ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 259 คฤหาสน์ส่วนตัว
คุณหนูอู่ถอนหายใจเฮือก กระซิบบอกกู้ซีว่า “นางโลภมากอย่างนี้ ไม่กลัวจะไปล่วงเกินสกุลเผยบ้างรึ เดี๋ยวคุณหนูสวีก็ต้องกลับไปเมืองหลวงแล้ว นางคงจับปลาไม่ได้สักมือ”
กู้ซีมองหน้าคุณหนูอู่ทีหนึ่ง ไม่ได้ส่งเสียง ในใจกลับด่าทอคุณหนูอู่อย่างสาดเสียเทเสีย
เผยเยี่ยนก็อยู่ที่หังโจวเหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าอวี้ถังเดินทางไปเป็นเพื่อนคุณหนูสวีกับนายหญิงสามสกุลหยาง หรือว่าไปเพื่อ ‘บังเอิญเจอ’ เผยเยี่ยนกันแน่?
แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อแรกหรือข้อหลัง ก็ทำให้นางไม่สบายใจได้ทั้งนั้น
อวี้ถังผู้นี้ วิ่งเข้าหาคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ช่างเก่งกาจเสียเหลือเกิน
นางก็อยากแต่งเข้าสกุลเผยเหมือนกันอย่างนั้นรึ?
ทว่า ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย
ภรรยากับอนุนั้น แตกต่างกันเฉกฟ้ากับเหว
จะคอยดูวันที่นางต้องน้ำตาตกในก็แล้วกัน
กู้ซีเหยียดหยามนางในใจ ส่วนอวี้ถังกับคุณหนูสวีและนายหญิงสามสกุลหยางได้รับการคุ้มครองจากเผยชี ตอนนี้เดินทางถึงเมืองหลินอันแล้ว
อวี้ถังอยากเชิญคุณหนูสวีกับนายหญิงสามสกุลหยางไปพักที่เรือนของนางคืนหนึ่ง เช้าวันถัดไปค่อยขึ้นเรือไปเมืองหังโจว
หูซิ่งที่ติดตามพวกนางมาด้วยกุลีกุจอมาคารวะอวี้ถังด้วยรอยยิ้มตาหยี “คุณหนูไม่ต้องลำบากเพียงนั้นขอรับ เรือได้เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว จอดรออยู่ที่ท่าเรือเสาซีนี่เอง หากออกเรือเวลานี้ นอนหลับหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าก็ถึงเมืองหังโจวพอดี ไม่เสียเวลาสักนิดเลยขอรับ”
นี่ต่างหากที่นับว่าเป็นวิธีการเดินทางของสกุลใหญ่อันสูงส่งอย่างแท้จริง
ดวงหน้าของอวี้ถังแดงเรื่อ
คุณหนูสวีแก้สถานการณ์ให้นางพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเชิญพวกเราไปเป็นแขกที่เรือน แต่เกรงว่าพี่รองอินจะไปรอพวกเราที่เมืองหังโจวแล้ว ครานี้ก็แล้วกันไปก่อน รอคราวหน้าพวกเรามาหลินอัน จะต้องไปรบกวนเจ้าสักหลายวันแน่ ถึงเวลานั้นเจ้าอย่ามารำคาญข้าก็พอ”
อวี้ถังเอ่ยซ้ำไปมาว่า “มิกล้าๆ” รถม้าเคลื่อนผ่านประตูหน้าเรือนนางไปโดยไม่หยุดแวะ วิ่งตามรถลากของสกุลเผยมุ่งตรงไปที่ท่าเรือ เด็กรับใช้ของสกุลเผยกรูหันเข้ามา ช่วยพวกนางยกของย้ายหีบ ส่วนอวี้ถังก็มีชิงหยวนคอยประคองเดินเข้าเรือไป
เรือที่สกุลเผยจัดมาให้เป็นเรือที่มีห้องโดยสารประมาณเจ็ดห้อง ในเมืองหลินอันนับว่าเป็นเรือลำที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ แล้ว แต่อวี้ถังเคยไปเมืองหังโจวมาก่อน ที่นั่นนางได้เห็นเรือลำมหึมายิ่งกว่านี้ จึงไม่ได้ตื่นเต้นหันซ้ายหันขวา เพียงเดินตรงไปยังห้องโดยสารที่จัดเตรียมเอาไว้ให้
ชิงผิงกับชิงเหลียนตักน้ำเข้ามาให้อวี้ถัง ซวงเถายื่นมือออกไปรับ แต่ชิงผิงกลับเบี่ยงหลบ นางหัวเราะเอ่ยว่า “พี่ซวงเถาก็ออกไปพักเถอะ ทางนี้ข้ากับชิงเหลียนจะคอยดูแลให้ก่อน ช่วงค่ำพี่ซวงเถาค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก็พอ”
