หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 761 น่าจะอกหัก / ตอนที่ 762 จำต้องทำ
ตอนที่ 761 น่าจะอกหัก
“หรือว่ามีปัญหาเรื่องงานเพราะปกติคุณชายหานก็เข้าบริษัทเช้าอยู่แล้ว แต่แค่ไม่ได้ยืนอยู่ชั้นล่างให้พวกเราเห็นแค่นั้นเอง ทุกคนอย่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเลย”
“……”
ยังมีคนที่มีวิจารณญาณไม่กี่คนออกมาควบคุมสถานการณ์เป็นครั้งคราว ทิศทางการคาดเดาของทุกคนโดยรวมแล้วยังถือว่าปกติ
แต่เหนียนเสี่ยวมู่เพ่งไปที่ประโยคนั้นที่ว่า “หรือว่าจะทะเลาะกับคู่หมั้นตัวเอง?” อยู่นานกว่าจะรู้สึกตัว
เธอคิดว่าการที่เธอเจอเขาเป็นเรื่องบังเอิญ
ตอนนี้เนื้อหาในอินทราเน็ตภายในบริษัทกำลังบอกเธอว่าเขาตั้งใจยืนอยู่ล่างตึก
เขากำลังรออะไร?
หรือจะบอกว่าเขากำลังรอใคร?
เธอรู้ว่าเธอไม่ควรคาดหวัง แต่มีอะไรบางอย่างกำลังปั่นป่วนอยู่ในอก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
หางตาเหลือบไปเห็นอาหารเช้าบนโต๊ะ คว้ามันมา แกะออกจากถุงแล้วเอาแซนด์วิชยัดเข้าปาก
เมื่อวานเธอไม่ได้กินข้าวก็เลยหิว
เธอจึงตั้งใจซื้ออาหารเช้าชุดใหญ่ ตอนแรกตั้งใจจะกินรองท้อง แต่ตอนนี้มีความสามารถใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือกินปลอบขวัญ!
หลังจากที่กินอาหารเช้าสำหรับสองคนเสร็จแล้วก็กินนมเปรี้ยวเพิ่มอีกหนึ่งขวด
“เอิ๊กกก——”
เหนียนเสี่ยวมู่อดที่จะเรอไม่ได้
เธอทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้และกำลังจะดูว่ามีภาพของอวี๋เยว่หานอยู่ในอินทราเน็ตหรือไม่ เพิ่งจะปัดดูไม่ถึงสองครั้งก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“เชิญ” เหนียนเสี่ยวมู่นั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยพร้อมกับเอ่ยปาก
เลขาผลักประตูเข้ามา
ในมือยังถือแฟ้มเอกสารอยู่หลายชุด
“ผู้จัดการเหนียน นี่เป็นเอกสารของแผนกเราที่ต้องไปส่งห้องทำงานท่านประธานวันนี้ คุณลองดูซิว่ามีปัญหาอะไรไหม”
“วางไว้ก่อน” เหนียนเสี่ยวมู่แสดงท่าทางให้เลขาเอาแฟ้มวางไว้ตรงหน้าตัวเอง ขณะที่กำลังจะหยิบแฟ้มขึ้นมาอ่านก็พบว่าปกติหลังจากส่งรายงานการทำงานเสร็จ เลขาจะรีบออกไปทันที แต่ตอนนี้เธอกลับทำหน้าอยากรู้อยากเห็นอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนไม่อยากออกไป
มือที่หยิบแฟ้มชะงักไปชั่วขณะพลางขมวดคิ้ว
“ยังมีอะไรอีก?”
เมื่อเลขาได้ยินเธอเอ่ยปากออกมาก่อน เธอจึงรีบโผไปข้างหน้าและคว่ำตัวอยู่บนโต๊ะด้วยตาแววตาที่เป็นประกาย
“ผู้จัดการเหนียน คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าวันนี้คุณชายหานเป็นอะไร?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่จ้องเลขาผู้อยากรู้อยากเห็นอยู่สักพัก
ด้วยจิตวิญญาณอันโง่เขลาของตัวเองไม่สู้ให้ทุกคนมาโง่ด้วยกันเสียดีกว่า เหนียนเสี่ยวมู่ค่อยๆวางแฟ้มที่อยู่ในมือลง
พูดออกมาทีละคำ
“น่าจะอกหักน่ะ”
“อะไรนะ?!” เลขาตกใจอ้าปากค้างพอที่จะกลืนไข่ได้ทั้งลูก
สายตาเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยความโมโห “ให้ตายเถอะ พ่อเทพบุตรของฉัน ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้แตะต้องเลยด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนคว้าไปซะแล้ว แล้วยังทิ้งๆขว้างๆอีกต่างหาก!”
