หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 939 มารยาไม่น่ากลัว ใครทำตัวน่ารังเกียจคนนั้นน่าอาย / ตอนที่ 940 ไม่มีใครไม่บ้ายอ
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 939 มารยาไม่น่ากลัว ใครทำตัวน่ารังเกียจคนนั้นน่าอาย / ตอนที่ 940 ไม่มีใครไม่บ้ายอ
ตอนที่ 939 มารยาไม่น่ากลัว ใครทำตัวน่ารังเกียจคนนั้นน่าอาย
มั่วหย่งเหิง “หุบปาก!”
เหยาอวิ๋นอวิ๋น “คุณชายหย่งเหิงสั่งให้เธอหุบปาก…เอ๊ะ หุบปาก?”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นเงยหน้ามองดวงตาดำขลับคู่นั้นของมั่วหย่งเหิง พอเธอรู้ตัวก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว
“พรืด——”
เจิ้งเหยียนกับเหนียนเสี่ยวมู่อดขำไม่ได้
เหยาอวิ๋นอวิ๋นคนนี้โง่เหมือนหมูซะจริงๆ
สายตามั่วหย่งเหิงแสดงออกว่าไม่ทนอีกต่อไปแล้ว แต่เธอก็ยังเอะอะโวยวายอยู่ข้างๆเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะการวางตัวที่เป็นสุภาพบุรุษ เกรงว่าการที่มั่วหย่งเหิงยกเท้าเตะเธอออกไปในตอนนี้ถือว่าสุภาพมากพอแล้ว
เมื่อเห็นว่าตัวเองสามารถเดาอารมณ์ของมั่วหย่งเหิงได้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็สะดุ้งเล็กน้อย
อันที่จริงเจิ้งเหยียนรู้สึกประหม่าจริงๆเมื่อเทียบกับความสงบเสงี่ยมของเหนียนเสี่ยวมู่
อย่างที่เหยาอวิ๋นอวิ๋นกล่าวไว้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเจิ้งกับตระกูลมั่วไม่ได้ดีดังเดิม
มิตรภาพระหว่างทั้งสองตระกูลไม่เพียงแค่ไม่แน่นแฟ้น ทั้งยังกระอักกระอ่วนอีกด้วย
ถ้ามั่วหย่งเหิงเชื่อคำพูดของเหยาอวิ๋นอวิ๋นหรือเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหยา แล้วเกิดจงใจช่วยเหยาอวิ๋นอวิ๋นขึ้นมาล่ะก็ วันนี้เธอคงได้แต่ใบ้กินแน่ๆ!
พอคิดถึงจุดนี้ เจิ้งเหยียนก็กัดริมฝีปาก
ยืดตัวตรงมองไปทางมั่วหย่งเหิง
แต่มั่วหย่งเหิงกลับไม่ได้มองเธอ สายตาเย็นเฉียบกำลังมองไปที่พนักงานเพื่อให้เธอพูดความจริงอีกครั้ง
เนื่องจากพนักงานเป็นคนซื่อสัตย์ เธอจึงพูดไปตามความจริง
เพียงแค่พูดเป็นกลางและเล่าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าข้อเท็จจริงจะไม่ผิดเพี้ยน แต่เพราะกังวลเกี่ยวกับเหยาอวิ๋นอวิ๋น พนักงานจึงช่วยเหยาอวิ๋นอวิ๋นปกปิดความจริงไปไม่น้อย
ดูเหมือนว่าลูกค้าสองคนแย่งของกันจนทำรองเท้าพังในท้ายที่สุด
“พี่หย่งเหิง เห็นๆ อยู่ว่าฉันเป็นคนบอกก่อนว่าจะซื้อรองเท้าคู่นี้ แต่เจิ้งเหยียนก็จะแย่งมันไปให้ได้ สุดท้ายยังตั้งใจปล่อยมือทำให้ฉันล้มลงพื้น รองเท้าก็เลยพัง โดยหลักแล้วเธอจะต้องรับผิดชอบ ควรให้เธอชดใช้!”
เมื่อเหยาอวิ๋นอวิ๋นได้ยินที่พนักงานพูด ก็รีบร้อนพูดออกมาทันที
เหนียนเสี่ยวมู่ทนไม่ได้ที่ได้ยินเหยาอวิ๋นอวิ๋นเอาแต่พูดบิดเบือนอยู่ตลอดเวลา
“เจิ้งเหยียนเป็นคนเห็นรองเท้าคู่นี้ก่อนและให้พนักงานไปหยิบมาให้เธอลอง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอพุ่งพรวดเข้ามาพยายามแย่งไปจากเจิ้งเหยียนและยังพูดคำสบประมาทพวกนั้น เธอจะโดนตบไหม? ตามที่ฉันพูดมา การที่เจิ้งเหยียนตบเธอทีเดียวยังถือว่าเบาไปด้วยซ้ำ ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ฉันจะไม่ใช่แค่ตบเธอเท่านั้น ฉันจะต่อยเธอให้ฟันร่วงไปเลย!”
