หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 965 แพะรับบาป / ตอนที่ 966 เตือนอย่างเป็นมิตร รักษาภาพลักษณ์!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 965 แพะรับบาป / ตอนที่ 966 เตือนอย่างเป็นมิตร รักษาภาพลักษณ์!
ตอนที่ 965 แพะรับบาป
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้เป็นอะไร
ทุกคนก็รีบกลับไปที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี
หลังจากปิดประตู ผู้ช่วยก็เดินไปตรงหน้าอวี๋เยว่หานและรายงานต่อ
“คนร้ายทั้งสิบสี่คนนั้นเป็นนักเลงที่รู้จักกันดีในละแวกนั้น พวกมันรับจ้างช่วยเศรษฐีมีเงินทำเรื่องเลวๆ โดยเฉพาะ ทางตำรวจจับตามองพวกมันมานานมากแล้ว เพราะพวกมันไม่เคยทิ้งหลักฐานที่แน่ชัดไว้เลย แต่คราวนี้ตำรวจกวาดล้างเรียบ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียวและเปิดโปงพวกมันทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังจับกุมอาชญากรตัวหลักหลายคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย! ””
ผู้ช่วยยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้อวี๋เยว่หาน
“หัวหน้าของพวกมันที่เรียกกันว่าลูกพี่อู๋ ตามที่ได้รับทราบมา พวกมันรับคำสั่งมาชั่วคราวว่าต้องการชีวิตคุณเหนียน โดยที่อีกฝ่ายทุ่มไม่อั้น เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ ซึ่งลูกพี่อู๋ของพวกมันไม้รู้มาก่อนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคุณชายหาน คนที่ส่งมาก็ไม่รู้จักคุณ ถึงได้กล้าลงมือกับคุณ”
ในวงการอันธพาลจะมีรายชื่ออยู่
ซึ่งเป็นรายชื่อที่บอกไว้ว่าใครที่ล่วงเกินได้ หรือใครที่ล่วงเกินไม่ได้
มิฉะนั้นถ้าไปล่วงเกินคนที่ไม่สมควรเข้า ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีจุดจบอย่างไร
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ก็ลงเอยเช่นนี้
เดิมทีต้องการจะเอาชีวิตเหนียนเสี่ยวมู่ แต่ผลลัพธ์กลับพังในมืออวี๋เยว่หาน
นี่ก็ถือว่าเวรกรรมตามสนอง!
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการจะเอาชีวิตเหนียนเสี่ยวมู่ ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานก็ดูมืดมน
มีแสงเย็นยะเยือกแวบผ่านดวงตา
ตอนที่เขาเห็นคนพวกนั้นก็มีลางสังหรณ์คลุมเครืออยู่ในใจ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง
คนเหล่านี้ลงมือเหมือนกับตอนที่เขาพาเหนียนเสี่ยวมู่มาเมืองNเป็นครั้งแรก พวกมันถูกคนซื้อตัวเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เหนียนเสี่ยวมู่
เป็นใครกันแน่?
ถึงต้องการจะเอาชีวิตเหนียนเสี่ยวมู่ให้ได้!
“ได้ถามไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง?” อวี๋เยว่หานพูดด้วยเสียงเย็นเฉียบ
เมื่อได้ยินที่เขาพูด เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้
กลืนน้ำลายด้วยความเคร่งเครียดพลางมองไปทางผู้ช่วย
เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตัวเองไปล่วงเกินใคร อีกฝ่ายถึงได้ตามล่าเธอไม่ยอมปล่อย
ผู้ช่วย “คนที่ซื้อตัวนักฆ่าใช้ชื่อในนามตระกูลเหยา”
เหนียนเสี่ยวมู่ “ตระกูลเหยา? เหยาอวิ๋นอวิ๋น?”
เธอเงยหน้าด้วยความงุนงง จากนั้นก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้
“เหยาอวิ๋นอวิ๋นมีเรื่องบาดหมางกับฉันอยู่บ้าง ถ้าจะบอกว่าเธอโกรธแค้นขึ้นใจโดยสั่งให้คนมาสั่งสอนฉัน เรื่องนี้ฉันเชื่อ แต่ถ้าถึงขนาดจะเอาชีวิตฉันเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย ตระกูลเหยาก็ดูจะงี่เง่าเกินไปแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันมาเมือง N ครั้งล่าสุดก็ยังไม่รู้จักเหยาอวิ๋นอวิ๋นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แล้วอุบัติเหตุครั้งนั้นล่ะคืออะไร?”
