ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 193 โมโห
เผยเยี่ยนให้คนยกผลไม้พวกลูกท้อลูกไหนเข้ามา
อวี้ถังมองลูกท้อสดและลูกไหนสีแดงในจาน ใบหน้านั้นปกปิดความแปลกใจไม่มิด “มีท้อและลูกไหนขายในตลาดเร็วขนาดนี้เชียวรึ?”
“คงยังไม่มีกระมัง?” เผยเยี่ยนตอบกลับอย่างเหนื่อยหน่าย “คนงานของสวนส่งเข้ามา กล่าวว่าในสวนปลูกผลผลิตใหม่ เก็บได้สองสามตะกร้า ยังไม่อาจเอาไปขายได้ จึงส่งมาให้ข้าชิมก่อน”
อวี้ถังนึกถึงต้นซาจี๋ที่นางไปดูตอนปีใหม่ อย่าพูดถึงผลเลย กระทั่งดอกก็ยังออกนิดเดียว
ชั่วขณะนั้นนางก็รู้สึกท้อแท้อยู่บ้าง อยากไปดูสวนไร่ของสกุลเผย ตกลงพื้นที่เพาะปลูกของสองสกุลมีตรงไหนไม่เหมือนกัน…
อวี้ถังกัดลูกท้อไปคำหนึ่งอย่างแรง
รสชาติหวานฉ่ำ อร่อยอย่างยิ่ง
ความหงุดหงิดในใจนางยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เผยเยี่ยนเห็นใบหน้ากลมของนางบูดบึ้งก็รู้สึกขบขันไม่น้อย
เขาพูดคำคลุมเครือพวกนั้นออกไป คิดว่าอวี้ถังคงจะมาถามเขาให้กระจ่างใจเป็นแน่ อวี้ถังก็วิ่งมาหาเขาดั่งที่คาดการณ์ไว้จริงๆ
ไม่เสียแรงที่เขาพักอยู่สถานที่ที่กระทั่งนกยังไม่อุจจาระมาหลายวัน
แต่ว่าหากเผยเยี่ยนวางแผนกับใคร คนผู้นั้นก็ยากจะหลุดจากกำมือของเขา
เขาสำรวจอวี้ถังอย่างละเอียด คิดว่าหากเขาไม่ส่งเหยื่อล่อออกไปหน่อย กลัวเพียงว่าคุณหนูอวี้จะระเบิดอารมณ์ขึ้นมา เช่นนั้นก็คงไม่สนุกแล้ว
เผยเยี่ยนรีบเอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับข้า เป็นเรื่องของอารามดับทุกข์รึ? พวกเด็กๆ ตัดสินใจไม่ได้ จึงให้เจ้าช่วยออกหน้าแทน?”
อวี้ถังจำต้องยอมรับความฉลาดของเผยเยี่ยน
นางพยักหน้า เอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “เรื่องทำเครื่องหอม ข้าเป็นคนเสนอออกมา ข้าไม่อาจทิ้งไปกลางคันได้ ดังนั้นข้าจึงอยากยืมตัวคนๆ หนึ่งจากท่าน”
เผยเยี่ยนครุ่นคิดเล็กน้อย “เถ้าแก่ถง?”
