ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - ตอนพิเศษ 2
กู้ซีเข้าออกสกุลเผยบ่อยๆ เด็กรับใช้รู้ว่านางคือใคร ย่อมจะตอบอย่างไม่ปิดบังว่า “ฮู
หยินผู้เฒ่าจะมาฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวงขอรับ นายท่านรองให้เก็บกวาดเรือนฝั่งตะวันตกให้
เรียบร้อย”
เผยเซวียนเพิ่งจะได้เลื่อนตําแหน่งก็ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์
ให้ท่านแม่เฒ่า กู้ซีไม่รู้
ด้วยซํ้าว่ามีคําสั่งอวยยศลงมาแล้ว
คนในสกุลเผยถึงได้เปลี่ยนคําเรียกขานนางใหม่
กู้ซีใจเต้นแรงมาก แต่นางพยายามข่มหัวใจที่เต้นผิดจังหวะเอาไว้ แล้วเผยสีหน้าดีใจให้
เห็น “นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่ายินดีนัก แต่ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะมาถึงเมืองหลวงเมื่อไร? ใครติดตาม
นางมาบ้างรึ?”
ปีนั้นท่านแม่เฒ่ากับนายหญิงใหญ่เข้าเมืองหลวงมาพร้อมกัน ตั้งใจจะอยู่รอฉลองปี
ใหม่ที่เมืองหลวง จากนั้นค่อยไปเที่ยวเขาไท่ซานก่อนแล้วค่อยกลับหลินอัน สุดท้ายอวี้ถังตั้งท้อง
ท่านแม่เฒ่าปลื้มใจหนักหนา รั้งให้อวี้ถังอยู่เมืองหลวงต่อ แล้วเดินทางไปเขาไท่ซานคนเดียว
บอกว่าจะไปขอยันต์คุ้มภัยมาให้อวี้ถัง หลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวง ก็ช่วยดูแลอวี้ถังอยู่
เดือน พอลูกชายอวี้ถังครบหนึ่งขวบ เผยตันก็ออกเรือน นางถึงค่อยเดินทางกลับหลินอัน
หวนคิดเรื่องเหล่านี้ อ้อมแขนที่โอบอุ้มลูกชายเอาไว้จึงแข็งเกร็งขึ้นมา
เด็กรับใช้ได้ยินก็ส่ายหน้า ฉีกยิ้มแล้วตอบว่า “ข้าน้อยไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะมาถึงเมื่อไร
ขอรับ และไม่รู้ด้วยว่ามีใครติดตามมาบ้าง พ่อบ้านใหญ่เพียงสั่งให้พวกเรารีบเก็บกวาดเรือนนี้
ให้เสร็จภายในสองวันขอรับ”
นี่เพิ่งจะกลางเดือนสิบเอง
3117
กู้ซีถามไปอีกหลายประโยค ทว่าถามอะไรไปเขาก็ตอบไม่ได้สักอย่าง นางกลัวว่าจะ
กลายเป็นจุดสนใจ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ขอบใจเจ้ามาก” บุ้ยใบ้บอกเหอเซียงตกรางวัลให้เขา
ด้วยเงินเล็กหน่อย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเรือนพักของนายหญิงรอง
เหอเซียงเห็นสีหน้าของกู้ซีไม่สู้ดีนัก อดจะกระซิบถามไม่ได้ว่า “นายหญิงน้อย ฮูหยินผู้
เฒ่าจะมาที่นี่ พวกเราต้องเตรียมตัวไหมเจ้าคะ?”
นอกจากไปคอยต้อนรับพร้อมสกุลเผยแล้ว ยังต้องเตรียมของหายากมาเป็นของขวัญ
แสดงความกตัญ�ูให้ฮูหยินผู้เฒ่าด้วย และหากเชิญฮูหยินผู้เฒ่าไปกินข้าวที่เรือนได้ เช่นนั้น
ย่อมจะประเสริฐที่สุด
กู้ซีร้องตอบว่า “อืม” อย่างใจลอย ครุ่นคิดว่าอวี้ถังจะติดตามฮูหยินผู้เฒ่ามาเมืองหลวง
ด้วยหรือไม่
กิจการของสกุลเผยในช่วงนี้เป็นอย่างไรกู้ซีไม่ได้ติดตามข่าว แต่กิจการของสกุลอวี้กลับ
ใหญ่โตขึ้นทุกวัน ช่วงต้นปีนี้เอง อวี้หย่วนกับสหายบ้านเดียวกันที่ชื่อว่าเหยาซานก็มาเปิดร้าน
ขายของจิปาถะที่เมืองหลวง นางยังตั้งใจไปชมดูเป็นพิเศษ
ร้านค้าตั้งอยู่บนช่วงถนนที่คึกคักที่สุดของถนนตะวันตก เป็นห้องยาวห้าคูหา นอกจาก
จะขายเครื่องลงรักแล้วยังขายสินค้าที่นําเข้ามาจากเรือ แต่ไม่เหมือนกับสินค้าหรูหราของสกุล
เถา สินค้าที่ขายในร้านจิปาถะของสกุลอวี้มีราคาค่อนข้างถูก ดูก็รู้ว่าขายความแปลกใหม่ให้คน
ที่สนใจเอาไปลองเล่นสนุกๆ
ทว่า มีคนไม่น้อยยินดีจะจ่ายเงินซื้อ
ไม่รู้ว่าสกุลเผยช่วยเหลือเป็นการภายในมากน้อยเพียงใด?
