ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 108 ความปรารถนาดี
พวกหูซิ่งได้ยินก็รีบพากันออกไป
เผยเยี่ยนผายมือ บอกเป็นนัยให้พวกอวี้เหวินนั่งลงพูดคุย
อวี้เหวินนั่งลงอย่างร้อนเนื้อร้อนใจอยู่บ้าง อาหมิงปิดประตูให้พวกเขา ก่อนเดินออกไป
“นายท่านสามรั้งพวกเราไว้มีเรื่องอันใดรึ?” อวี้เหวินถามอย่างงุนงง
เผยเยี่ยนนิ่งไปครู่หนึ่งราวกำลังจัดการกับความคิด “เมื่อครู่นายท่านสี่สกุลซ่งมาหาข้า อ้อ เขาก็คือผู้นำของสกุลซ่ง ผู้นำสกุลพวกเขาคือนายท่านสี่บ้านสาม ไม่รู้ว่าเขาทราบเรื่องแผนที่จากที่ใด จึงคิดจะแบ่งน้ำแกงไปถ้วยหนึ่งเช่นกัน ยังเสนอความคิดร่วมมือกับสกุลเผยของพวกเรา พวกเจ้าก็รู้ บิดาข้าเพิ่งจากไป พี่น้องของพวกเราล้วนไม่สนใจการค้าขายแลกเปลี่ยนครั้งนี้ แต่นายท่านสี่สกุลซ่งและสกุลพวกเรามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดเล็กน้อย…มารดาเขาและมารดาของข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันมารดาของเขาเป็นพี่ อายุมากกว่ามารดาข้าเกือบยี่สิบปี แม้จะกล่าวว่าท่านผู้เฒ่าของนางล่วงลับไปแล้ว แต่สกุลของพวกเราทั้งสองก็ยังไปมาหาสู่กันไม่ขาด ข้าจึงคิดว่า หากสกุลพวกเจ้าอยากใช้โอกาสนี้เข้ามาร่วมในเรื่องการประมูล มิสู้ร่วมมือกับสกุลซ่ง แค่อยากถามความต้องการของพวกเจ้า ข้าจะได้จัดการถูก”
เมื่ออวี้เหวินได้ฟัง ก็ดีใจอย่างคาดไม่ถึง
เผยเยี่ยนไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน จะเห็นได้ว่าเขาไม่เห็นดีเห็นงามให้สกุลพวกเขาเข้าร่วมในการค้าขายเช่นนี้ ภายหลังยังชี้แจงแถลงไขเบื้องหลังอำนาจของสกุลที่เข้าร่วมการประมูลอย่างละเอียดยิบ แฝงการตักเตือนพวกเขาอย่างเลือนรางว่า ผลประโยชน์การค้าทางทะเลนั้นมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงไม่น้อยเช่นกัน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสอดมือยุ่งได้ แต่ยามนี้ กลับเป็นคนกลางดึงสกุลพวกเขาและสกุลซ่งเข้าด้วยกัน คงคิดว่าพวกเขาสองสกุลมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกัน เรื่องภายในนี้หากไม่ใช่ว่าสกุลเผยมีเกียรติและความสามารถปกป้องผลประโยชน์ของสกุลอวี้พวกเขาต่อหน้าคนสกุลซ่งได้ ก็ย่อมเป็นเพราะว่าสกุลซ่งกระทำเรื่องด้วยความซื่อสัตย์เที่ยงธรรม คุ้มค่าที่จะเชื่อถือ
ไม่ว่าจะอย่างแรกหรืออย่างหลัง สกุลพวกเขาต่างก็อาศัยการคุ้มครองจากสกุลเผยทั้งนั้น
อวี้เหวินรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
เช่นนั้นควรคว้าโอกาสครั้งนี้ดีหรือไม่?
