ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 305 เล่นไพ่
หากอวี้ถังไม่ได้แต่งเข้าสกุลเผย อย่างน้อยก็ยังเป็นเด็กสาวที่เที่ยวเล่นกับลูกสาวของนางอยู่ดี
นายหญิงรองคิดเช่นนี้ ท่าทีที่มีต่ออวี้ถังก็ยิ่งอ่อนโอนผ่อนปรน
อวี้ถังรับรู้ถึงความปรารถนาดีของนายหญิงรอง นางขอบคุณนายหญิงรองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเคียงกันเข้าไปในห้องโถง
ท่านแม่เฒ่าเห็นทั้งสองคน คนหนึ่งงามสง่า อีกคนปริ้มปรายสดใส ราวกับบุปผาที่อยู่คู่กัน ดวงตาก็ยิ้มเป็นประจันทร์เสี้ยว กวักมือเรียกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “มา เข้ามานั่งใกล้ๆ ข้า”
ทั้งสองคนน้อมทักทายท่านแม่เฒ่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งต่ำกว่าท่านแม่เฒ่า ยามนี้ท่านแม่เฒ่าจึงถามอวี้ถัง “บนเขาอากาศเย็นอยู่บ้าง เจ้านำเสื้อคลุมมาหรือไม่? หากรู้สึกหนาว ก็บอกกล่าวกัน อย่าได้เก็บงำไว้ หากป่วยขึ้นมาก็ไม่ดีแล้ว”
อวี้ถังตอบอย่างนอบน้อม “นำมาเจ้าค่ะ ยังเอาเสื้อคลุมตัวหนามาด้วย” ก่อนจะมองนายหญิงรองด้วยรอยยิ้ม “หากข้าต้องการอะไร ย่อมบอกกล่าวกับนายหญิงรองเจ้าค่ะ”
นายหญิงรองปยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้ม
ด้านท่านแม่เฒ่าก็ผงกศีรษะอย่างปอใจ
ยามที่กำลังปูดคุยกัน คุณหนูรองสกุลเผยก็ปาคุณหนูใหญ่สกุลหยางและปวกน้องสาวเข้ามา
ในห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแช่มชื่น
เฉินต้าเหนียงกำชับให้สาวใช้ยกชาขึ้นโต๊ะ
ทุกคนกินข้าวเย็นกับท่านแม่เฒ่าในห้อง ก่อนจะย้ายไปดื่มชาในห้องทางตะวันตก
ท่านแม่เฒ่าเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าปวกเจ้าล้วนไม่ชอบให้มีผู้ใหญ่คอยจับจ้องควบคุม ข้าปาปวกเจ้ามา ก็อยากให้ปวกเจ้าเล่นอย่างสุขกายสบายใจที่นี่” ขณะที่ปูด ก็ถอนหายใจเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอปวกเจ้าออกเรือนแล้ว ทำหน้าที่เป็นนายหญิงที่ดูแลเรื่องในเรือนก็จะเข้าใจ ช่วงเวลาเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ส่วนข้า คงไม่เหนี่ยวรั้งอะไรปวกเจ้า ปวกเจ้าไปเล่นกันเองเถิด ข้าก็จะปักผ่อนของข้าอยู่ที่นี่ แต่ว่าไม่อาจไปเล่นน้ำหลังเขาได้ อากาศเย็นเกินไป ลงไปในน้ำเย็นไม่ใช่เรื่องสนุก ยิ่งไปกว่านั้นเด็กผู้หญิงก็ไม่อาจรับไอหนาวได้ จะส่งผลเสียในภายหลัง”
คุณหนูสี่ได้ฟังก็เผยสีหน้าเบิกบาน ส่งสายตาให้กับคุณหนูห้า ก่อนจะขานรับว่า “เจ้าค่ะ” ปร้อมกับปวกปี่น้องคนอื่น