กู้ซีขบคิดไปพลาง ไม่นานสองคนก็มาถึงโถงหลักของเรือนนายหญิงรอง
สาวรับใช้รีบไปแจ้งต่อนายหญิงรอง แม่นมจินเดินเข้ามาต้อนรับพวกนางด้วยดวงหน้า
เปื้อนยิ้ม
3118
นายหญิงรองนั่งอยู่บนตั่งไม้ยาว กําลังคุยกับเหล่าหญิงผู้ดูแลอยู่ พอพวกนางเข้ามาก็
ขัดจังหวะการสนทนาทันที นายหญิงรองจึงลุกขึ้นแล้วกวักมือเรียกหยวนเกอเอ๋อร์ว่า “ไอหยา
หยวนเกอเอ๋อร์ของพวกเรามาแล้วรึ!”
หยวนเกอเอ๋อร์มาที่นี่บ่อยๆ จึงไม่ได้รู้สึกแปลกที่ เขายิ้มร่าและวิ่งเข้าไปหานายหญิง
รอง
นายหญิงรองอ้าแขนรับหยวนเกอเอ๋อร์อย่างใจดี
สาวใช้ที่อยู่ข้างกายรีบช่วยถอดหมวก ผ้าพันคอ และผ้าคลุมออกให้เขาทันที
หญิงผู้ดูแลสองสามคนต่างย่อกายคารวะกู้ซี
กู้ซีเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินเข้าไปคารวะนายหญิงรอง
นายหญิงรองวางหยวนเกอเอ๋อร์ที่ร่าเริงขึ้นหลายเท่าเพราะถอดเสื้อนอกออกแล้วไว้บน
ตั่งไม้ ทางหนึ่งหยิบส้มมาป้อนให้หยวนเกอเอ๋อร์กิน ทางหนึ่งก็เอ่ยกับกู้ซีว่า “ไม่ใช่คนอื่นเสีย
หน่อย ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก”
แม้วาจาจะพูดเช่นนั้น แต่กู้ซีจะวางตัวเหมือนไม่รู้ธรรมเนียมไม่ได้
นายหญิงรองเอ่ยกับหญิงผู้ดูแลว่า “เรื่องวันนี้ก็ตามที่คุยกันไป พวกเจ้าไปจัดการตามที่
ข้าสั่งเถอะ มีปัญหาติดขัดตรงไหน ค่อยกลับมารายงานข้า”
หญิงผู้ดูแลตอบพร้อมกันว่า “เจ้าค่ะ” ก่อนจะทยอยล่าถอยไป
กู้ซีบอกเหอเซียงมอบนํ้าเชื่อมลูกแพร์ให้กับสาวใช้คนสนิทของนายหญิงรอง แล้วเอ่ย
ด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกแพร์ครานี้ไม่ดีเท่าครั้งก่อน ข้าเลยเพิ่มผิวส้มเข้าไปหน่อย หากว่าอาหญิงรอง
กินแล้วไม่ถูกปาก เช่นนั้นก็ให้สาวใช้มาบอกเหอเซียงสักคํา ข้าจะทําให้ใหม่เจ้าค่ะ”
นายหญิงรองหัวเราะพลางเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะพูดอย่างซึ้งใจว่า “ต้องลําบากเจ้าแล้ว
ช่างละเอียดใส่ใจกว่าอาตันของข้าเสียอีก”
3119
กู้ซีกล้ารับคําชมไว้เสียที่ไหน นางรีบตอบว่า “อาตันอายุยังน้อย ลูกนางก็กําลังอยู่ในวัย
ซุกซน นางคงมีใจแต่ไร้กําลังเจ้าค่ะ” พอตอบความแล้ว นางก็รีบเปลี่ยนเรื่อง เอ่ยถามเหตุการณ์
ที่นางเห็นตอนเข้ามาว่า “ได้ยินว่าท่านย่าจะมาเมืองหลวง ข้าไม่รู้ว่ามีประกาศอวยยศลงมาแล้ว
คงต้องฉลองกันสักหน่อยนะเจ้าคะ” แล้วเอ่ยต่อว่า “นางจะมาถึงเมืองหลวงตอนไหนหรือ? ถึง
เวลานั้นท่านช่วยบอกข้าสักคํา ครั้งก่อนนางยังไปเยี่ยมอาถงเป็นพิเศษ พวกเราต่างก็จําได้ดี!”
