ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ ตอนพิเศษ 4
เผยตันร้องไชโยออกมา กอดมารดาอย่างดีใจ เอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นท่านอย่าลืมบอกข้า
เชียว” จากนั้นก็ทักทายกู้ซีอย่างรีบร้อน “พี่สะใภ้ ข้าคงต้องไปก่อน หากท่านมีเวลาก็ไปเป็นแขก
ที่สกุลพวกเรา”
กู้ซีอยากถามนางว่า ‘เมื่อใดดี’ กลับนึกได้ว่าทุกครั้งที่เผยตันพบนางก็มักจะพูดเช่นนี้
ความจริงกลับไม่เคยส่งเทียบเชิญให้นางอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง นางยังเคยถามเผยตันทีเล่นที
จริงว่าตกลงจะเชิญนางไปนั่งเล่นในเรือนยามใดกันแน่ เผยตันตอบนางอย่างไรน่ะหรือ? พูดว่า
เรื่องในเรือนมีแม่สามีคอยรับผิดชอบ นางไม่มีอํานาจแทรกแซงได้ แต่ทั่วเมืองหลวงใครจะไม่รู้
บ้าง ฮูหยินฉินแต่ไหนแต่ไรก็ยกยอลูกสะใภ้คนนี้ที่นางเลือกมาด้วยตัวเอง เผยตันพูดเช่นนี้ ก็แค่
บอกปัดนางเท่านั้น
อาจเป็นเพราะตั้งแต่แยกสกุลออกมา นางก็ไม่ใช่พี่สะใภ้อย่างเป็นทางการของเผยตัน
อีกแล้ว
เผยตันก็ไม่จําเป็นต้องให้ความเคารพนางขนาดนั้นแล้วกระมัง?
นึกถึงตรงนี้ กู้ซีจึงรู้สึกเศร้าสร้อยในใจอยู่บ้าง
นางอยากจะผูกมิตรกับสกุลขุนนางในเมืองหลวง อย่างสกุลสามีของเผยตัน นับว่าเป็น
ลู่ทางที่ดี เผยตันและนางไม่ได้ไปมาหาสู่กัน สําหรับนางแล้ว เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างใหญ่
หลวง
แต่นางก็ไม่อาจฝืนใจเผยตัน
เดิมทีสกุลพวกนางก็สู้เผยตันไม่ได้ หากนางพยายามไล่ตามอีก ก็จะทําให้คนดูแคลน
เท่านั้น
เรื่องราวพวกนี้แล่นเข้ามาในสมองนาง นางก็ลอบแค่นยิ้มกับตัวเอง ตอบกลับเผยตัน
ว่า “ได้สิ พวกเรามีเวลาว่างค่อยนัดรวมตัวกัน” ก่อนจะส่งเผยตันออกไปพร้อมกับนายหญิงรอง
3133
นายหญิงรองมองแผ่นหลังของลูกสาวห่างไกลออกไป อดบ่นพรํ่ากับกู้ซีไม่ได้ “เด็กคนนี้
นับวันก็ยิ่งไม่เข้าท่า ไม่รู้ว่านางใช้ชีวิตอยู่ในสกุลแม่สามีอย่างไร? ข้าว่าแม่สามีนางก็เป็นคน
เข้มงวดกวดขันไม่น้อย หากวันไหนทําให้แม่สามีไม่พอใจขึ้นมาจะทําอย่างไรกัน?”
