ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 273 ตกหลุม
เผยเยี่ยนสาวเท้าไปยังเก้าอี้ไท่ซือ ยกชายเสื้อนั่งลง
เขารู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากยามปกติโดยสิ้นเชิง ชิงหยวนกลับชำเลืองมองเขาอย่างว่องไว
การกระทำเมื่อครู่ของนายท่านสามเห็นได้ชัดว่าร้อนใจอยู่บ้าง คล้ายจงใจดึงดูดความสนใจก็มิปาน
นี่นายท่านสามอยากจะปกปิดอะไรหรือไม่?
ชิงหยวนไม่เข้าใจ
เผยเยี่ยนเอ่ยออกมา “เป็นอะไรรึ? ข้าทำเจ้าตื่น?”
นี่ยังเห็นไม่ชัดเจนหรืออย่างไร?
อวี้ถังบ่นพึมพำในใจ กลับถูกน้ำเสียงอ่อนโยนของเผยเยี่ยนทำให้ตกใจไม่น้อย
ความง่วงงุนล้วนหายไปหมดแล้ว นางมองเผยเยี่ยนไปที เห็นสีหน้าของเผยเยี่ยนก็อบอุ่นเช่นกัน ไม่เหมือนปากไม่ตรงกับใจ จึงลอบตกใจไม่หยุดหย่อน ทว่ากลับไม่ปรากฏสีหน้าอันใด ยกยิ้มมุมปากพยักหน้า
เผยเยี่ยนเห็นก็ตระหนักได้ว่าตัวเองเหมือนจะรีบร้อนเกินไปอยู่บ้างจริงๆ
อย่างไรตอนเย็นเขาก็อยู่ที่เรือน ทางคุณหนูอวี้อยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยอย่างยิ่ง พรุ่งนี้ค่อยพาป้าเถาเข้ามาก็ยังไม่สาย
แต่เขามาแล้ว คนก็ถูกปลุกตื่นแล้ว อย่างไรรีบทำเรื่องนี้ให้จบจะดีกว่า มิเช่นนั้นจากนิสัยของเขา คืนนี้ก็คงนอนไม่หลับเป็นแน่
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “แม้ยามนี้พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบว่ากู้ฉ่างรู้จักเจ้าได้อย่างไร แต่ข้ามักรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายถึงขนาดนั้น ทั้งยังมีเรื่องของเผิงสืออีและหลี่ตวน ไม่รู้ว่าจะปะทุออกมายามใด ข้ากังวลอย่างยิ่ง จึงยืมตัวคนมาจากสกุลเถา ยามปกติเจ้าก็เคารพนางเหมือนเป็นแขกคนหนึ่งก็พอ แต่เมื่อออกจากเรือนนี้ ต้องพาหญิงคนนี้พกติดตามไปข้างกาย…นางเป็นวรยุทธ์ หากเจ้าประสบพบเจอกับเรื่องอันใด นางสามารถช่วยปกป้องเจ้าได้”
อวี้ถังคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง
คนเช่นนี้นางเพียงเคยเจอในหนังสืออ่านเล่นเท่านั้น ทั้งล้วนเป็นจอมยุทธ์หญิงอายุน้อยที่หน้าตางดงาม
ยามนี้เผยเยี่ยนกลับพาหญิงวัยกลางคนมา นางอดเอ่ยไม่ได้ “ในเมื่อเป็นหญิงวัยกลางคน คาดว่าอายุก็คงไม่น้อยแล้ว นางจะทำได้อย่างนั้นรึ?”