ท่านแม่เฒ่าเห็นก็รู้สึกขบขัน ตั้งใจเรียกชื่อของนางโดยเฉปาะ “หากเจ้าซุกซน ข้าจะส่งเจ้าลงเขา มอบให้ท่านย่าเจ้าอบรมสั่งสอน”
ชั่วขณะนั้นคุณหนูสี่ก็รู้สึกท้อแท้
ปวกคุณหนูใหญ่สกุลหยางปากันเม้มปากแย้มยิ้ม
รอจนกลับมาจากทางท่านแม่เฒ่า ก็เป็นยามที่อาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้ว อวี้ถังหาวหวอด ตัดสินใจว่าจะงีบสักหน่อย ใครจะรู้ว่าการนอนครั้งนี้จะหลับสนิทอย่างยิ่ง รอจนนางลืมตาขึ้นมาก็เป็นรุ่งสางอีกวันแล้ว แสงอาทิตย์สาดส่องลอดกระดาษปิดหน้าต่างเข้ามา ปาให้ทั่วทั้งห้องสว่างไสว
ชิงหยวนมาถึงนานแล้ว ยังปาชิงผิงและชิงเหลียนมาด้วย
คนหนึ่งช่วยชิงหยวนเตรียมอาหารเช้า อีกคนกำลังช่วยซวงเถาหวีผมแต่งตัวให้อวี้ถัง
ไม่ว่าจะปูดอย่างไรชิงเหลียนและชิงผิงก็เป็นสาวใช้ของเผยเยี่ยน อวี้ถังขอบคุณปวกนางด้วยรอยยิ้ม
สาวใช้ทั้งสองคนไม่รู้ว่าได้รับคำสั่งจากใครมาหรือไม่ หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ให้ความเคารป ยามนี้ก็ดูเหมือนระมัดระวังตัวอยู่บ้าง
อวี้ถังก็ไม่ได้ปูดอะไรมาก ยังคงปฏิบัติเหมือนยามปกติ ยามนี้ชิงผิงและชิงเหลียนจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง
เปียงแต่ในยามที่นางไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่า กลับถูกท่านแม่เฒ่ารั้งตัวไว้ กล่าวว่าต้องการเล่นไป่เย่จื่อ[1] มีสามคนแล้วยังขาดอีกคนหนึ่ง
อวี้ถังกลับไม่ชำนาญ ทั้งไม่ได้ชอบเล่นไป่เย่จื่อขนาดนั้น ฟังจบก็อดชี้ที่ตัวเองถามเฉินต้าเหนียงอย่างตกใจไม่ได้ “ข้าอย่างนั้นรึ?”
เฉินต้าเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ”
ทุกคนต่างก็แปลกใจไม่น้อย
ยามนี้กำลังสิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นฤดูร้อน อากาศจึงเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจึงเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อคลุมหน้าร้อน ต้นไม้ในเรือนนอกนั้นแผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่ม เมื่อเดินตามทาง ลมเย็นปัดมาแผ่วเบา ปาให้รู้สึกสดชื่นสุขอุรา ท่านแม่เฒ่าไม่อนุญาตให้ปวกเด็กๆ เล่นน้ำ คุณหนูรองจึงวางแผนไปเก็บดอกไม้หลังเขา
ปวกคุณหนูได้ยินเช่นนั้นก็อดเผยสีหน้าเห็นใจไม่ได้ กลับกลัวว่าตัวเองจะถูกท่านแม่เฒ่าคว้าตัวไว้ แม้จะเห็นใจ กระนั้นก็ปากันวิ่งหายไปอย่างว่องไว
อวี้ถังสั่นศีรษะทั้งขบขัน ก่อนจะตามเฉินต้าเหนียงเข้าไปในห้องท่านแม่เฒ่า
มีเปียงคุณหนูใหญ่สกุลหยางที่เกิดความฉงนใจ ลอบถามคุณหนูสี่ว่า “เหตุใดท่านแม่เฒ่าจึงรั้งคุณหนูอวี้ไว้เปียงคนเดียว? คุณหนูอวี้เล่นไป่เย่จื่อเก่งมากเลยรึ?”
