หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 929 ความทรงจำอันล้นหลาม / ตอนที่ 930 กลิ่นเหม็นของอาหารหมากำลังฟุ้งไปทั่วทั้งโลก
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 929 ความทรงจำอันล้นหลาม / ตอนที่ 930 กลิ่นเหม็นของอาหารหมากำลังฟุ้งไปทั่วทั้งโลก
ตอนที่ 929 ความทรงจำอันล้นหลาม
ที่นั่งของเหนียนเสี่ยวมู่ค่อนข้างไกล
เธอพยายามโน้มตัวไปข้างหน้า แต่ก็แทบจะมองไม่เห็นคนที่อยู่บนเวที อยากจะมองมั่วเฉียนให้ชัดๆแต่ก็ทำไม่ได้
ภาพในหัวยังคงปรากฏเป็นเศษเสี้ยว
เธอจับศีรษะด้วยความทรมานเล็กน้อย เอนตัวพิงหลัง
ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ด้านข้างสังเกตเห็นว่าเธอดูแปลกไปจึงถามขึ้นมาว่า “ผู้จัดการเหนียน ไม่เป็นอะไรนะครับ?”
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน…”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก น้ำเสียงอันหนักแน่นของมั่วเฉียนที่อยู่บนเวทีก็กระจายไปทั่วทุกมุมห้องจัดงานผ่านไมโครโฟน
เหนียนเสี่ยวมู่ยิ่งปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ
ภาพที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันทะลักเข้ามาในหัวเธออย่างล้นหลาม ทำให้เธอมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
มีแต่เสียงหวึ่งหวึ่งอยู่ในหู
เหมือนแก้วหูสั่น
ใบหน้าเหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นสีขาวซีด
มือทั้งสองข้างจับไปที่พนักเก้าอี้อย่างแรงเหมือนจะหักพนักเก้าอี้
เส้นเอ็นบนหลังมือปูดขึ้น
“ผู้จัดการเหนียน! ผู้จัดการเหนียน!” ผู้ช่วยคอยเรียกเธออยู่ข้างๆอย่างร้อนใจ
เหนียนเสี่ยวมู่ต้องการจะบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่พอขยับปากกลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
รู้สึกแค่ว่าเหงื่อแตกไปทั้งตัว
ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ บนร่างกาย แต่ก็รู้สึกเจ็บไปทั่วทุกที่
โดยเฉพาะศีรษะ ทรมานเหมือนจะระเบิด!
จนกระทั่งมั่วเฉียนกล่าวจบและเดินลงจากเวที เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะอยู่ในอาการสะลึมสะลือ
ผู้ช่วยร้อนใจจนเกือบเรียกรถพยาบาล
“ฉันไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะสองวันมานี้เหนื่อยไปหน่อย นอนฟุบสักพักก็หาย” เหนียนเสี่ยวพูดเสร็จก็ฟุบลงกับโต๊ะ
เธอไม่ได้ง่วง แต่แค่รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
ภาพที่ไม่คุ้นเคยจำนวนมากโผล่ขึ้นมาตรงหน้า
เธออยากจะมองให้ชัดๆ แต่ก็ไม่ชัดสักที
อดไม่ได้ที่จะรำลึกความทรงจำ แต่ภาพเหล่านั้นกลับผุดขึ้นมาแบบผลุบๆโผล่ๆ
เหนียนสี่ยวมู่เหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเอง เธอนอนฟุบแล้วผล็อยหลับไป
คราวนี้เธอไม่ได้ฝัน
แค่รู้สึกว่าเหมือนมีคนเรียกชื่อเธออยู่ในหู
เธออยากจะตอบกลับแต่กลับลืมตาไม่ขึ้น
วินาทีต่อมาฝ่ามือที่ร้อนผ่าวก็แตะมาที่หน้าผาก เธอรู้สึกสบายจนพึมพำออกมา
ราวกับรับรู้ได้ว่าเจ้าของฝ่ามือคืออวี๋เยว่หาน เธอจึงซุกหน้าถูฝ่ามือเขาอีกครั้ง
