ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 249 รมยาด้วยโกฐ
หญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี รูปร่างไม่สูงมาก ผิวขาวอวบเนื้อ มีสามีนามสกุลฉื่อ ฟังว่าได้รับคำสั่งจากหูซิ่ง ให้มารมยาด้วยโกฐแก่อวี้ถัง
อวี้ถังเอ่ยอย่างสนใจว่า “อาการข้าตอนนี้หากรมยาด้วยโกฐจะได้ผลดีหรือ?”
นางไม่กล้าพูดว่าตนได้รับความตกใจ ในเมื่อสกุลเผยเป็นคนเรียกหาหญิงผู้นี้มา ย่อมจะรู้อาการป่วยของนางดี
แม่หมอฉื่อยิ้มจนตาหยีแล้วเอ่ยว่า “ดีแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อบ้านหูคงไม่รีบร้อนเรียกตัวข้ามา”
เพียงแต่เวลาคนสกุลเผยเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็มักจะเรียกหาหมอที่จวนตนเลี้ยงเอาไว้ หากเจ็บป่วยหนักค่อยไปเชิญท่านหมอชื่อดังจากหังโจว อย่างเช่นนางที่รู้แค่วิชาแพทย์ผิวเผินไม่สำคัญอะไร ได้แต่เดินสายรักษาชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้องไปวันๆ
ดังนั้นแม่หมอฉื่อจึงเห็นการรมยาแก่อวี้ถังครั้งนี้เป็นโอกาสทองในการเปลี่ยนชะตาตน นางไม่เพียงปฏิบัติต่ออวี้ถังอย่างดี ทั้งยังขายตัวเองเสียยกใหญ่ว่า “ประโยชน์ของการรมยาด้วยโกฐคือทำให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วยเล็กน้อยอย่างไข้หวัด อีกอย่างข้าก็รู้วิชาฝังเข็มและนวดตัว โดยเฉพาะการนวดนั้น เป็นสิ่งที่ข้าชำนาญที่สุด เหล่าคุณหนูและนายหญิงสกุลใหญ่มักไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย พอเวลานานไป ช่วงท้องจะมีเนื้อมาก กลายเป็นคนอ้วน บางครั้งก็กระทบถึงการให้กำเนิดบุตร หากว่าทำการนวดบ่อยๆ จะสามารถหลีกเลี่ยงผลร้ายเหล่านี้ได้ ทั้งทำให้สุขภาพแข็งแรง…”
นางสาธยายประโยชน์ของการนวดโดยไม่หยุดพัก อวี้ถังกลับไม่ค่อยซาบซึ้งเท่าไร ผลกลายเป็นว่าชิงหยวนที่ฟังอยู่ด้านข้างสนอกสนใจ ตอนที่แม่หมอฉื่อรมยาให้อวี้ถังก็ถามนู่นนี่ไม่หยุด ยังถามแม่หมอฉื่อว่าตอนนี้นางทำอะไรอยู่ที่ไหน? ปกติจะมานวดให้ที่เรือนได้หรือไม่
เจตนาของแม่หมอฉื่อก็คือต่อไปหวังจะได้อาศัยใบบุญของสกุลเผย นางจึงตอบตกลงในทันที “หากรมยาด้วยโกฐแล้ว ตัวมักจะติดกลิ่นยา บางคนก็ชอบ แต่บางคนไม่ชอบ เมื่อครู่ข้าเห็นว่าคุณหนูอวี้ขมวดคิ้วบ่อยๆ คิดว่าคงไม่คุ้นกับกลิ่นยาเป็นแน่ ท่านสามารถใช้เซียงลู่นี้สระผมและล้างตัวได้ กลิ่นยาเหล่านี้ก็จะหายไปทันที สิ่งนี้ข้าทำขึ้นมาเอง แม้ตอนที่ไม่ได้รมยาก็ใช้ได้เช่นกัน ทั้งยังมีอีกหลายกลิ่น ครั้งนี้ข้ารีบร้อนมา มีเพียงกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ติดตัวมาด้วย ท่านสามารถลองใช้ก่อนว่าชอบหรือไม่”
นางยังมอบขวดเล็กใบหนึ่งให้กับชิงหยวน เอ่ยว่า “รอบนี้ออกมาอย่างเร่งร้อน นี่เป็นขวดที่คราก่อนใช้ไม่หมด ท่านอย่าได้รังเกียจ”
ชิงหยวนรับเอาไว้ด้วยความสนใจ เลื่อนปากขวดมาอยู่ใต้จมูก เอ่ยกับอวี้ถังด้วยเสียงดีใจว่า “เป็นกลิ่นดอกมะลิเจ้าค่ะ”
อวี้ถังเอ่ยว่า “ให้ข้าดมบ้างสิ!”
