ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 288 เมาค้าง
รอจนอวี้ถังเก็บข้าวของเสร็จ ก็เป็นเวลาจุดโคมพอดี ผู้อาวุโสของสกุลอวี้พอรู้ว่าคนที่กลับมาพร้อมกับพี่น้องสกุลอวี้คือผู้นำสกุลเผยเผยเยี่ยน เดิมตั้งใจจะเข้าไปทักทายสักหน่อย แล้วทิ้งบุตรชายให้นั่งเป็นเพื่อนแขก แต่ก็รีบเปลี่ยนความคิดอย่างไว ลากปู่ห้าที่คอยดูเรือนให้สกุลอวี้มาด้วยกัน เพิ่มกับข้าวอีกหลายจาน ดึงดันจะดื่มสุรากับเผยเยี่ยนให้ได้
เผยเยี่ยนก็เปลี่ยนนิสัยจากเดิมที่มักรับแขกด้วยความเย่อหยิ่งและเย็นชา เปลี่ยนมายิ้มแย้มรับคำ
หลังจากเกิดเรื่องของอวี้ถัง อาเจ็ดที่คอยดูแลปู่ห้าก็ถูกไล่ออกไป ผู้อาวุโสในสกุลมักส่งคนสลับกันมาซักผ้าทำอาหารให้ปู่ห้า คนที่เป็นเวรเดือนนี้คือหลานสะใภ้ของท่านผู้เฒ่า เป็นศรีภรรยาที่มือไม้คล่องแคล่วคนหนึ่ง พอนางได้ยินเช่นนั้นก็วางงานเย็บปักในมือทันที หันไปตะโกนบอกบุตรชายคนเล็กให้ไปหยิบสุราที่บ้านท่านผู้เฒ่ามา ส่วนตัวเองก็ไปเก็บผักที่สวนดอกไม้ด้านหลังเรือนสกุลอวี้
อวี้ถังเพิ่งจะรู้เองว่าสวนดอกไม้ตรงเรือนเก่าได้กลายเป็นแปลงปลูกผักไปแล้ว
อวี้หย่วนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อวี้ถังคิดว่าเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ยังเอ่ยปลอบใจอวี้หย่วนว่า “วิถีคนบ้านนา แน่นอนว่าต้องยึดความเป็นสะดวกเป็นหลัก”
เผยเยี่ยนถูกรุมล้อมด้วยเหล่าผู้อาวุโสสกุลอวี้ ยืนสนทนาอยู่กลางลานเรือน เห็นว่าสองพี่น้องสุมหัวกันหัวเราะชอบใจ ก็อยากจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ก็ถูกท่านผู้เฒ่าสกุลอวี้เชิญไปนั่งคุยกันด้านในด้วยท่าทีนอบน้อม
เขาได้แต่ฝืนยิ้มแล้วนั่งลงด้วยความอดกลั้น พลางกวักมือเรียกอวี้หย่วนให้ไปร่วมโต๊ะด้วย
อวี้หย่วนมองชายหนุ่มรูปงามนั่งเป็นหงส์อยู่กลางฝูงกาเฒ่าที่ผมเคราขาวโพลน ทำหน้าอับจบสิ้นหวัง ก็ได้แต่ลอบหัวเราะ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเผยเยี่ยนมิได้เย็นชาสูงส่งเพียงนั้น
เขารีบเดินเข้าไปหา ไม่สนใจมองสีหน้าของท่านผู้เฒ่า แล้วทรุดตัวนั่งตรงเก้าอี้แขก เบียดจนท่านลุงคนหนึ่งออกไปจากโต๊ะหลัก แล้วยังเสนอตัวเข้าไปรินน้ำชาให้เผยเยี่ยนด้วยตนเอง เผยเยี่ยนถึงกับถอนหายใจโล่งอก
อวี้ถังเม้มปากหัวเราะคิก นางกลับไปที่ห้องของตนแล้วกินอาหารเย็นพร้อมพวกชิงหยวน หลังจากชำระกายแล้วก็ตั้งใจจะพักผ่อน งานเลี้ยงที่ห้องรับแขกทางนั้นก็เพิ่งจะเลิกรา