ชายหนุ่มผู้นี้ฉลาดเกินไปแล้ว
อวี้ถังไม่อยากจะคิดให้ปวดหัวว่าเขาเดาได้อย่างไร แต่เขาเดาได้ว่านางมีความคิดจะใช้ตัวสกุลถง กลับเดาเจาะจงไม่ได้ว่าเป็นใคร ยังคงทำให้อวี้ถังรู้สึกดีเล็กๆ ในใจ อดส่งยิ้มที่เปล่งประกายกว่าวันปกติให้เผยเยี่ยนไม่ได้ เอ่ยอย่างเบิกบานใจ “เถ้าแก่ถง ทำงานด้วยความซื่อตรงมาอย่างยาวนาน หากยังแบ่งเวลามายุ่งเรื่องนี้ โรงรับจำนำของสกุลเผยจะทำอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นการทำเครื่องหอมของพวกเราก็เป็นเรื่องเล็กๆ จะให้ใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่[1]ได้อย่างไร? ข้าคิดว่า โรงรับจำนำของสกุลเผยยังจำเป็นต้องมีเถ้าแก่ถงคอยควบคุม ขอเถ้าแก่น้อยถงมาช่วยพวกเราก็เพียงพอแล้ว”
เผยเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย
อวี้ถังเห็นก็ลิงโลดในใจ รีบเอ่ยว่า “ทำไมรึ? หรือท่านคิดว่าไม่เหมาะสม? ข้าความรู้ตื้นเขินอยู่บ้าง คิดออกเพียงเถ้าแก่น้อยถง ไม่อย่างนั้น ท่านก็ช่วยพวกเราหาคนใหม่? ดูว่าขอผู้ดูแลคนใดมาช่วยพวกเราจะเหมาะสม แน่นอนว่าไม่ใช่จะให้ผู้ดูแลคนนี้อยู่กับพวกเรานาน พวกเราจะพยายามเลือกคนข้างกายอย่างสาวใช้ อุบาสิกาในอาราม ไม่ก็อาจารย์คนหนึ่งให้มารับช่วงต่อเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ถึงเวลานั้นเขาก็สามารถกลับไปดูแลสกุลเผยต่อได้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
เผยเยี่ยนคิดว่าแม้จะส่งเถ้าแก่น้อยถงออกไป ก็เป็นการใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่อยู่ดี แต่เมื่อเขาคิดดูอย่างละเอียด ในหมู่ผู้ดูแลของเขา ก็ไม่มีใครจะเหมาะสมไปกว่าเถ้าแก่น้อยถงแล้วจริงๆ
เขาเหลือบตามองอวี้ถังไปที
เห็นแววตาที่เผยความลำพองใจของนางเข้าพอดี
เด็กน้อยผู้นี้!
เขาก็ตงิดใจ ไฉนนางจึงว่าง่ายเช่นนี้ ที่แท้ก็กำลังขุดหลุมรอเขาอยู่
แต่เขาก็ไม่ใช่พ่อพระใจบุญ
นางไม่ใช่คิดว่าเขาเสนอคนที่เหมาะสมออกมาไม่ได้หรอกรึ? เช่นนั้นเขาก็จะส่งหูซิ่งไปให้นางใช้งาน
เผยเยี่ยนเอ่ยทันที “เถ้าแก่น้อยถงเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ว่าทุกเดือนเถ้าแก่ถงต้องไปตรวจสอบบัญชีที่หังโจว หากเขาไปอีก โรงรับจำนำก็จะไม่สะดวกนัก ข้าว่า ให้หูซิ่งช่วยพวกเจ้าก็ดีแล้ว พอดีที่ยามนี้เขาทำงานให้ท่านแม่เฒ่าเป็นหลัก เรื่องของพวกเจ้าเขาก็คงสามารถดูแลอย่างทั่วถึง”
แน่นอนว่าหูซิ่งย่อมดีกว่า
คนผู้นี้คบค้าสมาคมเก่ง ทั้งเป็นคนเก่าแก่ของสกุลเผย ไม่ว่านอกจวนหรือในจวนล้วนมีเส้นสาย วิธีและชั้นเชิงต่างๆ ข้อเสียคือหูซิ่งผู้นี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าคนหนึ่ง อยากให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเชื่อฟังคำสั่งของนาง ช่วยพวกนางทำเรื่อง ยังต้องเปลืองแรงใช้ความคิด
เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่านางถูกเผยเยี่ยนจูงจมูกอีกครั้ง
อวี้ถังสมองแล่นอย่างว่องไว คิดคำพูดบอกปัดออกทันที นางเอ่ยว่า “พ่อบ้านสามย่อมดีกว่า แต่เหมือนดั่งที่ท่านว่า ยามนี้เขาทำงานให้ท่านแม่เฒ่าเป็นหลัก หากเทียวไปเทียวมากับพวกเราที่อารามดับทุกข์เกือบทุกวัน อาจจะเป็นการเกินหน้าเกินตาเจ้าของ ทางท่านแม่เฒ่าก็จะไม่มีคนให้ใช้งาน อีกอย่าง ท่านแม่เฒ่าให้พวกคุณหนูควบคุมเรื่องนี้ เพราะอยากฝึกฝนให้พวกนางสามารถจัดการเรื่องราวได้ หากพวกเราใช้ตัวพ่อบ้านหู ท่านแม่เฒ่าอาจจะคิดว่าพวกนางไม่ได้ลุล่วงตามเป้าหมายก็ได้?”
