ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 304 หลบร้อน
เรื่องที่เกิดขึ้นในจวน โดยเฉพาะเรือนหลัง หากท่านแม่เฒ่าอยากทราบ นางก็สามารถรู้ได้ทันที ดังนั้นเรื่องที่เผยเยี่ยนส่งชิงหยวนไปจัดเก็บห้องให้อวี้ถัง ทั้งยังเปิดคลังสินค้าส่วนตัวของตัวเองให้ชิงหยวนเลือกของตามใจ ชิงหยวนยังไม่ทันออกมาจากห้องเซียงฝางของอวี้ถัง ท่านแม่เฒ่าก็ทราบเรื่องแล้ว
นางหัวเราะลั่น เอ่ยกับเฉินต้าเหนียง “เจ้าดูเด็กคนนี้สิ หากดีกับใครขึ้นมา ก็ทุ่มเทอย่างยิ่ง” พูดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มก็ค่อยๆ หายไป เปลี่ยนเป็นเศร้าใจ
คนเป็นแม่ สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือลูกชายของตนต้องเสียใจเพราะความรัก
เฉินต้าเหนียงรีบปลอบนาง “นี่ไม่ใช่ว่าคุณหนูอวี้เข้าจวนมา ท่านก็จะสามารถสังเกตพินิจได้อย่างละเอียดมิใช่หรือเจ้าคะ”
ท่านแม่เฒ่าพยักหน้า รู้สึกว่าโทสะที่ปั่นป่วนในอกหลังจากลูกสะใภ้คนโตเข้ามา เริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว
—
วันถัดมา รถล่อหลายสิบคันของสกุลเผยก็ขึ้นเขาเทียนมู่อย่างเอิกเกริก
ผู้คนที่สัญจรตามเส้นทางอดซิบซุบนินทาขึ้นมาไม่ได้ “ปีนี้เหตุใดสตรีของสกุลเผยจึงขึ้นเขาเร็วถึงเพียงนี้ ไม่ฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างในเมืองหรอกรึ? ขึ้นเขายามนี้อากาศคงเย็นอยู่บ้างกระมัง?”
“นี่เป็นเรื่องที่ผู้ดูแลของสกุลเผยต้องกังวล เกี่ยวอันใดกับเจ้า?”
“พูดขึ้นมาแล้ว ข้าไม่ได้เห็นหน้าอาหม่าน พ่อบ้านใหญ่มาหลายวันแล้ว พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาไปไหน?”
“สกุลเผยมีกิจการมากมายเพียงนั้น คนเขาเป็นพ่อบ้านใหญ่ จะไปดูที่ไหนก็ได้ ไปกลับก็ต้องใช้เวลาเป็นครึ่งเดือน เจ้าไม่เห็นเขาก็เป็นเรื่องปกติมิใช่รึ?”
อวี้ถังนั่งในรถล่อของสกุลเผยจนไปถึงเรือนนอก
พวกผู้ดูแลล่วงหน้ามาถึงก่อนสองสามวันแล้ว สถานที่พักล้วนถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ไม่เหมือนกับปีก่อน ปีนี้เรือนที่อวี้ถังพำนักอยู่ติดกับห้องท่านแม่เฒ่า ทั้งอยู่ด้านหลังห้องของนายหญิงรอง
คุณหนูใหญ่สกุลหยางทราบก็อดแปลกใจไม่ได้ ถามแม่นมข้างกาย “คุณหนูอวี้เป็นเพียงลูกหลานคนหนึ่งของสกุลเผยจริงๆ รึ?”
