หัวโจก - ตอนที่ 10 มีเรื่องจะปรึกษา
ไม่รอให้โจวจิ้งได้อธิบาย เฮ่อซวินก็เดินจากไป
“เด็กสมัยนี้แล้งน้ำใจจริงๆ กะจะให้ช่วยถือกล้องเป็นนายแบบสักหน่อย เผื่อจะดึงดูดสายตาลูกค้าบ้าง แต่นี่อะไร เล่นเดินหนีแบบไม่เห็นฝุ่นเลย!”
โจวจิ้งเอามือเท้าคางครุ่นคิด สักพักก็นึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่อยู่ในห้องแล็บวันนั้นด้วย ในเมื่อเมี่ยเจวี๋ยไม่เชื่อใจเธอกับเจ้าเขียว ก็คงต้องให้เด็กห้องกิฟต์ช่วยพูดแทน
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ การมีเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างเฮ่อซวินกับหยวนคังฉีมาช่วย ก็อาจทำให้หญิงแก่อย่างเมี่ยเจวี๋ยยอมเชื่อ
โจวจิ้งเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ใจคิดอยากจะโทรหาพวกเขาเพื่อให้ช่วยมาเป็นพยาน แล้วก็นึกได้ว่าไม่มีเบอร์
ปกติหากคิดจะทำอะไร เธอจะลงมือทันที เช่นนี้จึงล้มเลิกแผนการขายกล้องที่ตลาดนัดและโพสต์ขายในเว็บบอร์ดเพียงอย่างเดียว
เฝิงเอี้ยนที่นอนอยู่เตียงข้างล่างได้ยินเสียงพลิกตัวของโจวจิ้งตลอดทั้งคืน พอฟ้าเริ่มสาง เธอก็ลุกขึ้นเลือกเสื้อผ้าในตู้
ผ่านไปนานก็ยังไม่เจอชุดที่ดูปกติเหมือนชาวบ้านทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นสายเดี่ยวที่ห้อยโน่นนี่เต็มไปหมด
สุดท้ายก็จำใจต้องเอาชุดนักเรียนยวู่เต๋อและกางเกงวอร์มออกมาใส่ แต่หากเทียบกับชุดมัธยมของเธอ ก็นับว่าสวยมากแล้ว
ตอนใส่ชุดนักเรียนออกจากห้อง เฝิงเอี้ยนถึงกลับอ้าปากค้าง เหมือนมีคำถามเป็นล้านที่อยากจะถาม แต่ก็กลั้นไว้ไม่กล้าพูด
“อรุณสวัสดิ์จ้า” โจวจิ้งสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
พอถึงโรงเรียน เธอก็ตรงไปที่ห้องกิฟต์โดยไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะเงินในบัตรไม่เหลือแล้ว
ห้องกิฟต์อยู่บนชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับเด็กห้องวิทย์
ชั้นนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ยังไม่ทันถึงเวลาเข้าเรียนก็มีเด็กมานั่งเต็มห้องแล้ว ทั้งติวหนังสือ ทั้งท่องคำศัพท์ แผ่รังสีความเป็นเด็กเนิร์ดอย่างล้นหลาม
จู่ๆ เด็กหนุ่มร่างเล็กใส่แว่นก็เดินเข้ามาทักโจวจิ้ง “เธอเป็นใคร?”
“โจวจิ้ง ห้องยี่สิบ”
เด็กแว่นคนนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาจับจ้องอย่างสงสัย
คงเพราะเธอหน้าสดมาโรงเรียน แต่งกายเรียบร้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกคนจึงจำไม่ได้
“โจวจิ้ง ห้องยี่สิบมา!” เขาตะโกนบอกเพื่อนร่วมห้อง
ทุกคนในห้องกิฟต์พากันแตกตื่นราวกับน้ำต้มเดือด นักเรียนหลายคนชะโงกหน้าออกไปดูแบบกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะส่งสัญญาณให้เพื่อนในห้องรู้
“มาหาหลินเการึเปล่า?”
“หรือว่านัดตบกับใคร?”
พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆ นานา กระทั่งเฮ่อซวินรู้สึกสงสัยจึงชะโงกหน้าออกไปดูบ้าง แล้วก็ต้องตกใจราวกับเห็นผี
“มาที่นี่ทำไม?” เขาถาม
“มีเรื่องจะปรึกษา” โจวจิ้งตอบแบบไม่ลังเล “แล้ว… หนุ่มน้อยที่อยู่ในห้องแล็บกับเธอวันนั้นล่ะ?”
พูดยังไม่ทันขาดคำ หยวนคังฉีก็กระโดดออกจากด้านหลังของเฮ่อซวิน “หนุ่มน้อยอยู่นี่ มีอะไรเหรอ?”