หากนางพูดขนาดนี้ เขายังไม่สนใจ เช่นนั้นนางก็ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว ถึงเวลานั้นเขาอย่ามาโทษที่นางใช้หูซิ่งทำงานแล้วกัน
อวี้ถังมองเผยเยี่ยนด้วยแววตาใสแจ๋ว ทั้งยังกะพริบตาปริบในยามที่ตนเองไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
นี่นางกำลังประกาศสงครามกับเขาอย่างนั้นรึ?
เผยเยี่ยนเลิกคิ้ว
แต่คำพูดของนางทำให้เขาหาจุดบอดออกมาไม่ได้จริงๆ
มารดาของเขาทำหน้าที่เป็นนายหญิงใหญ่ของสกุลมาครึ่งชีวิต เคยชินกับการตัดสินใจเพียงลำพัง ในเมื่อเขาให้หูซิ่งไปรับใช้มารดาแล้ว ดึงตัวหูซิ่งออกมาให้พวกหลานสาวและอวี้ถังใช้งานอีก นับว่าไม่เหมาะสมอยู่บ้างจริงๆ
ดูท่าเขายังคงประเมินคุณหนูอวี้ต่ำไป
นอกจากนางจะรูปลักษณ์งดงาม มุทะลุเป็นครั้งคราว แต่บางครั้งก็มีสมองอยู่บ้าง
แต่ไหนแต่ไรเผยเยี่ยนก็ชื่นชมคนที่สามารถแย่งอาหารออกไปจากปากของเขาได้
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้าจะส่งคนไปบอกกล่าวเถ้าแก่ถงเสียหน่อย ให้เถ้าแก่น้อยถงไปหาเจ้า”
นี่จะได้อย่างไร?
คนมากความสามารถไม่ควรใช้ทำเรื่องเล็กๆ
นางอยากขอให้เถ้าแก่น้อยถงมาช่วยเหลือ ไม่ใช่ขอให้เถ้าแก่น้อยถงมารับใช้นางเสียหน่อย
อวี้ถังเอ่ยทันที “ไฉนต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น สกุลพวกเราและสกุลเถ้าแก่ถงก็นับว่ามีไมตรีต่อกัน ขอเพียงแค่ท่านออกปาก ทางเถ้าแก่น้อยถง ข้าไปเชิญด้วยตัวเองก็เพียงพอแล้ว”
ในเมื่อเผยเยี่ยนตัดสินใจจะช่วยนาง ก็เตรียมจะวางมือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อีก เขาตอบรับอย่างสบายๆ ไม่สนใจเรื่องนี้อีก ทิ้งให้พวกอวี้ถังคิดวิธีไปเองแล้วกัน
เขายกชา ทำท่าเตรียมจะส่งแขก
อวี้ถังโมโหอย่างยิ่ง
สยากวงผู้นี้ มักจะเล่นลูกไม้ต่อหน้านาง พูดจาขาดๆ เกินๆ
อวี้ถังยกถ้วยชาขึ้นดื่มเช่นกัน ดื่มซังจวี๋อิ่นไปอึกหนึ่ง “ชานี้รสชาติดีไม่น้อย เหมือนจะแตกต่างจากซังจวี๋อิ่นที่ข้าดื่มในเรือนอยู่บ้าง ชานี้ใครเป็นคนผสมรึ? ในมือนายท่านสามมีตำรับอยู่? สามารถเผยแพร่ได้หรือไม่? หากไม่สะดวก สามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะหาจากที่ใด? ข้ารู้สึกว่าชานี้รสชาติจืด แต่รสอร่อยกลับติดลิ้นเนิ่นนาน อยากทำให้ท่านแม่ลองชิมบ้าง”
อยากถามเขาก็ถาม ยังจะเล่นลิ้นอะไรมากมายเพียงนั้น!