อวี้เหวินหันไปทางอวี้ถังด้วยความคุ้นชิน
อวี้ถังคิดวุ่นวายอยู่ในใจ
นางย่อมมีความคิดนี้เช่นกัน อยากเหลือแผนที่แผ่นหนึ่งไว้ ภายหลังหากสกุลพวกเขามีโอกาส สามารถร่วมหุ้นทำการค้าทางทะเลได้ แต่นางนึกไม่ถึงมาก่อนว่าจะได้ร่วมมือกับสกุลที่คล้ายสกุลเถาแห่งกว่างโจวเช่นนี้
สองสกุลอำนาจห่างชั้นกันมาก ฝ่ายที่อ่อนแอกว่าย่อมสูญเสียสิทธิ์ในการพูด การร่วมมือไร้ความเท่าเทียม ทั้งยังอาจถูกคนอื่นกลืนกินได้ง่าย
ผู้ที่นางเลือกเป็นอันดับแรกคือสกุลเจียง
เจียงหลิงของสกุลเจียงผู้นั้น
ตามความทรงจำชาติก่อนของนาง ยามนี้สกุลพวกเขายังไม่ได้รุ่งเรืองเฟื่องฟู แต่ดูจากเรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดชาติก่อน สกุลพวกเขาย่อมมีความสามารถนี้อยู่แล้ว
รู้จักกันในยามที่ฐานะต่ำต้อย ย่อมเป็นผู้ร่วมมือที่ดีที่สุด
แต่ยามนี้ อวี้ถังจำต้องยอมรับ ข้อเสนอของเผยเยี่ยนก็เหมือนหมูสามชั้นถ้วยหนึ่งที่วางอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ทำให้พวกเขาอยากได้จนน้ำลายสอ
ดีที่ต่อหน้าบิดา นางสามารถสงบใจเย็นลงได้อย่างรวดเร็ว
ถูกหลอกล่อ ชักจูงให้ลังเลใจล้วนไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดีแต่อย่างใด
อวี้ถังอดกระแอมไอออกมาไม่ได้ เอ่ยอย่างอ่อนโยน “นายท่านสาม ขอบคุณอย่างยิ่งที่ท่านสนับสนุนสกุลพวกเรา แต่อย่างไรสกุลพวกเราก็เป็นเพียงสกุลธรรมดาทั่วไป การค้าเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถควบคุมได้ ทั้งไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคิดวาดฝันได้ ข้าว่า เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปดีกว่า”
ความปรารถนาดีอันแรงกล้าของเผยเยี่ยนคล้ายถูกน้ำเย็นของฤดูหนาวแช่จนเยือกแข็งไปหมด ชั่วพริบตาใบหน้าก็ดำคล้ำอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่านางอยากร่ำรวยประสบความสำเร็จเร็วๆ หรอกรึ?
โอกาสดีถึงเพียงนี้ เขายากที่จะใจอ่อน คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้
“แล้วแต่พวกเจ้า!” รอบกายเผยเยี่ยนเผยไอเย็นขึ้นมา กระทั่งบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นเหน็บหนาวเช่นกัน “ข้าเพียงคิดว่าหากพวกเจ้าร่วมมือกับสกุลซ่ง เห็นแก่หน้าพวกเราสกุลเผย พวกเขาย่อมไม่กล้าเล่นสกปรกอะไรลับหลังเท่านั้น ในเมื่อเจ้าไม่ปรารถนา ก็คิดเสียว่าข้าไม่เคยเอ่ยถึงแล้วกัน” พูดจบ เขาก็ยกถ้วยชา
นี่คงหมายความว่าเผยเยี่ยนส่งแขกแล้วกระมัง
อวี้เหวินรู้สึกลำบากใจไม่น้อย
ความปรารถนาดีของเผยเยี่ยน ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถรับได้ง่ายๆ นึกไม่ถึงว่าอวี้ถังจะปฏิเสธ
แน่นอนว่า การตัดสินใจนี้ พวกเขาปรึกษากันไว้นานแล้ว แต่ไม่ว่าเรื่องอันใดก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
