หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 983 แค่นี้ก็กลัวแล้ว / ตอนที่ 984 ไม่เสียใจกับอดีตหรือหวาดกลัวอนาคต!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 983 แค่นี้ก็กลัวแล้ว / ตอนที่ 984 ไม่เสียใจกับอดีตหรือหวาดกลัวอนาคต!
ตอนที่ 983 แค่นี้ก็กลัวแล้ว
ถังหยวนซือวางคางที่ไหล่ของเธอพลางเรียกเธอเบาๆ “ซินเอ๋อร์”
ริมฝีปากแนบกับติ่งหูของเธอ
ลมหายใจอุ่นๆพ่นอยู่ริมหู
ใบหูเล็กๆของเธอกลายเป็นสีแดงเนื่องจากเขาเข้ามาประชิดตัว
ซั่งซินกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน เธอจึงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สบายใจ อยากจะอยู่ห่างจากเขา
กำลังจะก้าวเท้า ถังหยวนซือก็ก้าวตามหลัง ชิดกับแผ่นหลังของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถ้าฉันรู้สึกไม่สบาย ฉันจะบอกเธอทันที แต่เธอก็เห็นนี่ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นอะไร การนั่งวีลแชร์มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระเธอ”
พอถังหยวนซือพูดเสร็จ ซั่งซินก็วางเสื้อผ้ากลับไปใส่ในตู้
ในที่สุดก็หันกลับมามองเขา
ตอนที่ถังหยวนซือคิดว่าในที่สุดตัวเองก็สามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้แล้ว ต่อมาก็ได้ยินเธอพูดกับคุณหมอ “เราไม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปทำเรื่องอยู่ต่อ”
“ฉันนั่ง!” ถังหยวนซือรั้งเธอไว้ พูดขึ้นมาโดยไม่ต้องคิด
“อย่าว่าแต่นั่งวีลแชร์เลย ตอนนี้ให้ฉันนั่งบนกระดานเข็มฉันก็นั่ง!”
“ไม่อายที่ต้องขายหน้า หรือไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระแล้วเหรอ?” ซั่งซินก้มหน้าเหลือบมองแขนตัวเองที่โดนเขาจับไว้พลางถามติดตลก
ถังหยวนซือ “…”
ตอนนี้เขากล้าที่ไหนล่ะ
กลัวว่าภรรยาจะพาลูกของเขาไป พอโมโหก็ทิ้งเขาไว้ในมุมมืดของโรงพยาบาลตามลำพัง
เขาไม่เคยลืมว่าซั่งซินของเขาเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาโดยตลอด แต่พอโมโหขึ้นมาวัวสิบตัวก็ฉุดไว้ไม่อยู่
ถังหยวนซือจึงเดินไปนั่งบนวีลแชร์แต่โดยดี
ขณะที่กำลังคิดว่าจะผลักวีลแชร์ด้วยตัวเองยังไงหรือจะให้ผู้ช่วยของเขามาเข็นให้ ซั่งซินก็เดินมาข้างหลังเขา จับที่จับของวีลแชร์แล้วผลักเขาไปข้างหน้า
ถังหยวนซือขมวดคิ้ว “ซินเอ๋อร์ เธอยังท้องอยู่นะ…”
“ท้องแล้วยังไง? ลูกยังเล็กอยู่เลย แล้วฉันก็ไม่ได้ป่วยด้วย คุณหมอก็บอกแล้วว่าถ้าไม่ได้รู้สึกไม่สบาย ออกกำลังกายนิดๆหน่อยๆจะส่งผลดีต่อแม่กับลูก”
ซั่งซินแย้งแล้วเข็นเขาออกจากห้องผู้ป่วย
ระหว่างลงบันไดออกจากโรงพยาบาล คู่ชายหล่อหญิงงามต่างก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อย
เมื่อเห็นถังหยวนซือนั่งอยู่บนวีลแชร์ ก็พากันส่งสายตาแสดงความเห็นอกเห็นใจประมาณว่า “หนุ่มคนนี้ทั้งหล่อและยังเด็ก ทำไมถึงพิการไปได้”
ถังหยวนซือแทบจะนั่งนิ่งต่อไปไม่ไหว อยากลุกขึ้นจากวีลแชร์เพื่อต้องการจะพิสูจน์ว่าแขนขาเขายังแข็งแรงดี
“ซินเอ๋อร์ นี่คือจุดประสงค์ของเธอใช่ไหม? ให้ฉันเห็นว่าตอนนี้ตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดไหน…”
“เอี๊ยด——”
วีลแชร์หยุดกะทันหัน
หากไม่ใช่เพราะถังหยวนซือรู้สึกตัวเร็วคว้าพนักแขนไว้ทัน ตอนนี้เขาคงกระเด็นออกไปแล้วแน่ๆ
เขาหันกลับมามองคนข้างหลังด้วยความงุนงง
ซั่งซินมองเขาด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ
พูดเบาๆ
“แบบนี้ก็ไร้ประโยชน์แล้วเหรอ?”