คุณชายรองสกุลฉินแต่งงานไปไม่กี่ปีก่อน ภรรยาก็เป็นคุณหนูที่ฐานะตําแหน่งคู่ควร
เหมาะสมกัน ทั้งเป็นลูกสะใภ้ที่ฮูหยินฉินเลือกด้วยตัวเอง เข้าสกุลก็มีข่าวดีทันที ไม่กี่วันก่อนเพิ่ง
ให้กําเนิดลูกชาย ความกังวลของนายหญิงรองก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
กู้ซีรีบกล่าวปลอบใจนายหญิงรอง ก่อนจะถามถึงคุณหนูรองสกุลเผย “กล่าวว่าจะตาม
สามีไปรับตําแหน่ง เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
ไม่กี่ปีก่อนพวกนางยังส่งจดหมายติดต่อกันเป็นประจํา แต่หลังจากแยกสกุล ทั้งสอง
คนก็ไปมาหาสู่กันน้อยลงเรื่อยๆ ยามนี้ นางอยากทราบข่าวคราวของพวกคุณหนูสกุลเผย ยัง
จําเป็นต้องถามจากนายหญิงรอง
นายหญิงรองพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ยว่า “เจ้าก็รู้ ในพวกหลานสาวนั้นนางดื้อรั้นเป็น
ที่สุด ยามที่นางออกเรือน พวกเราล้วนเป็นห่วงนาง กําชับซํ้าแล้วซํ้าเล่า หลังจากนางแต่งงาน
ต้องระมัดระวังตัว นางกลับทําเป็นหูทวนลม แต่ก็คาดไม่ถึงว่า ลูกเขยรองจะเป็นคนดี หลายปี
มานี้นางไม่ให้กําเนิดบุตร ลูกเขยรองก็ไม่ได้คิดจริงจังแต่อย่างใด ยังคงปฏิบัติกับนางเหมือน
ตอนแรก โชคดีที่ได้พบลูกเขยเช่นนี้ นิสัยของนางจึงค่อยๆ อ่อนโยนขึ้นมา ยามนี้นับว่ารอจนถึง
ยามที่อนาคตสดใส เพื่อนางแล้ว ลูกเขยรองจึงโยกย้ายไปเป็นขุนนางประจําเมืองไหวอัน นางก็
ตัดสินใจตามลูกเขยไปรับตําแหน่งเช่นกัน เจ้าถอยให้ข้า ข้าถอยให้เจ้าเช่นนี้ ถึงจะสามารถใช้
ชีวิตอย่างดีได้ ส่วนเรื่องลูก มีก็มี ไม่มีก็รับเลี้ยงสักคน ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด”
กู้ซีคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง
นางคิดว่าคุณหนูรองสกุลเผยจะระหองระแหงกับสามีถึงขั้นที่ห่างเหินต่อกัน
3134
ก่อนหน้านี้หลายปี เพราะเรื่องทายาทของคุณหนูรอง แม่สามีจึงมักขัดแข้งขัดขา นาง
ทะเลาะกับสามีอยู่หลายครั้ง มีช่วงหนึ่งถึงกระทั่งไปอยู่ที่อารามดับทุกข์ ช่วยดูแลกิจการธูป
หอมของที่นั่น
นายหญิงรองเห็นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ได้ยินว่า กูไหน่ไนสาม
ตั้งใจเทียวเข้าไปเยี่ยมนางโดยเฉพาะ ทั้งยังเกลี้ยกล่อมนางอยู่หลายวัน”
คุณหนูสามสกุลเผยแต่งกับไปสกุลมารดา แม้ว่าลูกเขยจะไม่ได้มากความสามารถ
อะไร กลับเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจขยันรํ่าเรียนหนังสือ คุณหนูสามเป็นคนที่เรียบง่ายเปิดเผย อยู่
ร่วมกับสามีที่เรือนเก่าอย่างสงบเสงี่ยม ให้ความเคารพพ่อแม่สามี ไม่อิจฉาริษยาพวกพี่น้องที่
ทยอยสอบขุนนางหรือเป็นข้าราชการอยู่ด้านนอก พ่อแม่สามีชอบนิสัยของนางอย่างยิ่ง ในหมู่
สะใภ้ก็ให้ความสําคัญกับนางเป็นพิเศษ พวกลูกชายทยอยมอบสิ่งดีๆ ให้กับนาง
แม้จะกล่าวว่าสกุลพวกเขามีแม่สามีเป็นผู้ควบคุม แต่ความจริงนอกจากจะมอบเรื่อง
ในเรือนให้คุณหนูสามแล้ว ยังมักจะเชิดหน้าชูตาคุณหนูสาม ทําให้หลายปีนี้นางมีชื่อเสียงเป็น
ที่รู้จักในวงกว้าง
บางเรื่องให้นางไปเกลี้ยกล่อมย่อมดีที่สุด
กู้ซีนึกถึงคุณหนูสี่ขึ้นมา อดเอ่ยทั้งรอยยิ้มไม่ได้ “นางยังคงก๋ากั่นเช่นนั้นอยู่หรือไม่?”
