ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ ตอนพิเศษ 3
นายหญิงรองเอาส่วนของตัวเองออกมา เพื่อช่วยเหลือเผยถง ไม่ใช่ให้คนสกุลหยางใช้
จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
นางได้ฟัง ก็โมโหจนตัวสั่นทันที หยัดกายตรงเอ่ยอย่างตึงเครียด “เช่นนั้นอาเฟยว่า
อย่างไร?”
กู้ซีถอนหายใจ เอ่ยว่า “ล้วนไม่ใช่คนเลอะเลือน น้องสามีย่อมไม่ยินดี แม่สามีข้ายัง
ทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรงเพราะเรื่องนี้”
นางจึงเสนอความคิดให้เผยเฟย ต้นฤดูใบไม้ผลิก็ไปเรียนหนังสือข้างนอก หากมีคน
ถามขึ้นมา ก็กล่าวว่าเงินนี้เขาให้อารองเผยเซวียนช่วยดูแล มีคนอยากยืมเงินก็ให้ไปหาอารอง
เขา
แม้เผยเฟยจะมาเมืองหลวงหลายปีแล้ว แต่ชายหญิงมีธรรมเนียมที่แตกต่าง รวมกับ
ภายหลังนายหญิงใหญ่ก็ไม่ชื่นชอบกู้ซีเท่าใด แต่งเรื่องใส่ความนางต่อหน้าลูกชายสองคนไม่
น้อย ความสัมพันธ์ของกู้ซีและเผยเฟยจึงห่างเหินอย่างยิ่ง ครั้งนี้กู้ซีออกความคิดให้เขาอย่างไม่
เคยเป็นมาก่อน เขาคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ก่อนหน้านี้นายหญิง
ใหญ่ไม่ชอบกู้ซี
คงจะเป็นเรื่องที่บันดาลโทสะกับเขาในยามนี้…ไม่เชื่อฟังนาง ไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ
ช่วยเหลือสกุลหยาง
แต่ก่อนหน้านี้เพราะพี่ใหญ่ของเขาสอบขุนนางไม่ผ่าน สกุลหยางก็ยิ่งออกห่างจากสกุล
พวกเขาไปเรื่อยๆ เหตุใดพวกเขายังต้องกระตือรือร้นเพื่อสกุลหยางอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เผยเฟยก็เป็นทายาทของสกุลเผย ไม่เคยถูกรังแกอันใด แม้จะ
กล่าวว่าการสอบไม่ค่อยราบรื่น แต่ก็ไม่อาจมีใครมาพูดจาเสียดสีต่อหน้าเขา เขายังแฝงความ
หยิ่งผยองของเด็กหนุ่ม ไม่ค่อยเห็นดีกับการกระทําของสกุลหยางเท่าไร
3125
นอกจากเขาจะฟังกู้ซีแล้ว ยังต่อปากต่อคํากับมารดา เอ่ยกับนายหญิงใหญ่ว่า “ข้าไม่
สนว่าพวกท่านจะปรึกษากันอย่างไร ส่วนของข้า ใครก็ไม่อาจยุ่งได้ หากท่านแม่คิดว่าเรื่องของ
ท่านลุงสําคัญกว่า ข้าจําได้ว่าในมือท่านแม่ยังมีสินเดิมอยู่ไม่น้อย มิสู้ขายออกไปช่วยเหลือสกุล
ท่านลุง ก็นับว่าคืนของสู่ที่เดิมเช่นกัน”
นายหญิงใหญ่โมโหอย่างยิ่ง ด่าเผยเฟยออกมาว่า “เห็นแก่ตัว”
เผยเฟยแค่นยิ้ม ก่อนจะสะบัดเสื้อคลุมจากไป
กู้ซีคิดว่าเผยเฟยน่าสนใจไม่น้อย จึงเติมเชื้อไฟเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด เอ่ยว่า “เมื่อก่อนอยู่
ในความรับผิดชอบของสกุลเผย ทุกคนจึงไม่รับรู้อะไร ยามนี้พวกเราก่อตั้งสกุลเอง ไปที่ไหน