ชิงหย่วนยื่นขวดไปใกล้จมูกของอวี้ถัง
อาจเพราะฝีมือมีสูงต่ำ ไม่ว่าจะเป็นเซียงลู่กลิ่นดอกหอมหมื่นลี้หรือกลิ่นดอกมะลิที่แม่หมอฉื่อให้มา ดมแล้วล้วนไม่รู้สึกสดชื่นเท่ากับเซียงลู่ที่คุณหนูสวีเคยมอบให้ แต่ก็นับว่ากลิ่นพอใช้ได้
อวี้ถังเอ่ยชมไปหลายครั้ง
ดวงหน้าของแม่หมอฉื่อบานแฉ่งเหมือนดอกไม้ “เมื่อรมยาด้วยโกฐแล้ว ต้องห้ามถูกน้ำสักระยะ ด้วยกลัวว่าไอเย็นจะเข้าสู่ร่างกายได้ รอให้ผ่านไปสักหนึ่งถึงสองชั่วยามแล้วค่อยอาบน้ำสระผมนะเจ้าคะ”
อวี้ถังพยักหน้ารับ
ชิงหยวนช่วยอวี้ถังจับเวลาจากกระบอกทราย ทั้งกำชับชิงผิงว่าให้มาเตือนอวี้ถังเมื่อถึงเวลาด้วย
ชิงผิงตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน “เจ้าค่ะ”
แม่หมอฉื่อถือโอกาสนี้เล่าถึงข้อดีข้อเสียของการฝังเข็มและการรมยาด้วยโกฐให้อวี้ถังฟัง
ตอนที่อวี้ถังรมยาอยู่นั้น ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบ คล้ายว่าถูกทาบด้วยเตารีด รู้สึกสบายและเกียจคร้านอย่างที่ไม่เคยเป็น นางเอนกายพิงหมอนอิงใบใหญ่ฟังแม่หมอฉื่อเล่าเรื่องสัพเพเหระให้ฟัง
ที่ศาลาเทศนาธรรม พิธีบรรยายธรรมของอาจารย์อู๋เหนิงใกล้จะถึงช่วงสุดท้ายแล้ว กำลังเชิญแขกที่มาเข้าร่วมให้ซักถามและช่วยไขความกระจ่างให้
เผยเยี่ยนเหยียดขาออกไปอย่างเงียบเชียบ
อาจารย์อู๋เหนิงผู้นี้มีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม หลอกได้แต่พวกท่านแม่เฒ่าที่ไม่เคยพบเจอโลกภายนอกก็เท่านั้น
เขามองไปทางเถาชิงทีหนึ่ง
เห็นว่าเถาชิงเบื่อหน่ายจนแทบจะหลับไปแล้ว
เขาอดจะลอบยิ้มหยันไม่ได้
เพราะเรื่องเว่ยซานฝูกับหวังชีเป่า เกรงว่าทุกคนคงทรมานกันไม่น้อย
เผยเยี่ยนตรึกตรอง ทันใดความคิดในหัวก็เปลี่ยนไปทันที
ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่? นอนป่วยซมอยู่บนเตียง? หรือว่านั่งดูตำราภาพอย่างสงบเรียบร้อย?
