หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 659 นายหญิงประจำตระกูลอวี๋ / ตอนที่ 660 สวัสดี นี่คือหลานสะใภ้ของฉัน
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 659 นายหญิงประจำตระกูลอวี๋ / ตอนที่ 660 สวัสดี นี่คือหลานสะใภ้ของฉัน
ตอนที่ 659 นายหญิงประจำตระกูลอวี๋
สิ้นคำพูด ร่างของเฉิงซิ่วลู่ก็สั่นเทิ้ม
ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้สติก็รีบพุ่งไปด้านหน้า จับไม้เท้าของคุณนายใหญ่อวี๋เอาไว้แล้วคุกเข่าลง
“แม่ ที่หนูทำทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับตระกูลอวี๋นะคะ หนูกลัวว่าเยว่หานจะโดนหลอก ก็เลยรีบร้อนพูดแบบนั้นออกไป!”
เฉิงซิ่วลู่พยายามบีบน้ำตาให้ไหลออกมาสองหยด รีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างร้อนรน
“ต่อให้เหนียนเสี่ยวมู่จะเป็นแม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่วจริงๆ แต่พอเธอท้องลูกของเยว่หาน ทำไมถึงไม่ยอมปรากฏตัวออกมาตั้งหลายปี……เรื่องพวกนี้ พวกเราต่างก็ไม่มีใครรู้ จู่ๆ เธอก็มาปรากฏตัวที่ตระกูลอวี๋ของเรา ไม่แน่อาจจะมีเป้าหมายอะไรก็ได้ ในอินเตอร์เน็ตต่างก็บอกว่าเธอเป็นตัวกาลกิณีทำให้พ่อแม่ของตัวเองตาย ไม่น่าว่าในอนาคตอาจทำให้เยว่หานลำบาก……”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
คุณนายใหญ่อวี๋กวาดมือสะบัดตัวของเฉิงซิ่วลู่ให้หลุดออกไป
ยกไม้เท้าขึ้นตีไปที่หัวไหล่ของเธอ
“โอ้ยยย”
ตีอย่างไม่ออมแรง ทำเอาเฉิงซิ่วลู่เจ็บจนต้องร้องออกมา กุมหัวไหล่เอาไว้แล้วกลิ้งไปบนพื้น
อวี๋ฮุยเหวยอยากจะเข้าไปประคอง แต่โดนคุณนายใหญ่อวี๋จ้องเขม็ง
จึงได้แต่มองดูเฉิงซิ่วลู่ที่โดนตีอยู่ที่เดิมไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมา
คุณนายใหญ่อวี๋โบกไม้เท้าไปรอบๆ กวาดตามองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน จากนั้นก็ค่อยๆ ลดไม้เท้าลง
แววตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
“แต่ไหนแต่ไรมาตระกูลอวี๋ของเราเข้มงวดกับกฎของตระกูลมาก สามัคคีกันในครอบครัว เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง การเป็นตระกูลสูงศักดิ์อันดับหนึ่งของเมืองเอช ข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลเรามีน้อยนักหรือไง ข่าวลือในอินเตอร์เน็ตทำให้พวกแกว้าวุ่นกันได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พวกแกโง่จริงๆ หรือว่ามีคนคอยยุแยงกันแน่ ใช้สมองของพวกแกคิดดูให้ดีๆ!”
“……”
สิ้นคำพูดของคุณนายใหญ่อวี๋ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นสงสัยในทันที
ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ มองไปทางเฉิงซิ่วลู่เป็นตาเดียว
ที่พวกเขามาอยู่กันที่นี่ ล้วนเป็นเพราะถูกอวี๋ฮุยเหวยกับเฉิงซิ่วลู่ยุแยง!
คุณนายใหญ่อวี๋มองปราดเดียวก็เข้าใจในทันที
ถือไม้เท้าเดินไปยังเฉิงซิ่วลู่
เฉิงซิ่วลู่กลัวจนคลานหนีอย่างล้มลุกคลุกคลาน ไปเกาะอยู่ที่เท้าของอวี๋ฮุยเหวย
“ตอนนี้กลัวเป็นแล้วเหรอ ตอนที่ยุแยงทำให้คนในตระกูลอวี๋แตกแยก ทำไมไม่นึกถึงผลลัพธ์!”