นายหญิงรองถลึงตาใส่กู้ซีไปที เอ่ยว่า “ไม่อาจพูดเช่นนี้ได้” พูดไม่ทันจบ นางก็หัวเราะ
ขึ้นมาเอง
คุณหนูสี่แต่งให้ครอบครัวสกุลหูในฟู่ หยาง บรรพบุรุษก็เคยรับตําแหน่งพวกข้าหลวง
นายอําเภอมาแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงสนิทสนมกับป้าสะใภ้สกุลมารดาของคุณหนูสี่ไปด้วย มีป้า
สะใภ้ของนางคอยพูดจาประนีประนอม ทั้งสองคนแต่งงานกัน คุณหนูสี่นับว่าแต่งไปสกุลตํ่า
กว่า ทั้งนางเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา คนของสกุลหูไม่กล้าละเลยนาง ทั้งไม่กล้าขัดนาง
เช่นกัน วนเวียนอยู่เช่นนี้ คนของฟู่ หยางล้วนรู้สึกว่านางมีนิสัยอาจหาญ ไม่ว่าคําพูดอะไรก็ล้วน
กล้าพูด กลับกลายเป็นเกรงกลัวนางอยู่บ้าง
3135
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง
กู้ซีไม่ใช่อยากจะเปิดเผยเรื่องหน้าอายของคุณหนูสี่ นางแค่อยากถามสถานการณ์ของ
สกุลหูเท่านั้น
“ข้าได้ยินว่าครั้งก่อนยามที่กูไหน่ไนสี่กลับไป พาน้องสาวสามีไปด้วย” นางเอ่ยทั้ง
ใคร่ครวญ “ก็ไม่รู้ว่าน้องสามีนางคนนั้นได้พูดคุยเรื่องงานแต่งหรือยัง?”
พูดจากก้นบึ้งหัวใจ นางยังคงเชื่อมั่นในตัวของคนสกุลเผย นางคิดว่าสกุลเผยแต่ง
คุณหนูไปสกุลหูได้ สกุลหูย่อมเป็นสกุลที่ดีไม่น้อย
หากเผยเฟยสามารถเกี่ยวดองกับสกุลหูได้ นอกจากความสัมพันธ์ของนางและสกุล
เผยจะพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น ยังสามารถสนิทกับเผยเฟยมากขึ้นด้วยเช่นกัน นายหญิงใหญ่อยาก
ก่อเรื่อง ย่อมลําบากยิ่งขึ้น
นางไม่อยากสิ้นเปลืองแรงทั้งหมดไปกับนายหญิงใหญ่
เผยถงจะสอบขุนนางแล้ว นางก็ต้องหาอาจารย์คนแรกให้ลูกชายเช่นกัน
นางไม่อยากให้ลูกชายเป็นเหมือนเผยถง เติบโตในมือของสตรี กลายเป็นคนโลเล ไม่รู้
เรื่องรู้ราวอะไร
นายหญิงรองกลับไม่อยากผูกสัมพันธ์กับนายหญิงใหญ่ เอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นเจ้าเขียน
จดหมายฉบับหนึ่งไปถามกูไหน่ไนสี่?”
ครั้งก่อนคุณหนูสี่พาน้องสาวสามีของตัวเองไปสกุลเผย อยากจะอาศัยชื่อของสกุลเผย
หาสกุลดีๆ ให้น้องสามีของนาง
เวลานั้นอวี้ถังกลับหลินอันแล้ว สกุลหูและสกุลมารดาพี่สะใภ้ของอวี้ถังล้วนอยู่ที่ฟู่ ห
ยาง จากนิสัยของอวี้ถัง นางย่อมลากเส้นเชื่อมพรหมลิขิตนี้เป็นแน่
3136
แต่ว่านั่นเป็นเรื่องของเมื่อปีก่อนแล้ว กู้ซีพูดช้าไปอยู่บ้าง ไม่รู้ว่างานแต่งของคุณหนูหู
ถูกกําหนดแล้วหรือยัง?