ล้วนต้องจ่ายเงิน ทั้งยังต้องจ่ายราคาแพง อย่างอื่นไม่พูดถึง แต่ถ่านของปีนี้ สกุลเผยสั่งจองไว้
ส่วนหนึ่ง สกุลเถา สกุลเฟ่ ยและสกุลฉินส่งให้อีกส่วนหนึ่ง ส่วนสกุลพวกเรา ส่วนหนึ่งต้องซื้อ
ตามราคาตลาด ทั้งยังมีอีกส่วนที่ต้องแย่งซื้อ ราคาสูงกว่าตลาดหนึ่งเท่าตัว ทั้งนี้ยังเป็นอาสะใภ้
รองที่ช่วยออกหน้าให้ ร้านค้าจึงไม่ได้เก็บเงินข้ามากมายนัก วนเวียนไปมาเช่นนี้ ค่าใช้จ่ายของ
สกุลพวกเราสี่พันตําลึงต่อหนึ่งปีล้วนไม่พอใช้ ยามนี้เงินส่วนกลางยังเหลือเพียงหนึ่งหมื่นกว่า
ตําลึง ไม่อย่างนั้น ท่านเติมเข้าไปอีกหน่อย พวกเราก็จะร่วมด้วยอีกสองหมื่นตําลึงให้สกุลลุง
ใหญ่ นับว่าเป็นนํ้าใจเล็กน้อยจากพวกเราเช่นกัน”
“เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางจะทําอย่างไร? ยังต้องขอให้ท่านช่วยออก
ความเห็น”
“ให้ข้าและน้องสามีช่วยกันออกเท่าๆ กัน? หรือพวกเราแต่ละบ้านกําหนดจํานวนเงิน
ออกมาอย่างตายตัว? ช่วยกันออกยังพอว่า เมื่อก่อนเป็นอย่างไรภายหลังก็ทําอย่างนั้น? แต่
หากกําหนดเงินอย่างตายตัว เช่นนั้นปีหนึ่งสามารถใช้เงินได้เท่าใดก็ต้องใช้จ่ายเท่านั้น หากไม่
พอ ก็ลดเงินบ่าวรับใช้ในเรือน ถ้าไม่พออีก ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกนิด คงจะสามารถ
ประคับประคองได้อีกหลายปีแล้วกระมัง”
3126
ยังเอ่ยว่า “ในความคิดข้า พวกเราแต่ละบ้านกําหนดเงินออกมาให้ตายตัวจะดีกว่า
ไม่อย่างนั้นใช้เท่าใดก็ต้องถมเงินไปเท่านั้น มีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ ไม่ว่าเงินเท่าใดก็ใช้จนหมด
เกลี้ยงได้ทั้งนั้น”
นี่หมายความว่าจะลดค่าใช้จ่ายนาง!
นายหญิงใหญ่ย่อมไม่อาจตอบรับ แต่เงินในเรือนอยู่ในความดูแลของกู้ซี นางจะใช้ ก็
จําเป็นต้องผ่านกู้ซี ทั้งต้องกระทบกับเผยเซวียนและกู้ฉ่าง นายหญิงใหญ่คิดว่าหากเรื่องราว
มาถึงขั้นนั้นจริงๆ มีแต่จะทําให้สกุลหยางขายหน้าเท่านั้น พาให้คนคิดว่าสกุลมารดาของนาง
กําลังตกตํ่าแล้ว
แม้นางจะแค้นเคือง กลับไม่ได้มากความอะไรกับกู้ซี
กู้ซีขอเพียงแค่นางไม่พูดอย่างชัดเจนกับตัวเอง ก็จะแสร้งเป็นโง่ ทําเป็นไม่รู้ไป
นายหญิงรองได้ยินว่าเผยเฟยปฏิเสธนายหญิงใหญ่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เอ่ย
อย่างเป็นห่วง “หลายปีมานี้พวกเจ้าใช้เงินสี่พันตําลึงต่อปีจริงๆ รึ?”
ยามที่นางดูแลเรือนก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดนั้น
กู้ซีเม้มปากแย้มยิ้ม เอ่ยเสียงเบากับนายหญิงรอง “จะเป็นไปได้อย่างไร! หากข้าไม่พูด
เช่นนี้ แม่สามีข้ายังไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรออกมาอีก!”