เจิ้งเหยียนเห็นด้วยกับที่เหนียนเสี่ยวมู่คาดเดา
“ฉันก็คิดแบบนั้น ถ้าเป็นเหยาอวิ๋นอวิ๋นจริง คนที่เธอน่าจะเกลียดที่สุดคือฉัน เธอซื้อนักฆ่ามาฆ่าฉันสิถึงจะถูก แม้ว่าเสี่ยวมู่มู่จะออกตัวช่วยฉันแล้วพาลเกลียดเสี่ยวมู่มู่ ก็ไม่มีความเป็นไปได้ว่าเธอจะต้องการชีวิตเหนียนเสี่ยวมู่เพียงคนเดียวแล้วปล่อยฉันไป!”
หลังจากที่เจิ้งเหยียนพูดจบ ในห้องผู้ป่วยก็ตกสู่ภวังค์ความเงียบ
เหมือนตกเข้าสู่วงจรเดิมๆ
มีบุคคลทรงอิทธิพลกำลังล้อพวกเขาเล่นในฝ่ามือ
ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าตัวเองใกล้จะค้นพบความจริงแล้ว สุดท้ายก็พบว่าเป็นการพรางตาของอีกฝ่าย
ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับไปที่จุดเดิม
อวี๋เยว่หานที่นิ่งเงียบมาตลอดพูดขึ้นมาว่า “ไปตรวจสอบดูอีกทีว่าบัญชีธนาคารที่จ่ายเงินให้คนพวกนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลมั่วหรือไม่”
หลังจากพูดจบคนในห้องผู้ป่วยก็หันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง!
เหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนแรกที่รู้สึกตัว
“จริงด้วย! คนที่จ่ายเงินให้กุ้ยจื่อตอนนั้นก็ยืมมือตระกูลเจิ้งนี่นา หรือครั้งนี้เหยาอวิ๋นอวิ๋นจะเป็นแค่แพะรับบาป!”
ตอนที่ 966 เตือนอย่างเป็นมิตร รักษาภาพลักษณ์!
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้ช่วยก็รู้สึกตัวทันที
เขาโค้งตัวแล้วออกไปสืบต่อไป
หลังจากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นเมื่อคืน ทุกคนก็รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจมากเหลือเกิน
เมื่อเห็นผู้ช่วยออกไปแล้ว เจิ้งเหยียนก็ลุกขึ้นมา
“พวกเธอสองคนเป็นผู้ป่วย รีบพักผ่อนเถอะ ฉันก็จะขอตัวกลับก่อน มีอะไรก็ติดต่อมานะ”
เหนียนเสี่ยวมู่รั้งตัวเธอไว้ “เธอกลับคนเดียวจะปลอดภัยไหม? ฉันให้บอดี้การ์ดไปส่งเธอกลับดีกว่า”
“ฉันโทรบอกพ่อฉันแล้วว่าให้เขาเรียกคนขับรถมารับ พอได้ยินว่าฉันประสบอุบัติเหตุก็ร้อนใจมาก กลัวก็แต่ว่าตอนนี้ยังนอนไม่หลับ กำลังรอฉันอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเป็นห่วง!”
เจิ้งเหยียนหยิกแก้มเธอ พอรู้สึกดีที่มือก็คิดจะหยิกอีกครั้ง เหนียนเสี่ยวมู่จึงถอยออกมา
โบกมือให้อย่างสง่างาม
“ไปเถอะๆ หยิกจนฉันเจ็บหน้าไปหมดแล้วเนี่ย”
เจิ้งเหยียน “…”
เจิ้งเหยียน “เสี่ยวมู่มู่ เราเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน เพียงพริบตาเดียวเธอก็ไม่ยอมแม้แต่จะให้ฉันลูบหน้าด้วยซ้ำ เสียใจจัง…”
ก่อนที่เจิ้งเหยียนจะพูดจบ สายตาอันแหลมคมก็กวาดผ่านร่างเธอไป
ราวกับจะใช้ห้าม้าแยกศพเธอ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันเยือกเย็นของอวี๋เยว่หาน เจิ้งเหยียนก็ถึงกับสั่นสะท้าน
“ล้อเล่นน่า อย่าจริงจังไปได้ จริงๆ แล้วฉันชอบผู้ชาย…เอ่อ ฉันไม่รบกวนพวกเธอสองคนแล้ว บาย!”