“เจ้าวางใจ!” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างมั่นใจ “พี่ใหญ่เถาทำเรื่องได้น่าไว้ใจ ในเมื่อเขาให้ข้ายืมคน ก็ย่อมมีความมั่นใจหลายส่วน เจ้าทำเพียงฟังข้าย่อมไม่มีอะไรผิดพลาด”
หากเขาไม่เอ่ยถึง อวี้ถังก็คงลืมเรื่องเผิงสืออีและหลี่ตวนไปแล้ว ยามนี้เผยเยี่ยนเอ่ยขึ้นมา แม้นางจะรู้สึกว่าเรื่องของชาติก่อนคงไม่ซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง กลับไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาดีของเผยเยี่ยนได้ ไม่อาจให้เขาระแคะระคาย ทำได้เพียงเอ่ยว่า “ท่านวางใจ ข้าย่อมทำตามที่ท่านว่า ออกจากเรือนนี้จะพาหญิงผู้นั้นไปด้วย”
เผยเยี่ยนเห็นนางเชื่อฟังเขา คิดว่าในเมื่อนางสามารถแอบมองความลับของฟ้าได้ เช่นนั้นไม่เร็วก็ช้าเผิงสืออีและหลี่ตวนย่อมทำร้ายนางเหมือนที่นางเห็นในฝัน เขาจะป้องกันแน่นหนาอย่างไรก็ไม่นับว่าเกินไป จวบจนเขาจะสามารถกำจุดอ่อนของเผิงสืออีและหลี่ตวน จัดการทั้งสองคนนี้ คุณหนูอวี้จึงจะนับว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง
เขากำชับอวี้ถังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยามนี้จึงค่อยให้คนเชิญป้าเถาเข้ามา
ป้าเถาสวมเสื้อกั๊กยาวผ้าหยาบสีน้ำเงิน เสื้อตัวในสีขาว หยัดกายตรง ดูสะอาดสะอ้านทั้งมีสง่าราศี
นางเข้ามาคำนับให้แก่อวี้ถัง ก่อนจะไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นคนเคร่งขรึมอยู่บ้าง
ในเมื่ออวี้ถังรู้แล้วว่านางเป็นใคร ก็มองนางเหมือนมองผู้ใหญ่คนหนึ่ง จอมยุทธ์หญิงที่ถอนตัวออกจากยุทธภพ จึงให้ความเกรงใจนางอย่างยิ่ง บอกให้นางมีเรื่องอะไรก็เอ่ยกับชิงหยวนโดยตรง ก่อนจะยกชา ให้ชิงหยวนพานางไปพักผ่อน
เผยเยี่ยนเห็นเรื่องราบรื่น ในใจก็เปี่ยมสุข เดินจากไปอย่างน่าเกรงขาม
อวี้ถังถอนหายใจ
นางรับรู้ได้ถึงความปรารถนาดีของเผยเยี่ยน ทั้งซาบซึ้งใจที่เขาไปยืมคนมาจากสกุลเถา แต่หากเผยเยี่ยนไม่ทำเรื่องน่ากระอักกระอ่วน ตรงไปตรงมากว่านี้หน่อยจะดียิ่งกว่า
นี่ก็เข้ากับประโยคที่ว่า ‘ใต้หล้าไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบทุกเรื่อง’ บางทีนี่ก็อาจเป็นจุดบกพร่องของเยี่ยน
นางจะทำอะไรได้?
ทำได้เพียงค่อยๆ ปรับตัว หาวิธียอมรับ!
อวี้ถังกลับไปในห้องตัวเอง นอนบนเตียงอยู่นานกว่าจะล่วงสู่นิทรา
ด้านอินเฮ่านั่งหาวรอจนเผยเยี่ยนกลับมา
“เจ้าไปทำอะไรมา?” เขาเอ่ยอย่างกังวล “ไม่ใช่ว่าทางหวังชีเป่าเกิดเรื่องอะไรหรอกกระมัง?”
เผยเยี่ยนไม่อยากบอกเรื่องนี้กับอินเฮ่า เขาเอ่ยอย่างคลุมเครือ “นี่เป็นเมืองหังโจว ทั้งไม่ได้อยู่ซูโจว หวังชีเป่าจะเกิดเรื่องอะไรได้? ข้าจะปล่อยให้หวังชีเป่าเกิดเรื่องที่นี่อย่างนั้นรึ?”
อินเฮ่าพูดไม่ออก
แม้ว่าสกุลเผยจะมีถิ่นฐานอยู่ที่หลินอัน แต่เบื้องหลังกลับครอบครองพื้นที่ของหังโจว นับเป็นเจ้าถิ่นของหังโจวอย่างแท้จริง
หวังชีเป่าอยู่หังโจว ย่อมไม่อาจเกิดเรื่องได้
อินเฮ่าครุ่นคิดในใจ
หรือคนในสกุลเผยมีไม่พอใช้อยู่บ้าง
เขาสงสัยว่าเผยเยี่ยนจะส่งคนจำนวนหนึ่งไปทางหวังชีเป่า เพื่อปกป้องคุ้มครอง ทั้งคอยจับตาดู
ไม่แปลกใจที่เผยเยี่ยนมักจะได้รับข่าวสารรวดเร็วกว่าพวกเขา
อินเฮ่าถลึงตามองเผยเยี่ยน “ข้าไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าเกิดเรื่องหรอกรึ?”