แต่สถานที่พักเทียบกับคุณหนูรอง คุณหนูห้าแล้วยังนับว่าใกล้กับท่านแม่เฒ่ามากกว่า
แม่นมผู้นั้นครุ่นคิดอย่างละเอียด เอ่ยยืนยันว่า “เป็นเพียงลูกหลานคนหนึ่งของสกุลเผยจริงๆ เจ้าค่ะ อาจจะเพราะว่าคุณหนูอวี้ผู้นี้ทำเรื่องราวอย่างมีระเบียบแบบแผน ได้รับความโปรดปรานจากท่านแม่เฒ่า ดังนั้นท่านแม่เฒ่าจึงให้ความสำคัญกับนางเป็นพิเศษ หากคุณหนูรู้สึกไม่วางใจ ข้าไปตรวจสอบอีกครั้งก็เพียงพอแล้ว”
คุณหนูใหญ่สกุลหยางสั่นศีรษะ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นกลับไม่จำเป็น พวกเราเพียงมาเป็นแขกของสกุลพวกนาง พักสองวันก็ไปแล้ว ไม่คุ้มที่จะก่อปัญหาขึ้นมา ข้ายังต้องรีบกลับเมืองหลวง คุณหนูสวีออกเรือนวันที่ยี่สิบแปดเดือนเก้า ข้าต้องไปส่งนางเสียหน่อย”
แม่นมผู้นั้นไม่พูดอะไรอีก ส่งคนไปสืบว่าทางท่านแม่เฒ่ามีการจัดการอย่างไร คุณหนูสกุลพวกเขาจะได้เตรียมแต่งตัว เข้าไปร่วมครื้นเครงกับทางท่านแม่เฒ่า
อวี้ถังกลับกระจ่างใจดี คิดว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ อาจเป็นเพราะนางกำลังจะแต่งงานกับเผยเยี่ยน นางฉวยโอกาสยามที่สาวใช้จัดการเครื่องเรือนในห้อง เดินเล่นรอบๆ เรือน
เรือนนี้และเรือนที่นางพักปีก่อนนั้นมีขนาดไม่ต่างกันมาก แต่ทิวทัศน์กลับสบายตากว่า ลานเรือนเล็กๆ นอกจากมีกำแพงดอกไม้ ชั้นวางดอกไม้ตกแต่ง ยังมีต้นไทรขนาดใหญ่สองต้น ไม่เพียงกิ่งก้านแผ่ไพศาล ยังชอนไชรากไปทั่ว โผล่พ้นขึ้นมาจากผืนดิน บ้างก็พันกันคล้ายชิงช้า ทั้งยังมีบางส่วนที่สามารถนั่งได้คล้ายกับเป็นตั่งตัวหนึ่ง
อวี้ถังเดินรอบต้นไทรสองต้นที่ปลูกในที่เดียวกันหนึ่งครั้ง พบว่ามีโพรงหนึ่งที่คนสามารถเข้าไปอยู่ด้านในได้ พลันเกิดความคิดแบบเด็กๆ ขึ้นมา อยากจะเข้าไปดูว่าสามารถซ่อนตัวในนี้ได้จริงๆ หรือไม่ ใครจะรู้ว่ายามที่นางกำลังจะเข้าไป กลับได้ยินเสียงที่คุ้นหูของเผยเยี่ยนดังขึ้นมาก่อน “นี่เจ้าจะทำอะไร? ไม่กลัวว่าแมลงตัวเล็กๆ จะมุดเข้าไปในเสื้อผ้าหรืออย่างไร?”
นางตกใจไม่น้อย หันมองไปตามเสียง ก่อนจะเห็นเผยเยี่ยนสวมเสื้อคลุมผ้าหยาบสีจันทร์กระจ่าง ยืนเผยใบหน้าสงสัยอยู่ที่ต้นไทรอีกต้นไม่ห่างจากนางมาก
อวี้ถังดีใจอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “เจ้ามาได้อย่างไร?”
เผยเยี่ยนเห็นว่าแววตาที่นางมองตัวเองเปล่งประกายขึ้นมา น้ำเสียงก็แฝงความดีใจ อารมณ์จึงดีขึ้นตาม “ข้ามาดูว่าเจ้าปรับตัวได้หรือไม่” ขณะที่เขาพูด ก็เดินเข้ามา ก่อนจะยื่นมือเข้ามาหานาง
ชั่วขณะนั้นอวี้ถังก็ใจเต้นตึกตัก ยังหันหน้าหนีโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงก็เผยความระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน “เจ้าจะทำอะไร?”