อวี้หย่วนเพราะตนเป็นผู้น้อย ใครให้เขาดื่มเหล้าเขาก็ไม่อาจปฏิเสธ ดื่มจนคนเมาหัวทิ่ม เป็นบ่าวรับใช้ข้างกายที่แบกเขากลับห้อง ส่วนเผยเยี่ยนนั้น ด้วยฐานะลำดับศักดิ์ ผู้อาวุโสสกุลอวี้ไม่กล้าชวนเขาดื่มมาก เขาเองก็มีเจตนาหลบเลี่ยง จึงจัดการเหล่าผู้อาวุโสสกุลอวี้จนเมาล้มพับไป ตนเองเพียงหน้าแดงเรื่อๆ เท่านั้น
เขามองอวี้หย่วนที่ถูกแบกเดินโซเซออกไป หยุดคิดเล็กน้อยแล้วกวักมือเรียกหูซิ่งเข้าไปหา เอ่ยเสียงเบาว่า “พรุ่งนี้พวกเราจะขึ้นเขา เจ้าหาทางทิ้งอวี้หย่วนไว้ด้านล่าง”
หูซิ่งวิ่งวุ่นมาทั้งวัน เพราะมัวสาละวนกับเรื่องวุ่นวายพวกนี้ จนตอนนี้ข้าวก็ยังไม่ตกถึงท้อง
เขาได้ฟังก็ตบอกพร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ท่านวางใจได้ขอรับ ข้าจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านแค่ทำธุระของท่านไปก็พอ”
เผยเยี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ สั่งให้อาหมิงไปเคาะประตูห้องอวี้ถัง “ข้ายังมีเรื่องต้องหารือกับคุณหนูอวี้ต่อ”
สำหรับอาหมิงแล้ว เผยเยี่ยนพูดเช่นไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น
เขานำหน้าเดินไปเคาะประตูเรียกอวี้ถัง
หูซิ่งแสร้งทำเป็นหูทวนลม ก่อนจะเผ่นแน่บออกไป
คนที่มาเปิดประตูคือชิงหยวน
ก่อนมาที่นี่นางก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเผยเยี่ยนต้องคิดอะไรบางอย่างกับอวี้ถังแน่ บัดนี้แม้จะตกใจเมื่อเห็นหน้าเผยเยี่ยน แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่นจนไม่อาจควบคุมสีหน้าของตนได้ นางยิ้มน้อยๆ ย่อกายคารวะเผยเยี่ยน ก่อนหมุนกายเข้าไปรายงานอวี้ถัง
อวี้ถังออกมาจากห้อง แล้วยืนคุยกับเผยเยี่ยนใต้ชายคา
“ผู้อาวุโสบ้านเจ้าสลับหน้ามาทีละคน ดีที่ข้าหัวไว เทเหล้าทิ้งไปหลายแก้ว ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงยืนไม่อยู่แล้ว” เผยเยี่ยนโอดครวญทันทีที่เห็นหน้าอวี้ถัง “พี่ชายเจ้าดื่มจนเมาพับไปแล้ว ข้าสั่งอาฉาให้ตามไปเตรียมน้ำแกงสร่างเมาไว้ให้ เผื่อเขาตื่นมากลางดึกแล้วรู้สึกไม่สบาย…ที่นี่กระทั่งหมอฝีมือดีสักคนยังหาไม่ได้เลย”
สวนป่าของสกุลอวี้ทางนี้มีเพียงท่านหมอที่ทำคลอดให้สัตว์ บางครั้งก็รักษาให้คนด้วย
อวี้ถังส่งยิ้มให้เขา
ภายใต้แสงโคมสลัว รอยยิ้มบานเบ่งดั่งโบตั๋น มอมเมาใจคนดีกว่าสุราเสียอีก
เผยเยี่ยนต้องหรี่ตามอง จ้องนางอยู่อย่างนั้น เป็นนานที่ไม่ได้ส่งเสียง
อวี้ถังหาได้เป็นคนโง่ นางรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว
หัวใจนางเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่สมควร ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เหมาะสม แต่เท้าเหมือนถูกตะปูตรึงไว้ ไม่อาจขยับหนีได้เลย