ขณะที่พูดเหนียนเสี่ยวมู่ก็พับแขนเสื้อขึ้น
ดูเหมือนว่าถ้าเจิ้งเหยียนไม่รั้งเธอไว้ เธอจะปรี่เข้าไปต่อยเหยาอวิ๋นอวิ๋น
เหยาอวิ๋นอวิ๋นไม่คิดว่าจู่ๆ เธอจะเดินเข้ามา เธอตกใจรังสีอำมหิตของเหนียนเสี่ยวมู่จนถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวและหลบไปอยู่ข้างหลังมั่วหย่งเหิง
ทันทีต่อจากนั้นก็ตระหนักได้ว่าการกระทำของเธอดูน่าขายหน้าไปหน่อย เธอจึงคร่ำครวญอีกครั้ง
“พี่หย่งเหิง คุณก็เห็นกับตาแล้วนี่ว่าเมื่อกี้พวกเธอเพิ่งจะรังแกฉัน…”
“……”
มั่วหย่งเหิงเงยหน้ามองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่อย่างเงียบๆ
เหนียนเสี่ยวมู่มองเขาโดยไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น “ร้านใหญ่ขนาดนี้ก็น่าจะมีกล้องวงจรปิดไม่ใช่เหรอ? ถ้าพูดแล้วไม่เชื่อก็ให้กล้องวงจรปิดบอกความจริงก็ได้นี่”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นเริ่มร้อนตัวเมื่อพูดถึงกล้องวงจรปิด
เธอยืดคอปกป้องตัวเอง
“กล้องวงจรปิดก็แค่จับภาพได้ แต่ไม่ได้ยินว่าพูดอะไร ฉันไม่ปล่อยให้พวกเธอเล่นลิ้นกันหรอก”
“คนที่เล่นลิ้นคือเธอต่างหาก!” เหนียนเสี่ยวมู่โมโหจนอยากจะตบคนจริงๆแล้ว
ไม่รอให้เธอได้ลงมือ มั่วหย่งเหิงก็กวาดตามองเหยาอวิ๋นอวิ๋นอย่างเฉยเมย
“รองเท้าคู่นี้ เธอชดใช้ซะ”
“ได้ยินหรือยัง พี่หย่งเหิงให้เธอชดใช้!” หลังจากที่เหยาอวิ๋นอวิ๋นตะคอกออกมาอย่างมีความสุขก็เงยหน้าขึ้น เธอเพิ่งพบว่าคนที่มั่วหย่งเหิงกำลังมองอยู่คือตัวเอง เธอถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก!
ตอนที่ 940 ไม่มีใครไม่บ้ายอ
เธอชี้มาที่จมูกตัวเองพร้อมกับเบิกตาโพลงด้วยความงุนงง “พี่หย่งเหิง ว่าอะไรนะ? ฉัน ให้ฉันชดใช้?”
มั่วหย่งเหิง “ใครเป็นคนแย่งรองเท้าก่อน?”
เหยาอวิ๋นอวิ๋น “ถ้าไม่ใช่เพราะเจิ้งเหยียนไม่ยอมเอารองเท้าให้ฉันก่อน ฉันก็ไม่…”
มั่วหย่งเหิง “นั่นก็แปลว่าเธอลงมือก่อน”
เหยาอวิ๋นอวิ๋น “…”
มั่วหย่งเหิงเหลือบมองเหยาอวิ๋นอวิ๋นอย่างไม่สบอารมณ์และถามอีกครั้งว่า “ใครเป็นคนแตะรองเท้าเป็นคนสุดท้าย?”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นตอบอย่างไม่พอใจ “ตอนนั้นฉันกับเจิ้งเหยียนกำลังจับรองเท้า ถ้าไม่ใช่เพราะเจิ้งเหยียนปล่อยมือ ฉันก็คงไม่ล้มลงไป เมื่อกี้ฉันก็พูดเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วนี่ พี่หย่งเหิง เรื่องนี้เจิ้งเหยียนเป็นคนผิด…”
มั่วหย่งเหิง “ดังนั้นคนที่จับรองเท้าคนสุดท้ายก็คือเธอ”
เหยาอวิ๋นอวิ๋น “…”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นยังไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิด
ทำไมมั่วหย่งเหิงที่ควรจะช่วยเธอถึงได้ไปช่วยเจิ้งเหยียน ด้วยเหตุและผลทำให้เธอแย้งไม่ได้
“แต่ตระกูลเจิ้งกับตระกูลมั่ว…”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกมั่วหย่งเหิงมองเป็นเชิงเตือน
เขาบอกว่า
“ไม่มีใครในตระกูลมั่วบอกว่าการก่อตั้งแบรนด์อิสระของตระกูลเจิ้งเป็นการทรยศ และไม่จำเป็นต้องให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาพูด ที่ฉันมาตัดสินวันนี้ก็แค่เรื่องที่ใครควรเป็นคนชดใช้ เข้าใจหรือยัง?”