“เหนียนเสี่ยวมู่ ประชุมอยู่ยังจะหลับเป็นหมูอยู่ได้ คุณจะเก่งกาจเกินไปแล้วนะ” อวี๋เยว่หานมองคนที่กำลังซุกอยู่บนตัว มือหยิกไปที่แก้มเธอ เหนียนเสี่ยวมู่เจ็บจนตื่นขึ้นมา
เบิกตากว้างพร้อมกับเงยหน้าอย่างงุนงง
เมื่อสิ้นสุดการประชุม ผู้คนโดยรอบต่างก็พากันแยกย้ายออกไป
แม้กระทั่งคณะตัวแทนของบริษัทตระกูลอวี๋ อวี๋เยว่หานก็ยังสั่งให้กลับไปพักผ่อนในโรงแรมก่อน
ดังนั้นสถานที่จัดงานที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่จึงเหลืออยู่ไม่กี่คน
“มั่วเฉียนล่ะ?” พอเหนียนเสี่ยวมู่ได้สติก็รีบถามทันที
อวี๋เยว่หานหรี่ดวงตาดำขลับ มุมปากยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “ตื่นแล้วก็เป็นเสียแบบนี้ ยังจำมั่วเฉียนได้ ผมควรจะชมคุณหรือหัวเราะเยาะคุณดีนะ?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอแค่นอนฟุบลงไปหน่อยเดียว ไม่คิดเลยว่าจะหลับจนเลิกประชุม
“ผู้ช่วยหยางบอกว่าคุณไม่สบาย เป็นอะไรไป?” อวี๋เยว่หานแซวเธอคำสองคำและยังสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเป็นห่วง
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน
แต่แค่ภาพที่เห็นก่อนหน้านี้แวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง เธอเม้มริมฝีปาก
“ที่นั่งฉันอยู่ไกลเกินไป เห็นหน้ามั่วเฉียนไม่ชัดเลย แต่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงมักจะรู้สึกว่าฉันเคยเจอเขามาก่อน...”
“คุณเคยเจอ?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว
เหนียนเสี่ยวมู่พยักหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเขามาก”
ตอนที่ 930 กลิ่นเหม็นของอาหารหมากำลังฟุ้งไปทั่วทั้งโลก
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้จะอธิบายความทรงจำที่เธอมีต่อมั่วเฉียนอย่างไร
มันเหมือนกับว่าตอนนี้เธอลืมคนอยู่ในความทรงจำไปหมดแล้ว
ขอเพียงแค่ให้เธอได้เจอเขา เธอก็จะนึกถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเขาได้…
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“อยากเจอมั่วเฉียนก็ไม่ใช่ว่าจะเจอไม่ได้ ในฐานะที่มั่วเฉียนเป็นตัวแทนตระกูลมั่ว เขาน่าจะปรากฏตัวในงานเลี้ยงคืนนี้” อวี๋เยว่หานพูดเบาๆ
เขาจูงมือเหนียนเสี่ยวมู่กลับไปที่ห้อง
หลังจากพักผ่อนได้สักพักและเตรียมตัวจะลงไปทานอาหารที่ชั้นล่าง เจิ้งเหยียนก็มาหาพอดี
“เป็นยังไงบ้าง? วันนี้พวกเธอได้เจอมั่วเฉียนแล้วคิดว่าไง?”
เจิ้งเหยียนจับที่ข้อมือแล้วเข้าไปถามเธอใกล้ๆ “เธอยังคิดไม่ออกเหรอว่าไปล่วงเกินคนตระกูลมั่วตรงไหน?”
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ส่ายหน้า
เจิ้งเหยียนทำหน้ากลัดกลุ้ม “อย่างที่ฉันบอกไป หาได้ยากที่จะมีโอกาสแบบนี้ เธอไม่ต้องไปสนใจว่าตัวเองไปล่วงเกินตระกูลมั่วอย่างไร ตอนที่เจอมั่วเฉียนก็แค่รีบเข้าไปยอมรับผิด ตอนนี้เขาเป็นผู้ดูแลตระกูลมั่ว แค่ร้องขอเขาให้ยกโทษให้ เธอก็ยังสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของเธอได้”
เหนียนเสี่ยวมู่ผงะไปสักพัก ทันใดนั้นก็กลับมาได้สติ
“เธอกำลังจะบอกว่าคนที่ตามฆ่าฉันคือมั่วเฉียนอย่างงั้นเหรอ?”
