ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 199 ช่างตัดเสื้อ
เหล่าสตรีทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้ไปร่วมดูความครึกครื้น?!
หมายความว่า กู้ซีไม่อาจโผล่มาที่พิธีบรรยายธรรมได้น่ะสิ
อวี้ถังพลันรู้สึกสะใจจนเนื้อเต้น
แค่คิดภาพว่ากู้ซีใช้เวลาสองสามชั่วยามในการประโคมแต่งตัวให้งดงามสะดุดตา ไม่ง่ายกว่าจะมาถึงเมืองหลินอัน พอเข้าพักที่วัดเจาหมิง เตรียมตัวเข้าร่วมพิธีบรรยายธรรม กลับต้องมารู้ว่าไม่อาจเข้าร่วมงานได้ ท่าทางลอบโมโหจนกัดฟันกรอดๆ นั้น…
มุมปากของอวี้ถังกระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
นางรีบยกมือปิดปากทันที
คุณหนูสี่ยังคงทุ่มเถียงกับคุณหนูรองต่อไปว่า “ไม่ให้ออกไปดูความครึกครื้น พวกเราก็ไม่ต้องออกไปคารวะผู้อาวุโสแล้วรึ? แล้วพวกเราต้องคอยหลบอยู่แต่ในห้องเซียงฟางไม่พบเจอผู้คนรึ? ในเมื่อต้องไปร่วมงาน จะปล่อยให้เสื้อผ้าหน้าผมไม่เรียบร้อยได้อย่างไร? ข้าไม่สนใจว่าพี่รองจะแต่งตัวอย่างไร แต่ข้าจะนำอีกสองชุดไปเปลี่ยนด้วย ไม่แน่อาจจะได้ใช้”
นั่นสิ!
ไม่ว่ากู้ซีจะได้ร่วมพิธีบรรยายธรรมแล้วถวายตำรับเครื่องหอมหรือไม่ วันสรงน้ำพระวันนั้นก็เป็นวันที่กู้ซีจะได้พบกับเผยถงครั้งแรกหลังจากที่ตกลงหมั้นหมายกัน หลายคนต้องอยากรู้จักกู้ซี และอีกหลายคนจะต้องหาข้ออ้างไปดูกู้ซีว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
เอ๊ะ!
วันนั้นกู้ซีถูกกำหนดให้มีชื่อเสียงโด่งดังนี่นา
ไม่อาจเข้าร่วมงานเพื่อถวายตำรับเครื่องหอมอาจไม่ส่งผลกระทบต่อนางเท่าไร
กู้ซีผู้นี้ ชื่นชอบการเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างที่สุด ทั้งชื่นชอบการโดดเด่นอย่างไม่กระโตกกระตากมากนัก
เพียงแต่ไม่รู้เลยว่านายหญิงใหญ่จะปรากฏตัวหรือไม่?
คุณชายใหญ่สกุลเผยจะมาร่วมงานด้วยหรือเปล่า?
นางยังไม่เคยเห็นเผยถงใกล้ๆ เลยสักครั้ง
ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร? จะหน้าคล้ายกับเผยเยี่ยนหรือไม่?
อวี้ถังคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงนั้น สีหน้าแสดงชัดว่าใจลอย คุณหนูห้ากระตุกชายเสื้อนางหลายที เมื่อเห็นว่าความสนใจของอวี้ถังอยู่ที่นาง ถึงได้ถามอีกครั้งว่า “พี่อวี้ เสื้อผ้าและเครื่องประดับของท่านเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง? ท่านอยากจะตัดเสื้อใหม่พร้อมกับพวกเราไหม? ท่านย่าสั่งตัดเสื้อหนาวให้ท่านอาสาม เชิญช่างตัดเสื้อเจ้าประจำมาจากเมืองซูโจวเจ้าค่ะ” นางพูดแล้วก็หันหน้ามองซ้ายขวา กดเสียงต่ำบอกนางว่า “ช่างตัดเสื้อเจ้าเก่าคนนี้ฝีมือดีกว่าหวังต้าเหนียงเสียอีก พวกเราสามารถอาศัยโอกาสนี้ให้พวกเขาทำของสิ่งอื่นให้พวกเราได้”
คนสกุลเผยล้วนแต่พิถีพิถันเพียงนี้เชียวรึ?