เจิ้งเหยียนหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วเดินตัวปลิวออกไป
พอเดินมาถึงหน้าประตู ก็หยุดอยู่ที่ขอบประตู
หันกลับไปมองสองคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วย
“ขอเตือนอย่างเป็นมิตร ที่นี่คือโรงพยาบาล ถ้าพวกเธอคิดจะทำเรื่องน่าอายอะไรทำนองนั้นก็โปรดจำไว้ว่าปิดประตูด้วย รักษาภาพลักษณ์ด้วย! แต่ดูจากสภาพคุณชายหานตอนนี้แล้วน่าจะไม่ไหวแล้วมั้ง?”
“ไสหัวไป!”
อวี๋เยว่หานใช้มือข้างหนึ่งยกหมอนขึ้นมาทำท่าจะโยนออกไป
เจิ้งเหยียนใส่เกียร์ที่เท้าแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ภายในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงเหนียนเสี่ยวมู่กับอวี๋เยว่หาน
เหนียนเสี่ยวมู่ค่อยๆถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นเตียง
เธอคลานเข้าไปในผ้าห่มของอวี๋เยว่หานก่อน จากนั้นก็ซบลงบนไหล่ข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ยื่นมือไปกอดเขาไว้
ทำตัวเหมือนลูกแมวขี้ระแวง ใช้ศีรษะถูที่ไหล่ของเขา
ผมยาวสลวยของเธอม้วนขึ้นไปด้านบนศีรษะเมื่อเธอถูมัน
ดูตลกเล็กน้อย
ทำให้คนใจอ่อนยวบอย่างบอกไม่ถูก
หัวใจอวี๋เยว่หานถูกเธอถูจนอ่อนไปหมดแล้ว แต่บางที่กลับแข็งตัวขึ้นมา เขากัดฟันพูดว่า “เหนียนเสี่ยวมู่ ผมอยากปลอบใจคุณมาก แต่ถ้าคุณยั่วผมแบบนี้ ผมก็ไม่ซีเรียส”
“เพียะ——”
อวี๋เยว่หานโดนฝ่ามือตวัดไปหนึ่งที
“คุณหมอบอกว่าต้องพักผ่อนและคอยสังเกตอาการ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ”
เหนียนเสี่ยวมู่ถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็ค่อยๆล้มตัวลงนอนบนไหล่ของเขา
ผมดำยาวกระจัดกระจายบนหน้าอกแกร่งเหมือนเป็นการผสมผสานความแตกต่างระหว่างความอ่อนโยนและความแข็งแกร่งอย่างลงตัว
อวี๋เยว่หานหลุบตามองเธอพร้อมกับเสนอขึ้นมาว่า
“ที่จริงแล้วผมไม่ต้องขยับก็ได้ คุณเป็นคนขยับ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่ “คุณหมอก็บอกแล้วไงว่าฉันต้องผ่อนคลายสภาพจิตใจ พักผ่อนให้มากๆ เวลานอนกับคุณฉันก็หลับไม่เพียงพอ อย่างงั้นเราแยกห้องกันดีไหม?”
ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีแขนข้างหนึ่งโอบเอวเธอ
และยังเป็นข้างที่เขาได้รับบาดเจ็บ
สบตากับเธอแล้วบอกว่า “ฝันไปเถอะ!”
ขณะที่อวี๋เยว่หานคิดว่าเธอจะกระโดดขึ้นมาด่าเขาด้วยความหงุดหงิดว่า “คนบ้า” จู่ๆ ก็พบว่าคนในอ้อมแขนตอนนี้กลับดูนิ่งไป
เขาเลิกคิ้ว “กำลังคิดอะไรอยู่?”