟแดงผ่านไปพอดี มั่วหย่งเหิงจึงขับรถออกไป
ฟ่านอวี่โดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
รถทั้งสองคันขับไล่ตามกันมา
ฟ่านอวี่เตรียมใจไว้แล้ว ถึงแม้ว่ามั่วหย่งเหิงจะไม่ยอมไปดื่มกาแฟกับเขา เขาก็ไม่โกรธ แต่ยังตามไปแบบนี้ตลอดทาง
ระหว่างทางมั่วหย่งเหิงแวะไปที่บริษัท ฟ่านอวี่จึงรอเขาอยู่ข้างล่างตึก
ขอแค่มั่วหย่งเหิงขับเข้าถนน เขาจะตามไปทันที
เหมือนสตอล์คเกอร์โรคจิต มั่วหย่งเหิงไปไหน เขาก็ไปด้วย
เขาใช้กลยุทธ์นี้จนกว่ามั่วหย่งเหิงจะทนไม่ไหวในท้ายที่สุด
หลังเลิกงานกลับบ้าน มั่วหย่งเหิงก็เร่งความเร็วขึ้นและเลี้ยวอยู่หลายรอบจนเกือบจะสลัดเขาทิ้ง
แต่ฟ่านอวี่เป็นใครล่ะ?
ฟ่านอวี่ต่างจากภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนดังหยก นอกจากเขาจะชอบรักคนข้างเดียวแล้ว ยังมีสัญชาตญาณนักแข่งรถที่มองไม่ออกจากเปลือกนอกโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นการที่มั่วหย่งเหิงต้องการจะสลัดเขาทิ้งจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ทั้งสองขับรถไปตามถนนเลียบชายฝั่งไปได้ช่วงหนึ่ง จู่ๆ มั่วหย่งเหิงก็จอดรถข้างทางด้วยความโมโหที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
พอลงจากรถก็เดินมาหาฟ่านอวี่
ฟ่านอวี่เปิดประตูลงรถตามมา
ขณะกำลังจะเอ่ยปากนัดมั่วหย่งเหิงไปดื่มกาแฟ มั่วหย่งเหิงก็ยื่นมือมากระชากคอเสื้อเขาด้วยความโมโห เค้นเสียงอย่างมีน้ำอดน้ำทน
“นายตามมานานพอหรือยัง? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไปดื่มกาแฟกับนายไม่ได้!”
“…ไม่ดื่มกาแฟ งั้นเราไปดื่มชากัน?”
ฟ่านอวี่พูดอย่างอารมณ์ดี
มั่วหย่งเหิง “…”
เขาไม่เคยเห็นคนหน้าหนาแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ
แต่ถึงอย่างไรฟ่านอวี่ก็เป็นคนหน้าตาดี การกระทำและคำพูดก็ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี…เว้นแต่ว่าติดตามเขาเหมือนคนงี่เง่าแบบนี้
ในตัวฟ่านอวี่มองไม่เห็นเจตนาร้ายเลยสักนิด
มั่วหย่งเหิงอยากจะต่อยเขาสักยก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ด้านหลังพวกเขายังมีรถอีกสองสามคันจอดอยู่
พอเปิดประตูก็พบว่าเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลมั่ว
มั่วหย่งเหิงจำคนพวกนั้นได้ ปกติพวกเขาจะเป็นคนที่คอยติดตามมั่วเฉียน
และขณะนี้กำลังเดินมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วและพูดด้วยความเคารพ
“คุณชายหย่งเหิง ประธานมั่วบอกว่าคุณถูกก่อกวน จึงตั้งใจให้พวกเรามาคุ้มครองคุณ”
“……”
มั่วหย่งเหิงตาเป็นประกาย เขาปล่อยมือที่จับฟ่านอวี่แล้วปัดแขนเสื้อตัวเอง
“ฉันไม่เป็นไร แค่เถียงกันนิดหน่อย พวกนายคอยดูเขาไว้ อย่าให้เขาตามฉันมาอีก” มั่วหย่งเหิงพูดจบก็เดินไปขึ้นรถ
ตอนที่ 1050 เธอเป็นใคร? เธออยู่ที่ไหน?