แต่กู้ซีก็มีความกังวลของตัวเองเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เผยเฟยดูแคลนนางอย่างยิ่ง นางไม่จําเป็นต้องไปใส่ใจเรื่องของเขา
ยามนี้ในเมื่อเขากล้าคัดค้านนายหญิงใหญ่ นั่งเรือลําเดียวกับนาง นางย่อมยินดีจะ
พัฒนาความสัมพันธ์กับเขาให้ดียิ่งกว่าเดิม
ทั้งสองคนกลับไปในห้อง หยวนเกอเอ๋อร์กําลังเคลิ้มหลับในอ้อมกอดแม่นม
นายหญิงรองให้แม่นมพาหยวนเกอเอ๋อร์ไปพักก่อน “อย่าได้ทรมานเด็กเลย รอเขานอน
ให้อิ่มเสียหน่อย พวกเจ้ารั้งตัวกินข้าวเย็นที่นี่แล้วค่อยกลับไปเถิด”
ตอนแรกกู้ซีอยากจะปฏิเสธ คล้อยหลังนึกได้ว่าวันนี้เผยถงไม่กลับมากินข้าวเย็น เผย
เฟยถูกนายหญิงใหญ่โมโหจึงไปพักที่วัดต้าเซียงกั๋วชั่วคราว นางมิสู้รั้งตัวอยู่ที่นี่ก่อน ให้นาย
หญิงใหญ่กินข้าวเย็นที่เรือนไปคนเดียว
นางยังตัดสินใจว่าจะไม่ให้คนไปบอกกล่าวกับนายหญิงใหญ่ในยามนี้ หยวนเกอเอ๋อร์
ตื่นเมื่อใด นางก็จะให้คนไปรายงานนายหญิงใหญ่เมื่อนั้น
นายหญิงใหญ่กินข้าวเย็นเมื่อใด นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของนางแล้ว
อย่างไรนางก็นึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะนอนหลับนานถึงขนาดนี้อยู่แล้ว?
กู้ซีตอบรับทั้งรอยยิ้ม เรียกเหอเซียงเข้ามา ให้นางไปรายงานนายหญิงใหญ่ ลับหลัง
นายหญิงรองกลับส่งสายตาเป็นนัยให้เหอเซียง
เหอเซียงเข้าใจทันทีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถอนตัวออกไป
แม่นมอุ้มหยวนเกอเอ๋อร์ไปพักในห้องกั้นเล็กๆ ของนายหญิงรอง
3137
นายหญิงรองกลัวว่าเสียงอาจจะดังรบกวนเด็ก จึงให้กู้ซีไปเรือนเล็กทางตะวันตกที่นาง
เคยอยู่ครั้นเมื่อมาเมืองหลวงแทน
เรือนเล็กไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนที่นางย้ายออกไปมากมาย
ที่ที่เคยปลูกดอกมู่ตานก็เปลี่ยนเป็นปลูกดอกฉาฮวา ในลานเรือนตกแต่งด้วยซุ้มเถา
องุ่นและกําแพงดอกกุหลาบ แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว ดอกกุหลาบกลับยังคงผลิบานอย่างเจิดจรัส
สดใสอย่างยิ่ง
อวี้ถังเป็นคนเชิญคนจัดสวนดอกไม้มาจากข้างนอก เป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจ ยืนค้อม
ตัวอย่างนอบน้อมรายงานเรื่องในเรือนเล็กให้นายหญิงรองฟัง “ที่พักของนายหญิงสามยึดตาม
เมื่อก่อน ให้เป็นต้นไม้สีเขียวทั้งหมด เรือนเล็กทางนี้ปลูกดอกไม้หลากหลายชนิด หนึ่งปีสี่
ฤดูกาลไม่เหมือนกัน หากท่านคิดว่าไม่เหมาะสม ข้าจะฉวยยามที่อากาศยังไม่เย็นมาก ย้าย
ดอกไม้ในลานเรือนพวกนี้ไปไว้ในกระถาง นําไปจัดวางในเรือนเพาะชําแทน”
“ไม่ต้องแล้ว!” นายหญิงรองไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของอวี้ถัง เอ่ยด้วย
รอยยิ้ม “เรือนเล็กนี้ แม้จะไม่มีคนอยู่ ก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ให้แขกในเรือน มีดอกไม้ทิวทัศน์
สวยงามจึงจะดี ทางนายหญิงสาม ล้วนเป็นความชอบแปลกประหลาดของนายท่านสาม เจ้าก็
อย่าได้ใส่ใจนักเลย”
คนจัดสวนถอนหายใจอย่างโล่งอก
นายหญิงรองจึงพาหญิงรับใช้เข้าไปดูกําแพงและฝ้าเพดานที่ตกแต่งลวดลายใหม่
มองออกอย่างชัดเจนว่าตั้งใจทําอย่างยิ่ง
นางอดเอ่ยไม่ได้ “ใช้เงินไปไม่น้อยกระมัง?”
