หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 653 อย่างน้อยก็มีลูกให้ตระกูลอวี๋ / ตอนที่ 654 ในที่สุดก็มีคนฉลาด!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 653 อย่างน้อยก็มีลูกให้ตระกูลอวี๋ / ตอนที่ 654 ในที่สุดก็มีคนฉลาด!
ตอนที่ 653 อย่างน้อยก็มีลูกให้ตระกูลอวี๋
เสียงของเธอแหลมมาก ฟังแล้วบาดหู
ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยินอย่างนั้นแหล่ะ ไม่เพียงแต่ตะโกนออกมาเท่านั้น แต่สายตาก็ยังเอาแต่จ้องไปที่มือที่กำลังจับกันอยู่ ราวกับอยากจะเข้าไปจับมันแยกออกจากกัน
ทายาทสายตรงของตระกูลอวี๋มีน้อยมาก
พอมาถึงรุ่นของอวี๋เยว่หาน ก็มีเขาเป็นผู้สืบทอดคนเดียว
อวี๋ฮุยเหวยเป็นลูกนอกสมรสที่ถูกรับเข้ามาเลี้ยงทีหลัง ในสายตาของคนอื่นในตระกูล เขาไม่มีความสำคัญอะไรเท่าไหร่
ดังนั้นตอนนี้ ญาติผู้ใหญ่ในตระกูลอวี๋ต่างก็คาดหวังในตัวของอวี๋เยว่หานเป็นอย่างมาก
คาดหวังว่าเขาจะพาบริษัทตระกูลอวี๋ให้ก้าวไปอีกระดับได้
หากเป็นแบบนั้น หุ้นและกำไรที่อยู่ในมือของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่ถ้ายอมให้อวี๋เยว่หานแต่งงานกับตัวกาลกิณีคนนี้ขึ้นมาจริงๆ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนที่ต้องลำบากไม่ได้มีแค่คนเดียว!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ขนาดเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ได้แต่งเข้ามา ด้านนอกก็เกิดคลื่นใหญ่ขนาดนี้แล้ว
ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่รอดูเรื่องน่าขำของตระกูลอวี๋อยู่……
“เรื่องอื่นก็แล้วไป แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ควรให้ความสำคัญกับมันหน่อยไม่ใช่เหรอ” คนที่เอ่ยพูดออกมาก่อน คือผู้ที่มีศักดิ์เป็นลุงคนหนึ่งในห้องรับแขกที่ดูแล้วอายุพอๆ กับอวี๋ฮุยเหวย
สิ้นเสียง เขาก็เดินไปด้านหน้าพร้อมกับอวี๋ฮุยเหวย มองสำรวจไปยังเหนียนเสี่ยวมู่อย่างไม่เป็นมิตร
หน้าตาดี แต่ก็เพราะว่าสวยเกินไปจึงเป็นเรื่องที่ไม่ดี!
ใครจะรู้ว่าเธอใช้หน้าตาที่สวยงามที่ยั่วยวนให้อวี๋เยว่หานหลงเสน่ห์หรือเปล่า ทำให้เขาขาดสติในการตัดสินใจเรื่องพื้นฐานแบบนี้
กล้าไม่สนใจธุรกิจของตระกูลอวี๋เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว
ถ้าเกิดแต่งงานกันขึ้นมาจริงๆ หลงหัวปรักหัวปรำ ตระกูลอวี๋ของพวกเขาไม่จบสิ้นหมดเหรอ
ไม่โดนเธอนำหายนะมาให้ ก็โดนเธอทำลาย
“ผู้หญิงคนนี้ ฉันไม่เห็นด้วย!”