นายหญิงรองได้ฟังก็ถอนหายใจยาว ตบมือนางเบาๆ “ลําบากเจ้าจริงๆ รอพี่ชายเจ้า
กลับเมืองหลวงแล้ว ย่อมต้องดีกว่านี้แน่”
เรื่องของซุนเกานั้นลุกลามใหญ่โตจริงๆ เพื่อหลบหลีกข่าวซุบซิบนินทาในเมืองหลวง สี่
ปีก่อนกู้ฉ่างจึงไปเป็นข้าหลวงที่เป่ าติ้ง
เผยเซวียนรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่เขายังมีเผยฉาน เผยปัวต้องดูแล จึงทําได้เพียงลอบ
ถอนหายใจกับนายหญิงรองเท่านั้น
3127
กู้ซีกลับมีความมั่นใจอย่างยิ่ง
นางรู้ว่าสกุลอินย่อมจะช่วยพี่ชายนางวางแผนจัดการ
นางพูดคุยเรื่องทั่วไปของสกุลมารดากับนายหญิงรองไม่กี่ประโยค ก็มีหญิงรับใช้ผู้ดูแล
เข้ามาขอยืนยันคําสั่ง เอ่ยว่า “จะเก็บกวาดเรือนเล็กทางตะวันตกที่อยู่เพียงลําพังด้วยใช่หรือไม่
เจ้าคะ?”
กู้ซีรู้ว่านั่นคือที่พักยามที่นางอยู่ในสกุลเผยเมื่อก่อน
นางหูตั้งขึ้นมา
นายหญิงรองครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “เก็บกวาดด้วยเถิด ก็ไม่รู้ว่านอกจากคุณชายน้อย
สกุลเว่ยแล้วยังจะมีใครตามมาอีก? หากมีคนมาก ย่อมไม่อาจให้พวกเขาพักอยู่ในเรือนเล็ก
ทั้งหมดได้ หากมีเพียงคุณชายเล็กสกุลเว่ย ทางที่ดีย่อมควรเก็บกวาดเรือนที่อยู่ลําพังตรงนั้น”
หญิงรับใช้ขานรับคําสั่งด้วยรอยยิ้ม ก่อนจากไป
กู้ซีอดเอ่ยไม่ได้ “คุณชายเล็กสกุลเว่ย? เป็นญาติทางสกุลใดรึ?”
นางนั้นตั้งใจจะหางานแต่งสกุลหนึ่งให้เผยเฟย ป้องกันไม่ให้เงินสี่หมื่นห้าพันตําลึงที่
เผยเฟยเหลือไว้ในมือนางต้องตกเป็นของนายหญิงใหญ่ นางอยากให้สกุลหยาง อยากให้นาย
หญิงใหญ่เห็นแต่ตา มือกลับไม่อาจแตะต้อง
สกุลที่คุ้นเคยพวกนั้นย่อมไม่อาจเกี่ยวดองกับเผยเฟย กลับกันอย่างสกุลหยางที่คุณหนู
รองสกุลเผยแต่งออกไป หรือสกุลหู สกุลสามีของคุณหนูสี่สกุลเผย หากมีคุณหนูสกุลรองกลับ
นับว่าเหมาะสมคู่ควรเช่นกัน
นายหญิงรองเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นญาติสกุลมารดาของอาสะใภ้สามเจ้า เมื่อก่อนลูก
ชายคนเล็กของสกุลพวกเขาเรียนหนังสือที่สํานักศึกษาประจําอําเภอ อาจารย์ฟางยังเคยสอน
เขามาก่อน ภายหลังอาจารย์ฟางออกไป เด็กคนนั้นก็ติดตามนายท่านอวี้รํ่าเรียนหนังสืออยู่
3128
ช่วงหนึ่ง ทั้งนายท่านอวี้แนะนําเขาให้อาสามเจ้า ปีนี้เด็กคนนั้นต้องลงสนามสอบแล้ว จึงตาม
อาสามเจ้าเข้ามาด้วยกัน”
กู้ซีตกใจอย่างยิ่ง
นางรู้ว่าพี่น้องสกุลมารดาของอวี้ถังทําการค้าขายเก่ง คาดไม่ถึงว่ายังมีบัณฑิตออกมา
อีกหนึ่งคน
มีเงินไม่กลัว กลัวก็แต่ในเรือนมีคนสามารถเป็นขุนนางได้
กู้ซีอดยิ้มเจื่อนขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยว่า “อาสามยังมีเวลาว่างสอนคนเรียนหนังสือด้วย! คาด
ไม่ถึงจริงๆ คุณชายสกุลเว่ยผู้นั้นฉลาดไม่น้อยกระมัง? ฟังแล้วคงจะอายุไม่มาก ท่านเคยพบมา
ก่อนหรือไม่?”