คุณนายใหญ่อวี๋ใช้ไม้เท้าเคาะไปที่ศีรษะของเฉิงซิ่วลู่น้ำเสียงข่มขู่
“ตระกูลอวี๋ของเราพูดคำไหนคำนั้น ถ้าวันนี้เธอไม่ตัดคอของเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ในตระกูลอวี๋อีกต่อไป!”
สิ้นเสียงของคุณนายใหญ่อวี๋ พ่อบ้านก็โยนมีดไปที่ปลายเท้าของเฉิงซิ่วลู่ด้วยความ ‘หวังดี’
เฉิงซิ่วลู่ตกใจกลัวไปทั้งร่าง
กอดขาของอวี๋ฮุยเหวยไว้แน่น “ฮุยเหวย คุณช่วยฉันด้วย ช่วยฉันเร็วสิ ฉันไม่อยากตาย……ฉันเป็นเมียคุณนะ คุณห้ามดูฉันตายไปโดยไม่ช่วยสิ……”
วินาทีต่อมา ก็เป็นลมหมดสติไปด้วยความตกใจกลัว
“นึกว่าจะเก่งกาจขนาดไหน ก็แค่ขยะไร้ค่าน่ารำคาญใจ!” แววตาเป็นประกายมีอายุหรี่เล็กลง กวักมือให้พ่อบ้านเรียกคนมาลากตัวเธอออกไป
“พอเธอตื่น เก็บของให้เธอแล้วให้เธอย้ายออกจากตระกูลอวี๋ไป”
ทำเอาอวี๋ฮุยเหวยเดือดร้อนต้องย้ายตามออกไปด้วย
ย้ายไปอยู่บ้านตระกูลอวี๋แถบชาญเมือง
“ฉันแก่แล้ว” คุณนายใหญ่อวี๋ถอนหายใจแล้วพูดออกมา “มีเรื่องมากมายในตระกูลอวี๋ที่ฉันดูแลไม่ไหวแล้ว ทำได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ว่าถ้ามีใครกล้ามารังแกหลายชายกับหลานสะใภ้ของฉัน คนแก่อย่างฉันก็จะลากสังขารมาจัดการกับมันอย่างถึงที่สุด!”
คุณนายใหญ่อวี๋หมุนตัวเดินไปหยุดตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่
จับมือของเธอเอาไว้ พูดออกมาทีละคำ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เสี่ยวมู่มู่ก็คือนายหญิงของตระกูลอวี๋ของเรา!”
ตอนที่ 660 สวัสดี นี่คือหลานสะใภ้ของฉัน
สิ้นคำพูดของคุณนายใหญ่อวี๋ ภายในห้องรับแขกก็ส่งเสียงดังกันอื้ออึ้งไปหมด
ขนาดเหนียนเสี่ยวมู่ที่โดนจูงมือเอาไว้ ยังมีสีหน้าตกตะลึงเลย
คำพูดนี้ ปกติคุณนายใหญ่อวี๋ก็ชอบพูดกับเธอเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าการพูดกับเธอสองคนกับการพูดต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งหมดของตระกูลอวี๋แบบนี้ มันมีความหมายไม่เหมือนกันนะ
พูดต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกคนแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการประกาศยอมรับว่าเธอเป็นภรรยาของอวี๋เยว่หานแล้ว
แต่ว่าพวกเธอยังไม่ได้หมั้นกันเลยด้วยซ้ำ……
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นอย่างตระหนักอะไรได้ เป็นดังที่คาดจริงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายใหญ่อวี๋ คนที่ตะลึงไปก็มี คนที่งงงวยไปก็มี แต่ที่ไม่มีเหมือนกันก็คือการยอมรับ
ทุกคนต่างขมวดคิ้วแน่น เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
ตระกูลอวี๋ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน สะใภ้ที่ยังไม่ทันแต่งเข้าตระกูลจะเป็นนายหญิงของตระกูลได้อย่างไร
อีกอย่าง ฐานะของเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ชัดเจน
ยังคงมีความวุ่นวายอยู่กับตระกูลสิง
ถ้าเกิดให้เธอกลายมาเป็นนายหญิงของตระกูลอวี๋ตอนนี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ก็เท่ากับเป็นการให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะตระกูลอวี๋น่ะสิ
มันเสี่ยงเกินไป!