เมื่อมีคนแรกเอ่ยพูด คนต่อๆ ไปต่างก็เอ่ยเสริมขึ้น
เดิมทีทุกคนกลัวว่าอวี๋เยว่หานจะโมโห
จึงหาคนเป็นเกราะกำบัง เมื่อมีคนยืนเป็นที่กำบังให้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก ต่างเอ่ยโน้มน้าวชายหนุ่ม
“เดิมทีฉันก็ไม่ชอบชาติกำเนิดของเธออยู่แล้ว ผู้หญิงที่ไม่รู้แม้แต่อดีตของตัวเอง จะคู่ควรกับการเป็นนายหญิงของตระกูลอวี๋ได้ยังไง”
“ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ตระกูลอวี๋ขอเรามีธุรกิจมากมายขนาดนี้ ต่างก็ต้องระวังในทุกๆ เรื่อง เธอมีแค่หน้าตาที่ดูดี มันกินได้หรือไง ต่อไปหากเธอต้องดูแลคฤหาสน์ตระกูลอวี๋หลังนี้จริงๆ เกรงว่าเธอคงทำได้ไม่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นๆ ของตระกูลอวี๋เลย”
“นั่นสิ อีกอย่างการที่คนเราคบกันก็เหมือนกับการทำธุรกิจ ดูว่าเหมาะสมราบรื่นหรือเปล่า เธอดูสิ ข่าวการหมั้นเพิ่งออกไป ก็วุ่นวายโกลาหลไปหมด ตอนนี้ขนาดหุ้นของบริษัทยังโดนหางเร่ไปด้วยเลย เยว่หานเอ้ย หลานเป็นประธานบริษัท เรื่องนี้หลานไม่สนใจไม่ได้นะ!”
“สำหรับฉันนะ เธอไม่มีประโยชน์อะไรกับตระกูลอวี๋เลยแม้แต่นิดเดียว ขนาดแม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่วที่หายตัวไปยังดีกว่าเธอเลย อย่างน้อยก็มีลูกให้ตระกูลอวี๋ของเรา เธอล่ะ ยังไม่ทันแต่งเข้าตระกูล ก็มีแต่ข่าวคาวคุ้งเต็มไปหมด!”
“……”
ทุกคนต่างล้อมอยู่ที่บันได ผลัดกันพูดจนทำให้เหนียนเสี่ยวมู่ดูไร้ค่าไปเลย
ราวกับเธอเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่อาศัยแต่หน้าตา
นอกจากเป็นดอกไม้ประดับแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น
เฉิงซิวลู่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองแค่เริ่มประเด็นแล้วทุกคนต่างก็ร่วมกันโจมตีเหนียนเสี่ยวมู่ ในใจก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก!
ผู้หญิงแพศยา
ตอนแรกเป็นแค่นางพยาบาลแต่กลับมาทำลายแผนการของเธอ
คิดว่าพอบินไปเกาะกิ่งไม้สูงแล้วจะกลายเป็นหงส์บินไปบนท้องฟ้าได้เหรอ
วันนี้เธอจะสั่งสอนให้รู้ว่าอะไรคือความฝันลมๆ แล้งๆ
“พวกคุณอย่าพูดไปเลย ตอนแรกที่เหนียนเสี่ยวมู่อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ได้ก็เพราะอาศัยเสี่ยวลิ่วลิ่วนี่แหล่ะ ใครรู้ว่าเธอใช้วิธีอะไรทำให้เสี่ยวลิ่วลิ่วต้องการให้เธอดูแลคนเดียว”
ตอนที่ 654 ในที่สุดก็มีคนฉลาด!
เฉิงซิ่วลู่ยกมือสองข้างกอดอก เดินเข้าไปเยาะเย้ย
“กลัวว่าจะมีบางคน คิดการใหญ่นึกว่าการที่ได้ดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่วก็จะกลายเป็นแม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่วได้!”
สิ้นคำพูดของเฉิงซิ่วลู่ สีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปในทันที
เรื่องนี้ไม่ต้องให้พวกเขาพูด เฉิงซิ่วลู่ก็แจกแจงมันออกมาหมดแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่ใช้ประโยชน์จากเด็กคนหนึ่งเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับอวี๋เยว่หาน เป็นผู้หญิงที่หวังจะกอบโกยสมบัติของตระกูลอวี๋
ผู้หญิงแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาเป็นนายหญิงของตระกูลอวี๋
คงไม่อาจทำให้คนอื่นหัวเราะได้ทีหลังว่า ผู้นำตระกูลของพวกเขาเป็นคนโง่ที่โดนผู้หญิงปั่นหัวเล่น ขนาดงานพยาบาลยังต้องอาศัยหน้าตาเพื่อที่จะได้มาเลย……
“พี่ใหญ่ พี่ยังนั่งอยู่ได้อีกเหรอ พี่เป็นลุงใหญ่ของเยว่หาน พี่ต้องโน้มน้าวเขาสิ!”