เผยเยี่ยนสีหน้าเรียบนิ่ง ยื่นมือมาหยิบใบไม้สองใบออกจากศีรษะนาง ยังชูให้นางดู เอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไร?”
อวี้ถังหัวเราะขึ้นมา ละล่ำละลักเอ่ย “เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด? กินข้าวกลางวันแล้วหรือยัง? พวกเราออกมาสาย บนรถยังไม่ทันได้เตรียมของว่างน้ำชา ข้ากินขนมฝูหลิงไปหลายชิ้น ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ทั้งอ่อนนุ่มทั้งเหนียวหนึบ รสชาติดีอย่างยิ่ง เหมือนว่าจะอร่อยกว่าที่สกุลพวกเราทำอยู่บ้าง”
เผยเยี่ยนขุ่นเคืองที่อวี้ถังสงสัยในความใส่ใจของเขาอยู่บ้าง แต่เห็นอวี้ถังยิ้มอย่างประจบประแจงให้เขา โทสะเล็กๆ ในใจนั้นก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเอ่ยว่า “แม้ข้าจะออกมาช้ากว่าพวกเจ้า แต่ข้าขี่ม้ามา จึงมาถึงเวลาใกล้เคียงกับพวกเจ้า ข้าได้ออกคำสั่งลงไปแล้ว รออีกหนึ่งชั่วยามก็จะจัดอาหารขึ้นโต๊ะ หลังจากนั้นทุกคนแยกย้ายกลับไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง ตอนเย็นอยู่ในเรือนตัวเองอยากกินอะไรก็กิน อยากกินยามใดก็กินยามนั้น ทุกคนจะได้มีอิสระสุขสบายอยู่บ้าง แต่เริ่มจากพรุ่งนี้ ก็จะกินข้าวสามมื้อตามปกติ ทางที่ดีอย่ากินมื้อดึก ตอนเย็นกินมากไป นอกจากท้องอืดง่ายแล้ว เมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะก่อให้เกิดโรคอีกมากมาย”
เผยเยี่ยนสาธยายความรู้เรื่องสุขภาพให้นางฟัง พูดโดยสรุปแล้ว ก็คือกินน้อยเคลื่อนไหวให้มาก นางฟังจนอยากจะหาวออกมา ทำได้เพียงหาจังหวะตัดบทสนทนาของเผยเยี่ยน “ข้าได้ยินว่าขี่ม้าเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เจ้าอยากไปดื่มชาที่ห้องข้าหรือไม่? ครั้งนี้ข้านำชาเหยียนฉามาด้วย การเก็บรักษาย่อมไม่ดีเท่าของเจ้า แต่ว่าข้าทำขนมมาบ้าง รสชาติหวานนิดๆ ไม่เลี่ยน ข้าเดาว่าเจ้าคงจะชอบ”
ทำความคุ้นเคยกับความชอบของเขามาไม่น้อย
เผยเยี่ยนลอบพยักหน้าอย่างพอใจ ไม่ได้ตระหนักว่าอวี้ถังตัดบทสนทนาของเขาแต่อย่างใด กลับครุ่นคิดเรื่องที่พักของนางอยู่ใกล้นายหญิงรอง หลังจากพี่รองกลับไปย่อมจะเอ่ยเรื่องเขาและอวี้ถังให้นายหญิงรองฟัง หากเขาไปที่พักอวี้ถังแล้วถูกนายหญิงรองเห็นเข้า กลัวว่านายหญิงรองจะมองอวี้ถังไม่ดี เขาตัดสินใจว่าอย่าเพิ่งไปหาอวี้ถังชั่วคราวจะดีกว่า
“ข้าพาชิงหยวนมาด้วย” เขาเอ่ย “อีกเดี๋ยวเจ้านำขนมให้นางก็เพียงพอแล้ว” พูดมาถึงตรงนี้ก็กำชับกับอวี้ถัง “พี่สะใภ้รองเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านแม่ไม่กี่วันก็จะลงเขาแล้ว พี่รองต้องตระเตรียมเรื่องกลับไปรับตำแหน่ง มีของบางอย่างที่จำเป็นต้องให้พี่สะใภ้รองช่วยจัดเตรียมด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นเจ้าก็ดูแลพวกหลานๆ หน่อยแล้วกัน”
เช่นนั้นก็จะเป็นผลดีต่ออวี้ถังเช่นกัน
อวี้ถังเข้าใจจุดประสงค์ของเขา มองเขาอย่างซาบซึ้งใจทั้งขานรับว่า ‘อื้ม’ อดคาดเดาจุดประสงค์ที่ท่านแม่เฒ่าชวนนางขึ้นเขามาครั้งนี้ไม่ได้
เผยเยี่ยนมองดวงตาที่ระยิบระยับพร่างพราวของนาง รู้สึกราวกับตัวเองกำลังมองเข้าไปในน้ำที่ใสกระจ่างของฤดูใบไม้ร่วง
ช่างงดงามจริงๆ!