อวี้ถังก็ไม่ไว้หน้าเผยเยี่ยนเกินไปแล้ว
อวี้เหวินถลึงตาใส่ลูกสาวไปที มุมปากเรียบตึง คิดจะล้มการตัดสินใจของอวี้ถัง ไม่ว่าอย่างไรก็จะกู้หน้าของเผยเยี่ยนกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นเผยเยี่ยนยังทำเพราะปรารถนาดีต่อสกุลพวกเขา
ก่อนที่อวี้ถังจะเอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมาก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าเผยเยี่ยนอาจจะกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง แต่นึกไม่ถึงว่าเผยเยี่ยนจะโมโหอย่างง่ายดาย บิดาของนางยิ่งไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เห็นเผยเยี่ยนไม่พอใจ ก็คิดจะซื้อน้ำใจเผยเยี่ยนทันที ไม่ครุ่นคิดเสียหน่อยว่าน้ำใจครั้งนี้จะทำให้สกุลอวี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด
“นายท่านสาม!” นางรีบละล่ำละลักเอ่ยก่อนที่อวี้เหวินจะเปิดปาก “ช่วงครึ่งปีมานี้สกุลพวกเราเกิดเรื่องมากมาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากท่าน ลำพังอาการป่วยของมารดา ก็สามารถทำให้พวกเราตกทุกข์ได้ยากแล้ว สกุลอวี้พวกเราสามารถมีวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนมาจากคุณงามความดีของท่าน เรื่องเมื่อครู่ที่ท่านเอ่ยถึง ก็เพราะปรารถนาดีต่อสกุลพวกเราเช่นกัน เพียงแต่ไหนแต่ไรคำสั่งสอนบรรพบุรุษสกุลเราก็เป็นเช่นนี้ พึ่งฟ้าพึ่งดินมิสู้พึ่งตัวเอง สกุลซ่งเป็นสกุลร่ำรวยมีอำนาจอันดับต้นๆ ของซูโจว สกุลพวกเรานอกจากร้านค้าเครื่องลงรักแล้วก็ไม่เคยทำกิจการอย่างอื่น แม้สกุลซ่งจะนับว่าร่วมมือกับสกุลพวกเรา นั่นก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าท่าน เห็นแก่หน้าสกุลเผย คนอื่นไม่เข้าใจ พวกเราเองกลับกระจ่างใจ ตัวเองจะกินข้าวได้กี่ถ้วยกัน ทำการค้าร่วมกับสกุลซ่งนั้นพูดง่าย แต่พวกเราคงไม่อาจเป็นผู้ร่วมหุ้นที่มีเพียงแผนที่ได้หรอกกระมัง? แม้ว่าจะมีเพียงแผนที่แผ่นเดียวร่วมหุ้น แล้วจะร่วมอย่างไร? ได้กี่ส่วน? รวมกลุ่มเรือได้หรือไม่? ทุกครั้งที่ออกทะเลควรจะใช้เรือกี่ลำ? เรือทุกลำต้องมีคนร่วมเดินทางจำนวนเท่าใด? ขนสินค้าแบบไหนบ้าง? จอดเรือได้ที่ใด? เรื่องพวกนี้สกุลพวกเราล้วนไม่เข้าใจ หรือยังต้องมาถามท่านทุกเรื่องอย่างนั้นรึ? เช่นนั้นพวกเราช่วยอะไรสกุลซ่งได้บ้างกัน? สกุลซ่งร่วมมือกับพวกเรามีผลประโยชน์อะไรให้เก็บเกี่ยวได้? ก็เหมือนผลประโยชน์ระยะยาวไม่ทัดเทียมกัน พวกเราถือสิทธิ์อันใดไปร่วมมือกับคนอื่น? นั่นแตกต่างจากการพึ่งพิงท่านอย่างไร?”
ยามนี้สกุลพวกเขานำแผนที่ออกมาขายแล้ว สกุลซ่งไม่ได้วางเงินประมูลไม่ไหว แล้วเหตุใดต้องร่วมมือกับสกุลอวี้ ทั้งที่สามารถใช้เงินแก้ไขปัญหาเรื่องแผนที่ได้?