เมื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตา โจวจิ้งจึงพูดขึ้นต่อ “ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย” แต่เมื่อชำเลืองไปเห็นเด็กห้องกิฟต์กำลังเงี่ยหูฟัง เธอก็เปลี่ยนใจ “ไปคุยอื่นดีกว่า”
แม้จะเข้าฤดูร้อนแล้ว แต่ลมบนดาดฟ้าก็ยังคงเย็นสบาย เหมาะกับการนั่งเล่นตอนโดดเรียนมาก
ใครจะนึกว่าเด็กห้องกิฟต์สองคนกับนักเลงสาวที่โด่งดังไปทั่วโรงเรียนจะยืนอยู่บนนั้นด้วยกัน
“มีอะไรก็รีบพูดมา!” เฮ่อซวินทำเสียงรำคาญ
“ทำไมเด็กห้องเธอต้องแตกตื่นเวลาเห็นฉันด้วย?” โจวจิ้งขมวดคิ้ว
“50% ของคนในห้องคิดว่าเธอมาสารภาพรัก ที่เหลือคิดว่าเธอนัดตบกับใครสักคนไว้ แต่ร้อยทั้งร้อยกำลังสงสัยว่าทำไมคนที่เธอมาหาไม่ใช่หลินเกา”
“ฉันมาหาหลินเกาบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เลิกนอกเรื่องได้แล้ว จะบอกได้รึยังว่านัดพวกเรามาทำไม?”
“ฉันขอพูดสั้นๆ แล้วกัน เคอเสี่ยวฝาน คนหัวเขียวที่ไปห้องแล็บกับฉันวันนั้นโดนกล่าวหาว่าขโมยเงินเด็กห้องเธอ”
“แล้ว?” หยวนคังฉีถามต่อ
“ตอนนั้นพวกเธออยู่ในเหตุการณ์ด้วย เลยอยากให้ช่วยเป็นพยานสักหน่อย ไม่มีใครยอมฟังฉันอธิบาย แต่ถ้าได้เด็กดีอย่างพวกเธอช่วยพูด อาจมีน้ำหนักมากขึ้น”
“เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นเพื่อเธอ” หยวนคังฉียกยิ้มมุมปาก “เพราะต่อให้เธอพูดความจริง และคนที่ไปฟ้องครูพูดโกหก เราก็ไม่อยากให้เพื่อนร่วมห้องต้องเดือดร้อนอยู่ดี”
โจวจิ้งถึงกับอ้าปากค้าง หยวนคังฉีดูเหมือนจะนิสัยดีแต่กวนประสาทไม่น้อย ขนาดพูดถึงเหยื่อผู้น่าสงสาร ยังยิ้มได้แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ผิดหรอกที่จะคิดแบบนี้” เธอพยายามสงบสติอารมณ์ “แต่เจ้าเขียวถูกใส่ร้าย อย่างน้อยช่วยชี้ตัวเพื่อนที่โกหกก็ยังดีกว่าใส่ร้ายคนอื่นนะหนุ่มน้อย”
“ทำไมชอบเรียกฉันว่าหนุ่มน้อย?”
“จะเรียกฉันว่าพี่สาวก็ได้นะ” โจวจิ้งตบไหล่หยวนคังฉีแล้วหันไปพูดกับเฮ่อซวินต่อ “เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เรื่องแค่นี้น่าจะช่วยได้ ถ้าไม่ตกลงล่ะก็… ฉันจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่ากำลังตามจีบเธออยู่ อยากมีชีวิตรันทดแบบหลินเกาก็เอา!”
พอเธอพูดจบ เฮ่อซวินก็ยืนตัวแข็งเป็นก้อนหิน
“ทำไมต้องเป็นเขา?” หยวนคังฉีถาม
“เป็นเขาแล้วจะทำไม?” โจวจิ้งลอยหน้าลอยตา
“เฮ่อซวินนิสัยเสียขนาดนี้ เทียบกันแล้วฉันน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หรือว่า… เธอเลิกชอบหลินเกาแล้วหันมาชอบเฮ่อซวินจริงๆ?”
ได้ยินที่เพื่อนรักพูด เฮ่อซวินก็ผงะถอยหลัง “เหลวไหลน่ะ!”
โจวจิ้งกลอกตามองบน “ตกลงจะช่วยไหม? เสร็จแล้วจะพาไปเลี้ยงข้าว”
“พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ” หยวนคังฉีพยักพเยิดหน้าให้เฮ่อซวินแล้วตอบแทนอีกฝ่าย “ตกลง”
“ไม่ตกลง!” เฮ่อซวินปฏิเสธ
“ช่วยๆ ไปเถอะ” หยวนคังฉีทำเสียงรำคาญ “ถ้าไม่ช่วยนายจะถูกตามจีบนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!”
“ไอ้… ไปไกลๆ เลย!” โจวจิ้งไล่