“ซินเอ๋อร์ ฉันก็แค่…” ถังหยวนซือเผชิญหน้ากับสายตาผิดหวังของเธอ ไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไรดี เขาแค่เกลียดสภาพแบบนี้ที่ต้องให้เธอคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา
ซั่งซินปล่อยมือที่จับวีลแชร์ เดินอ้อมไปตรงหน้าเขา
“พี่เสี่ยวซือ คุณลุกขึ้นได้ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังหยวนซือก็ถึงกับผงะ เขาลุกจากวีลแชร์ทันทีและยืดเส้นยืดสายอย่างสบายตัว
กำลังจะบอกเธอว่าเขาเดินไปเองน่าจะดีกว่า แต่ซั่งซินกลับพูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆ
“คุณดูสิ คุณอยากยืนก็ยืนได้ ฉันแค่ให้คุณนั่งวีลแชร์แป๊บเดียว คุณก็คิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์ซะแล้ว ถ้าวันไหนคุณอยากยืนจริงๆแล้วยืนไม่ไหว…”
ซั่งซินพูดยังไม่ทันจบ สีหน้าถังหยวนซือก็เปลี่ยนไป
ตอนที่ 984 ไม่เสียใจกับอดีตหรือหวาดกลัวอนาคต!
ซั่งซินไม่พูดอะไรต่อ เธอทิ้งวีลแชร์ให้ผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังพวกเขา
พาเขาเดินไปอีกทางหนึ่งของโรงพยาบาล
ซึ่งเป็นสถานที่รับผู้ป่วยทุพพลภาพที่อยู่ในโรงพยาบาล
และเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องพึ่งวีลแชร์จริงๆถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้
แต่ทุกคนที่นี่กลับไม่ได้เสียใจที่ตัวเองมีสภาพร่างกายเป็นแบบนี้ เมื่อมองออกไปจะเห็นได้ว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักในการปรับตัวให้เข้ากับอุปกรณ์ใหม่ ต้องการพึ่งความสามารถของตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
“พี่เสี่ยวซือ คุณคิดว่าพวกเขาไร้ประโยชน์เพียงเพราะนั่งวีลแชร์หรือไม่?” ซั่งซินมองชายที่อยู่ข้างๆ
ร่างสูงใหญ่ของถังหยวนซือยืนตระหง่านอยู่หน้าประตู
ดวงตาที่อบอุ่นเป็นประกายซับซ้อน
แม้ผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าจะมีสภาพร่างกายไม่สมประกอบด้วยเหตุผลนานานับประการ แต่พวกเขาก็ยังมีสภาพจิตใจที่ฮึกเหิม พยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้งไม่แพ้คนปกติเลย
มันจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร?