นายหญิงรองหัวเราะเหอะๆ
ท่านแม่เฒ่าแม้จะไม่ชอบสะใภ้ใหญ่ แต่ก็รักใคร่หลานชายคนโต
ครั้งก่อนตอนที่มาเมืองหลวง ยังแวะไปดูที่พักของพวกนางรอบหนึ่ง กําชับความกับ
เผยถงเป็นครึ่งค่อนวัน
นายหญิงรองนึกดูแล้วก็เอ่ยกับกู้ซีว่า “ไม่ใช่ท่านย่าหรอก เป็นอาสามต่างหาก ฮ่องเต้
ขึ้นครองบัลลังก์เป็นปีแรก อาสามของเจ้าอยากมาดูที่เมืองหลวงสักหน่อย อาหญิงสามย่อม
ติดตามมาด้วย ท่านแม่เฒ่าไม่อาจตัดใจจากหลานสองคนได้ จึงได้ตามมาด้วยกันทั้งหมด”
ตั้งแต่ที่กู้ซีเห็นบ่าวรับใช้ทําความสะอาดเรือนหลังนั้น นางก็เดาออกแล้วว่าอวี้ถังต้อง
มาด้วย
ตอนนี้พอยืนยันข่าวได้แล้ว คนกลับสงบนิ่งกว่าเดิม
นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า “อาสามกับอาหญิงสามยังรักกันดีเช่นเก่า ไปที่ไหนก็ตัวติดกันตลอด
เช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่ามิต้องเหนื่อยแย่เลยหรือเจ้าคะ”
อย่างไรก็แยกสกุลแล้ว บางคําพูดได้ บางคําก็ไม่สะดวกจะพูดออกไป
นายหญิงรองหัวเราะ “พวกเขาสองสามีภรรยาอายุยังน้อย จะตัวติดกันก็ไม่ใช่เรื่อง
แปลก ข้าฟังจากอารองเจ้า บอกว่าพวกเขาคงมาถึงประมาณสิ้นเดือน ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคน
ไปแจ้งข่าว เจ้าก็มาโขกศีรษะคารวะฮูหยินผู้เฒ่าด้วย”
3120
กู้ซียิ้มรับแล้วถามถึงลูกชายสองคนของอวี้ถังว่า “ใกล้จะถึงวันเกิดของเจี้ยงเกอเอ๋อร์
กับเชี่ยนเกอเอ๋อร์แล้วนี่เจ้าคะ?”
ลูกชายสองคนของอวี้ถัง คนโตเจี้ยงเกอเอ๋อร์เกิดวันที่สิบเดือนสิบเอ็ด คนรองเกิดวันที่
หกเดือนสิบสอง
เดิมทีหากไม่อยู่เมืองหลวงก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้ถ้ามาถึงเมืองหลวง พวกนางที่เป็น
ญาติผู้พี่และสะใภ้ อย่างไรก็ต้องเตรียมของขวัญวันเกิดให้ด้วย
นายหญิงรองถามอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าจําได้ด้วยรึ?”
กู้ซียิ้มตาหยีพยักหน้า แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคางน้อยที่เลอะไปด้วยหยดนํ้าส้ม
ให้ลูกชาย
นางจะลืมลงได้อย่างไร!