เผิงสืออียังไม่จากไป ให้นางหลบเลี่ยงสักหลายวันก็ดีเหมือนกัน
ถือเสียว่าได้พักผ่อนไปในตัว
ในสมองของเผยเยี่ยนพลันมีภาพวันที่อวี้ถังนอนสลบไม่ได้สติอยู่บนเกี้ยวลอยขึ้นมา
จู่ๆ เขาก็อยากเห็นหน้าแม่นางน้อยคนนั้น
คล้ายว่ามีเพียงวิธีนี้ เขาถึงจะสงบใจลงได้เสียที
เผยเยี่ยนกำลังคิดว่าตนจะหาข้ออ้างออกไปดีหรือไม่ ส่วนผ้าเช็ดหน้าในมือกู้ซีทางนั้นแทบจะม้วนพันกันเป็นก้อนแล้ว
เมื่อครู่นายหญิงใหญ่ให้คนมาแจ้งข่าวนาง ให้นางไปร่วมรับอาหารเย็นกับนายหญิงใหญ่ บอกว่าไม่ได้เห็นหน้านางหลายวันแล้ว อยากให้นางไปอยู่เป็นเพื่อน
เหล่านายหญิง หลานสะใภ้และพวกคุณหนูต่างก็อิจฉาที่นางสนิทสนมกับนายหญิงใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าเรียบเฉยดั่งน้ำนิ่งของท่านแม่เฒ่า ยังมีนายหญิงรองที่รับใช้อยู่ข้างกายนายท่านแม่เฒ่าสกุลเผย ในใจนางพลันว้าวุ่นทันที
นายหญิงใหญ่เป็นสะใภ้คนโต ต่อให้จะเป็นม่าย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ควรจะมาดูแลรับใช้ข้างกายท่านแม่เฒ่าสกุลเผย เพื่อแสดงความกตัญญูมิใช่หรือ? ทว่านางเอาแต่หลบอยู่ในห้องเงียบๆ วางตัวราวกับตนเป็นคุณหนูใหญ่ที่ถูกเก็บอยู่ในห้องหอเพื่อการใด? ทั้งยังจะเรียกนางไปหาอีก…นายหญิงใหญ่ไม่กลัวว่าผู้อื่นจะตำหนินางว่ามิรู้หนักเบาไร้ระเบียบหรือ?
กู้ซีลำบากใจที่จะปฏิเสธ ได้แต่ตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ทั้งนายหญิงรองก็หันมาพูดกับนางด้วยท่าทีใส่ใจว่า “หลายวันนี้พี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากแล้ว ข้าได้ยินว่าซาลาเปาเจที่ส่งไปเมื่อกลางวันนางกินไปตั้งสองลูก ยากนักที่นางจะเจอของถูกปาก เห็นได้ชัดว่าการออกมาเที่ยวข้างนอกนั้นไม่เลวเลย ข้าสั่งห้องครัวไปแล้วว่าอีกเดี๋ยวให้ส่งซาลาเปาไปให้สักหลายลูก ตอนเจ้ากินข้าวเป็นเพื่อนพี่สะใภ้ก็ช่วยข้าสังเกตหน่อย ดูว่านางชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ครั้งหน้าข้าจะได้กำชับห้องครัวถูก”
กู้ซียิ้มรับพร้อมย่อทำความเคารพนายหญิงรอง ทว่าในใจกลับเสียดสีนายหญิงใหญ่ว่า เป็นสะใภ้เหมือนกันแท้ๆ แต่ดูนายหญิงรองสิเล่า พูดจาน่าฟังไพเราะ เอาใจท่านแม่เฒ่าได้เก่งกาจเพียงไหน
มิแปลกที่นายหญิงใหญ่จะถูกคนซุบซิบนินทาอยู่ตลอด
คนวางตัวไม่เป็น เมื่ออยู่ในสกุลใหญ่ก็มักจะเป็นเช่นนี้
นางเอ่ยลาคุณหนูอู่ จากนั้นก็ออกไปหานายหญิงใหญ่
ใครจะคิดว่าที่นายหญิงใหญ่เรียกนางมา เพราะต้องการสืบถามเรื่องของอวี้ถัง “ได้ยินว่าส่งแม่หมอไปรมยาด้วยโกฐให้นางรึ คุณหนูอวี้ผู้นี้ มีความเป็นมาอย่างไรแน่? ได้ยินว่าแต่ก่อนนางเคยอาศัยอยู่ร่วมกับเจ้า เจ้ารู้จักนางดีหรือไม่?”