“ท่าน ท่านบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับข้า” หัวใจนางว้าวุ่นไปหมด ดวงหน้าก็ร้อนลวก ถามเสียงเบาหวิวว่า “เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”
เผยเยี่ยนได้สติคืนกลับมา ใบหูสองข้างขึ้นสีเลือด ก้มหน้ากระแอมไอด้วยความเก้อกระดาก “พรุ่งนี้ข้าอยากจะขึ้นเขาไปแต่เช้า แม้สกุลเจ้าจะบอกว่าแค่เขาลูกเดียว แต่ข้าเห็นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง กลัวว่าวันสองวันก็ยังเดินไม่หมด มิสู้รีบขึ้นเขาแต่เช้า จะได้เดินให้เสร็จเร็วๆ…”
เขาพูดจาวกวนไม่สอดคล้อง เดิมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
เขารู้เพียงว่าดวงหน้าอวี้ถังแดงก่ำ หลุบตาก้มงุด เหมือนกับสัตว์ตัวน้อยที่ถูกทำให้ตกใจ น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด เกรงว่าหากทำเสียงดัง จะทำให้นางต้องตื่นกลัว
“เช่น เช่นนั้นก็ทำตามท่านว่าเถอะเจ้าค่ะ” อวี้ถังไม่กล้ามองเผยเยี่ยน แต่รู้สึกได้ว่าสายตาที่เผยเยี่ยนใช้มองนางมันร้อนรุ่มขึ้นทุกที จนผิวกายนางร้อนผะผ่าว สัญชาตญาณร้องเตือนภัย นางไม่กล้ายืนอยู่นาน กลัวว่าหากปล่อยไปเช่นนี้ จะเกิดเรื่องที่นางจนปัญญาและไม่อาจรับมือไหว “เช่นนั้นข้ากลับ กลับห้องก่อน ข้าจะบอกชิงหยวนเอาไว้ พรุ่งนี้นางจะได้ปลุกข้า…” พูดจบ ก็หันไปย่อกายคารวะเผยเยี่ยนอย่างลนลาน แล้วรีบกลับเข้าห้องเหมือนหนีอะไรบางอย่าง ก่อนสะบัดประตูปิดดัง ‘ปัง’
กลางดึกคืนหน้าร้อนในชนบท เงียบสงัดไร้สรรพเสียง เสียงปิดประตูเปรียบได้ดั่งอัสนีฟาด ไม่เพียงทำให้เผยเยี่ยนสะดุ้งตกใจ แต่ยังทำให้ชิงหยวนที่ถูกขังไว้ด้านนอกมึนงงไปด้วย
เกิดอะไรขึ้นรึ?
นางเผลอใจลอยหน่อยเดียว คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเตรียมอาหารอะไรให้อวี้ถังดี ทำไมจู่ๆ นางถึงถูกทิ้งไว้ข้างนอก ได้แต่มองหน้าเหม่อลอยของเผยเยี่ยนเล่า?
สัญชาตญาณไม่ปล่อยให้นางคิดนาน รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นทับทิมข้างระเบียงทางเดินทันที
เผยเยี่ยนยืนตะลึงอยู่ที่เก่า ความคิดในสมองเหมือนกับลูกข่าง หมุนติ้วๆ ด้วยความเร็ว
คุณหนูอวี้…รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมของเขาแล้ว?
ไม่อย่างนั้นนางจะวิ่งหนีด้วยความเขินอายทำไม?!
จะต้องรู้สึกได้แล้วแน่ๆ…
เผยเยี่ยนรู้สึกลิงโลด แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวล
หากว่าเขาเดาผิดจะทำอย่างไร?
หรือจะเปิดเผยไปโดยไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว? หรือจะเก็บเอาไว้แสร้งไม่รู้ไม่ชี้ ต้มปลาในน้ำอุ่นไปเรื่อยๆ?
เผยเยี่ยนหมกมุ่นจนคิ้วแทบจะขมวดติดกัน
อวี้ถังเอนหลังพิงบานประตู พยายามข่มลมหายใจของตัวเองให้สงบ พักหนึ่งกว่าจะกล้าถอนหายใจ
เป็นอย่างที่นางคิดใช่หรือเปล่า?
สายตาที่เขามองนางต่างออกไปจากเดิมอย่างชัดเจน?
นางคงไม่ได้เดาผิดกระมัง?
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร?
เขาเป็นถึงนายท่านสามแห่งจวนสกุลเผย ผู้กุมอำนาจของสกุลเผย…เจอโลกมาตั้งมากมาย รู้เรื่องต่างๆ ตั้งเยอะแยะ…เหตุใดถึงคิดกับนาง…
หัวใจนางเอาแต่ร้องปฏิเสธ แต่ต้นอ่อนเล็กๆ ภายในกลับเริ่มงอกขึ้นมา มันซอนเซาะไปทั่วแผ่นหินก้อนใหญ่ ค่อยๆ โผล่ส่วนหัวขึ้นมา
อวี้ถังรีบกระโจนไปที่หน้าต่าง แอบมองไปที่ด้านนอกอย่างช้าๆ
ลานเรือนเงียบสงัด แสงจันทร์นวลผ่อง พุ่มไม้เขียวมืด เผยเยี่ยนยืนอยู่ใต้แสงจันทร์
ร่างเขาสูงตะหง่านเฉกกิ่งไผ่ไม้งาม ทว่ามองเห็นหน้าไม่ค่อยชัด
อวี้ถังกัดริมฝีปาก ใช้แผ่นหลังแนบกับขอบหน้าต่างเอาไว้
เขาหมายความว่าอะไรกันแน่?
ทำไมต้องมายุ่งกับเรื่องของสกุลนางด้วย?
ท่าทางคลุมเครือเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร!
นางจินตนาการถึงดวงหน้าหล่อเหลาไร้ราคี แล้วหมุนตัวกลับไปมองสถานการณ์กลางลานเรือนอีกครั้ง
ใต้แสงจันทร์ที่ห่มลงมา ลานเรือนเงียบกริบ ว่างเปล่าไร้ผู้คน
อวี้ถังประหลาดใจมาก
เขา เช่นนี้ก็กลับไปแล้วรึ?
นางห้ามตัวเองไม่อยู่ ผลักหน้าต่าง ‘ตึง’ แล้วชะโงกหน้าออกไปมอง
ไม่มีใครสักคน!
ถูกแล้ว นางต้องเข้าใจผิดแน่ๆ?