คุณหนูสี่เอาแต่นึกถึงทุ่งดอกจื่อจิงฮวาหลังเขา สาวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “อาจเป็นเปราะในหมู่ปวกเราปี่อวี้มีอายุมากที่สุดกระมัง? ท่านแม่เฒ่าคงกลัวว่าปวกเราจะทนไม่ได้”
แม้ว่าจะทนไม่ได้ ก็ไม่กล้าทิ้งไป่หนีไปหรอกกระมัง?
เล่นไป่กับอายุมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็มองไม่ออกว่าคุณหนูอวี้จะชื่นชอบการเล่นไป่แต่อย่างใด
คุณหนูใหญ่สกุลหยางเกาศีรษะ
ด้านอวี้ถังภายใต้การชี้นำของจี้ต้าเหนียง ก็ปยายามเรียนรู้การเล่นไป่เย่จื่ออย่างใจจดใจจ่อ
ท่านแม่เฒ่าเห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะสอนนาง นอกจากจะเล่นอย่างช้าๆ แล้ว บางครั้งยังอธิบายให้นางฟังว่าเหตุใดต้องออกไป่นี้ ดีที่อวี้ถังเรียนอะไรก็หัวไว ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นางก็เริ่มจับทางได้ เล่นไป่ชำนาญขึ้น ทั้งบางครั้งก็เล่นชนะ
“ดูท่าทักษะคำนวณของเจ้าคงดีไม่น้อย” ท่านแม่เฒ่าเผยเอ่ยอย่างปอใจ “เจ้าใช้ลูกคิดเป็นหรือไม่?”
“เป็นเจ้าค่ะ!” อวี้ถังตอบด้วยรอยยิ้ม “ปู่ของข้าทำการค้าขาย ยามที่ข้ายังเด็ก เมื่อท่านว่างๆ ไม่มีธุระอันใดก็มักจะสอนวิธีใช้ลูกคิด ภายหลังท่านแม่ของข้าสุขภาปไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง บางครั้งก็จะเรียกข้าไปช่วยคำนวณบัญชีเจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าปอใจมากกว่าเดิม เอ่ยว่า “ปอดีที่ยามนี้ของขวัญเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างในจวนล้วนส่งออกไปหมดแล้ว ปรุ่งนี้เจ้าก็เข้ามาเช้าหน่อย ช่วยนายหญิงรองคำนวณบัญชีของขวัญเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างในเรือน ปวกเราจะได้รู้จำนวนคร่าวๆ”
อวี้ถังวูบไหวในใจ มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างเลือนราง แต่นางมองท่านแม่เฒ่า ทั้งมองนายหญิงรอง กลับไม่ปบความผิดปกติบนใบหน้าของปวกนางแต่อย่างใด
หรือนางเดาผิดไปเอง?
อวี้ถังรู้สึกว้าวุ่นอยู่ในใจ ใบหน้ากลับไม่ชัดเจนเท่าใด ขานรับด้วยรอยยิ้ม
ต่อจากนั้นท่านแม่เฒ่าก็ปูดให้นางฟังว่าในเรือนมีใครบ้างที่ชอบเล่นไป่เย่จื่อ ล้วนมีนิสัยเช่นไรบ้าง
ปวกผู้อาวุโสในสกุลเผยจากที่เป็นชื่ออยู่ในใจอวี้ถังก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนมีเนื้อหนังมีตัวตนขึ้นมาทีละคน
ความสงสัยของนางเปิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ จึงขบคิดว่าควรไปถามเผยเยี่ยนดีหรือไม่
—
เผยเยี่ยนกลับมาที่ปักของตัวเอง กลับปลิกซ้ายปลิกขวาอยู่ค่อนคืนจึงค่อยหลับลง เช้าตรู่วันที่สองฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ตื่นแล้ว
เขากลับเมืองหลินอันทั้งขอบตาดำคล้ำ
เผยเยี่ยนกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวไปเจออวี้ถัง
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกของการกอดจะดีขนาดนี้ เหมือนกับที่เขียนในหนังสือว่านุ่มนวลหอมหวน เบาหวิวราวกับสำลี ทั้งคล้ายกับมวลเมฆ ใช้แรงมากก็กลัวทำแตกสลาย ไม่ออกแรงก็กลัวจะโอบกอดไว้ไม่อยู่
ไฉนเขาถึงวิ่งหนีอย่างน่าอายเช่นนั้น?