ในสายตานาง หากว่าเผยเยี่ยนแต่งกับหญิงสาวเช่นนี้ได้ก็คงดีไม่น้อย
แบบนี้ เผยเยี่ยนก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากสกุลฝั่งภรรยา
กู้ซีได้ฟังก็รู้สึกไม่ชอบใจ คิดในใจว่าแต่ก่อนข้าให้เจ้าคอยจับตาดูอวี้ถังไว้เจ้าไม่ยอมทำ มาครานี้เผยเยี่ยนให้ความสำคัญกับอวี้ถังมาก กลับคิดจะมาสืบข่าวอวี้ถังจากนาง ต้องขอให้นางช่วยเหลือแทน
นางเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนูอวี้ผู้นี้ ข้าก็ไม่ได้รู้จักนางสักเท่าไร ก่อนหน้าแม้จะเคยอยู่ร่วมกัน แต่เพียงอยู่เรือนติดกันเท่านั้น คุณหนูอวี้นิสัยใจคอเป็นเช่นไร ข้าไม่รู้เลยจริงๆ เจ้าค่ะ”
ทว่า เรื่องแม่หมอยานี่เป็นมาอย่างไร?
ในสกุลใหญ่ส่วนมากมักไม่ค่อยนิยมใช้แม่หมอยานัก คิดว่าพวกนางชอบเล่นลูกไม้หลอกคน ทำลายความสงบสุขของเรือนหลังเปล่าๆ ผ้าเช็ดหน้าในมือกู้ซีถูกบิดจนเป็นก้อนอีกครั้ง ทว่าสีหน้ากลับมีรอยยิ้มกระจายทั่ว
หากเผยเยี่ยนลอบทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังท่านแม่เฒ่า ถ้าท่านแม่เฒ่ารู้จะต้องไม่พอใจแน่
เช่นนี้ย่อมให้โอกาสให้ลงมืออีกมาก
น่าเสียดายที่นายหญิงใหญ่ถูกเผยโย่วทำเสียนิสัย แต่ไรก็ไม่เคยเห็นแม่สามีอยู่ในสายตา นางไม่ทันสังเกตเห็นเจตนาของกู้ซี ไม่เพียงเท่านั้น นางยังแสดงออกชัดว่าผิดหวังกับการที่กู้ซีไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งยังแสดงท่าทางอย่างไม่คิดปิดบังด้วยการเอ่ยว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ปรับตัวได้คุ้นเคยแล้วหรือไม่? ช่วงนี้ให้ข้าส่งบ่าวรับใช้ไปดูแลเจ้าสักสองคนดีหรือไม่เล่า?”
กู้ซีเข้าใจในทันที นายหญิงใหญ่คิดจะยืมชื่อนางทำเรื่องอะไรบางอย่าง
นางมิได้ไร้สมองเพียงนั้น
ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยสักนิด แล้วยังต้องให้ผู้อื่นยืมชื่อไปใช้เปล่าๆ
นางหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ข้าสบายดีเจ้าค่ะ คุณหนูอู่มาหาบ่อยๆ ยังมีคุณหนูจากสกุลซ่งและสกุลเผิงด้วย คึกคักไม่เลวเลย”
พูดเช่นนี้หมายความว่า นางทางนั้นคนเยอะและวุ่นวายมาก
นายหญิงใหญ่ผิดหวังขึ้นมาทันที
กู้ซีกระทั่งข้าวก็ไม่อยากกินแล้ว นางดื่มน้ำแกงอย่างลวกๆ แล้วอ้างว่าอิ่ม ร้อนใจอยากบอกลา แต่เพิ่งนึกออกถึงเรื่องที่นายหญิงรองฝากฝังเอาไว้ก่อนหน้า นางไม่ต้องการให้ชื่อเสียงต้องแปดเปื้อนเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านแม่เฒ่าและเหล่าสตรีสกุลเผิงกับสกุลซ่ง และเพราะรู้สึกสะอิดสะเอียนนายหญิงใหญ่เหลือทน จึงเอ่ยเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “แล้วท่านอยู่กินคุ้นเคยแล้วหรือไม่เจ้าคะ? ข้าได้ยินว่าเที่ยงวันนี้ท่านกินซาลาเปาได้เพิ่มอีกสองลูก พรุ่งนี้จะให้ห้องครัวเตรียมเพิ่มอีกสักเท่าไรดีเจ้าคะ?”