คุณนายใหญ่อวี๋ตกลงแล้ว แต่ว่าพวกเขาที่อยู่ในที่นี้ไม่อาจยอมรับได้
“คุณนายใหญ่ เราไม่ยุ่งเรื่องการหมั้นก็ได้ แต่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ได้แต่งเข้ามาในตระกูลอวี๋อย่างเป็นทางการ เรื่องการเป็นนายหญิงของตระกูล มันเร็วไปหน่อยไหมครับ”
“คุณชอบเธอ ก็ให้เธอหมั้นกับอวี๋เยว่หานไป รอให้เธอแต่งงานกับอวี๋เยว่หานก่อน เรื่องตำแหน่งนายหญิงนี่ยังไงก็ต้องตกเป็นของเธออยู่แล้ว จะต้องรีบร้อนไปทำไมครับ”
“เรื่องในวันนี้ พวกเราผิดเอง แต่ว่าเราก็ไม่ควรแหกกฎของตระกูลนะ สะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งงานเข้ามา จะรับตำแหน่งนายหญิงได้ยังไงกัน……”
“ใช่ๆ พวกเราก็เห็นด้วย”
“……”
ได้ยินแต่เสียงคัดค้านดังอยู่รอบๆ ตัว
เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองคุณนายใหญ่อวี๋ ใบหน้าของหญิงชรามีแววเคร่งเครียด ไม่ส่อแววว่าจะยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ค้ำยันไม้เท้า เหยียดตัวตรง ยืนอยู่ด้านหน้าของคนทั้งหมด
ดวงตาทอแสงกวาดตามองไปยังทุกคน
“แค่ก แค่ก”
เธอไอออกมาสองสามที ภายในห้องรับแขกต่างนิ่งเงียบไปในทันที
ทุกคนต่างยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัว มองไปทางหญิงชราอย่างตื่นเต้น
ยังอยากจะเอ่ยโน้มน้าวอะไรอีกสองสามคำ แต่คุณนายใหญ่อวี๋ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเสียก่อน แล้วชี้ไปยังอวี๋เยว่หาน
“นี่หลานชายของฉัน”
จากนั้นมือที่ชี้ก็เลื่อนไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ “นี่ก็หลานสะใภ้ที่ฉันยอมรับ”
ทุกคน “……”
พวกเขารู้แล้ว
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
ไม่รู้ว่าคุณนายใหญ่อวี๋หมายความว่าอะไร
วินาทีต่อมา คุณนายใหญ่อวี๋ก็ให้เหนียนเสี่ยวมู่ประคองเธอไปนั่งที่โซฟา
รินชาให้เธอ
ทุกคนต่างร้อนใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเร่ง
ทำได้แต่รอให้เธอดื่มชาจนเสร็จ คิ้วกระตุกขึ้น
“ในเมื่อพวกแกก็รู้ว่า หลานชายคือของฉัน หลานสะใภ้ก็ของฉัน อย่างนั้นก็ช่วยเก็บความฉลาดรู้มากของตัวเองเอาไว้ให้ดี ต่อไปเรื่องของเหนียนเสี่ยวมู่ก็คือเรื่องของตระกูลอวี๋ ฉันจะให้ทุกคนได้รับรู้ว่าตอนนี้เธอคือนายหญิงของตระกูลเรา ใครกล้ารังแกเธอก็เท่ากับหาเรื่องตระกูลอวี๋ของเรา!”
คุณนายใหญ่อวี๋สูดลมอย่างโมโห วางแก้วชาลงอย่างแรง
เงยหน้าขึ้นอย่างโมโห
“ที่วันนี้ฉันประกาศข่าวนี้กับพวกแกไม่ได้เพื่อถามความเห็น แต่เป็นการบอกให้รู้เฉยๆ”
ทุกคน “……” !!
“พวกคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ เหนียนเสี่ยวมู่ก็จะเป็นนายหญิงของตระกูลเราอยู่ดี ถ้าอยากทำเพื่อตระกูลอวี๋จริงๆ ก็เก็บความรู้มากของตัวเองเอาไว้แล้วใช้มันกับคนนอก!”