ห้องโดยสารทั้งเจ็ดล้วนเป็นห้องชุด แบ่งเป็นห้องใหญ่หนึ่งห้อง ห้องเล็กหนึ่งห้อง และห้องเก็บของหนึ่งห้อง ห้องเล็กตกเป็นของอวี้ถัง ส่วนห้องใหญ่ใช้เป็นห้องรับแขก สาวใช้ที่เข้าเวรจะนอนอยู่ที่ตั่งไม้ในห้องเล็กหรือเก้าอี้ยาวในห้องรับแขกก็ได้ ส่วนเวลาปกติจะไปพักผ่อนที่ห้องโดยสารชั้นสองของเรือ
ซวงเถารู้สึกว่าหลายวันนี้นางไม่มีเรื่องให้ทำเท่าไร จึงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ให้ข้ารับใช้คุณหนูก่อนดีกว่า พวกเจ้าก็ไปพักกันเถอะ”
ชิงผิงหัวเราะ “พี่ซวงเถาเป็นคนสนิทคุณหนู คืนแรกที่คุณหนูต้องนอนบนเรือเช่นนี้ ควรมีคนคุ้นเคยอยู่เป็นเพื่อนจะเหมาะกว่า”
ซวงเถาหน้าเจื่อนไป
สกุลอวี้หาได้พิถีพิถันเพียงนั้น อวี้ถังเองก็ไม่เคยได้รับการดูแลระดับนี้มาก่อน
แต่นางคิดว่าที่ชิงผิงพูดก็มีเหตุผล จึงไม่ได้เกรงใจ แล้วกล่าวกับชิงผิงและชิงเหลียนว่า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว” ก่อนจะออกไปพัก
ชิงผิงกับชิงเหลียนช่วยอวี้ถังผลัดเสื้อผ้า ชิงหยวนพลันเข้ามารายงานว่า “มื้อเย็นมีเป็ดยัดไส้ ปลานึ่ง น้ำแกงหอย ผัดผักตามฤดูกาลสองจาน ตามด้วยขนมหนึ่งอย่าง ช่วงค่ำจะเป็นเกี๊ยวน้ำเจ้าค่ะ คุณหนูต้องการเพิ่มลดสิ่งใดอีกหรือไม่? จะแยกกินห้องใครห้องมันหรือจะไปกินร่วมกับคุณหนูสวีและนายหญิงสามสกุลหยางดีเจ้าคะ”
ทุกคนเดินทางทั้งวันย่อมเหน็ดเหนื่อย อวี้ถังตอบยิ้มๆ ว่า “ข้าอยากกินข้าวอยู่ในห้องนี่แหละ เจ้าลองไปถามคุณหนูสวีกับนายหญิงสามสกุลหยางทางนั้นดู แล้วก็จัดการตามนั้นได้เลย”
นางพบว่าชิงหยวนเชี่ยวชาญเรื่องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนอย่างมาก นางเพียงบอกไปว่าตนเองต้องการสิ่งใด ชิงหยวนก็จะดูแลรายละเอียดที่เหลือให้อย่างเรียบร้อย เหมือนกับครั้งนี้ นางบอกว่าอยากกินข้าวเย็นในห้องตนเอง ชิงหยวนก็จะส่งสารของนางออกไปให้คุณหนูสวีกับนายหญิงสาวสกุลหยางรับรู้ด้วยความเกรงใจทว่าไม่ผิดมารยาท ทำให้พวกนางรู้สึกว่าต่างคนต่างกินข้าวในห้องเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ความสามารถระดับนี้ กระทั่งภรรยาผู้คุมเรือนบางคนก็ใช่ว่าจะทำได้เหมือนกับชิงหยวน
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงคนที่ปราดเปรื่องเช่นนี้ ถึงจะไปอยู่กับสกุลใหญ่โตอย่างจวนสกุลเผยได้
แน่นอนว่า การอบรมสาวใช้เช่นนี้ออกมาสักคน คงต้องสิ้นเปลืองแรงใจอย่างมากทีเดียว
ชิงหยวนรับคำด้วยรอยยิ้มแล้วจากไป
อวี้ถังไม่ได้กินมื้อค่ำต่ออีก นางนอนโอนไปเอนมาอยู่บนเตียงในห้อง เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็มาถึงเมือหังโจวแล้ว
คนที่มารับพวกนางคือเถ้าแก่รองถง
อวี้ถังรีบพุ่งเข้าไปทักทายเถ้าแก่รองถงทันที
เถ้าแก่รองถงเห็นนางก็รู้สึกสนิทใจนัก ชมนางด้วยรอยยิ้มว่า “โตเป็นสาวแล้ว” ทั้งยิ่งเหมือนอวี้เหวินเข้าไปทุกที
อวี้ถังกล่าวขอบคุณเขา
เถ้าแก่รองถงเข้าไปทักทายคุณหนูสวีและนายหญิงสามสกุลหยาง จากนั้นก็พาพวกนางมุ่งหน้าไปทางสะพานเหมยเจีย
อวี้ถังกระซิบถามชิงหยวนว่า “ทำไมต้องไปพักที่สะพานเหมยเจียล่ะ?”