“ข้าไม่เคยเจอมาก่อน” นายหญิงรองเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่คงจะบุคลิกนิสัยดีไม่น้อย
ไม่อย่างนั้นคนอย่างอาสามเจ้า แม้เขาจะว่างไม่มีธุระก็ไม่อาจรับลูกศิษย์ที่สร้างปัญหาให้ตัวเอง
หรอก เด็กคนนี้ยังอายุน้อย ทั้งไม่ได้หมั้นหมาย ครั้งนี้อาสะใภ้สามเจ้ามาเมืองหลวง อยากจะ
หาคู่ครองที่เหมาะสมให้เขา นอกจากไหว้วานข้าแล้ว ยังขอร้องนายหญิงอิน จากนิสัยของนาย
หญิงอิน กลัวว่าคงจะเฟ้นหาหญิงสาวที่อายุเหมาะสมในเมืองหลวงไว้แล้ว พออาสะใภ้สามเจ้า
มาถึง ก็คงมีข่าวดีให้นาง”
หลายปีมานี้อินหมิงหย่วนขลุกตัวอยู่ในสํานักฮั่นหลินมาโดยตลอด เหมือนว่าจะไม่มีใจ
รับราชการ ร่างกายยังป่วยออดๆ แอดๆ เหมือนเมื่อก่อน กลับสามารถออกหนังสือได้หลายเล่ม
กระทั่งมีคนพูดว่า เขาอาจจะกลายเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัชสมัยนี้ คนของ
สํานักฮั่นหลินพวกนั้นก็นับถือเขาเป็นพิเศษเพราะเหตุนี้เช่นกัน
ด้านสวีซื่อก็อุ้มท้องคนแล้วคนเล่า ยามนี้เป็นแม่ลูกสี่แล้ว
ก่อนหน้านั้นให้กําเนิดลูกชายสามคน ผู้ที่อายุน้อยที่สุดคือลูกสาว เมื่อเดือนก่อนเพิ่งจะ
ถือกําเนิด ยังไม่ได้จัดพิธีครบเดือนอยู่เรื่อยมา
3129
ก่อนหน้านี้กู้ซียังได้ยินว่า สกุลอินพูดด้านนอกแต่เพียงว่าอากาศเย็นเกินไป จึงไม่จัดพิธี
ครบเดือน จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบร้อยวันเท่านั้น
สวีซื่อไม่ใช่ว่าอยากจะรออวี้ถังมาเมืองหลวงหรอกกระมัง?
ความคิดนี้วาบผ่านเข้ามาในใจของกู้ซี ก็ถูกนางปัดทิ้งไปทันที
สกุลอินย่อมไม่ได้ให้อํานาจสวีซื่อในการตัดสินใจ เหตุใดจะเปลี่ยนงานเฉลิมฉลองของ
ลูกสาวเพราะรออวี้ถังได้?
แค่สวีซื่อรู้จักคนมากหน้าหลายตา หากมีนางเป็นแม่สื่อ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ยังมีโอกาส
มากอยู่จริงๆ
นางนึกถึงเผยเฟย
กู้ซีสั่นศีรษะในใจ
หากเป็นเมื่อก่อน นางยังสามารถขอร้องนายหญิงรองให้ไปถามทางสวีซื่อได้ แต่ยามนี้
…คนอย่างสกุลอิน สกุลหลี จัดงานมงคลรื่นเริงอะไรล้วนไม่ส่งเทียบเชิญให้นาง แม้นางจะ
ขอร้องไปถึงสวีซื่อได้ สวีซื่อก็จะปฏิเสธนางอย่างอ้อมๆ เท่านั้น
แต่นางยังคงอยากรู้ว่าสวีซื่อจะสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้หรือไม่
นางเอ่ยกับนายหญิงรองด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าคุณชายเว่ยต้องการหาคู่แบบไหน?