เผยเยี่ยนแค่นเสียง ‘เหอะ’ ออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่ได้กล่าวอะไร
อินเฮ่าเห็นท่าทีของเขาไม่เหมือนกับมีเรื่องอะไร คิดว่าเผยเยี่ยนก็เป็นคนฉลาดหัวไว มีเพียงแค่เขาที่วางแผนคนอื่น คนอื่นไหนเลยจะกล้าวางแผนเขา…แน่นอนว่า หากเผยเยี่ยนถูกคนอื่นเล่นงานจริงๆ เขาก็คงปรบมือโห่ร้องอย่างดีใจ ดูว่าใครเป็นคนที่มีความสามารถเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องทำความรู้จักเสียหน่อย
เขาหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยเรื่องของกู้ฉ่างขึ้นมา “นายหญิงสามสกุลหยางคิดว่าใช้ได้ พรุ่งนี้ข้าวางแผนจะนัดเขาไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ถึงเวลานั้นเจ้าก็ไปด้วยกันเถิด? จะได้ถือโอกาสเตือนสติเขา”
เผยเยี่ยนไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของกู้ฉ่าง เขาชำเลืองตามองอินเฮ่าไปที เอ่ยว่า “เจ้าอยากให้ข้าไปจริงๆ อย่างนั้นรึ? ยามที่ข้าอยู่เมืองหลวง เคยได้ยินคนพูดว่า ในหมู่ลูกหลานสกุลใหญ่ ผู้ที่รูปงามเปี่ยมคุณธรรมที่ถูกเขายกย่องสรรเสริญก็มีเพียงอินหมิงหย่วนสกุลพวกเจ้าคนเดียวเท่านั้น! เจ้าคิดว่าข้าไป จะเหมาะสมอย่างนั้นรึ?”
มุมปากของอินเฮ่ากระตุกสั่น
เผยเยี่ยนเป็นศิษย์คนโปรดของจางอิง ยามที่อยู่เมืองหลวงในปีนั้นจึงโดดเด่นไม่น้อย ถูกหลายคนอิจฉาริษยาทั้งที่ลับและที่แจ้ง แต่เผยเยี่ยนพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกเป็นนัยว่ากู้ฉ่างก็เป็นหนึ่งในคนที่อิจฉาริษยาเขาเช่นกัน เรื่องที่นำมาใช้ปิดบังความอัปยศอดสูของตัวเองเช่นนี้ เผยเยี่ยนอยู่ที่นั่นด้วยย่อมทำให้กู้ฉ่างรู้สึกลำบากใจ อย่าพูดว่าจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เลย ไม่แน่ว่าพูดออกมาหนึ่งคำก็จะกลายเป็นการผูกบัญชีแค้นเสียด้วยซ้ำ
อินเฮ่าพูดเหน็บแนมเขา “เจ้าไม่อยากไปก็ไปต้องไป เหตุใดต้องนำเรื่องของกู้เจาหยางมาพูด? ต่อให้กู้เจาหยางจะอิจฉาริษยาเจ้าถึงขนาดไหน แต่ยามนี้คนเขากำลังเดินบนเส้นทางขุนนาง! ส่วนเจ้า ลาออกไปรับช่วงต่อกิจการของสกุล จะเก่งกาจเพียงใด ก็คงเก่งได้เพียงในพื้นที่เล็กๆ ในเรือกสวนไร่นาของตัวเองเท่านั้น ต่อให้คนเขาจะอิจฉาริษยาอย่างไร เกรงว่ายามนี้คงจะปล่อยวางไปหมดแล้ว”
เผยเยี่ยนโมโหจนอยากจะไล่อินเฮ่ากลับไป
อินเฮ่าก็ไม่กล้าที่จะให้เขาไปทำหน้าที่เป็นเพื่อนแขกอีกแล้วจริงๆ
—
เที่ยงของวันถัดมา เขาก็เชิญกู้ฉ่างมากินข้าวกลางวันที่ศาลาริมน้ำของเรือนเผยเยี่ยน