สกุลเผยมีคฤหาสน์เป็นของตนเองที่หังโจว และคฤหาสน์ที่สะพานเหมยเจียก็เป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของเผยเยี่ยน
ชิงหยวนก็ไม่รู้เช่นกัน “ถ้าข้าเจอเผยชีจะถามเขาให้เจ้าค่ะ ทว่าคฤหาสน์ที่สะพานเหมยเจียมีทิวทัศน์งดงามมาก ปลูกต้นเหมยเอาไว้หลายต้น ตอนที่ท่านผู้เฒ่าเฉียนยังอยู่ มักจะใช้ที่นี่รับรองขุนนางใหญ่จากเมืองหลวง ซ้ำพวกคนจากเมืองหลวงยังยกให้ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบคฤหาสน์ใหญ่ในเจียงหนานอีกด้วย ภายหลังท่านผู้เฒ่าเฉียนสิ้นไป คฤหาสน์ที่สะพานเหมยเจียจึงว่างลง หลายปีแล้วที่ไม่ได้ต้อนรับแขกอีก ครั้งนี้คุณหนูมีโอกาสไปเยือน จะได้ไปชมกับตาสักครั้ง นับว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้วเจ้าค่ะ!”
อวี้ถังพยักหน้าหงึกหงัก
ชิงหยวนเล่าให้นางฟังต่อว่า “คฤหาสน์ตรงสะพานเหมยเจียที่นายท่านสามอยู่นี้ขึ้นชื่อเรื่องต้นไม้ดอกไม้นัก คฤหาสน์ที่ประตูชิงปัวทางนั้นโด่งดังเรื่องทิวทัศน์ทะเลสาบ ส่วนคฤหาสน์นอกเมืองที่เขาเฟิ่งหวง ก็น่ามองด้วยภูเขาเขียวชอุ่ม ไม่เหมือนกับคฤหาสน์เก่าในเมืองหังโจวของสกุลเผยซึ่งตั้งอยู่บนถนนเสี่ยวเหอ แม้จะเดินทางเข้าออกสะดวก แต่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเลยเจ้าค่ะ”
อวี้ถังค่อนข้างประหลาดใจ
เผยเยี่ยนมิใช่ว่าไม่ชอบดอกไม้ใบหญ้ารึ?
หรือเพราะพวกนางเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงจัดแจงให้พวกนางไปพักที่สะพานเหมยเจีย?
แต่พอไปถึงสะพานเหมยเจีย นางยังไม่ทันได้พิจารณาคฤหาสน์ซึ่งกินพื้นที่ไปครึ่งถนนอย่างละเอียด ก็มองเห็นเผยเยี่ยนก่อนแล้ว
เขายืนอยู่ตรงประตูใหญ่ สวมชุดคลุมหลวมผ้าหังโฉวสีฟ้าอ่อนลายใบไผ่ ห้อยถุงผ้าสีเขียวหยก คิ้วตางามสง่า ยืนหลังตรงแหน็วอยู่หน้าประตูอย่างเงียบเชียบ เฉกภาพวาดอันสวยงามภาพหนึ่ง
เขา…ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรอนาง…
อวี้ถังพลันอุ่นวาบในอก รู้สึกว่าดวงหน้าร้อนฉ่าทันที
เผยชีวิ่งเข้าไปหาเผยเยี่ยน จากนั้นก็กระซิบข้างหูเขาหลายประโยค
เผยเยี่ยนเดินเข้ามาหา เขาหันไปคารวะนายหญิงสามสกุลหยางที่เพิ่งลงมาจากรถ “ไม่คิดว่าจะประจวบเหมาะเพียงนี้ ข้ากำลังจะไปพบหวังกงกง คงต้องรอให้ข้ากลับมาจากหวังกงกงทางนั้นก่อน แล้วค่อยมาต้อนรับพวกท่าน” พูดจบ ถึงได้เหลือบมองอวี้ถังทีหนึ่ง
อวี้ถังรู้สึกกระดากจนแทบมุดรูหนี คิดว่าโชคยังดีที่ตนอยู่มาแล้วสองชาติแล้ว มิฉะนั้นคงไม่อาจระงับความรู้สึกแท้จริงจนแสดงออกทางสีหน้าไปแล้ว
นางก้มหน้ามองต่ำ
นายหญิงสามสกุลหยางพาคุณหนูสวีไปทำความเคารพเผยเยี่ยน
อวี้ถังจึงต้องคารวะเขาตามด้วยอีกคน
นายหญิงสามสกุลหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้มแช่มชื่นว่า “เดิมข้าคิดว่าจะเข้าพักที่โรงเตี๊ยมสักแห่งในเมืองหังโจว ท่านแม่เฒ่ากลับไม่ยินยอม กลัวถ้าปฏิเสธแล้วจะเสียมารยาท จึงต้องรบกวนท่านแล้ว!”