รถสตาร์ทใหม่อีกครั้งและขับลับตาไปอย่างรวดเร็ว
บอดี้การ์ดตระกูลมั่วก็ทยอยพากันขับออกไปเช่นกัน
ฟ่านอวี่เป็นคนเดียวที่เหลืออยู่บนถนนเลียบชายฝั่งที่ว่างเปล่า
เขามองไปยังทิศทางที่มั่วหย่งเหิงหายไปและเข้าไปนั่งในรถด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเองเพื่อควักเอากระดาษโน้ตออกมาจากด้านใน
นี่คือกระดาษโน้ตที่มั่วหย่งเหิงยัดใส่กระเป๋าเสื้อเขาตอนที่ทำท่าจะเข้ามาต่อยเขา
ต่อจากนั้นบอดี้การ์ดตระกูลมั่วก็โผล่มา
ฟ่านอวี่เหมือนจะเข้าใจอะไรมาบ้างแล้ว เขารีบเปิดกระดาษที่อยู่ตรงหน้า
รูม่านตาหดเกร็งเมื่อเห็นเนื้อหาในนั้นชัดๆ
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดต่อสายหาเหนียนเสี่ยวมู่
“ถานเปิงเปิงยังไม่ตาย เราต้องรีบหาเธอให้เจอก่อนมั่วเฉียน ในมือเธอมีจดหมายคำสั่งของผู้นำตระกูลมั่วที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น”
เธอเป็นใคร
เธออยู่ที่ไหน
ถานเปิงเปิงค่อยๆ ฟื้นจากอาการสลบไสล ร่างกายของเธอหนักราวกับตะกั่วเหล็กพันโล เธออยากลุกขึ้นมาก แต่แขนขาของเธอกลับไม่มีเรี่ยวแรงเลย
พอเริ่มรู้สึกตัวได้ไม่นาน เธอก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว นึกถึงภาพตอนที่ตัวเองถูกคนตามฆ่าก่อนที่จะกระโดดลงทะเล
ริมหูมีเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามา
เหมือนมีคนเดียว ไม่เหมือนสองคนหรือมากกว่านั้น
เธอได้ยินไม่ชัด เธออยากจะหนี
แต่ร่างกายขยับไม่ได้
เธออยากถามผู้มาเยือนว่าเป็นใคร แต่แค่อ้าปากก็เจ็บปวดรวดร้าวที่ลำคอ จึงทำให้เธอได้ยินแค่เสียงแหบแห้งของตัวเอง
เธอพูดไม่ออก
สายตามองเห็นแค่สีขาวเป็นแผ่นๆ ราวกับม่านสีขาวปกคลุมดวงตาของเธอ
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆและยังมีเสียงลมหายใจหยาบโลนที่เหมือนเสียงลมหายใจของผู้ชาย
ก่อนที่เธอจะมีปฏิกิริยาอื่นใด เสียงลมหายใจนั้นก็รดอยู่บนหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว
มือข้างหนึ่งเลื่อนผ่านหน้าอกลงไปเบื้องล่าง
ถานเปิงเปิงมองไม่เห็นอะไรเลย แต่กลับรู้สึกได้ถึงมือที่เคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายเธอและยังสัมผัสได้ว่าเสื้อผ้าของเธอถูกถอดทีละชิ้น
เธอเกร็งไปทั้งตัว
พยายามจะลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง
เหมือนเนื้อที่อยู่บนเขียงที่ทำได้เพียงแค่ยอมให้คนฆ่าแกง
ไม่นานเธอก็ไม่มีเสื้อผ้าบนตัวแล้ว
ความเย็นในอากาศเข้ามากระทบจนเธอสั่นไปทั้งตัว
ความอับอายทำให้เธอพยายามเค้นคำพูดออกจากลำคอเพื่อต้องการบอกให้เขาหยุดมือ แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ทำไม่ได้
ทำได้แค่เบิกตากว้างโดยที่มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
รู้แค่ว่าร่างกายที่แข็งแกร่งของชายคนนั้นกำลังกดทับเธออยู่
เริ่มต้นจากการขืนใจอันโหดเหี้ยมโดยไม่มีการเล้าโลมใดๆ
แม้แต่เสียงที่แห้งผากก็ถูกเขาช่วงชิงเข้าปากไปโดยปริยาย
เขาไม่พูดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว เหมือนแสดงละครใบ้ในโรงละคร
จนกระทั่งช่วงปลดปล่อยในตอนท้าย เขาส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่า
ถานเปิงเปิงตกอยู่ในความมืดมิดอีกครั้งก่อนที่จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
“ซ่า”
คลื่นที่เกิดจากลมทะเลกระทบกับหินโขดใหญ่จนเกิดเสียง
มีเสียงนกนางนวลแว่วเข้ามาในหู
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคลื่นทะเลที่ดังก้องเข้ามา
ถานเปิงเปิงรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป
ในฝันเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
จมูกและปากของเธอเต็มไปด้วยน้ำทะเลที่มีรสเค็ม หายใจไม่ออก
มีกลิ่นเหมือนยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล
คุ้นเคยแต่ชอบไม่ลง
ทันทีที่เธอขยับก็เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว จึงตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง
ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่เธอตื่นขึ้นผุดขึ้นมาในหัวเธออีกครั้ง