หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 223 พวกเราสองคน / ตอนที่ 224 ความสัมพันธ์ของพวกเธอ
ตอนที่ 223 พวกเราสองคน
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เจ้าก้อนน้ำแข็งอบอุ่นเหมือนเทพบุตรแบบนี้ เธอคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย
อีกเดี๋ยวเขาคงไม่พูดว่าจะหักจกเงินโบนัสของเธอ หลังจากเธอสั่งเสร็จหรอกใช่ไหม
พอคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋งมังกร “ฉันกินอิ่มแล้ว อิ่มมากเลย”
กลับเป็นเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างๆ ที่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เขาเป็นคนตัดสินใจเชิญเหนียนเสี่ยวมู่มากินข้าว แต่ตอนนี้อวี๋เยว่หานกลับเป็นคนจ่ายเงิน เขาจึงเกาหัวพลางพูดว่า “คุณชายหาน ตกลงกันแล้วนี่ครับว่าผมจะเลี้ยง”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็เลิกคิ้ว ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “ให้คุณเลี้ยงพวกเราสองคนคงไม่ดีหรอก”
“…”
พวกเราสองคนนี่หมายความว่ายังไง
คำพูดนี้ ทำไมฟังดูเหมือนคำสาบานตอนแต่งงานเลยล่ะ
อวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนของบริษัทตระกูลอวี๋ ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ก็ทำงานของแผนกประชาสัมพันธ์ได้สำเร็จและราบรื่น ถ้าพูดถึงความใกล้ชิดแล้ว เธอใกล้ชิดกับอวี๋เยว่หานมากกว่าจริงๆ
แต่เฉินจื่อซินกลับรู้สึกว่าคำพูดของอวี๋เยว่หานมีความหมายมากกว่านั้น
จึงได้แต่อึ้งงันอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จนลืมไปว่าจะพูดอะไร
อวี๋เยว่หานกลับไม่สนใจว่าเขาจะคิดอย่างไร เพียงแต่เดินนำไปก่อน เพราะได้ยินว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ต้องการห่อใส่กล่อง
หลังจากเดินไปถึงประตู เขาเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ตามมา จึงหันกลับไปมองเธอครั้งหนึ่ง
เหนียนเสี่ยวมู่กลัวว่าเขาจะลากเธอเดินไปอีก จึงรีบวิ่งตามเขาไป
ระหว่างทางนั้น อวี๋เยว่หานเดินเร็วมาก ทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้าอย่างสุดชีวิต
เมื่อเข้าไปในโถงใหญ่ของบริษัทตระกูลอวี๋ ถึงจะพบว่าเฉินจื่อซินถูกทิ้งให้รั้งท้ายอยู่คนเดียว
เธอกำลังคิดจะรอสักหน่อย แต่ก็ถูกอวี๋เยว่หานลากเข้าไปในลิฟต์แล้ว!
“คุณร้อนใจอะไร กลัวเขาหาแผนกประชาสัมพันธ์ไม่เจอเหรอ” อวี๋เยว่หานดันเธอไปตรงผนังลิฟต์ ก่อนจะหลุบสายตามองดวงหน้าเล็กจ้อยสะสวย ดวงตาสีดำของเขาดูขุ่นเคืองทีเดียว
“มารยาท คุณรู้จักมารยาทไหม คุณคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนคุณ ทำหน้าบึ้งก็พูดเรื่องธุรกิจได้งั้นเหรอ ฉันทำงานอยู่ในแผนกประชาสัมพันธ์ ก็ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าน่าเชื่อถือ ถึงจะมอบหมายงานให้พวกฉันทำได้อย่างสบายใจ”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดพร้อมทำปากจู๋
เธอนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ดูข้อมูลที่เลขานำมาให้ตั้งแต่เช้า แยกกันแบบนี้สักพักก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้กลับไปเตรียมตัวก่อน พอสิบโมงก็ค่อยมอบหมายงานให้ทีม