อวี้ถังรีบตอบว่า “ไม่ต้องหรอก ที่เรือนข้ายังมีชุดใหม่ที่ยังไม่ได้ใส่อยู่ ถึงเวลานั้นข้าเลือกตัวสวยๆ มาสักชุดก็พอแล้ว”
คุณหนูห้ามองอวี้ถังเหมือนคนกันเอง นางโน้มน้าวอวี้ถังต่อไป แล้วยื่นรองเท้าปักบุปผาของตนออกมา “ท่านดูสิ! นี่คือรองเท้าที่ช่างคนนั้นช่วยทำให้ตอนข้าเพิ่งกลับมา ปักได้งดงามยิ่งนัก”
อวี้ถังเพิ่งสังเกตเห็นว่าวันนี้คุณหนูห้าสวมรองเท้าสีเขียว มันดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ด้ายสีเขียวน้ำมันปักเป็นเครือเถาดอกสายน้ำผึ้ง ใช้สีชมพูอ่อนปักเป็นดอกอวี้จานพุ่มน้อย สีสันไม่เพียงอ่อนหวานสง่างาม ลวดลายยังโดดเด่นสะดุดตา รองเท้าปักเล็กๆ คู่หนึ่ง กลับปักดอกอวี้จานทั้งแบบตูมและบานได้ไม่น้อยกว่ายี่สิบดอก ช่างน่าตื่นตาโดยแท้
นางรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
คุณหนูห้าเห็นเช่นนั้นก็คลี่ยิ้ม เอ่ยอย่างได้ใจว่า “พี่อวี้ ท่านก็คิดว่าสวยมากใช่ไหมเจ้าคะ! ข้าวของเครื่องใช้ของสตรีอย่างพวกเรา ไม่อาจมอบให้คนอื่นทำได้มั่วซั่ว แต่ว่างานปักของพวกเขาโดดเด่นมากจริงๆ ลวดลายสีสันสดใส ให้พวกเขาช่วยปักกระโปรง หรือว่าของชิ้นเล็กๆ ข้าคิดว่าไม่เลวเลย”
สิ่งที่อวี้ถังถูกใจคือลวดลายนั่น
หากนำมาใช้บนเครื่องลงรักของร้านสกุลนางได้ จะต้องทำให้สตรีมากมายหลงใหลได้แน่
ต้องรู้ด้วยว่า การจัดเตรียมสินเดิม เป็นเรื่องของมารดา ท่านน้าและท่านป้าเท่านั้น
อวี้ถังมีความคิดร้ายกาจ “รู้ไหมว่าร้านนี้ตั้งอยู่ที่ใด? ตอนนี้ข้ายังไม่ใช้หรอก แต่รองเท้าเจ้าปักได้งดงามมาก ถึงเวลานั้นข้าอยากให้พวกเขาช่วยทำของเล็กๆ น้อยๆ ให้ข้าบ้าง”
คุณหนูสามหัวเราะชอบใจ “ยากนักที่จะเห็นพี่อวี้ถูกใจเสื้อผ้าเครื่องประดับสักชิ้น แต่ว่า ร้านนี้รับเฉพาะลูกค้าเก่าที่ยอมมาตัดเสื้อให้สกุลเรา ก็เพราะเห็นแก่หน้าท่านอาสาม พวกเรารู้ว่าร้านค้าของพวกเขาอยู่ตรงไหน แต่หากต้องการให้ร้านค้าของเขาปักสิ่งของให้ เกรงว่าต้องแจ้งต่อพ่อบ้านใหญ่สักคำ ดูว่าเขาจะยืมชื่อสกุลเรานัดเวลาล่วงหน้าให้ท่านได้หรือไม่”
ยุ่งยากขนาดนั้น?
อวี้ถังฉงนใจหนัก
คุณหนูห้ารีบเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรๆ เขาต้องมาตัดเสื้อให้บิดาข้าเช่นกัน ตอนที่เขามาข้าจะบอกท่านด้วย ถึงเวลานั้นท่านก็ลองคิดดูว่าต้องการจะปักของชิ้นใด”
อวี้ถังจับความบางอย่างได้ นางถามว่า “ร้านของพวกเขาตัดเสื้อให้เฉพาะบุรุษหรือ?”