พูดโดยสรุปแล้ว ยังคงเป็นการเห็นแก่หน้าเผยเยี่ยน
น้ำใจนี้ไม่ใช่ว่าเผยเยี่ยนต้องเป็นคนคืนหรอกรึ
แม้ว่าเผยเยี่ยนจะคิดว่าไม่เป็นไร สกุลพวกเราก็ไม่อาจยอมรับเช่นนี้ได้
อวี้เหวินและอวี้หย่วนได้ฟังก็พยักหน้าระรัว ความคิดสั่นคลอนเล็กน้อยเมื่อครู่ล้วนจางหายราวกับหมอกควัน
ด้านเผยเยี่ยนนั้นยังคงรู้สึกไม่สบอารมณ์
สรุปแล้ว ฟังมีเหตุผล แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงปฏิเสธเขา
“เอาที่พวกเจ้าสบายใจ!” เผยเยี่ยนยกถ้วยชาในมืออีกครั้ง
อวี้ถังคาดไม่ถึงว่าเผยเยี่ยนจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ขนาดนี้ นางพูดจนปากเปียกปากแฉะกลับไม่อาจทำให้เขาคลายโทสะได้
หากเผยเยี่ยนมีเจตนาที่คาดเดาไม่ออกก็แล้วไป แต่นี่กลับเป็นความหวังดี แม้อวี้ถังจะรู้ดีว่าการตัดสินใจของตัวเองเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด มีผลดีที่สุดกับสกุลอวี้ แต่ในใจยังคงรู้สึกผิดต่อเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนมีนิสัยถือตัวทั้งไม่ใส่ใจกิจธุระทั่วไปแต่อย่างใด เขายากที่จะยุ่งเรื่องชาวบ้าน กลับถูกนางปฏิเสธ นับว่านางไม่ทำเหมือนไม่ไว้หน้าเขา
อวี้ถังใคร่ให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แสร้งทำเป็นไม่เห็นเขายกน้ำชาส่งแขกอย่างรู้แล้วรู้รอดไป ก้าวไปข้างหน้า เอ่ยอย่างเอาใจ “นายท่านสาม หลังจากพวกเรากลับไปย่อมจะทำการค้าดีๆ เพื่อวันหนึ่งจะสามารถรับความปราถนาดีเช่นนี้ของท่านไว้ได้”
เผยเยี่ยนเห็นนางก้มหน้า หน้าผากที่เกลี้ยงเกลาสง่าดั่งหยกล่ำค่า ขนตางามงอนแทบไม่กระดิก ราวกับปีกหงส์ที่แผ่บนเปลือกตา ดูเชื่องซื่อและนอบน้อม พลันใจอ่อนขึ้นมา รู้สึกว่าโทสะที่เกิดอย่างไร้เหตุผลค่อยๆ เลือนหายไป
ยังตระหนักได้ว่ารางวัลของเขา ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สามารถรับไว้ได้ นับว่ารู้จักประมาณตนเอง!
“ช่างเถิด!” เขาได้ยินน้ำเสียงของตัวเองที่ไร้อารมณ์ขุ่นมัว “เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบเช่นกัน เรื่องนี้ปล่อยไปเช่นนี้แล้วกัน”
อวี้ถังลอบหายใจอย่างโล่งอก
ในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมผู้มีพระคุณคนนี้ได้เสียที
หรือจะเกลี้ยกล่อมอีกเสียหน่อยดี?
นางยังอยากทราบว่าเหตุใดชาติก่อนเผยเยี่ยนจึงปลูกต้นซาจี๋ในพื้นที่ของสกุลพวกเขา?
อวี้ถังปากไวกว่าสมอง
นางเอ่ยอย่างนอบน้อม “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ยังคงต้องขอบคุณนายท่านสาม ไม่กี่วันก่อนมารดาข้าทำขนมชิงถวน[1]ไว้อยู่บ้างหากนายท่านสามไม่รังเกียจ ข้าจะให้พ่อบ้านหูนำมาให้นายท่านสามลองชิม สกุลพวกเราก็ไม่มีฝีมือใดที่เชิดหน้าชูตาได้ เพียงอาหารขนมคาวหวานทั่วไปกลับทำเร็วกว่าบ้านอื่นอยู่บ้าง สามารถนำมาให้นายท่านสามลิ้มรสก่อนได้”
ว่าตามหลักแล้ว แต่ละครอบครัวมักรอผ่านเดือนสองเดือนก่อนถึงจะเริ่มทำขนมชิงถวน แต่ปีนี้ร่างกายของมารดาแข็งแรงขึ้นมาก มีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ จึงทำขนมชิงถวนล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง แต่ฝีมือกลับไม่เป็นรองใคร ทั้งกินเร็วกว่าคนอื่นเป็นเดือน จึงนับว่าเป็นขนมที่นำมาเชิดหน้าชูตาได้อยู่บ้าง
เผยเยี่ยนได้ฟัง ความขุ่นข้องในใจก็เบาบางลงเล็กน้อย
เขาไม่ได้ชอบกินขนมชิงถวนถึงขนาดนั้น แต่เขาอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ย่อมเหมาะที่จะกินของเช่นนี้ ทว่าคนส่วนมากกลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร มักจะลืมว่าเขาอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไม่เชิญเขาไปดื่มสุราก็ชวนไปชมดอกไม้บุปผา มีเพียงสกุลอวี้ที่นับว่าส่งของเหมาะสมมาให้
คนเหล่านั้นคล้ายลืมว่าบิดาเขาเพิ่งจะจากไปไม่นาน
สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดใจเป็นที่สุดคือ ในหมู่คนพวกนี้ล้วนแต่ได้รับความช่วยเหลือจากบิดาของเขาทั้งนั้น
จะเห็นได้ว่า คำโบราณที่กล่าว ‘คนโฉดฆ่าคนปล้นทรัพย์ได้สายสะพายทอง คนดีซ่อมสะพานกลับไม่เหลือแม้แต่ซากศพ’ นั้นมีเหตุผล
เผยเยี่ยนลอบแค่นเสียงในใจ น้ำเสียงที่พูดกลับอ่อนลงหลายส่วน “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น! เช่นนั้นก็ฝากขอบคุณนายหญิงอวี้แทนข้าด้วยแล้วกัน!”
