หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 297 ตกใจหรือเปล่า ประหลาดใจหรือเปล่า / ตอนที่ 298 เขาโกรธเหรอ
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 297 ตกใจหรือเปล่า ประหลาดใจหรือเปล่า / ตอนที่ 298 เขาโกรธเหรอ
ตอนที่ 297 ตกใจหรือเปล่า ประหลาดใจหรือเปล่า
ในห้องสว่างจ้า
ไม่มีภาพวุ่นวายอย่างที่ทุกคนคิด และไม่มีใครมีท่าทางกระวนกระวายทำตัวไม่ถูก
จากประตูห้อง ไปจนถึงเตียงขนาดใหญ่ภายในห้อง ล้วนสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่
แต่จุดที่ห่างจากประตูไม่ถึงหนึ่งเมตร มีเงาร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานยืนอยู่อย่างเย่อหยิ่ง
เขาสวมเสื้อกันลมตัวยาว ขับเน้นให้เขาสูงโปร่งอย่างยิ่ง
เขาล้วงกระเป๋าเสื้อนอกด้วยมือข้างเดียว หันหน้ามาด้านข้างเล็กน้อย
ใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบทำให้ทุกคนอยากจะร้องกรี๊ดออกมาทันทีที่เห็น
แต่กลิ่นอายเฉยชาบนตัวเขา กลับทำให้ทุกคนมองและถอยหนี!
“คุ คุณชายหาน…”
ทุกคนตะลึงลานอยู่ที่หน้าประตู ดึงสติกลับมาไม่ได้ แม้จะผ่านไปนานแล้ว
ราวกับว่าคิดไม่ถึง ว่าเขาจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่
เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกถีบ เหนียนเสี่ยวมู่และเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างหลังเขาก็เดินมาข้างหน้า
หลังจากเห็นภาพตรงหน้า เฉินจื่อซินก็มีสีหน้าดำคล้ำขึ้นทันใด!
“พวกคุณมาจากสำนักข่าวไหน ตามข่าวจนต้องพังประตู ผมต้องแจ้งตำรวจให้มาจัดการไหม!”
ปกติเฉินจื่อซินมีรอยยิ้มอบอุ่นเสมอ จึงไม่ค่อยมีคนเห็นเขาโมโห
ดังนั้นพวกนักข่าวที่มาตามข่าวของเขา ถึงได้ใจกล้าหน้าด้านถึงขนาดนี้
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้สืบทอดของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า ฐานะและตำแหน่งสูงส่งทีเดียว
ตอนนี้เขามีสีหน้าบึ้งตึง ตำหนิอยู่สองคำ ทำเอานักข่าวหลายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เหล่านักข่าวรีบยิ้ม “รองประธานเฉิน เข้าใจผิดแล้ว เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ทุกคนเคาะประตูแต่ไม่มีใครตอบรับ เลยเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่อง ถึงได้พังประตู”
“ใช่ๆๆ พวกเราแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ!”
หลายคนพากันสนับสนุน
เฉินจื่อซินกลับไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้เขากังวลว่านักข่าวจะถ่ายรูปเขาอยู่ในห้องเดียวกับเหนียนเสี่ยวมู่ตามลำพัง กลัวว่าจะอธิบายได้ไม่ชัดเจน
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว!
เขาเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองนักข่าวตรงหน้าด้วยความเย็นชา
“เป็นห่วงผม? พวกคุณตามรอยผมมาแน่ๆ ถึงได้รู้แวลาที่ผมเข้าห้องได้ชัดเจนขนาดนี้ คิดจะถีบประตูถ่ายรูปเรื่องส่วนตัวของผมไปทำข่าวใหญ่ใช่ไหม”
“…” ข้างนอกประตูพากันเงียบกริบ
ไม่มีใครกล้าตอบ
นักข่าวหลายคนอยากหนี แต่อวี๋เยว่หานไม่พูดจา ทำให้พวกเขาไม่กล้าหนีไปด้วย
ได้แต่ยืนรอเฉินจื่อซืนสั่งสอนอยู่ข้างหน้าราวกับเด็กนักเรียน
เมื่อเฉินจื่อซินสั่งสอนจนพอใจ เขาถึงจะหันหน้าไปมองอวี๋เยว่หานผู้มีสีหน้าหม่นหมอง และตั้งใจพูดเสียงดังว่า “คุณชายหาน ทีแรกผมอยากนัดคุณกับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนมาคุยงานไตรมาสต่อไป คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณว่าจัดการยังไงดี”
อวี๋เยว่หานทำหน้าเย็นชาและไม่พูดจามาตั้งแต่ต้น
ใบหน้าเฉยชาเงยขึ้นเล็กน้อย ตรงที่นัยน์ตาสีดำมองไปนั้น เหมือนจะถูกแช่แข็งไปในทันที
นักข่าวหลายคนที่เมื่อครู่ดีใจ เพราะคิดว่าจะได้ข่าวใหญ่ ตอนนี้เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวแล้ว
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะถ่ายได้รูปดีๆ จำนวนหนึ่ง
ซูเปอร์ไวเซอร์สาวสวย คิดจะเคลมลูกค้าของตนเอง แถมยังเตรียมใช้เวลาอันเป็นสุขในยามค่ำคืนด้วยกัน…
ถ้าข่าวแบบนี้ออกมา จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่!
พวกเขาเห็นซูเปอร์ไวเซอร์สาวสวยแล้ว เฉินจื่อซินก็อยู่ใยห้อง แต่ไม่มีใครบอกพวกเขาว่า คุณชายหานก็อยู่ด้วย!
แถมมองทั้งสามคนอยู่ด้วยกันแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ดูเหมาะกว่าคุณชายหานมากกว่า
ทำไมคนที่ปล่อยข่าวบอกว่าเธอมีใจให้เฉินจื่อซินล่ะ
หลอกพวกเขาเล่นแท้ๆ เลย!
“คุณชายหาน พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พวกเราไม่รู้ว่าคุณก็อยู่ในห้อง…”
“พวกเราสำนึกผิดแล้ว พวกเราจะลบรูปทั้งหมดแน่นอน! รับรองว่าจะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก…”
ตอนที่ 298 เขาโกรธเหรอ
“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้! จะไปทันที!”
นักข่าวหลายคนไม่กล้าถามอีกว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นในห้องบ้าง เอาแต่รีบร้อนลบรูป แล้วหมุนตัววิ่งไป!
เหวินหย่าไต้ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน มองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอก
มือที่ตกอยู่ข้างลำตัวกำหมัดด้วยความไม่พอใจ!
เธอวางแผนรอบคอบขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
ขอแค่ให้นักข่าวเห็นเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ในห้องกับเฉินจื่อซินตามลำพัง พวกเขาล้างมลทินอย่างไรก็ไม่สะอาดแล้ว…
ทำไม ทำไมคุณชายหานถึงมาอยู่ที่นี่
เธอให้เพื่อนร่วมงานในแผนกกักตัวเขาอยู่ในร้านอาหารชัดๆ…
แต่เหวินหย่าไต้ไม่พอใจแค่ไหน ก็ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้
เมื่อเห็นนักข่าวหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต เธอก็รีบเดินออกมาจากกลุ่มคน ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
“คุณชายหาน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมอยู่ๆ มีนักข่าวมาเยอะขนาดนั้น รองประธานเฉินก็ด้วย เมื่อกี้คุณเมามากไม่ใช่เหรอคะ…”
คำถามของเหวินหย่าไต้ก็เป็นข้อสงสัยของทุกคนในที่นี้เช่นกัน
เมื่อเธอเอ่ยปาก ทุกคนก็จับจ้องไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ อวี๋เยว่หาน และเฉินจื่อซินทันที
“แค่ไวน์แดงไม่กี่แก้ว จะไปเมาจริงๆ ได้ยังไงล่ะครับ” เฉินจื่อซินยื่นมือจัดเสื้อผ้าบนตัวเล็กน้อย แล้วเดินไปข้างหน้า
ก่อนจะมองเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างนอก
“ผมตั้งใจนัดคุณชายหานมาคุยงานของไตรมาสต่อไป ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนตามหาเขาอยู่พ่อดี ก็เลยนั่งคุยอยู่ด้วยกันสักพัก ใครไปจะไปรู้ว่านักข่าวสมัยนี้เป็นบ้าไปแล้ว เคาะประตูไม่มีใครเปิด ก็กล้าจะพังเข้ามาซะอย่างนั้น!”
