หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 949 เธอชื่ออะไร? / ตอนที่ 950 เสือไม่เบ่งอำนาจ เห็นฉันเป็นแค่ลูกแมว
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 949 เธอชื่ออะไร? / ตอนที่ 950 เสือไม่เบ่งอำนาจ เห็นฉันเป็นแค่ลูกแมว
ตอนที่ 949 เธอชื่ออะไร?
บรรพบุรุษตระกูลมั่วถูกสั่งสอนมาอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้พวกเขาเหมาสถานที่
ชายหนุ่มก้มตัวลงและอุ้มเจ้าหญิงน้อยของตัวเองลงจากรถ “แต่ลิ่วลิ่วอยากเข้าไปเล่นในสวนสนุก”
เขาพูดด้วยความเอ็นดูราวกับว่าตราบใดที่ลูกสาวตัวเองต้องการ แม้จะเป็นดาวบนฟ้า เขาก็จะเก็บลงมาให้
พอชายหนุ่มพูดจบก็จูงมือภรรยาเดินเข้าไปในสวนสนุก
ในสวนสนุกกำลังจัดกิจกรรม
โดยมีผู้คนรายล้อมอยู่ด้านหน้าเวทีเป็นชั้นๆ ชั้นนอกสุดจึงมองไม่เห็นอะไรเลย
เด็กผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดชายหนุ่มเหมือนจะพึมพำราวกับผิดหวัง ต่อมาชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นนั่งบนไหล่ตนเอง
ร่างกำยำยืนตรงหันไปข้างหน้า ทำให้เธอมองเห็นการแสดงตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
เขาไม่ห่วงว่าจะมีคนมาเห็นแล้วส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขา
ตั้งแต่เริ่มการแสดงจนจบการแสดง ร่างกำยำยังคงยืนตระหง่านดังขุนเขาโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
อีกมือหนึ่งยังจับมือภรรยาตัวเองแน่น
สามคนครอบครัวเดียวกันดูอบอุ่นราวกับช่วงเวลาที่งดงามได้ถูกตราตรึงเอาไว้
ช่างสวยงามเหลือเกิน…
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ย่อมมีช่วงเวลาบาดหมางเช่นกัน
อย่างเช่นเวลาเข้านอนในตอนกลางคืน
ตอนกลางวันเขามักจะเป็นผู้ชายที่เอาอกเอาใจลูกสาวเป็นพิเศษ แต่พอตกกลางคืนเขาก็จะหาวิธีหลอกล่อให้เธอไป
จากนั้นก็ครอบครองภรรยาตัวเองเพียงคนเดียว
ทุกครั้งที่ปิดประตูกันลูกไว้ข้างนอก เด็กผู้หญิงก็จะกอดหมอนน้อยของตัวเองด้วยความขุ่นเคืองพลางจ้องไปที่บานประตู
ไม่นานก็ได้ยินเสียงแม่ของเธอเรียกชื่อพ่อเพื่อระบายความโกรธให้เธอ แล้วให้เขาถอยไปไกลๆ…
เมื่อได้ยินแม่ระบายความโกรธให้เธอแล้ว เธอก็ถึงจะกอดหมอนน้อยกลับห้องตัวเองด้วยความดีใจ
แม่เรียกพ่อทำไมนะ?
“มั่วเฉียน…มั่วเฉียน…”
ชื่อนี้ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นมาในหัวชั่วขณะ
เหมือนแฝงไปด้วยพลังลึกลับบางอย่าง ซ้อนทับกับคำสองคำว่า ”พ่อ” อย่างเงียบๆ
เหนียนเสี่ยวมู่ตัวสั่นขึ้นมาทันที!
ด้วยความทรงจำที่พลุ่งพล่านออกมา ทำให้เธอตัวสั่นอย่างหาวิธีบรรเทาไม่ได้!
สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีด
เบิกตาโพลงมองมั่วเฉียนที่อยู่ตรงหน้า
ภาพปรากฏขึ้นมาในหัวทีละเล็กทีละน้อย…
เมื่อเธอต้องการดูให้ชัดยิ่งขึ้น ทันใดนั้นก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
มีเพียงดวงตาลึกล้ำและเฉยเมยคู่หนึ่งเท่านั้นที่ยังคงอยู่
เช่นเดียวกับดวงตาคู่นี้ที่อยู่ตรงหน้าเธอ มองไปที่ดวงตาของเธอ
“คนที่ลงไม้ลงมือกับคนอื่นในงานเลี้ยงคือเธอ? เธอชื่ออะไร?” มั่วเฉียนพูดขึ้นมาทันทีพลางขมวดคิ้ว
ราวกับมองออกว่าสีหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ดูผิดปกติ
หรือจะให้พูดก็คือเขาชินแล้วที่เวลามีคนเจอเขา จะมีอาการประหม่าจนพูดอะไรไม่ออกแบบนี้
ทว่าดวงตาแดงก่ำของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาบีบรัดตามเล็กน้อย
“ประธานมั่วคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เหนียนเสี่ยวมู่ปะทะกับเหยาอวิ๋นอวิ๋นเพียงเพราะต้องการจะช่วยฉัน” เจิ้งเหยียนกลัวว่ามั่วเฉียนจะโกรธเหนียนเสี่ยวมู่ จึงเดินมายืนตรงหน้าเธอโดยไม่รอช้า
รับทุกอย่างไว้เอง
“เธอ?” มั่วเฉียนละสายตาจากเหนียนเสี่ยวมู่มองมาที่เจิ้งเหยียน
ตอนนี้เหยาอวิ๋นอวิ๋นได้สติก็รีบกล่าวหาเธอ
“เธอนั่นแหละ วันนี้เธอถึงกับตบหนูเพื่อที่จะแย่งรองเท้าคู่เดียวที่ห้างสรรพสินค้าตระกูลมั่ว คุณลุงมั่ว ตระกูลเจิ้งเป็นพวกทรยศ หนูว่าเธอจะต้องอิจฉาตระกูลเหยาที่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลมั่วแน่ๆ เธอถึงได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับหนูไปทั่ว คุณจะต้องช่วยฉันนะคะ!”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นไม่คิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะเป็นคู่หมั้นอวี๋เยว่หาน
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงทำอะไรกับเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้แล้ว แต่ตราบใดที่คืนนี้เธอตบหน้าเจิ้งเหยียนได้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
ตอนที่ 950 เสือไม่เบ่งอำนาจ เห็นฉันเป็นแค่ลูกแมว
ดวงตาเหยาอวิ๋นอวิ๋นเปลี่ยนเป็นมืดมน
เธอยื่นมือกุมหน้าที่บวมเป่งพลางยิ้มมุมปาก ทั้งเจ็บทั้งสูดปาก
ให้ตายเถอะ เหนียนเสี่ยวมู่ ทำแรงเกินไปแล้ว!
อีกนิดเดียวเธอจะเสียโฉมอยู่แล้ว
คิดว่ามีอวี๋เยว่หานอยู่แล้วฉันจะทำอะไรพวกเธอไม่ได้งั้นเหรอ?
ที่นี่เป็นถึงงานเลี้ยงที่ตระกูลมั่วเป็นเจ้าภาพ
เธออาจจะตบคืนเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้เพราะมีคุณชายหาน แต่เธอเอาไปลงที่เจิ้งเหยียนก็ได้นี่!
ให้พวกเธอได้ลิ้มรสความร้ายกาจของเธอ!
“เธอเป็นคนลงมือ?”
มั่วเฉียนเลิกคิ้วมองไปทางเจิ้งเหยียนด้วยความเย็นชาเล็กน้อย
เจิ้งเหยียนกำลังจะยอมรับ แต่ก็ถูกเหนียนเสี่ยวมู่รั้งเธอไว้โดยชิงพูดก่อน
“ไม่ใช่เธอ คนที่ตบคุณหนูใหญ่ตระกูลเหยาคือฉันเอง”
พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับเงยหน้าสบตากับมั่วเฉียน
คนที่อยู่ตรงหน้าให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเธอมากเหลือเกิน
แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลย…
เธออยากจะถาม
ถามว่าเขาใช่พ่อเธอหรือไม่?
ถามว่าเขาจำเธอได้หรือไม่?
แล้วแม่ของเธอล่ะ?
ความสงสัยมากมายทะลักเข้ามาในหัวเพียงชั่วขณะ
แต่เนื่องจากพวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนและแขกจำนวนมากที่เข้าร่วมงานเลี้ยง
ดังนั้นตอนนี้ความสนใจของทุกคนที่มารายล้อมล้วนเป็นเพราะเหยาอวิ๋นอวิ๋น
ตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเหยาอวิ๋นอวิ๋นยังทำตัวเป็นนักโทษชิงฟ้องและยังคิดจะยืมมือคนอื่นมาต่อกลอนกับพวกเธอ!