เมื่อดึงสติกลับมาได้ เธอก็พบว่าอวี๋เยว่หานยังยืนอยู่ข้างหน้า มือข้างหนึ่งของเขายันผนังลิฟต์เอาไว้ ล็อกเธอไว้ในอ้อมอกของเขาพอดี
บรรยากาศพลันอบอุ่นขึ้นมาทันใด
กลิ่นอายความบ้าอำนาจของเขาปกคลุมทั่วตัวเธอ นัยน์ตาของเขาหยั่งลึกมาก สายตาที่จ้องมองมาก็ลึกซึ้งมาก ราวกับจะมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง…
เหนียนเสี่ยวเม้มปากเพราะความเครียด ขณะกำลังจะถามว่าเขาเป็นอะไรไป ลิฟต์ก็ถึงแล้ว
“ติ๊ง” ประตูลิฟต์เปิดออก
เป็นชั้นของแผนกประชาสัมพันธ์
“ถึงชั้นแล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่จิ้มหน้าอกของเขา เป็นการบอกให้เขาถอยไป
นิ้วมือขาวผ่องจิ้มอยู่บนหน้าอกของเขา ทำให้รู้สึกจั๊กจี้อยู่บ้าง
อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว พร้อมกับจับจ้องท่าทางระแวดระวังของเธอ
ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงจะเบี่ยงตัวไปอย่างเชื่องช้า ให้เธอออกจากลิฟต์ไป
ประตูลิฟต์ปิดลงอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นไปยังส่วนทำงานของประธานบริษัท
เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน อวี๋เยว่หานก็ดึงเน็กไทบนคอออกด้วยร้อนรน ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกว่ามีความกระวนกระวายสุมอยู่ในอก
ครั้นหลับตาลง ใบหน้าเท่าฝ่ามือของเหนียนเสี่ยวมู่ก็ลอยอยู่ตรงหน้าเขาตลอด
เธอเห็นเขา ก็เหมือนหนูเห็นแมว
ดวงอาทิตย์กับดอกไม้สด เข้ากันมาก!
อวี๋เยว่หานสาวเท้าเดินกลับไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำ ถึงจะข่มความรู้สึกอึดอั้นในหน้าอกไปได้
ขณะเตรียมตัวเริ่มงานนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผู้ช่วยถือเอกสารฉบับหนึ่งเดินก้าวขายาวๆ เข้ามา สีหน้าคร่ำเคร่งทีเดียว “คุณชาย พบประวัติของถานเปิงเปิงแล้วครับ!”
ตอนที่ 224 ความสัมพันธ์ของพวกเธอ
เมื่อพูดจบ บรรยากาศในห้องทำงานก็แข็งทื่อขึ้นมาทันควัน
ผู้ช่วยเดินมาข้างหน้า นำข้อมูลที่หามาได้วางลงตรงหน้าอวี๋เยว่หาน “ตระกูลถานเรียนหมอกันทั้งบ้าน บรรพบุรุษของถานเปิงเปิงแทบจะเป็นหมอกันหมด สืบค้นไปได้เกือบร้อยปี ในตระกูลมีหมอดังๆ อยู่หลายคน ตัวถานเปิงเปิงเองก็เป็นหมอที่มีฝีมือยอดเยี่ยมอยู่เหมือนกันครับ”
“…” อวี๋เยว่หานยื่นมือไปรับเอกสารมา ถือเป็นการบอกให้ผู้ช่วยพูดต่อ
“ตั้งแต่ถานเปิงเปิงเกิด เธอก็ถูกชักนำไปเดินอยู่บนหนทางทางการแพทย์ โตขึ้นก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชื่อดัง จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ทำการผ่าตัดที่โดดเด่นไว้ไม่น้อย ตอนนี้เป็นหมออยู่ในโรงพยาบาล…” ผู้ช่วยหยุดไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“คุณชายหาน ตระกูลถานไม่ได้เป็นแค่หมอกันทั้งบ้าน ยังเป็นครอบครัวใจบุญที่คนยอมรับนับถืออย่างมากด้วยครับ”
“ครอบครัวใจบุญ?” อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว ก่อนจะเลื่อนสายตาจากบนเอกสาร มามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