เจี้ยงเกอเอ๋อร์ลูกชายคนโตของอวี้ถังแก่ว่าหยวนเกอเอ๋อร์สี่ปี ตอนที่เจี้ยนเกอเอ๋อร์อายุ
ได้สามขวบ อวี้ถังก็ให้กําเนิดลูกชายคนรองนามว่าเผยเชี่ยน ด้วยเหตุนี้ นายหญิงใหญ่จึงชักสี
หน้าใส่นางตลอด นางได้แต่รองรับอารมณ์ของนายหญิงใหญ่ แต่ก็ต้องส่งของขวัญไปเมือง
หลินอันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นางคงจดจําได้ไปชั่วชีวิต
นายหญิงรองพันผ้ากันเปื้อนให้หยวนเกอเอ๋อร์ “อารองเจ้าจึงได้บอกว่า โอกาสหายาก
นัก จะต้องจัดงานวันเกิดให้เจี้ยงเกอเอ๋อร์กับเชี่ยนเกอเอ๋อร์ให้ได้”
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เผยเซวียนยังต้องอยู่เมืองหลวงอย่างน้อยยี่สิบปี โอกาสที่
จะได้เจอเผยเจี้ยงและเผยเชี่ยนมีไม่มากนัก
กู้ซีได้แต่แสร้งตีหน้าตื่นเต้นดีใจ ยิ้มแฉ่งพลางเอ่ยว่า “ถึงตอนนั้นข้าจะมาช่วยด้วยเจ้า
ค่ะ”
3121
“แน่นอนอยู่แล้ว” นายหญิงรองเอ่ย พลันนึกถึงเรื่องงานแต่งของเผยเฟยขึ้นมาได้ จึง
ถามว่า “ยังกําหนดไม่ได้อีกรึ? แม่สามีเจ้าว่าอย่างไรบ้าง?”
เผยเฟยปีนี้อายุยี่สิบปีแล้ว แต่งานแต่งยังไร้วี่แววโดยสิ้นเชิง
กู้ซีแสยะยิ้มในใจ สีหน้าไม่แสดงออก เอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมหลายส่วน “ใช่
ว่าไม่มีสกุลดีๆ ยอมเกี่ยวดองด้วย แต่แม่สามีข้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะหาคนที่มาช่วยส่งเสริมเขาได้
แต่หลายปีมานี้ กระทั่งสนามสอบระดับเมืองเขายังสอบไม่เคยผ่าน เรื่องงานแต่งจึงลําบากอยู่
บ้างเจ้าค่ะ”
แค่ลําบากอยู่บ้างเสียที่ไหน!
หากยึดตามมาตรฐานของนายหญิงใหญ่ นอกเสียจากสกุลไหนจะเสียสติ ถึงจะยอม
ยกบุตรสาวให้แต่งงานกับเผยเฟย
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้คงต้องโทษว่าเป็นความผิดของสกุลหยาง
ปีนั้นพอเห็นว่าพวกเขาได้รับเงินมาหนึ่งแสนหน้าหมื่นตําลึง นายท่านรองกับนายท่าน
สามสกุลหยางยังต้องพึ่งพาสกุลเผยสะสางปัญหาให้ หลังจากที่นายหญิงใหญ่มาถึงเมืองหลวง
พวกเขาก็เสนอให้เผยเฟยมาเป็นเขยชายสกุลตนทันที
นายหญิงใหญ่กําลังรู้สึกเคว้งคว้างเพราะเรื่องแยกสกุล พอได้ฟังก็ตอบตกลงทันที ทั้ง
ยังให้กู้ซีมอบเงินห้าพันตําลึงเป็นของหมั้นให้แก่สกุลหยาง
ใครจะคิดว่าเผยเฟยไม่เอาถ่าน ลงสอบระดับเมืองหลายครั้งแต่ไม่ผ่านเสียที สกุลหยาง
ไม่คิดฝากความหวังไว้ที่เขาอีก ทั้งหลังจากที่คุณหนูเจ็ดสกุลซ่งแต่งกับหลานชายของผู้ว่า
การเมืองเจียงซู สกุลซ่งเองก็ได้ผลประโยชน์อย่างลับๆ มาไม่น้อย คุณหนูสกุลหยางล้วนเป็น
โฉมงาม เดิมการแต่งงานก็มิใช่เรื่องยากเย็นอะไร คุณหนูหลายคนของสกุลหยางได้แต่งออกไป
กับสกุลใหญ่หลายสกุล แต่สุดท้ายก็ไม่กําหนดตัวเสียทีว่าจะยกคุณหนูคนไหนให้แต่งกับเผย
เฟยแน่
3122
เรื่องนี้ยืดเยื้อออกไป จนเผยถงลงสอบสนามรอบฤดูใบไม้ผลิครั้งที่สองไม่ผ่าน สกุล
หยางก็ไม่เคยยกเรื่องเกี่ยวดองขึ้นมาพูดอีก อายุของเผยเฟยก็มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหาคนที่