เขาลอบถอนในใจ รู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแช่มช้า “ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด เจ้าทำความคุ้นเคยเข้าใจกับคนและเรื่องของสกุลพวกเราเร็วหน่อย ภายหลังก็จะสามารถผ่อนคลายได้บ้าง สกุลพวกเราจะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก จะบอกว่าเล็กก็ไม่ได้เล็กเพียงนั้น ประเด็นหลักคือการเกี่ยวดองมีมาก ทั้งสลับซับซ้อน...”
อวี้ถังก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เคยเห็นคุณหนูสวีประเมินสกุลใหญ่พวกนั้นก็รู้ถึงความเก่งกาจแล้ว
“ข้าทราบแล้ว” นางยิ้มหวานให้เขา เอ่ยว่า “ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” พูดจบ ยังขยิบตาให้เผยเยี่ยนอย่างซุกซน
ท่าทีเช่นนั้นคล้ายกับเด็กน้อยที่น่ารัก
นี่ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เรื่องที่สำคัญคือนอกจากอวี้ถังจะไม่เคืองโกรธที่เขาตัดสินใจเองฝ่ายเดียวแล้ว ยังยอมรับการจัดการของเขาอย่างอารมณ์ดี
เผยเยี่ยนดีใจอย่างยิ่ง
คุณหนูตัวน้อยที่เขาชื่นชอบโดดเด่นจากคนทั่วไปจริงๆ
เผยเยี่ยนอดเดินเข้าไปกอดอวี้ถังไม่ได้
อวี้ถังตกใจอย่างยิ่ง
นางล้วนแข็งทื่อไปทั่วร่าง สมองหยุดนิ่งว่างเปล่าไปหมด จวบจนเผยเยี่ยนปล่อยตัวนาง นางจึงค่อยๆ รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมา ใบหน้าร้อนฉ่า ก่อนจะหวนนึกถึงกลิ่นอ่อนๆ บนร่างของเขายามที่กอดนาง ความรู้สึกอ่อนนุ่มจากผ้าหยาบสีจันทร์กระจ่างบนร่างของเขา…นางถึงกระทั่งไม่กล้าเงยหน้ามองเผยเยี่ยนแม้แต่น้อย
เผยเยี่ยนเห็นท่าทีของอวี้ถัง ยามนี้จึงตระหนักได้ว่าตัวเองเสียมารยาท
ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ รู้สึกว่าตัวเองควรพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี อึกอักอยู่ค่อนวัน ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแว่วมาจากด้านนอก ยังมีเสียงของชิงหยวนดังขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณหนูอวี้ คุณหนูอวี้ ท่านอยู่ที่นี่หรือไม่? นายท่านสามส่งข้าเข้ามาดูท่านเจ้าค่ะ”
อวี้ถังเงยหน้า
เผยเยี่ยนรู้สึกเขินอายยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะทำเรื่องที่หลังจากนี้เขาก็ไม่อาจเข้าใจไปอีกนาน
เผยเยี่ยนเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าขอตัวก่อน” คล้อยหลังก็เผ่นแน่บไปอีกทางทันที
อวี้ถังเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง
ชิงหยวนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้านาง