พูดจบก็รู้สึกว่าพลั้งปากไปอยู่บ้าง
หลายวันมานี้นางเอาแต่จับจ้องพื้นที่หนึ่งหมู่สามเฟิ นนั้นในเรือน ค่าใช้จ่ายล้วนต้อง
วางแผน คนยังอายุน้อยกลับหน้าเหลืองเป็นหญิงแก่เสียแล้ว
3138
นายหญิงรองไม่ได้คิดมาก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาสามเจ้าไม่ว่าทําอะไรก็รุ่งเรืองทั้งนั้น
นับวันเงินส่วนกลางจึงมากตาม กระทั่งพวกเรา หลายปีนี้ก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย”
ก็หมายความว่า เงินจากการซ่อมแซมห้องเรือนนั้นมาจากเงินส่วนกลาง
กู้ซีอยากถามอย่างยิ่งว่าเหตุใดเผยเยี่ยนถึงไม่ออกเอง แต่นึกถึงความสัมพันธ์สนิทสนม
ของสองพี่น้อง นางจึงกลืนคําพูดนี้ได้ทันเวลา
ยามเย็นเมื่อกลับจวน นายหญิงใหญ่มีโทสะดังที่คาด เรียกนางไปสั่งสอนอย่างรุนแรง
นางเดาได้นานแล้ว
กลับไปก็ไล่แม่นมพาหยวนเกอเอ๋อร์ไปพักทันที
นางก้มหน้า รับคําตําหนิจากนายหญิงใหญ่
นายหญิงใหญ่ด่าจนเหนื่อยแล้ว ก็ถูกสาวใช้พาไปพักอย่างกระหืดกระหอบ นางจึงค่อย
ออกจากประตูห้องไปอย่างเงียบเชียบ เงยศีรษะก็พบกับเผยถงที่ยืนอยู่ใต้ชายคาเรือน
โคมไฟสีแดงส่องกระทบใบหน้าเขา สีหน้าที่ซีดขาว สะท้อนความเยียบเย็นราวกับหิมะ
ออกมา
นางตกใจยกใหญ่ เอ่ยว่า “เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใดกัน? กลับมาทําไมไม่บอกกล่าวกัน
สักหน่อย? แม่สามีเพิ่งเข้าไปพัก ไม่อย่างนั้น…พรุ่งนี้เช้าตรู่เจ้าค่อยไปน้อมทักทายนาง?”
หากเป็นยามปกติ เผยถงย่อมไม่เห็นด้วย
แต่ครั้งนี้เผยถงกลับครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า เอ่ยอย่างเรียบนิ่งกับนาง “ไป
เถิด!อากาศหนาวไม่น้อย เจ้าก็กลับห้องไปพักเร็วหน่อยเถิด!”
กู้ซีขานรับอย่างอ่อนโยน เดินตามหลังของเผยถง ในใจกลับผลิบานไปด้วยดอกไม้
ครั้งเดียวไม่ได้ก็สองครั้ง สองครั้งไม่ได้ก็สามครั้ง…ย่อมมีสักวันที่นางสามารถทําให้
เผยถงเห็นหน้านายหญิงใหญ่ก็รู้สึกรังเกียจ ได้ยินเสียงแล้วหงุดหงิดใจ
3139
รุ่งเช้าวันต่อมา เผยถงไม่ได้ไปน้อมทักทายนายหญิงใหญ่ ให้เหตุผลกับกู้ซีว่าไปหาเผย
เฟยที่วัดต้าเซียงกั๋ว “ย่อมไม่อาจให้เขาอยู่ที่นั่นไปตลอดได้”
กู้ซีถามถึงเรื่องของสกุลหยาง สีหน้าของเผยถงก็ปรากฏความเยือกเย็นขึ้นมา เอ่ยว่า
“ระหว่างญาติพี่น้องย่อมต้องช่วยเหลือกัน แต่เงินก้อนนั้น ท่านปู่ ทิ้งไว้ให้ท่านพ่อ อาทั้งสองก็
กําลังอยู่ในช่วงยังหนุ่มยังแน่น ควบคุมดูแลเรื่องต่างๆ หากจะใช้เงินก้อนนั้น ก็ต้องบอกกล่าว
กับอาทั้งสองก่อน”
ความนัยของวาจานี้คือ เป็นเรื่องยากที่จะทําได้
ก็หมายความว่าหาข้ออ้างไม่ให้ยืม
“ทราบแล้ว!” กู้ซีขานรับ ลอบยิ้มในใจ