ไม่รู้ว่าใครเอ่ยขึ้นมา สายตาของทุกคนต่างมองไปที่ชายวัยกลางคนที่อายุมากที่สุด
ผมของชายวัยกลางคนนั้นเริ่มมีสีขาวบางส่วน
มองดูแล้ว น่าจะอายุประมาณห้าสิบกว่าๆ
ท่าทางดูมีฐานะ มองแล้วดูภูมิฐานหนักแน่นแต่ก็ดูมีบารมีน่าเกรงขาม
ในบรรดาผู้ใหญ่ในตระกูลอวี๋ เขาเป็นลุงที่มีฐานะสูงที่สุด
เปรียบเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว เขาดูนิ่งที่สุด
“เยว่หานโตแล้ว เขาไม่ใช่เด็กเล็กๆ ฉันเชื่อว่าเขามีการตัดสินใจของตัวเอง พวกแกนั่นแหล่ะ เอะอะโวยวายจะให้ฉันมาด้วยให้ได้ เห็นพวกแกโวยวายกันแบบนี้ไม่กลัวเสียภาพลักษณ์บ้างหรือไง”
พอเขาพูดออกไป ทุกคนก็ทำสีหน้าไม่ถูก
“พี่ใหญ่ ที่พวกเราพาพี่มาด้วยก็เพราะหวังดีกับเยว่หาน อยากให้พี่ช่วยพูดเตือนเขาสักหน่อย ทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลยล่ะ”
“นั่นน่ะสิ ตอนนี้พวกเราไม่ได้มาบ่นโวยวายอะไร แต่เป็นห่วงว่าเยว่หานจะเด็กเกินไปแล้วจะโดนหลอกเอาได้!”
“ใช่ๆ เมื่อกี้ทุกคนก็ได้ยินแล้วนิ ผู้หญิงคนนี้เป็นจิ้งจอกที่หลอกใช้ได้แม้กระทั่งเด็ก ต้องไม่ได้ดูเรียบร้อยเหมือนหน้าตาแน่ๆ……”
“ปัง”
มีเสียงดังสนั่นมาจากตรงหน้าบันได
คนในบริเวณนั้นยังไม่ทันจะได้สติว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นว่ากระถางดอกไม้ที่สูงเกือบๆ เท่าคนครึ่งร่างที่อยู่ตรงบันไดทั้งสองข้างถูกคนถีบคว่ำลงไป
กลิ้งตกไปบนพื้น แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
เซรามิกที่แตกกระจายลอยกระเด็นไปยังกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่
ทำเอาทุกคนต่างตกใจร้องออกมา เอามือกุมศีรษะกันใหญ่
มีคนกำลังจะถามออกมาว่าใครไม่มีตาไปเตะโดนกระถาเข้า ก็ได้ยินน้ำเสียงเยือกเย็นของอวี๋เยว่หานดังมาจากหัวบันได
“พูดพอหรือยัง!”
คำง่ายๆ สองสามคำ ทำเอาบรรยากาศภายในห้องรับแขกดูกดดันขึ้นมาทันที
ใบหน้าสง่างามราวมังกร ปกคลุมไปด้วยความเคร่งขรึม
สายตาเย็นชากวาดมองช้าๆ ไปยังทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขก
นัยน์ตาขุ่นมัวนั่น ราวกับว่าหากคนที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ไม่ใช่ญาติของเขา ก็คงจะกลายเป็นศพไปตั้งนานแล้ว
ลุงสองสามคนที่อยากจะบอกว่าทำไปเพราะหวังดีกับเขา แต่เมื่อสายตาเหลือบไปมองดูกระถางที่แตกละเอียดอยู่บนพื้น ต่างก็รีบกลืนคำพูดที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากไปในทันที
แม้ว่าอวี๋เยว่หานจะเย็นชากับคนอื่น แต่เขาเคารพนอบน้อมกับลุงอย่างพวกเขาเสมอ
น้อยครั้งมากที่พวกเขาจะเห็นท่าทายามโกรธของอวี๋เยว่หาน
ตอนนี้มองดูสีหน้าของเขา ผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ไม่กล้าพูดไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่มีความคิดเห็น
เฉิงซิ่วลู่เห็นว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไร ก็อาศัยความที่ตัวเองเป็นอาสะใภ้แท้ๆ ของอวี๋เยว่หาน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ตอนนี้คนที่ว่าเธอเป็นตัวกาลกิณีไม่ใช่คนตระกูลอวี๋ของเราเสียหน่อย เธอมาโมโหเอากับพวกเรา ก็หยุดพวกที่ด่าทออยู่ข้างนอกไม่ได้หรอก!”
สิ้นคำพูด สายตาคมกริบของอวี๋เยว่หานก็กวาดมองไปยังเธอ