“ท่านอย่าได้เกรงใจ” เผยเยี่ยนสนทนากับนายหญิงสามสกุลหยาง คุณหนูสวีและอวี้ถังอยู่หลายคำ พูดทำนองว่า ‘พักผ่อนอย่างสบายใจได้เต็มที่’ ทั้งบอกว่าใกล้ถึงเวลานัดหมายกับหวังชีเป่าแล้ว ก่อนจะนั่งรถม้าจากไป
คุณหนูสวีมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย นางคล้องแขนอวี้ถังเอาไว้ แล้วเอ่ยว่า “พวกเราก็พักด้วยกันเถอะ คฤหาสน์นี้คงกว้างขวางมาก หากว่าที่พักห่างกันเกินไป คงไม่มีเพื่อนให้คุยด้วยแล้ว”
เมื่อมายังสถานที่แปลกถิ่น การมีคนอยู่เป็นเพื่อนย่อมจะดีที่สุด
นางหัวเราะแล้วตอบตกลง
เถ้าแก่รองถงพาพวกนางไปที่เรือนรับแขก
อวี้ถังเตรียมจะเข้าไปเรือนหลังเดียวกันกับคุณหนูสวี คาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่รองถงจะเอ่ยท้วงว่าทางนี้ได้จัดแจงเรือนพักไว้ให้นางแล้ว แม้จะบอกว่าเรือนนี้อยู่ติดกันกับที่พักของคุณหนูสวี แต่นี่เป็นเรือนที่มีห้องหลักถึงห้าห้อง นางพลันรู้สึกว่ามันออกจะกว้างขวางเกินไปหน่อย
ชิงหยวนคิดว่าเช่นนี้เหมาะสมดีแล้ว นางชี้นิ้วไปยังห้องเซียงฝางฝั่งตะวันออกและตะวันตกทั้งสามห้อง “ทางนี้เป็นห้องหนังสือ ทางนั้นให้พี่ซวงเถาพักตอนเฝ้าเวร ข้าวของบางส่วนของท่านคงต้องวางไว้ห้องด้านหลัง ข้าว่านี่ออกจะคับแคบไปด้วยซ้ำ”
อวี้ถังทำหน้าไม่ถูก “ข้าก็แค่พักชั่วคราวไม่กี่วันเอง”
ชิงหยวนเอ่ยท้วงว่า “แต่จะลำบากตัวเองไม่ได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ!”