เหล่าคุณหนูสกุลเผยแต่ทำหน้างุนงง
คุณหนูรองเอ่ยว่า “ไม่น่าใช่? ชุดแต่งงานของข้าก็ให้พวกเขาช่วยปัก แต่ตอนตัดเย็บนั้นหวังต้าเหนียงเป็นคนรับผิดชอบ”
พูดอีกอย่างก็คือ คนเขารับแต่งานใหญ่เท่านั้น
ในใจอวี้ถังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร แต่ก็ลอบกร่นด่าเผยเยี่ยนไปยกหนึ่ง
คนผู้นี้ช่างจุกจิกเหลือเกิน ฝีมือของผู้อื่นใช้ปักชุดแต่งงาน กลับถูกนำมาใช้ตัดต้าวผาวให้เขาเสียได้
ต้าวผาวมีอะไรยากกัน ต้าวผาวของบิดานางยังทำเองได้เลย จำเป็นต้องใช้ช่างตัดเสื้อฝีมือขนาดนี้ด้วยรึ?
ทว่า ใครเป็นคนวาดลวดลายให้ร้านนี้กัน นางอยากรู้จนใจคันยุบยิบไปหมด ไม่แน่นางอาจจะต้องขอให้เผยเยี่ยนช่วยจริงๆ ก็ได้
ทุกคนต่างพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะ กระทั่งถึงเวลาจุดโคมไฟ พวกคุณหนูห้าก็รั้งให้อวี้ถังอยู่ค้างคืน…เพราะธูปกำยานขดขนาดเท่าถังล้างเท้ากับธูปก้านยาวขนาดเท่าแขนเด็กยังไหม้ไม่หมด
อวี้ถังพลันนึกถึงคนที่ไปจุดโคมฉางหมิงที่วัด ปกติก็มักจะจุดธูปกำยานขดขนาดเท่าถังล้างเท้าหลายอัน ธูปกำยานพวกนั้นมักจะไหม้อยู่สามวันสามคืนเลยทีเดียว
แล้วนางต้องรอถึงสามวันสามคืนจริงๆ รึ?
อวี้ถังรีบถามว่า “ธูปนี้จุดได้กี่วันกัน?”
เหล่าคุณหนูต่างก็ไม่มีใครรู้ จึงเรียกคนให้ไปสอบถาม
ผู้ไปถามความกลับมาตอบว่า “จุดได้สามวันสามคืนเจ้าค่ะ”
พวกนางแทบพากันลมจับ
คุณหนูสามถามด้วยท่าทางน่าสงสารว่า “พวกเราต้องรอสามวันสามคืนจริงๆ ใช่ไหม? อักษรเสี่ยวข่ายที่อาจารย์สั่งให้คัดยังคัดไม่เสร็จเลย ข้าว่าข้าไปหยิบตำรามาที่นี่ดีกว่า”
คุณหนูรองเอ่ยอย่างไม่แน่ใจว่า “หรือไม่พวกเรากลับกันไปก่อน ผ่านไปสองวันค่อยมาดูใหม่?”
อวี้ถังคิดว่าความคิดนี้ไม่เลว
ดวงตาไข่มุกของคุณหนูสี่ตวัดขวับ “พี่อวี้ค้างอยู่ที่จวนเราสักหลายวันสิเจ้าคะ อักษรเสี่ยวข่ายของข้ายังเขียนไม่เสร็จดี เรื่องธูปหอมพวกเราไม่มีใครว่างดู ธูปหอมครั้งนี้ทำออกมาได้ดีหรือไม่ คงต้องให้พี่อวี้ลำบากดูแทนแล้ว”
อวี้ถังเห็นก็รู้ทันทีว่าคุณหนูสี่มีแผนบางอย่าง แต่หนึ่งนางไม่เคยเข้าใจสักทีว่าคุณหนูสี่คิดจะทำอะไร สองเรื่องนี้จำเป็นต้องมีคนจับตาดูจริงๆ นางหยุดคิดสักพักก่อนจะตอบตกลง
คุณหนูรองสั่งให้คนไปแจ้งต่อหูซิ่ง ให้หูซิ่งหาคนไปส่งข่าวต่อสกุลอวี้
คนสกุลเฉินรู้ก่อนแล้วว่าอวี้ถังไปทำอะไรที่จวนสกุลเผย แม้ตอนได้รับจดหมายจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน
อวี้ถังไม่ได้ค้างแรมที่จวนสกุลเผยเป็นครั้งแรก ทุกครั้งต่างก็กลับมาอย่างราบรื่นปลอดภัย นางถึงได้ยอมรับเรื่องที่อวี้ถังไปค้างแรมด้านนอกได้ แต่ผู้เป็นมารดา อย่างไรก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ ทางหนึ่งก็ช่วยอวี้ถังเก็บเสื้อผ้าข้าวของสำหรับผลัดเปลี่ยน ทางหนึ่งก็ย้ำกับซวงเถาหลายรอบทำนองว่าอย่าลืมปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด
ซวงเถานั้นกลับชินเสียแล้ว นางหัวเราะเอ่ยว่า “นายหญิงวางใจได้เจ้าค่ะ ตอนที่คุณหนูค้างอยู่จวนสกุลเผย ห้องที่พักอยู่ไม่ไกลจากเรือนคุณหนูห้าเลย คนที่มารับใช้ล้วนเป็นคนในเรือนท่านแม่เฒ่า ใส่ใจรับผิดชอบยิ่งกว่าข้าเสียอีก ท่านสบายใจได้”
คนสกุลเฉินเอ่ยอย่างไม่ชอบใจว่า “ความไม่ประมาททำให้เราอยู่รอดปลอดภัย เจ้าไปอาศัยเรือนผู้อื่นอยู่ ระวังเอาไว้ไม่มีผิดแน่”
ซวงเถาไม่กล้าต่อปากได้แต่รับคำไว้ หอบเอาเสื้อผ้าข้าวของที่ใช้ผลัดเปลี่ยนของอวี้ถังปีนขึ้นเกี้ยวที่สกุลเผยส่งมา
อวี้ถังกำลังจดจ่ออยู่กับลวดลายของร้านตัดเสื้อร้านนั้น
นางคิดไปคิดมา รู้สึกว่าเรื่องนี้สำหรับสกุลเผยแล้วไม่นับว่าเป็นปัญหาเสียด้วยซ้ำ
เช้าตรู่วันที่สอง หลังจากอวี้ถังกับเหล่าคุณหนูสกุลเผยไปดูธูปกำยานขดกับธูปก้านยาวที่ยังไหม้ไม่หมดแล้ว เหล่าคุณหนูก็กลับไปเข้าชั้นเรียน ส่วนนางก็ให้ซวงเถาไปพบเผยหม่าน
หลายวันนี้เผยหม่านยุ่งเสียจนไม่มีเวลาหยุดดื่มน้ำ
พิธีบรรยายธรรมในวันสรงน้ำพระที่วัดเจาหมิงเดิมก็เป็นความคิดชั่ววูบของท่านแม่เฒ่าเท่านั้น สุดท้ายพอข่าวกระจายออกไป ไม่เพียงคนสกุลซ่งที่เตรียมตัวมาร่วมความครึกครื้น กระทั่งสกุลเผิงและสกุลอิ้นที่อยู่ไกลถึงฝูเจี้ยนยังอยากมาร่วมด้วย จะจัดการที่พัก อาหาร การเดินทางของพวกเขาอย่างไรนั้น ล้วนเป็นปัญหาที่สิ้นเปลืองความคิดอย่างมาก อีกอย่างข้าหลวงทังก็ครบวาระประจำการพอดี เส้นสายกรมขุนนางของเขาไม่ใหญ่พอ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีจดหมายคำสั่งออกมาว่าต้องย้ายไปรับตำแหน่งที่ใด เขาร้อนใจจนหัวหมุน กำลังเล็งหาโอกาสประชิดตัวสกุลเผยอยู่พอดี พอรู้ข่าวเรื่องพิธีบรรยายธรรม กระทั่งศักดิ์ศรียังโยนทิ้ง สองสามวันนี้หาข้ออ้างมากมายมาเยี่ยมนายท่านสามไม่หยุดหย่อน เสิ่นซ่านเหยียนเองก็เอาแต่ยกเรื่องงานแต่งของสกุลกู้และสกุลเผยมาพูดต่อหน้านายท่านสามไม่ว่างเว้น…กระทั่งอวี้ถังยังมีเรื่องขอพบเขาอีก ซ้ำยังเป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญโดยสิ้นเชิง
เผยหม่านหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ตอบซวงเถาไปว่า “รอสักหลายวันให้ข้าเสร็จธุระก่อนได้หรือไม่?”
ตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่สกุลเผยยังนับว่ามีความน่ายำเกรงในเมืองหลินอันแห่งนี้อยู่
ซวงเถาไม่กล้าบีบเค้น ได้แต่ตอบว่า “เช่นนั้นข้ารอท่านมีเวลาว่างแล้วค่อยมาใหม่เจ้าค่ะ”
เผยหม่านผงกศีรษะรับรู้
ซวงเถารีบล่าถอยออกไป
เพียงแต่ตอนที่นางเดินออกประตูก็บังเอิญสวนกับชูชิงพอดี ชูชิงเห็นแล้วค่อนข้างแปลกหน้า ต้องคิดอยู่พักหนึ่งกว่าจะจำได้ว่าซวงเถาเป็นใคร จึงอดถามเผยหม่านอย่างอดสงสัยไม่ได้ “สาวใช้ข้างกายคุณหนูอวี้มาหาเจ้าเรื่องอะไร?”
เผยหม่านเล่าความเป็นไปให้ชูชิงฟังรอบหนึ่ง
ชูชิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ เอ่ยคล้ายบอกใบ้บางสิ่งว่า “เจ้าควรเก็บเรื่องนี้ใส่ใจไว้เป็นดีที่สุด ต่อให้ตอนนี้ไม่มีเวลาว่าง แต่รีบสั่งคนที่ไว้ใจได้ให้ไปจัดการเสีย”
เขาเป็นผู้ช่วยของเผยเยี่ยน มิใช่คนที่จะพูดจาพล่อยๆ อีกทั้งน้ำเสียงยังแฝงนัยตักเตือนไว้อย่างเต็มเปี่ยม
เผยหม่านหยุดงานในมือลงอย่างไร้ทางเลี่ยง จากนั้นก็พิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แล้วกระซิบถามชูชิงว่า “ต่อไปหากมีเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูอวี้…นี่นับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องจัดการโดยด่วนใช่หรือไม่?”
ชูชิงหัวเราะแต่ไม่ได้ตอบคำถามเขา
เผยหม่านจึงชั่งใจ
เขาหมุนกายแล้วสั่งให้คนไปถามความกับช่างตัดเสื้อของเผยเยี่ยนทันที
บังเอิญว่าช่างตัดเสื้อกำลังให้เผยเยี่ยนลองชุดอยู่ เผยเยี่ยนได้ฟังพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
แม้ร้านตัดเสื้อร้านนี้จะขึ้นชื่อว่าไม่รับตัดเสื้อให้ใครง่ายๆ แต่เนื้อแท้ก็เป็นแค่ร้านค้าที่ทำมาค้าขายทั่วไป ต่อให้สิ่งของร้านเขาจะดีเลิศปานไหน ก็คงไม่มีค่าพอให้อวี้ถังต้องเปลืองแรงคิดวางแผนเช่นนี้กระมัง
เขาไล่คนของร้านตัดเสื้อออกไป แล้วเรียกเผยหม่านเข้ามาหา “คุณหนูอวี้ต้องการของร้านค้านี้ไปทำอะไร? มารดาข้ามิใช่มีร้านตัดเสื้อประจำอยู่แล้วรึ? เสื้อผ้าร้านนั้นตัดออกมาได้ไม่ดี? หรือว่าช่างตัดเสื้อชื่อว่าอะไรนั่นสะเพร่าไม่ใส่ใจ ละเลยต่อผู้อื่นในสกุล?”
มุมปากของเผยหม่านกระตุกยก
ผู้อื่น?
ผู้อื่นที่ว่านี้คงหมายถึงคุณหนูอวี้กระมัง?
หวังต้าเหนียงผู้นั้นหนึ่งปีสี่ฤดูต่างส่งถุงเท้ารองเท้ามาให้เขาไม่เคยขาด เขารับน้ำใจของผู้อื่นมา เวลาสำคัญเช่นนี้จะไม่พูดประโยคน่าฟังสักหน่อยคงไม่ได้
เผยหม่านวางสีหน้าตามปกติ แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “หญิงที่ตัดเสื้อให้ท่านแม่เฒ่านามสกุลหวังขอรับ คนมีนิสัยนอบน้อมรอบคอบยิ่ง นางรับใช้ท่านแม่เฒ่ามาหลายปีดีดักแล้ว ไม่น่าจะใช่คนประเภทนั้นขอรับ”
เผยเยี่ยนแสยะยิ้ม “ใครๆ ต่างก็ชอบตีสองหน้า เจ้าไปตรวบสอบหน่อย ที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่?”