“…ถึงจะไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้นอกจากผู้นำตระกูลแล้ว คนที่มีตำแหน่งสูงสุดก็คือมั่วเฉียน และถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนตามฆ่าเธอ แต่ถ้าตระกูลมั่วต้องการจะจัดการใครสักคน เขาก็น่าจะเป็นคนที่รู้ดีนี่นา?”
เจิ้งเหยียนเดา
ภาพที่อยู่ในหัวเธอขัดแย้งกับคำพูดของเจิ้งเหยียน
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรในเวลานี้
ส่วนเจิ้งเหยียนเองก็ไม่ได้มาหาเธอเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หลังจากที่พูดด้วยความเป็นห่วง เธอก็รีบพูดอีกว่า
“เธอมีชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้หรือยัง? ถ้ายังไม่มี เราไปเดินช้อปปิ้งด้วยกันนะ!”
ทันทีที่เจิ้งเหยียนพูดจบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็มองไปทางอวี๋เยว่หานโดยไม่รู้ตัว
ใช้สายตาสอบถามความเห็นจากเขา
อวี๋เยว่หาน “ไปกินข้าวกันก่อน กินข้าวเสร็จผมจะไปกับคุณ”
เหนียนเสี่ยวมู่ยิ้มทันที “ดีเลย!”
เจิ้งเหยียนโดนป้อนอาหารหมาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเสียง “จุ๊ๆ” เพียงสองคำแล้วถอนหายใจ
“พอเห็นพวกเธอสองคนแล้ว ฉันก็รู้สึกได้กลิ่นเหม็นของอาหารหมาที่กำลังฟุ้งไปทั่วทั้งโลก มีแค่ฉันคนเดียวที่ส่งกลิ่นหอมของหมาโสดไร้คู่ ทำไมไม่มีใครเก็บฉันไปบ้างเลยนะ? ตัวนุ่มนิ่มบอบบางแล้วยังหาเงินได้โดยไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง”
เจิ้งเหยียนยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ
ยังไม่ทันได้กินอะไรก็กินอาหารหมาจนอิ่มไปซะแล้ว
พูดแค่ว่า “ฉันจะลดน้ำหนัก พวกเธอไปกินกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านไปสักรอบแล้วค่อยโทรหาอีกที”
สุดท้ายอวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ก็ไปทานอาหารกันแค่สองคน
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็เอาแต่ย้ำว่าการไปเดินช้อปปิ้งซื้อของกับผู้หญิงอาจจะทำให้เขาเบื่อจนหลับไปเลยก็ได้ แต่อวี๋เยว่หานก็ยังยอมไปซื้อชุดราตรีเป็นเพื่อนเธอ เหนียนเสี่ยวมู่แอบคิดว่านี่คือรักแท้
ชาติที่แล้วเธอคงกอบกู้กาแล็กซีมาก่อนแน่ๆ หรือบรรพบุรุษอาจจะสร้างคุณงามความดีเอาไว้ ชาตินี้ถึงได้แฟนดีขนาดนี้โดยไม่ต้องจุดโคมไฟรอ
พวกเขายังรู้จักเมืองN ดีไม่เท่าเจิ้งเหยียน
เหนียนเสี่ยวมู่จึงต่อสายถามที่อยู่จากเจิ้งเหยียนโดยตรงอย่างไม่เกรงใจ ทุกคนจึงไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้า
พอรถจอดอยู่ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าได้ไม่นาน เจิ้งเหยียนก็มาถึงพอดี
เธอเปิดประตูรถแล้วโบกมือให้พวกเขา
เธอยังไม่ทันเก็บกุญแจรถใส่ลงไปในกระเป๋า ก็ชูนิ้วขาวขึ้นมาหมุน
เจิ้งเหยียนไม่ได้พาใครมา
เธอมาช้อปปิ้งแค่คนเดียว
ตรงกันข้ามกับเหนียนเสี่ยวมู่ที่มีอวี๋เยว่หานอยู่ข้างๆ และยังมีผู้ช่วยตามมาด้วย ดูเอิกเกริกไปหน่อย
“ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารของตระกูลมั่ว ข้างในมีร้านขายชุดราตรีโดยเฉพาะเลยนะ สวยมากๆ ด้วย!”