ความหมายนี้คือเขาจะรับไว้กระมัง
อวี้ถังดีใจอย่างยิ่ง รีบละล่ำละลักเอ่ย “ท่านชอบก็ดีแล้ว” ทั้งตระหนักได้ว่าเขามาอย่างรีบเร่ง ไม่รู้ว่าการพบปะกับสกุลซ่งเป็นอย่างไรบ้าง ไม่อาจรบกวนเวลาสำคัญของเขาได้ จึงย่อตัวคำนับ “เช่นนั้นพวกเราก็ต้องขอตัวก่อน หลังจากการประมูลสิ้นสุดจะมารบกวนนายท่านสามอีกครั้ง”
ทางนายท่านสี่สกุลซ่งถูกเขาจัดให้นั่งที่ห้องรับรองแขกจริงๆ อีกเดี๋ยวเขายังต้องกลับไปต้อนรับ เผยเยี่ยนไม่อาจรั้งตัวอยู่นานได้ เขารู้สึกพอใจที่อวี้ถังรู้จักกาลเทศะไม่น้อย จึงกำชับอีกสองสามประโยค “หลายวันนี้ผู้ดูแลของสกุลต่างๆ ล้วนมาเยือนหลินอัน หากพวกเจ้าไม่มีเรื่องราวอันใด ทางที่ดีก็อย่าออกจากเรือนดีกว่า จะได้ไม่ถูกคนอื่นจับผิดอะไร ก่อเรื่องก่อราวขึ้นมา”
กลัวคนรู้ว่าแผนที่เป็นของสกุลพวกเขา อาจจะมีคนมาช่วงชิงไปก่อนการประมูลอย่างนั้นรึ?
นั่นล้วนแต่เป็นสกุลที่พวกเขาไม่อาจต่อกรได้ทั้งนั้น
อวี้หย่วนใบหน้าซีดเผือด
เผยเยี่ยนมองเขาไปแวบหนึ่ง “พวกเจ้าก็อย่าได้กังวลเกินไป ข้าได้ออกคำสั่งลงไปแล้ว ก่อนการประมูลสกุลใดที่มาเยือนหลินอันล้วนจะถูกจำกัดการเดินทาง ทางสกุลพวกเจ้าก็ส่งคนไปลอบเฝ้าระวังเช่นกัน ข้าพูดว่า เผื่อ…”
อวี้ถังเอ่ยทันที “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องเผื่อไว้ ก่อนการประมูลสกุลพวกเราย่อมไม่วิ่งวุ่นไปทั่ว ท่านวางใจเถิด”
ยามนี้สีหน้าของเผยเยี่ยนจึงค่อยฟื้นฟูเป็นเย็นชาดั่งปกติ
ใจที่แขวนกลางอากาศของอวี้ถังก็คลายลงสู่พื้นเสียที
——————————
[1]ขนมชิงถวน คือ ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ลูกกลมสีเขียว ด้านในมักใส่ไส้ถั่วแดงหรือเม็ดบัว กินกันแพร่หลายในเทศกาลเช็งเม้ง