อวี้ถังเพิ่งรู้ว่าขาสองข้างของตนเองอ่อนยวบ เหมือนกับเส้นบะหมี่ที่ลวกจนสุก ไม่อาจรับน้ำหนักของร่างกายได้
เป็นนางที่คิดมากไปจริงๆ
อวี้ถังพยุงขอบหน้าต่างไว้ รู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยออก…
นางนอนพลิกตัวไปมา จนกระทั่งฟ้าเริ่มสาง ชิงหยวนเข้ามาปลุกนาง นางจึงหลุดออกจากวังวนความคิดอันวุ่นวายได้
เดิมทีนางกับเขาเป็นคนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นนาง ที่เข้าใกล้คนใหญ่คนโตมากไป ใจก็เลยใหญ่ตามไปด้วย สมองจึงคิดมากขึ้นทุกทีๆ คนถึงต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่แบบนี้
อวี้ถังสูดหายใจลึก วันนี้นางยังต้องขึ้นเขาไปกับเผยเยี่ยน ต้องรีบเก็บความคิดเหลวไหลให้มิดชิด ก่อนจะลุกจากเตียงแล้วปล่อยให้ชิงหยวนช่วยแต่งตัวหวีผมให้
เมื่อนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางพบว่าตัวเองเหมือนกับโจรที่เที่ยวตะลอนไปทั่วทั้งคืน ไม่เพียงขอบตาที่ดำคล้ำเป็นวง สีหน้าก็อิดโรยอย่างมาก
นางสั่งชิงหยวนว่า “เจ้าหาวิธีปกปิดให้ข้าที ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหน้าออกไปเจอคนแน่”
ชิงหยวนนึกว่าอวี้ถังนอนไม่หลับด้วยแปลกที่ รีบหัวเราะแล้วตอบว่า “ข้าจะปกปิดให้เนียนเลยเจ้าค่ะ รับรองว่ามองไม่ออกแน่”
อวี้ถังผงกศีรษะ รู้สึกเหมือนตนเองมีเพียงเปลือกนอกที่วาดไว้อย่างงดงาม แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยหญ้าฟางแห้ง อ่อนละโหยโรยแรงนัก…
เผยเยี่ยนทางนั้นกลับนอนหลับเต็มอิ่มยิ่ง
ตอนที่ตื่นขึ้นมาไม่เพียงสมองปลอดโปร่ง สีหน้าดูเอิบอิ่มมีชีวิตชีวา หล่อเหลากว่าปกติหลายส่วน ทำเอาหูซิ่งที่เข้ามาคารวะในตอนเช้าต้องมองแล้วมองอีก ถึงขนาดทนไม่ไหวถามออกไปว่ามีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรือ
แน่นอนว่าต้องมีเรื่องดีๆ อยู่แล้ว!
แม้จะมีคำกล่าวว่า สตรีผู้เพียบพร้อมย่อมเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม แต่จะมาเทียบกับสองใจตรงกันร่วมหอโบยบินได้อย่างไร!
แม้รอยยิ้มของเขาจะไม่กว้างมาก แต่กลับพร่างพราวสว่างไสว เขาเอ่ยกับหูซิ่งว่า “เรื่องที่สั่งเจ้าไปทำเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
หูซิ่งรีบโยนการเดาสุ่มเมื่อครู่ทิ้งไป แล้วรับรองกับเขาว่าทุกอย่างจะราบรื่น “คุณชายหย่วนเมาค้าง ยังคงหลับอยู่ ได้ยินว่าปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่นขอรับ”
เผยเยี่ยนคร้านจะถามรายละเอียด เขารีบกินข้าวเช้าแล้วไปหาอวี้ถังทันที
อวี้ถังยังกินข้าวเช้าไม่เสร็จ เผยเยี่ยนจึงรอนางอยู่ที่ในลาน
ลานเรือนยามเช้าตรู่ มีหมอกบางๆ ที่ยังไม่จาง ดอกกุหลาบม่วงกอหนึ่งตรงมุมกำแพงกำลังเบ่งบานเต็มที่
เผยเยี่ยนเดินเข้าไปใกล้ เด็ดกุหลาบม่วงที่ยังมีหยดน้ำค้างคลออยู่ขึ้นมาหลายดอก รอจนอวี้ถังกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ส่งดอกไม้ให้กับชิงหยวน “หาแจกันใสมาใส่ วางไว้ข้างหัวเตียงคุณหนูอวี้”
ชิงหยวนรับคำด้วยรอยยิ้ม
อวี้ถังจ้องดวงหน้าผุดผ่องของเขาด้วยความริษยา อยากถามเขาใจจะขาดว่ากินยาบำรุงอะไรเข้าไปหรือไม่ ดวงหน้าหล่อเหลาถึงได้เปล่งประกายท่ามกลางแดดยามเช้า เหมือนกับถูกขัดถูและเคลือบเงามาใหม่
เผยเยี่ยนเห็นหน้าอวี้ถังก็สะดุ้งโหยง “เจ้าไปทำอะไรมา? หรือว่าไม่ได้นอนทั้งคืน?”
เจ้าน่ะสิไม่ได้นอนทั้งคืน?!