“เข้า เข้าใจแล้ว” เหยาอวิ๋นอวิ๋นถึงกับตัวสั่นเมื่อโดนสั่งสอน
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันเยือกเย็นของมั่วหย่งเหิง เธอก็รีบหยิบบัตรธนาคารไปชำระเงิน
จากนั้นก็กอดรองเท้าส้นสูงที่พังแล้ววิ่งออกไป
เจิ้งเหยียนประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับเหยาอวิ๋นอวิ๋นที่ไม่พอใจ
เธอไม่เชื่อตั้งแต่แรกว่ามั่วหย่งเหิงจะช่วยเธอ
ขอเพียงแค่เขาไม่ซ้ำเติม เธอก็ซาบซึ้งใจจนถึงที่สุดแล้ว
ทว่าตอนที่เธอได้ยินประโยคที่ว่า “ไม่มีใครในตระกูลมั่วบอกว่าการก่อตั้งแบรนด์อิสระของตระกูลเจิ้งเป็นการทรยศ และไม่จำเป็นต้องให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาพูด” ออกมาจากปากมั่วหย่งเหิง หัวใจเธอก็เต้นรัว
มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
มันเหมือนกับว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจความอัดอั้นตันใจที่ค้างคามานาน ความรู้สึกที่มีคนเต็มใจพูดทวงความยุติธรรมนั้นมันทำให้คนซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้จริงๆ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เจิ้งเหยียนและเหนียนเสี่ยวมู่จะกล่าว ”ขอบคุณ” มั่วหย่งเหิงก็เดินออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดแล้ว
ดูเย็นชาเหมือนตอนที่เขามา
ผู้ชายคนนี้เหมือนไร้อารมณ์ความรู้สึก ไม่มีเลือดเนื้ออย่างไรอย่างนั้น…
มิน่าล่ะ คนที่ไม่เคยเห็นเขาพูดมาก่อนถึงได้สงสัยว่าเขาเป็นใบ้
แปลกคนจริงๆ!
เหยาอวิ๋นอวิ๋นทำพวกเธอเสียเวลาไปนาน กลัวว่าอวี๋เยว่หานจะรอนานจนเป็นห่วง เธอกับเจิ้งเหยียนจึงรีบพากันไปเลือกรองเท้าคู่ใหม่ที่แผนกรองเท้าสตรี จากนั้นก็จ่ายเงินและเดินออกมา
ทันทีที่มาถึงหน้าประตูก็เจอกับอวี๋เยว่หานที่เดินย้อนกลับมาจากข้างนอกเข้าพอดี
เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ไม่เป็นไร ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานก็เบาใจลง มือสองข้างสอดเข้าในกระเป๋าพร้อมกับเดินเข้ามาถามว่า “ซื้อเสร็จหรือยัง?”
“อือ เสร็จแล้ว เมื่อกี้เพิ่งเจอคนที่น่ารำคาญมากก็เลยเสียเวลาไปหน่อย ทำให้คุณเป็นห่วงหรือเปล่า?” เหนียนเสี่ยวมู่ซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอเงยหน้ายอมรับผิดอย่างว่าง่าย
อวี๋เยว่หานไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเธอเห็นเขาจากระยะไกลเธอก็รู้ว่าเขาเป็นห่วง
“อวี๋เยว่หาน ชาติที่แล้วฉันคงสั่งสมความดีเอาไว้แน่ๆ ชาตินี้ถึงได้มาพบกับคุณ”
อย่างที่มีคนบอกไว้ว่าไม่มีใครไม่บ้ายอ
พูดประจบประแจงให้มากหน่อยก็ไม่เลว
อวี๋เยว่หานยิ้มมุมปากเพราะพอใจกับคำพูดของเธอ จากนั้นก็ก้มหน้าจูบที่มุมปากเธอ
“อีกเดี๋ยวก็ได้มั้ง ตรงนี้ยังมีหมาโสดไม่มีคู่อีกตัวนะ รักสัตว์กันหน่อยสิ พวกเธอยังมีคุณธรรมกันอยู่ไหม? เพื่อน!”