พ่อครัวของสกุลเผยสวมเสื้อคลุมผ้าหยาบสีฟ้า ถือมีดพาลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งมารออยู่ด้านข้างศาลาริมน้ำ อินเฮ่าและกู้ฉ่างนั่งเก้าอี้คู่กันอยู่ด้านข้างทะเลสาบ ต่างก็ถือคันเบ็ดกำลังตกปลากันอยู่
“ยังคงเป็นสยากวงที่เข้าใจวิธีเสวยสุขจริงๆ!” อินเฮ่ามองใบบัวที่เพิ่งชูช่อขึ้นมาบนผิวน้ำ เอ่ยทั้งถอนหายใจ “ดูจากตอนนี้ หากเป็นข้า ข้าก็คงยอมลาออกกลับบ้านเกิดมารับช่วงต่อกิจการของสกุลเช่นกัน ไม่แปลกใจที่โจวจื่อจินจะอิจฉาเขาจนหงุดหงิดใจ เจ้าคนนี้ อยู่ที่ไหนก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบแม้แต่น้อย”
กู้ฉ่างหัวเราะไม่เอ่ยอันใด
คนที่อยู่ในชนบทเอาแต่กินข้าวนอนหลับไปวันๆ แม้ว่าเมื่อก่อนจะโดดเด่นจนน่าตกใจขนาดไหน เมื่อเวลาล่วงเลยไป ห่างไกลจากราชสำนัก อิทธิพลก็ย่อมจะค่อยๆ ลดลง ยังจะสามารถนำอะไรมาปกป้องผลประโยชน์ของสกุลได้ มีอะไรให้น่าอิจฉากัน?
เขาย่อมไม่เป็นคนอย่างนั้น!
อินเฮ่าเห็น ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เริ่มเปิดเผยแผนของสกุลอินให้กับกู้ฉ่าง “แต่ว่าทุกคนต่างก็มีความทะเยอทะยาน แม้ว่าข้าจะอิจฉา แต่เจ้าให้ข้าทิ้งอนาคตอันยาวไกลในเมืองหลวงกลับบ้านเกิดเหมือนสยากวงเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ยินดี…”
—
ทางด้านอวี้ถังและคุณหนูสวีกำลังวางแผนจะออกไปเที่ยวเล่น
เพราะได้รับข่าวล่วงหน้าจากเผยเยี่ยนมาก่อน เมื่อวานยามบ่ายนายหญิงสามสกุลหยางจึงเปลี่ยนแผนการเดินทางอย่างกะทันหัน ไปเข้าพบฉินเหว่ย ผู้ว่าการเจ้อเจียง นายหญิงฉินประหลาดใจกับการเข้าพบของนายหญิงสามสกุลหยางอย่างยิ่ง ดีที่นายหญิงสามสกุลหยางมีฝีมือในเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่นานก็ทำให้นายหญิงฉินเชื่อว่า เดิมทีสกุลฉินก็อยู่ในรายชื่อที่นางต้องมาเยี่ยมเยือน นางจึงให้ความสนิทสนมกับนายหญิงสามสกุลหยางราวกับรู้จักกันมานาน ถึงกระทั่งวันนี้ยังนัดไปเดินซื้อของที่ร้านขายเครื่องเงินด้วยกัน
คุณหนูสวีกระซิบบอกนาง “พวกเราไม่ไปที่นั่นเพราะต้องอยู่ในการควบคุมตลอด พวกเราไปเดินเล่นของพวกเราเองเถิด ยามที่กลับมาทุกคนกลับด้วยกันก็เพียงพอแล้ว รถล่อของสกุลเผยก็นั่งสบายดี แต่เดินทางไปที่ไหนก็ถูกคนล้อมรอบ ถูกคนติฉินนินทาก็คงไม่ดีแล้ว”
วันนี้อวี้ถังเพียงเตรียมตัวจะมาเป็นเพื่อนแขกเท่านั้น นางยิ้มรับว่าดี ก่อนจะถามป้าเถาที่อยู่ข้างกายนาง “ท่านชำนาญเส้นทางหรือไม่?”