ต่อให้ซาลาเปาเจวัดเจาหมิงอร่อยปานใด ท่านแม่เฒ่าก็เป็นคนเห็นโลกมามาก สิ่งที่เคยกินมาก็มิได้ด้อยไปกว่าซาลาเปาเจที่นี่ บวกกับช่วงนี้นางเอาแต่กลัดกลุ้มว่าทำเช่นไรจะให้เผยถงกลับไปเมืองหลวง จึงมิได้ใส่ใจเรื่องที่อยู่ที่กินสักเท่าไรนัก ซาลาเปาเจของวัดเจาหมิงนี้ อาจเพราะไม่ได้กินมานาน จึงได้กัดเพิ่มไปหลายคำหน่อย
นางตอบว่า “ก็พอกินได้! ไป๋จื่อที่อยู่ข้างกายข้า บอกว่าตอนนี้หากินซาลาเปาเจวัดเจาหมิงยากนัก อยากจะส่งไปให้คนที่เรือนได้ลองชิมสักหน่อย พรุ่งนี้เจ้าช่วยส่งชุดใหญ่มาให้ข้าก็แล้วกัน”
ไป๋จื่อเป็นคนที่นายหญิงใหญ่ซื้อตัวไว้หลังจากมาถึงเมืองหลินอัน นางเป็นชาวหลินอันนี่เอง
กู้ซีเคยสืบเรื่องคนรอบตัวของนายหญิงใหญ่ ย่อมจะรู้จักไป๋จื่อผู้นี้ คิดว่าไป๋จื่อส่วนมากก็คอยรับใช้อยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่ คงอยากใช้โอกาสนี้โอ้อวดกระมัง
นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ใครคิดแต่จะรับใช้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเล่า?
คนข้างกายต้องรู้จักใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ
นางตอบรับด้วยรอยยิ้ม ฝืนสนทนากับนายหญิงใหญ่อีกหลายประโยค จากนั้นก็ลุกขึ้นบอกลา
อวี้ถังทางนั้นกลับหัวเราะอย่างสุขใจยิ่ง
นายหญิงรองกับเหล่าคุณหนูสกุลเผยมาเยี่ยมนาง ทุกคนไม่ก็ถามว่านางรู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่ก็ถามว่ายังไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า พูดคุยกับเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจไปหมด คุณหนูสวีกับนายหญิงสามสกุลหยางก็มาร่วมด้วย นายหญิงรองถามถึงสุขภาพของนายหญิงสามสกุลหยาง นายหญิงสามสกุลหยางกำลังตอบคำถาม คนสกุลเฉินก็ยกขนมที่ตนทำเองเข้ามา เล่าเรื่องช่วงบ่ายที่แม่หมอมารมยาด้วยโกฐให้ จากนั้นนายหญิงรองกับนายหญิงสามสกุลหยางจึงเรียกชิงหยวนเข้ามาถามความ…
เสียงหัวเราะดังลอยไปไกลท่ามกลางยามเย็นอันเงียบสงบ ทิ่มแทงกู้ซีที่กำลังกลับเรือนพักของตนจนเจ็บแปลบ
กู้ซีเผชิญหน้ากับอาทิตย์อัสดง ยืนอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ พลันหมุนตัวไปยังทางเรือนพักของเผยถง
เหอเซียงตกใจแทบกระโดด “คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ? เช่นนี้ดีหรือไม่ พวกเราไปแจ้งกับคุณชายใหญ่สักคำก่อนไหมเจ้าคะ?”
กู้ซีแสยะยิ้มเย็น คิดถึงท่าทีของเผยถงที่ยืนอยู่ข้างกายเผยเซวียนอย่างไร้ตัวตนตลอดทั้งวัน หัวใจนางพลันลุกโหมด้วยเปลวเพลิง
นางเอ่ยว่า “รีบไปสิ!”
เหอเซียงวิ่งแน่บหายไปทันที
ไม่นาน กู้ซีก็ประชันหน้ากับเผยถงที่สาวเท้ามาหาอย่างรีบร้อน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ?” หน้าผากของเผยถงมีเหงื่อผุดประปราย น้ำเสียงที่เปล่งออกมายังคงนุ่มนวลดังเก่า “ข้ากำลังดื่มชาเป็นเพื่อนท่านอารองกับนายท่านสกุลอื่นอยู่น่ะ!”
หมายความว่า เขาแอบออกมาชั่วคราวขณะที่ร่วมงานเลี้ยงอยู่อย่างนั้นรึ?
———————————————————–