เฉินจื่อซินอธิบายสถานการณ์เมื่อครู่อย่างง่ายๆ แล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกับเพื่อนร่วมงานในแผนก
งานเลี้ยงดำเนินต่อไป
ทุกคนมีความสุขมาก ไม่มีใครสืบเสาะเรื่องเมื่อครู่อีก
มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่
ตั้งแต่กลับมาที่ร้านอาหาร เธอก็ไม่สบายใจอยู่ตลอด
ในหัวของเธอมีแต่ภาพตอนที่เธอพุ่งไปที่ระเบียง เตรียมตัวจะกระโดดลงไป
ขณะที่นักข่าวขวางอยู่ที่หน้าประตูกับทุกคน อวี๋เยว่หานก็เข้ามาในห้องข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เงาร่างสูงโปร่งแทรกซึมเข้ามาในยามค่ำคืน ผู้ชี้ขาดแห่งรัตติกาล
ร้ายกาจ เย็นชา
ตอนนั้นเธอคิดว่าตนเองตาฝาดไป แต่เฉินจื่อซินแย่งลงไปก่อน จึงลืมไปว่าจะพูดอะไร
เธอตะลึงลานอยู่บนระเบียงห้องข้างๆ ราวกับเงาร่างของเขาเป็นภาพลวงตา
จนกระทั่งมองเห็นสองมือของเขายันอยู่บนราวระเบียง แล้วพลิกตัวข้ามมา…
ท่วงท่าอันร้ายกาจนั้น ทำเอาเธอเกือบมองไม่ทัน
ขณะที่เธอดึงสติกลับมาได้ เขาก็ยืนอยู่ข้างหน้าเธอเหมือนเทพบุตรแล้ว
กลิ่นอายของความมีอำนาจปกคลุมตัวเธอ มือใหญ่พลันกดหัวของเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น”
ตอนนั้นสมองของเธอขาวโพลนไปหมด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองพูดอะไรกับเขาไปบ้าง
หลังจากได้ยินเขาพูดว่า ‘โง่’ ออกมาคำหนึ่ง เขาก็เดินไปข้างหน้าเฉินจื่อซิน พูดกับอีกฝ่ายสองสามครำด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นถึงสาวเท้าเดินไปยังประตูห้องที่ใกล้จะถูกถีบออกเต็มที…
จากนั้นนักข่าวก็มีสีหน้าตกใจจนอึ้งงันไปทันทีที่ถีบประตูออก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็อดเงยหน้าขึ้น ลอบมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าตนเองครั้งหนึ่งไม่ได้
เธอมีคำถามอยู่มากมายแท้ๆ แต่เมื่อสบสายตาของเขา เธอก็กลัวจนต้องเลื่อนสายตาหนี
อวี๋เยว่หานยืน ส่วนเธอไม่กล้านั่ง ทั้งคืน
ครั้นอวี๋เยว่หานนั่งลง เธอก็ยังไม่กล้านั่ง
เธอรู้สึกราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง แต่ละวินาทีทรมานเหมือนสิบนาที
จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้จบลง เขาถึงจะลุกขึ้น เดินออกไปข้างหน้า
อยู่ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าในระยะห่างช่วงหนึ่ง แล้วหันหน้ามองเหลือบมองเธอ “ยังไม่ไปเหรอ”