ป้าเถาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูเรียกข้าว่าป้าเถาดีกว่า ข้าอยู่หังโจวมายี่สิบกว่าปีแล้ว ทุกซอกทุกมุมไม่มีจุดไหนที่ข้าไม่คุ้นตา คุณหนูจะไปที่ไหน ข้าล้วนนำทางได้ทั้งนั้น”
อวี้ถังได้ยินตาก็เป็นประกายขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว เรียกท่านว่าป้าเถาแล้วกัน”
ป้าเถาพยักหน้าติดต่อกัน
ก่อนอวี้ถังจะร่ายชื่อร้านเก่าแก่เลื่องชื่อที่คุณหนูสวีอยากจะซื้อของฝากออกมา
ป้าเถารีบบอกพวกนางว่าต้องไปอย่างไร
อวี้ถังหารือกับคุณหนูสวีอย่างร่าเริงว่าจะไปร้านไหนกันก่อน ถามป้าเถาว่าหังโจวยังมีของดีอะไรที่คนภายนอกไม่รู้บ้าง นายหญิงสามสกุลหยางกลับชักช้าไม่ออกจากประตูเสียที
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูป คุณหนูสวีก็ทนไม่ได้ ให้อาฝูไปสืบดูว่าทางนายหญิงสามสกุลหยางเกิดเรื่องอะไร
ไม่นาน อาฝูก็วิ่งเหยาะๆ กลับมา เอ่ยว่า “นายหญิงสามสกุลหยางกำลังเขียนจดหมายอยู่เจ้าค่ะ ให้คุณหนูทั้งสองรอสักพัก นางกำลังจะมาแล้ว”
ผลปรากฏว่าพวกนางรอกันเป็นเวลาเกือบสองก้านธูป นายหญิงสามหยางจึงค่อยยิ้มอย่างเริงร่าออกมา นางเรียกเด็กรับใช้ไปส่งจดหมายก่อน คล้อยหลังก็เอ่ยกับคุณหนูสวี “พวกเจ้ารอจนร้อนใจแล้วกระมัง? วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปเลี้ยงขนมติ่งติ่งเกา[1]ที่มีชื่อเสียงของหังโจวเป็นอย่างไร?”
คุณหนูสวีลืมความหงุดหงิดใจที่รอเมื่อครู่ไปเสียสิ้น ถามป้าเถาว่า “ร้านไหนอร่อยที่สุด?”
ป้าเถามองตานายหญิงสามสกุลหยาง เห็นนางยังเผยท่าทีอ่อนโยนเช่นเคย จึงค่อยกล่าวว่า “ข้ารู้มาที่หนึ่ง อยู่ตรงตลาดกลางคืนเป่ยกวน”
นายหญิงสามสกุลหยางเอ่ยว่า “ตลาดกลางคืนเป่ยกวนอยู่ที่ใด? ได้ยินชื่อนี้ คงจะเปิดตอนกลางคืนกระมัง กลางวันพวกเขาขายหรือไม่?”
ป้าเถาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ร้านของพวกเขาเป็นร้านเล็กๆ ขายทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ไม่อย่างนั้นจะหาเงินได้อย่างไรกัน!”
ทุกคนพากันคุยเล่น เดินทางไปยังชางซิ่งเฮ่า ร้านเครื่องเงินที่ใหญ่ที่สุดของหังโจว
แต่รอจนอวี้ถังกลับมาในตอนเย็น ก็ถูกข่าวที่น่าตกใจตีแสกกลางหน้า
คาดไม่ถึงว่ากู้ฉ่างจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลอิน!
แต่งกับลูกสาวสกุลอารองของอินหมิงหย่วน
ไฉนจึงเป็นเช่นนี้?
เช่นนั้น เช่นนั้นคุณหนูซุนล่ะ?
อวี้ถังรู้สึกว่าหลังจากนางกลับมาเกิดใหม่ เรื่องมากมายก็ล้วนวุ่นวายไปหมด นางคาดเดาหนทางข้างหน้าไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
รอจนคุณหนูสวีเตรียมวิ่งมาซุบซิบเรื่องนี้กับอวี้ถัง เห็นนางมีสีหน้าซีดเซียว ยังคิดไปว่าอวี้ถังได้รับความกระทบกระเทือนจากเรื่องนี้ นางเร่งปลอบใจอวี้ถังว่า “เจ้าคิดดู สกุลพวกเจ้ามีสมาชิกน้อย เจ้าต้องการรับลูกเขยเข้าเรือน กู้เจาหยางจะเข้าไปเป็นลูกเขยในสกุลพวกเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อเขาและเจ้าไร้วาสนาต่อกัน เจ้าทำเป็นไม่รู้จักเขาก็เพียงพอแล้ว”
—————–
[1]ขนมติ่งติ่งเกา เป็นขนมที่ทำจากแป้งโรยน้ำตาลอ้อยไว้ด้านหน้า