เผยเยี่ยนแสร้งทำเป็นไม่รู้ อยากเห็นว่าอวี้ถังจะออกอุบายอะไร ทำได้เพียงตามน้ำนางไป “ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผสม ชิงหยวน? เยี่ยนชิง? ข้าจำไม่ได้แล้ว จะให้อาหมิงถามให้ เอาตำรับให้เจ้า”
อวี้ถังเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม เตรียมรับตำรับนั้นอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาตรงๆ ทันที “ครั้งก่อนท่านกล่าวว่าคุณหนูกู้จะบริจาคเครื่องหอมในวันสรงน้ำพระของวัดเจาหมิง ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? หรือคุณหนูกู้ส่งคนมาปรึกษาหารือกับท่าน? การบรรยายธรรมในวันสรงน้ำพระไม่ใช่ว่ามีท่านแม่เฒ่าเป็นผู้ออกหน้าหรอกรึ? หรือว่าในการบรรยายธรรม ไม่ว่าจะบริจาคของอะไรก็สามารถปรากฏตัวในพิธีได้หมดอย่างนั้นรึ?”
น่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว!
เผยเยี่ยนถูกอวี้ถังถามอย่างกะทันหันก็ตั้งหลักไม่ทันเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็หวนสติคืนมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าสกุลกู้ส่งคนมาบอกกับท่านแม่ข้า หากสกุลกู้และสกุลเผยเกี่ยวดองกันสำเร็จ คุณหนูกู้ก็จะเป็นหลานสะใภ้คนโตของพวกเราสกุลเผย หากนางสามารถมีชื่อเสียงในพิธีแสวงบุญ ก็เป็นเรื่องดีกับพวกเราสกุลเผยเช่นกัน”
เดิมทีอวี้ถังก็ไม่เชื่อ นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าท้ายที่สุดนายท่านสามก็ยังคงต้องการส่งตำแหน่งผู้นำสกุลให้คุณชายใหญ่”
ไม่อย่างนั้นจะให้กู้ซีมีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ภายนอกทำไม
หากเดินเส้นทางขุนนาง ทางที่ดีสมาชิกในเรือนต้องไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ประการแรกเมื่อเกิดเรื่องอะไรจะได้ไม่ถูกคนมาขอร้องถึงหน้าประตู สร้างปัญหาให้โดยใช่เหตุ ประการที่สองเพื่อจะไม่เกินหน้าเกินตาสตรีที่มีตำแหน่งสูงในสกุล ทำให้ผู้ที่มีตำแหน่งสูงอับอาย ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เผยเยี่ยนชะงักไปอีกครั้ง
ภายนอกมีการคาดเดาไปต่างๆ นานากลับไม่มีใครกล้าพูดออกมาต่อหน้าเขาตรงๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงถามเรื่องอะไรกับเขา
อวี้ถังรู้ว่าเผยเยี่ยนคงคาดไม่ถึงว่านางจะพูดเฉียบคมเช่นนี้ เอ่ยอย่างรู้แล้วรู้รอดไป “หากนายท่านสามไม่ได้ตั้งใจให้คุณชายใหญ่รับตำแหน่งผู้นำสกุล ข้าคิดไม่ตกว่าเหตุใดต้องเชิดหน้าชูตาให้กู้ซีได้รับชื่อเสียงเช่นนี้? ข้าว่า ในเมืองหลินอันย่อมไม่ได้มีข้าเพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้”
ชั่วพริบตานั้นเผยเยี่ยนก็ใบหน้าดำคล้ำ
เขานึกไม่ถึงว่าอวี้ถังจะใจกล้าขนาดนี้ กล้าแหย่มาที่จุดอ่อนของสกุลพวกเขา
เขาตามใจนางเกินไปใช่หรือไม่ ทำให้คนที่มักระวังรอบคอบอย่างนางกลายเป็นคนพูดจาไม่สนใจอันใดเช่นนี้!