หากงานแต่งของคุณชายเว่ยถูกกําหนด ท่านบอกกล่าวข้าเสียหน่อยเถิด ข้าอยากจะฟังเรื่อง
สนุกเช่นกัน”
นายหญิงรองเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนั้นเป็นลูกของคหบดีชนบท ชาติสกุลขาวสะอาด
ข้าคิดว่าคงอยากหาคนที่สามารถช่วยเหลือสนับสนุนกันได้”
ส่วนเรื่องสนับสนุนเรื่องเงินทองหรือเส้นทางขุนนางนั้น ต้องดูจากอวี้ถังถึงจะทราบ
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน จู่ๆ เผยตันก็เข้ามา
3130
นายหญิงรองตกใจจนถ้วยชาแทบหลุดจากมือ ถามสาวใช้ที่มารายงาน “ไฉนนางไม่
ทักทายอะไรสักนิดก็กลับมาเช่นนี้ล่ะ? ลูกเขยเล่า? ได้มาส่งนางหรือไม่? นางพาเซินเกอเอ๋อร์มา
หรือไม่? ท่าทีเป็นอย่างไรบ้าง?”
เซินเกอเอ๋อร์คือลูกชายคนโตของเผยตัน
สาวใช้คนนั้นถูกนายหญิงรองถามจนมึนงงไปอยู่บ้าง เอ่ยว่า “กูไหน่ไนสบายดี หน้าตา
มีชีวิตชีวาเจ้าค่ะ ไม่ได้พาคุณชายเล็กมาด้วย กล่าวว่ามีเรื่องอยากถามท่าน ถามแล้วก็จะไปเจ้า
ค่ะ”
“เจ้าเด็กคนนี้!” นายหญิงรองยังคงกังวลใจอย่างยิ่ง หยัดกายขึ้นไปต้อนรับ เผยตัน
แหวกม่านก่อนเดินเข้ามา
“ท่านแม่!” นางเรียกอย่างเบิกบานใจ
เทียบกับตอนที่เป็นคุณหนูแล้ว นางสูงขึ้นเล็กน้อย ทั้งอวบขึ้นมาอยู่บ้าง ดูมีสง่าราศี ร่า
เริงสดใสกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน
เห็นกู้ซีอยู่ที่นี่ นางก็ตะโกนหากู้ซีด้วยรอยยิ้มว่า ‘พี่สะใภ้’ ก่อนจะคล้องแขนนายหญิง
รอง เอ่ยอย่างรีบร้อน “ท่านอย่าได้สนใจเรื่องข้าไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลย ข้าไปเยี่ยมฮูหยินผู้
เฒ่าสกุลจางเป็นเพื่อนแม่สามี นางพาเซินเกอเอ๋อร์ไปด้วย รถม้าของข้าอยู่ด้านหลัง จึงเลี้ยว
อ้อมเข้ามาทักทายท่าน อาสะใภ้สามจะเข้ามาใช่หรือไม่? ทั้งพาลูกพี่ลูกน้องสองคนมาด้วย?
ข้าเจอสตรีของสกุลจาง ไม่กี่วันก่อนนางไปเยี่ยมนายหญิงอิน นายหญิงอินกล่าวว่าอาสะใภ้
สามจะมาเมืองหลวง นางจะช่วยหาคู่ดูตัวให้ญาติพี่น้องสกุลมารดา!”
นี่ล้วนผสมปนเปกันไปหมด!
คุณหนูใหญ่ของสกุลจางแต่งงานกับลูกชายของหยางชุนเหอ มหาบัณฑิตของสํานักฮั่น
หลิน หยางชุนเหอนั้นให้เกียรติอินหมิงหย่วนอย่างยิ่ง ว่ากันว่างานแต่งครั้งนี้ สวีซื่อก็เป็นแม่สื่อ
3131
นายหญิงรองขมวดคิ้วด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าว่าเจ้าเล่นอะไรแผลงๆ ตามพวกนายหญิงอิน
เสียแล้ว ภายหลังก็ทําเรื่องเหลวไหลอะไรกับนางให้น้อยๆ หน่อย” ยังเอ่ยว่า “สองวันนี้อาสะใภ้
สามเจ้าคงจะถึงเมืองหลวงแล้ว ย่าของเจ้าก็มาเช่นกัน ข้าจะไปรับท่านย่า พวกอาสามเจ้ากับ
ท่านพ่อเจ้าและอาหงที่ทงโจว ถึงเวลานั้นจะล่วงหน้าไปบอกเจ้าสองวัน เจ้าจะได้บอกกล่าวกับ
ลูกเขยด้วย”