เหมาะสมยากเข้าไปใหญ่
ตอนแรกนายหญิงรองก็ไปเกลี้ยกล่อมนายหญิงใหญ่ บอกให้ลดมาตรฐานลงบ้าง หา
สกุลบัณฑิตสักสกุล ต่อให้เป็นลูกสาวของซิ่วไฉก็ใช้ได้แล้ว นายหญิงใหญ่คิดว่านายหญิงรอง
เยาะเย้ยนาง จึงจดจําคํานี้ใส่ใจ ยืนกรานจะหาลูกสาวของขุนนางใหญ่ขั้นสามมาแต่งกับเผย
เฟยให้ได้ บางสกุลด้วยเห็นแก่หน้าเผยเซวียนจึงยอมรับปาก แต่ที่ยอมให้ออกเรือนด้วยกลับ
เป็นลูกสาวของอนุ ทําเอานายหญิงใหญ่เดือดดาลจนล้มป่ วยลง
บัดนี้งานแต่งของเผยเฟยไม่เป็นลูกผีลูกคน ทั้งเพราะไปดูตัวมาหลายครั้งแล้ว ชื่อเสียง
ที่ลือออกไปจึงไม่น่าฟังเท่าไร ยากจะเจอคนที่ยอมตกลงปลงใจด้วย
นายหญิงรองนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังขุ่นเคืองอยู่ นาง
เอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ข้าเห็นนางเป็นสะใภ้เหมือนกัน ถึงได้พูดออกไปตรงๆ นางกลับเชื่อ
แต่คําของสกุลหยางอยู่แบบนั้น” พูดถึงตรงนี้ เห็นว่ากู้ซีเป็นคนรุ่นหลาน ละอายเกินกว่าจะโอด
ครวญต่อ จึงหันไปถามถึงสกุลหยางว่า “ตอนที่ฮ่องเต้ขึ้นนั่งบัลลังก์มิใช่พระราชทานอภัยโทษ
ให้ทั่วหล้ารึ? ข้าจําไม่ค่อยได้เท่าไร คุณหนูสามหรือคุณหนูห้าของสกุลหยาง คนไหนที่แต่ง
ให้กับขุนนางที่อยู่ศาลต้าหลี่ นายท่านรองกับนายท่านสามของสกุลนั้นคงใกล้กลับมาแล้ว
กระมัง?”
“คุณหนูห้าเจ้าค่ะ” กู้ซีมาครั้งนี้ เดิมตั้งใจจะหาจังหวะคุยเรื่องนี้กับนายหญิงรอง แต่
เป็นนายหญิงรองที่เอ่ยขึ้นมาก่อน นางจึงลอบยินดี แต่แสร้งตีสีหน้าขุ่นเคืองพลางเอ่ยว่า “ถ้า
ท่านไม่พูดขึ้นมาก่อน ข้าคงไม่อยากจะเอ่ยถึง ท่านไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าคนสกุลนั้นตํ่าช้าแค่ไหน
อุตส่าห์ช่วยจัดการปัญหาเรื่องนายท่านรองกับนายท่านสามให้พวกเขา ยังจะวิ่งมาขอยืมเงิน
กับพวกข้าอีก ทั้งพอเปิดปากก็จะเอาถึงห้าหมื่นตําลึง”
“แล้วแม่สามีข้าก็ยังจะยอมให้พวกเขายืมอีก!”
3123
“ข้าไม่มีทางอื่น ได้แต่ถามแม่สามีว่า เงินห้าหมื่นนี้นับเป็นของใคร? ให้ดึงจากบัญชี
ไหนมาใช้?”
“แม่สามีข้าเลยยกเรื่องที่ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยแบ่งเงินให้พวกเราหนึ่งแสนห้าหมื่นตําลึง
มาพูด”
“ข้าเลยบอกไปว่า เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตําลึงนี้ อารองเป็นคนให้มาห้าหมื่นตําลึง
นับเป็นเงินส่วนรวม ส่วนอีกหนึ่งแสนตําลึงจึงจะเป็นส่วนที่พวกเราสมควรได้ พวกเขาสองพี่น้อง
ตามหลักก็แบ่งกันคนละห้าหมื่นตําลึง ข้ายังเอารายจ่ายในเรือนตลอดหลายปีมาคิดให้แม่สามี
ดู จากนั้นก็ถามน้องสามีว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ หากว่าเขาเห็นด้วย ก็เอาเงินสองหมื่นห้าพัน
ตําลึงออกมาในชื่อเขา บวกกับเงินห้าพันตําลึงที่ให้สกุลหยางไป ต่อไปหากเขาแต่งงาน ข้าก็จะ
มอบเงินอีกสองหมื่นตําลึงที่เหลือให้เขา”
“ขอเพียงถึงเวลานั้นเขาอย่าได้พูดว่าข้าโลภจะเอาเงินของเขาก็พอ”