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีคนก่อเรื่องในงานเลี้ยงธุรกิจแบบนี้ล่ะ นี่เป็นการไม่ให้เกียรติตระกูลมั่วเลย…”
“จริงด้วย ยังลงไม้ลงมือกันอีก…”
“ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเหยาเป็นคนไปยั่วโมโหก่อน โดยบอกให้คนมาตบเธอได้เลย ผลสุดท้ายก็โดนคนตบจริงๆ เธอว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“……”
แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบ
ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป แต่จุดสนใจอยู่ที่มั่วเฉียน
นี่คืองานเลี้ยงที่ตระกูลมั่วเป็นเจ้าภาพ จะจัดการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับมั่วเฉียน
“คุณลุงมั่ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆนะคะ ฉันก็แค่พูดความจริงไปไม่กี่ประโยค เจิ้งเหยียนก็เลยร้อนตัวจะเข้ามาตบฉัน แต่เหนียนเสี่ยวมู่นั่นเป็นเพื่อนเจิ้งเหยียน เธอจึงคิดจะช่วยเจิ้งเหยียนระบายอารมณ์…”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นยื่นมือมาจับข้อมือมั่วเฉียน ทันทีที่แยกแยะได้ก็พบว่าสายตามั่วเฉียนไม่ได้มองมาที่เธอ
พอมองไปตามสายตาของเขาก็พบว่าคนที่เขากำลังมองอยู่นั้นคือเหนียนเสี่ยวมู่
ดูเหมือนจะมองด้วยสีหน้าจริงจัง
หัวใจเหยาอวิ๋นอวิ๋นเต้นรัว
มีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ
หรือว่าเหนียนเสี่ยวมู่คนนี้ไม่ใช่แค่เป็นคู่หมั้นของคุณชายหาน แต่ยังรู้จักกับคุณลุงมั่วด้วย?
เป็นไปไม่ได้!
สถานะมั่วเฉียนในตระกูลมั่วนั้นไม่ธรรมดา
เพราะแม้แต่มั่วหย่งเหิงยังเรียกเขาว่าลุงใหญ่ด้วยความเคารพเมื่อเจอเขา คนตัวเล็กๆไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างเหนียนเสี่ยวมู่จะมีโอกาสไปรู้จักผู้กุมอำนาจตระกูลมั่วได้อย่างไร
เธอจะต้องคิดมากไปแล้วแน่ๆ
เหยาอวิ๋นอวิ๋นตั้งสติและคิดจะพูดอะไรต่อ แต่เหนียนเสี่ยวมู่กลับชิงพูดก่อน
“ก่อนที่คุณหนูเหยาจะกล่าวหาคนอื่น ควรพิจารณาตัวเองก่อนดีไหม? อาศัยปากกรรไกรยุแยงตะแคงรั่วไปซะทั่ว คิดว่าคนทั้งโลกเขาโง่กันหมดหรือไงถึงได้โดนเธอควบคุมไว้ในฝ่ามือ?”
เหยาอวิ๋นอวิ๋นตกตะลึง “เธอ เธอพูดบ้าอะไร? ที่ฉันพูดทั้งหมดเป็นความจริง!”
“ความจริง? ความจริงที่ว่าเธออาศัยที่ตระกูลเหยามีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลมั่วแล้วทำตัวกร่างบ้าอำนาจในห้างสรรพสินค้าของตระกูลมั่วเพื่อแย่งรองเท้าที่เจิ้งเหยียนเห็นก่อน จนสุดท้ายก็โดนมั่วหย่งเหิงปรับเงินเนี่ยนะคือความจริง?”
เหนียนเสีย่วมู่เดินมาข้างหน้าและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เธอพูดต่อโดยไม่รอให้เหยาอวิ๋นอวิ๋นแก้ตัว
“เธอรังแกเจิ้งเหยียนในห้างไม่สำเร็จก็เลยไม่พอใจ ดังนั้นเมื่อกี้พอเจอเจิ้งเหยียนในงานเลี้ยง เธอถึงได้จงใจใส่ร้ายป้ายสีเจิ้งเหยียนต่อหน้าทุกคน แล้วเธอล่ะนับเป็นตัวอะไร?”