ตอนที่กำลังจะถามเหนียนเสี่ยวมู่ว่าผู้หญิงตาถั่วคนนั้นเป็นใครอย่างไม่พอใจ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เอ่ยถามออกมาก่อน
“เลขาห่าว คุณมีเพื่อนที่ทำงานอยู่บริษัทสายการบินไหม?”
“…” เลขานิ่งไปสักพักแล้วพยักหน้า “มีค่ะ เพื่อนสนิทฉันอยู่บริษัทสายบิน ทำงานอยู่ฝ่ายบริหารเล็กๆคนหนึ่ง ผู้จัดการเหนียนมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“รบกวนคุณช่วยสอบถามข่าวของคนคนหนึ่งให้ฉันหน่อยได้ไหม? เพื่อนฉันคนหนึ่งหายตัวไปตอนที่ขึ้นเครื่องบิน” เหนียนเสี่ยวมู่ลังเลได้สักพักก่อนจะเอ่ยถาม
ทันทีที่พูดออกมาก็รีบพูดเสริม
“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร…”
“เปล่าค่ะ! แค่สอบถามเอง ทำไมจะไม่สะดวกล่ะคะ” เลขาตอบตกลงอย่างรวดเร็วพลางหยิบปากกาออกมาเตรียมจะจดชื่อ
เมื่อเห็นชื่อที่เหนียนเสี่ยวมู่เขียนไว้บนกระดาษ หน้าเลขาก็ดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด
“ถานเปิงเปิง? ชื่อนี้ ดูเหมือนฉันจะเคยได้ยิน…”
ตอนที่ 762 จำต้องทำ
“คุณเคยได้ยินชื่อนี้ด้วยเหรอ?” ทันทีที่เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินที่เลขาพูด เธอก็เงยหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เลขาพยักหน้า “ค่ะ ชื่อนี้ฟังดูแปลกมาก คนที่เคยได้ยินก็น่าจะจำได้ ฉันจำได้แล้ว เพื่อนของคุณใช่คนที่หายสาบสูญจากอุบัติเหตุทางเครื่องบินหรือเปล่าคะ?”
“……”
ความประหลาดใจนัยน์ตาเหนียนเสี่ยวมู่เปลี่ยนเป็นมืดมนลงทันใด
เดิมทีเธอคิดว่าจะมีคนเคยพบถานเปิงเปิงโดยบังเอิญบ้างหรือไม่ หรือบอกเธอว่าถานเปิงเปิงอาจจะไม่ได้อยู่บนเที่ยวบินที่เกิดอุบัติเหตุ
แท้ที่จริงแล้วแค่เคยเห็นรายชื่อผู้เคราะห์ร้าย…
เหนียนเสี่ยวกลับมามีสติและพยักหน้าเล็กน้อย “อืม เธอกลับมาจากการไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศน่ะ ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ตอนนี้ยังขาดการติดต่อ”
“ถานเปิงเปิง…” เลขาอ่านชื่อบนกระดาษอีกครั้ง เธอหรี่ตาลงคล้ายกับระลึกความทรงจำ
ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเหนียนเสี่ยวมู่
“เหมือนกับว่าเพื่อนรักฉันจะเคยพูดถึงชื่อนี้ ตอนนั้นเครื่องบินมาช้า ทุกคนต่างก็รอกันอยู่ แต่มีแค่แขกท่านนี้ที่ดูกระสับกระส่าย เธอถามพนักงานอยู่หลายครั้งว่าพอจะขึ้นเครื่องเร็วหน่อยได้ไหม แล้วก็เอาแต่มองไปรอบๆตลอดเวลา ไม่รู้ว่ากำลังมองหาใคร…”
“คุณว่ายังไงนะ? แน่ใจนะว่าเป็นถานเปิงเปิง?” เหนียนเสี่ยวมู่ลุกขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับเอื้อมมือไปจับข้อมือเลขา
เลขาตกใจกับการกระทำของเธอถึงกับผงะไปสักพัก