ผู้ช่วยพยักหน้า “ครับ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของถานเปิงเปิง ตามข้อมูลที่พวกเราหามาได้ หลังจากที่ถานเปิงเปงเรียนจบจากคณะแพทย์ฯ เธอก็ช่วยรักษาคนไข้ตลอด คนไข้หลายคนจ่ายค่ารักษาไม่ไหวด้วยเหตุผลต่างๆ เธอก็ช่วยออกให้ ว่ากันว่าเธอรู้จักกับเหนียนเสี่ยวมู่เพราะเหตุผลนี้ครับ”
“คุณหมายความว่า เหนียนเสี่ยวมู่เคยเป็นคนไข้ของเธอเหรอ” อวี๋เยว่หานหรี่ตาลง มีเงาดำพาดผ่านอยู่ในสายตาของเขา
“ครับ เพียงแต่พวกเราจะตรวจสอบไม่พบว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นอะไร คนไข้ที่ตระกูลถานเคยช่วย พวกเขาก็เก็บเป็นความลับทั้งหมดเลยครับ” ผู้ช่วยนึกอะไรบางอย่างได้ จึงเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน
“จริงสิ ผมเจอเหตุผลที่เหนียนเสี่ยวมู่ต้องการเงินแล้วนะครับ ถานเปิงเปิงช่วยเธอออกค่ารักษา ก็เลยเอาเงินค้ำประกันห้องของตัวเองมาจ่าย เหนียนเสี่ยวมู่เหมือนจะอยากใช้หนี้เธอคืนครับ”
“คุณจะบอกว่า ถานเปิงเปิงใช้เงินประกันทั้งหมดเพื่อเหนียนเสี่ยวมู่เหรอ” นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานดูล้ำลึกขึ้น
ใช้เงินประกันบ้านของตัวเอง เพื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
ถานเปิงเปิงคนนี้ ถ้าไม่ได้เห็นเงินเป็นของไม่มีค่าจริงๆ ก็คงจะมีเหตุผลอื่น
อวี๋เยว่หานพลิกเอกสารตรงหน้า หลังจากอ่านข้อมูลของตระกูลถานจนจบแล้ว เขาก็มีสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง
ผู้ช่วยอธิบายอย่างรวดเร็ว “เดิมทีผมก็รู้สึกว่าถานเปิงเปิงคนนี้แปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่หลังจากตรวจสอบแล้วถึงได้รู้ ว่าเธอไม่ใช่คนแรกที่ทำเรื่องแบบนี้ ทุกครั้งที่เจอคนไข้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ถานเปิงเปิงจะไม่ขี้เหนียว บรรพบุรุษตระกูลถานมีคนเคยทำเรื่องแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกันครับ”
ความห่วงใยที่ถานเปิงเปิงมีต่อคนไข้ เหมือนกับตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ตระกูลถานเป็นหมอกันทั้งบ้านจริงๆ
“ฐานะของถานเปิงเปิงไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยครับ ทุกเรื่องที่เธอทำตั้งแต่เกิดจนถึงทุกวันนี้ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่พบว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ผิดปกติกับเหนียนเสี่ยวมู่ เป็นหมอกับคนไข้ที่กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง”
ผู้ช่วยรายงานอย่างระมัดระวัง
เดิมทีพวกเขาอยากจะเจาะลึกประวัติของถานเปิงเปิง เพื่อสืบไปถึงฐานะของเหนียนเสี่ยวมู่
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ถานเปิงเปิงอาจจะไม่รู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการช่วยปกปิดฐานะของเธอเลย
ทว่าเป็นอย่างนี้ต่อไป ฐานะของเหนียนเสี่ยวมู่ก็จะกลายเป็นปริศนา
ผู้ช่วยเห็นอวี๋เยว่หานมีสีหน้าอมทุกข์ จึงลังเลอยู่หลายวินาที แล้วถึงเอ่ยปาก “คุณชาย คนที่ไปสืบข่าวบอกว่า ถานเปิงเปิงต้องจ่ายเงินประกันบ้านแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ถึงได้ร้อนเงิน น่าจะไม่อยากเห็นบ้านถูกขายลดราคา”
พูดอีกอย่างก็คือ ช่วงนี้เธอไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการเงินมากต่างหาก