เผยเยี่ยนยกชาขึ้น เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “นี่ก็สายมากแล้ว คุณหนูอวี้รีบกลับไปจะดีกว่า! หากฟ้ามืดเกินไป จะเดินทางไม่สะดวกนัก คนที่เรือนเจ้าจะได้ไม่กังวล”
นิสัยเช่นนี้!
โมโหขึ้นมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น
เอ่ยประโยคไม่ถูกใจนิดเดียวก็ทนฟังไม่ได้เสียแล้ว
อวี้ถังลอบนินทาในใจ ใบหน้ากลับไม่ปรากฏอันใด ทั้งไม่กล้าทะเลาะกับเขาอย่างจริงจัง นางแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่ไม่ใช่เพิ่งจะเที่ยงหรอกรึ? ยังมีเวลาอีกมาก!” พูดจบ จู่ๆ นางก็เผยสีหน้ากระจ่างใจขึ้นมา ตบมือเสียงดัง “ไอหยา ข้าเอาแต่พะวงเร่งเดินทาง ลืมไปว่าจะเที่ยงแล้ว ท่านคงยังไม่ได้กินข้าวกลางวันกระมัง? เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ข้าจะพักอยู่ใกล้ๆ นี้สักครู่ รอท่านกินข้าวเสร็จ พักผ่อนตอนกลางวันแล้วจะมาเข้าพบใหม่ วันสรงน้ำพวกเราควรทำอย่างไร ในใจข้าไม่มีแผนแม้แต่น้อย เรื่องนี้เกรงว่าต้องขอให้ท่านช่วยสอนแล้ว” จากนั้นไม่รอให้เผยเยี่ยนได้พูดอะไร ก็หยัดกายขึ้นบอกลาเขาด้วยรอยยิ้ม
เผยเยี่ยนเบิกตาค้าง
นี่คืออะไร?
ถอยหลังเพื่อให้ได้ใช้แผนเดินหน้า?
นางคิดว่าเขาไม่กล้าล่วงเกินนางจริงๆ อย่างนั้นรึ?
นางอยากรั้งตัวกินข้าวกลางวัน เขาก็จะเลียนแบบนาง สร้างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรเช่นกัน!
เผยเยี่ยนเปลี่ยนเป็นเผยรอยยิ้ม เอ่ยเสียงนุ่มนวล “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่รั้งคุณหนูอวี้แล้ว ส่วนเรื่องวันสรงน้ำพระนั้น ยามนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าหลักๆ ต้องจัดการอย่างไร เกรงว่าคงช่วยเหลือคุณหนูอวี้ไม่ได้”
อวี้ถังรู้ว่าเผยเยี่ยนเป็นคนไม่พิถีพิถัน แต่นางคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่พิถีพิถันจนถึงขั้นนี้
นางลอบแค่นหัวเราะในใจ กลับไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย
เขาไม่อยากให้นางมาอย่างนั้นรึ?
นางก็จะให้เขาออกปากรั้งตัวเองไว้จงได้
อวี้ถังขบคิดอยู่ในใจ รอยยิ้มเบ่งบานยิ่งกว่าเดิม “นายท่านสามให้เถ้าแก่น้อยถงมาช่วยพวกเรา ก็เป็นพระคุณล้นฟ้าแล้ว พวกเราขอบคุณอย่างไรก็ไม่หมด ในเมื่อท่านไม่รู้ขั้นตอนของงานทางนั้น ก็ประจวบเหมาะ ข้ายังไม่ได้ไปทักทายท่านแม่เฒ่า ข้าไปถามท่านแม่เฒ่าก็เพียงพอแล้ว”
————————-
[1]ใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่ อุปมาว่าลงแรงเกินความจำเป็น