“ฉันก็ไม่แน่ใจ สองวันก่อนฉันแค่ไปบ้านเพื่อนรักเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ แล้วบังเอิญว่าเราคุยกันเรื่องอุบัติเหตุทางอากาศกันพอดี อีกอย่างชื่อนี้ก็แปลกเกินไป ฉันก็เลยจำได้”
“ฉันขอพบเพื่อนสนิทคุณได้ไหม?” เหนียนเสี่ยวมู่จับมือเลขาแน่นอย่างเงียบๆ
ถานเปิงเปิงสำคัญกับเธอมาก
สำหรับเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว ถานเปิงเปิงเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวหลังจากที่เธอสูญเสียความทรงจำ
เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของถานเปิงเปิงและอยากตามหาเธอให้เจอเพื่อคลี่คลายเรื่องวิดีโอให้ชัดเจน
“เรื่องนี้…ฉันจะลองถามให้คุณเอง” เลขาลังเลอยู่สักพัก เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ปล่อยมือ เธอก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองไปโทรอยู่ข้างๆ
ไม่นานก็วางสายแล้วเดินไปตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่อีกครั้ง
“เพื่อนสนิทฉันตกลงว่าจะพบคุณ แต่ว่าต้องรอเลิกงานก่อน”
หลังจากช่วยทั้งสองนัดแนะเวลาเรียบร้อยแล้ว เลขาก็ออกไป
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็ไม่ลืมหันกลับไปเตือนเหนียนเสี่ยวมู่ “ผู้จัดการเหนียน เอกสารพวกนั้นยังไงก็ต้องเอาไปส่งห้องทำงานท่านประธานนะคะ”
เลขาพูดจบก็เปิดประตูออกไป
ทิ้งให้เหนียนเสี่ยวมู่ยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
พอได้ยินที่เลขาพูดก็เงยหน้ามองไปยังแฟ้มที่วางอยู่ข้างหน้าตัวเอง
หลังจากที่เธอกับอวี๋เยว่หานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ได้เปิดเผยให้คนในบริษัทรับรู้มาโดยตลอด ซึ่งทำให้ใครบางคนไม่พอใจอย่างมาก
อวี๋เยว่หานทักท้วงอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผล เขาเอาแต่คิดหาวิธีหลอกให้เธอไปในห้องทำงานของเขาทุกๆวัน
การส่งเอกสารน่าจะเป็นข้ออ้างที่เขาทำได้ตามใจชอบที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไปเพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนร่วมงานในแผนกสงสัย เหนียนเสี่ยวมู่จึงไปส่งเอกสารที่ห้องทำงานท่านประธานด้วยตัวเอง ขอเพียงแค่เป็นเอกสารสำคัญโดยอธิบายอย่างสละสลวยว่า ส่งให้กับมือ แล้วถือโอกาสรายงานข้อมูล
จากนั้น ตอนนี้ผลกรรมก็มาถึง
เห็นได้ชัดว่าเลขาทำตามความเคยชินของเธอก่อนหน้านี้ รวบรวมเอกสารสำคัญวางไว้ให้เธอ รอเธออ่านเสร็จก็เอาไปส่งให้อวี๋เยว่หานเอง
เหนียนเสี่ยวมู่แตะจมูกและนั่งลงอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เริ่มจัดการงาน
หลังจากอ่านเอกสารไปแล้วหนึ่งรอบ เธอก็เริ่มครุ่นคิดว่าจะนำเอกสารเหล่านี้ไปส่งอวี๋เยว่หานอย่างไร
สุดท้ายก็กัดฟันหอบกองเอกสารบนโต๊ะแล้วเดินออกไปที่ประตู
ก็แค่ไปส่งเอกสารไม่กี่อย่างเอง
อวี๋เยว่หานก็ไม่ได้กินคนเสียหน่อย ไม่มีอะไรต้องกลัว!