“ซินเอ๋อร์…”
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ชีวิตมอบความทุกข์ทรมานให้เรามากมาย แต่ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมมีหวัง ยืนหยัดใช้ชีวิตต่อไปด้วยความเชื่อมั่น แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง ก็ถือว่าทำเพื่อคนที่รักคุณ!”
ซั่งซินชี้ไปที่มุมหนึ่งในห้องกายภาพ
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆผูกเชือกรองเท้าให้แฟนตัวเองอยู่ตรงนั้น
จากนั้นเขาก็พาเธอที่เพิ่งใส่ขาเทียมค่อยๆเดินไปข้างหน้าทีละก้าว
เดินไปได้เพียงระยะทางสั้นๆ ทั้งสองก็กอดกันด้วยความดีใจ เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มทั้งน้ำตา…
ในสายตาคนรอบข้างนี่คือภาพที่พบได้ทั่วไปในห้องกายภาพ
แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ก้าวสั้นๆไม่กี่ก้าวนี้อาจหมายถึงชีวิตใหม่…
ทุกชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ควรค่าแก่การชื่นชม!
ตั้งแต่ออกมาจากห้องกายภาพ
ถังหยวนซือก็เงียบมาตลอด
เขาเพียงจับมือซั่งซินแน่นๆ
มือซั่งซินที่โดนเขาจับรู้สึกปวดหน่อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินอยู่ข้างๆเขาอย่างเงียบๆ กลับไปยังที่เดิมที่พวกเขาเดินจากมา
ผู้ช่วยยังคงถือวีลแชร์รออยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นวีลแชร์นั้น ฉากบีบหัวใจในห้องกายภาพเมื่อสักครู่นี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวถังหยวนซือ
ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะมาถึงก่อนกัน
แต่พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ได้โดยไม่ต้องมานึกเสียใจกับอดีตหรือหวาดกลัวอนาคต!
ดวงตาถังหยวนซือมีแสงแวบผ่าน เขาปล่อยมือเธอแล้วเดินไปนั่งวีลแชร์ตรงหน้าด้วยตัวเอง
พอปรับตำแหน่งได้ก็ลองใช้งาน
เลื่อนออกไปได้สักระยะก็หยุดอีกครั้ง
หันกลับไปมองซั่งซินที่กำลังยืนอึ้งอยู่ไม่ไกล “ซินเอ๋อร์ เธอจะเข็นฉันกลับไม่ใช่เหรอ?”
“……”
เมื่อซั่งซินมองชายหนุ่มที่กำลังยิ้มอยู่ตรงหน้า หัวใจก็สั่นอย่างรุนแรง!
เขากำลังนั่งวีลแชร์ ร่างตรงของเขาถูกบีบให้อยู่ในช่องเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าแคบไปหน่อย แต่เขาก็ยังดูสุขุม
มุมหนึ่งของตึกโรงพยาบาล พระอาทิตย์กำลังตกดิน
ร่างของเขาถูกอาบด้วยแสงแดดที่อบอุ่น ใบหน้าที่งดงามดูอ่อนโยน
ยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม
มองเธอด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความรัก…
เธอไม่เคยเห็นเขาผ่อนคลายและมั่นใจในตัวเองแบบนี้มานานมากแล้ว…
ทันใดนั้นซั่งซินก็เหมือนจะเดินไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน เธอเดินไปตรงหน้าเขาทีละก้าวเหมือนหุ่นยนต์
เอื้อมมือไปจับวีลแชร์ของเขา
เธอได้ยินเสียงตัวเองราวกับมาจากฟากฟ้าอันไกลโพ้น “ได้ เรากลับบ้านกัน!”
ปากบอกว่าจะกลับบ้าน แต่สุดท้ายถังหยวนซือก็ไม่ได้จะให้ซั่งซินเข็นเขากลับบ้านจริงๆ แต่ไปที่ที่ไม่มีใครนึกถึง!