“คุณหนูอวี้!” ชิงหยวนรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยด้วยสีหน้าดีใจ “เจอท่านจนได้ ทางท่านแม่เฒ่าส่งคนมาบอกว่า อีกหนึ่งชั่วยามจะกินข้าวเจ้าค่ะ ข้าเห็นว่าด้านล่างเขาเพิ่งจะส่งปลาตะลุมพุกเข้ามาสดๆ จึงให้พวกนางนำไปตุ๋นน้ำแกงให้ท่านได้รองท้องก่อน พักผ่อนอยู่สักครู่ อีกเดี๋ยวจะได้มีเรี่ยวมีแรงเจ้าค่ะ”
อวี้ถังขอบคุณนางด้วยรอยยิ้ม ในสมองกลับปรากฏภาพแผ่นหลังของเผยเยี่ยนที่ดูทุลักทุเลอยู่บ้างวาบผ่านขึ้นมา นางข่มกลั้นไม่ไหว จึงหัวเราะออกมาเสียงดัง
ชิงหยวนไม่เข้าใจ ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความสงสัย
อวี้ถังหัวเราะหนักยิ่งกว่าเดิม
—
เมื่อดื่มน้ำแกงร้อนๆ พักผ่อนอีกครึ่งชั่วยาม อวี้ถังจึงค่อยรู้สึกว่าตัวเองมีกำลังวังชาขึ้นมา
นางหวีผมแต่งตัวใหม่ ก่อนจะไปหาทางท่านแม่เฒ่า
นายหญิงรองคอยปรนนิบัติอยู่ที่นั่นนานแล้ว เห็นอวี้ถังก็อดพินิจนางไม่ได้
เสื้อกั๊กยาวสีเขียวน้ำทะเล เย็บขอบสีกุหลาบ ในความเรียบหรูเผยความมีชีวิตชีวาขึ้นมาหลายส่วน ผิวขาวราวกับส่องแสง แก้มทั้งสองข้างมีเลือดฝาดบางๆ คล้ายดอกฝูหรงที่บานสะพรั่ง ดูสดใสจนพาให้คนรู้สึกอิจฉา
ไม่แปลกใจที่น้องสามยื่นศีรษะเข้าไปแล้วจะถอนตัวออกมาไม่ได้
ผู้ที่เป็นแม่สามีอย่างท่านแม่เฒ่าอาจจะไม่พอใจที่เผยเยี่ยนแต่งลูกสะใภ้เช่นนี้ แต่นางที่เป็นพี่สะใภ้กลับดีใจอย่างยิ่ง ไม่พูดเรื่องอื่น อย่างน้อยอวี้ถังก็ไม่เหมือนนายหญิงใหญ่ที่จำต้องจะกดหัวนางให้ได้ ไม่อย่างนั้นตอนแรกสามีของนางก็คงไม่พยายามทุกวิถีทางหาโอกาสให้นางตามไปรับตำแหน่งกับเขาด้วยหรอก
นางเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คล้องแขนอวี้ถังอย่างสนิทสนม “หิวหรือไม่? ยามนี้กล่าวว่าอาหารกลางวันก็สายไปหน่อยแล้ว กล่าวว่าอาหารเย็นยังนับว่าเร็วเกินไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็กินเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าหน่อยเถิด ในเรือนของเจ้ามีครัวเล็กๆ อยู่ ยามเย็นเมื่อกลับไป เจ้าให้สาวใช้ต้มข้าวต้มทำอะไรเป็นมื้อดึกให้ก็ได้” ก่อนจะนึกได้ว่าฐานะของอวี้ถังธรรมดาอยู่บ้าง กลัวว่าคนข้างกายนางจะขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าจุดไฟหุงอาหาร ยังเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นเจ้าก็อย่าได้ยุ่งยากเลย ตอนค่ำๆ ข้าและอาตันจะเข้าไปหาเจ้า ไปกินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ด้วยกันที่นั่น”
———————-