อวี้ถังพูดไม่ออกทันที
นางไม่รู้สึกว่าตนเองลำบากเสียหน่อย
ทว่า ในเมื่อทุกคนจัดแจงไว้เสร็จสรรพ หากว่านางจะย้ายเรือนอีก พวกชิงหยวนก็คงต้องจัดข้าวของใหม่อีกรอบ มีแต่ยุ่งยากกว่าเดิม
อวี้ถังจึงคิดว่าตนควรพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้
ช่วงกลางวัน นางกับคุณหนูสวีและนายหญิงสามสกุลหยางก็มาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
หลังจากจบมื้อกลางวัน นายหญิงสามสกุลหยางขอกลับไปงีบพัก คุณหนูสวีกลับลากอวี้ถังไปเดินสำรวจนรอบคฤหาสน์ด้วยพลังงานที่ล้นเปี่ยม
อวี้ถังก็อยากออกไปเดินดูเช่นกัน จึงให้ชิงผิงกับชิงเหลียนติดตามมาด้วย แล้วเดินเลียบไปตามระเบียงที่ทอดยาวอย่างแช่มช้า
คุณหนูสวีแหงนคอมองลายโคมดอกบัวที่วาดอยู่บนคานระเบียง แล้วเอ่ยกับอวี้ถังด้วยรอยยิ้มว่า “คฤหาสน์ของพวกเราทางตอนเหนือ ก็สร้างระเบียงทางเดินแบบนี้ วาดลวดลายสีเขียวฟ้าเช่นนี้เหมือนกันเลย ไม่คิดว่าจะได้เห็นในคฤหาสน์ทางแถบนี้ด้วย ระเบียงทางเดินนี้จะต้องสร้างเลียนแบบคฤหาสน์ของทางเหนือแน่ๆ”
ชิงผิงได้ยินก็ยิ้มรับเอ่ยว่า “คุณหนูสวีเก่งกาจนัก ระเบียงทางเดินทั้งหมดของคฤหาสน์เพิ่งจะสร้างขึ้นภายหลัง ได้ยินว่ามีปีหนึ่งที่หังโจวฝนตกติดกันสองเดือน ท่านผู้เฒ่าเฉียนรู้สึกว่าไม่สะดวกสบาย จึงได้สร้างระเบียงทางเดินขึ้นมา หากเดินตามระเบียงไปเรื่อยๆ ก็จะเดินได้เกือบรอบคฤหาสน์พอดีเจ้าค่ะ!”
คุณหนูสวียิ้มแฉ่งผงกศีรษะ ถามชิงผิงว่ารู้ทางไปสวนป่าเหมยหรือไม่
เห็นชัดว่านางเคยได้ยินเรื่องของคฤหาสน์หลังนี้มาก่อน
ชิงผิงจึงเดินไปสวนป่าเหมยเป็นเพื่อนพวกนาง
สวนป่าเหมยมีอาณาเขตประมาณสิบหมู่ เพราะเลยฤดูดอกเหมยเบ่งบานแล้ว ต้นเหมยจึงเปล่าเปลือย ไม่ได้น่ามองเท่าไรนัก แต่ด้านข้างมีสะพานข้ามลำธารน้อย ศาลาเหมันต์ในป่าไผ่ มองแล้วก็เจริญตาไปอีกแบบ
คุณหนูสวีเอ่ยว่า “ทิวทัศน์สองข้างของระเบียงทางเดินยังงามกว่า มีดอกไม้บานไปทั่วทุกมุมผนัง ต้นไม้ร่มรื่นเขียวชุ่ม กว้างขวางสุดลูกตา มองแล้วยิ่งใหญ่อลังการ ไม่เหมือนกันสวนป่าทั่วๆ ไป ที่มักประดิษฐ์ประดอยอย่างประณีต เดินไปทางไหนก็เจอแต่หินไท่หู งามก็นับว่างามอยู่หรอก แต่มองแล้วกลับรู้สึกอึดอัดยิ่ง”
อวี้ถังเผยยิ้มหวาน
สองคนใช้เวลาครึ่งชั่วยามเดินสำรวจคฤหาสน์ ทว่าระเบียงทางเดินหลังนี้คล้ายไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่รู้ว่าลดเลี้ยวไปทางไหนบ้าง คุณหนูสวีเริ่มรู้สึกหลงทาง จึงหันไปถามชิงผิงว่า “เจ้ายังจำทางกลับได้หรือไม่?”
ชิงผิงหัวเราะแล้วตอบว่า “จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรียกสาวใช้ที่ประจำเวรสักคนมาถามก็ได้แล้ว”
แต่ตลอดทางที่พวกนางเดินผ่าน ยังไม่เจอสาวใช้สักคนเลย
คุณหนูสวีเบะปากพูดกับอวี้ถังว่า “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าคฤหาสน์กว้างเกินไปไม่ดี? อย่างจวนข้า แค่เดินออกประตูมาก็ได้เจอหน้าเหล่าพี่น้องแล้ว คึกคักรื่นเริง ดีจะตายไป”
นั่นเป็นเพราะสกุลเผยมีลูกหลานน้อยกระมัง?
หากว่าเผยเยี่ยนมีพี่น้องสักเจ็ดแปดคน ยังจะต้องมากลัดกลุ้มว่าจวนว่างเปล่าอีกรึ?
อวี้ถังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พลันเจอกับสาวใช้ที่เดินผ่านทางมาพอดี จึงได้กลับไปยังเรือนพักของตน
———————————————————–