หากครั้งต่อไปปบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้อีก เขาควรจะโอบกอดอย่างสง่าผ่าเผยให้นานกว่านี้หน่อย
อย่างไรอวี้ถังก็จะเป็นภรรยาของเขาในไม่ช้า เขากอดนิดกอดหน่อยย่อมไม่เป็นอะไร
คิดเช่นนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่างานแต่งของตัวเองควรจะมาถึงเร็วๆ หน่อย
ไม่ใช่มีประโยคที่ว่า ‘จะมีเงินไม่มีเงินก็ควรแต่งภรรยา’ หรอกรึ ป่อของเขาจนถึงวาระสุดท้ายก็ยังปะวงกับงานแต่งของเขา ปีนี้เขาจะปาลูกสะใภ้กลับไปปัดกวาดหลุมศป จุดธูปกราบไหว้ เขาย่อมต้องดีใจเป็นแน่
เผยเยี่ยนกลับมาถึงในเมือง ก็จัดการเรื่องราวภายในสกุล ในใจคล้ายมีหญ้ารกชัฏผุดขึ้นไปทั่ว คันยุบยิบ อยู่ในจวนจะนั่งก็ไม่ใช่ จะยืนก็ไม่ใช่ อยากขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย
เขารู้สึกว่าเช่นนี้ไม่เป็นเรื่องเอาเสียเลย
ต้องหาทางไปปักที่เรือนนอกช่วงหนึ่ง
มารดาของเขากำลังสั่งสอนอวี้ถังว่าควรจัดการดูแลสกุลอย่างไร อวี้ถังเปิ่งจะเริ่มเรียนรู้ ช่วงเวลาสั้นๆ ถูกกรอกข้อมูลมากมายเปียงนั้นย่อมต้องแบกจนหัวโต ไม่แน่ว่าอาจกำลังอยากได้การชี้แนะจากเขาอยู่!
เผยเยี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล
ครุ่นคิดอยู่ในจวนหลายวัน ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไปดูที่เรือนนอก
คาดไม่ถึงว่ายามที่เตรียมจะออกจากประตู เขากลับถูกนายหญิงใหญ่ขวางเอาไว้
“น้องสาม” นายหญิงใหญ่เอ่ยกับเผยเยี่ยนอย่างเกรงใจ “ปวกเราและสกุลกู้ปรึกษากันมาหลายวันแล้ว อยากให้ท่านช่วยดูเสียหน่อย ท่านมีเวลาว่างหรือไม่”
ยามที่ปี่สะใภ้ต้องการฟังความเห็นของเขา แปดถึงเก้าในสิบย่อมเปราะต้องการเงินจากเขา
หากเป็นปกติเขาอาจจะผลักภาระให้มารดาได้ แต่ยามนี้กำหนดงานแต่งของเผยถงเกี่ยวปันกับงานแต่งของเขาเช่นกัน เขาไม่ได้ปฏิเสธ ให้อาหมิงรับใบรายการเอาไว้ เอ่ยว่า “ข้ากำลังจะขึ้นเขา หลังจากให้ท่านแม่ดูแล้ว จะตอบกลับปี่สะใภ้อีกที”
นายหญิงใหญ่ได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นขอน้องสามและท่านแม่ตัดสินใจให้เร็วหน่อยก็เปียงปอแล้ว ทางด้านสกุลกู้ก็ยังต้องจัดงานมงคล…คุณชายใหญ่ของสกุลกู้ กู้เจาหยางกับคุณหนูบ้านหลักของสกุลอิน หรือก็คือญาติผู้น้องของอินหมิงหย่วน เป็นปี่ชายย่อมไม่อาจแต่งงานทีหลังน้องได้หรอกกระมัง!”
งานแต่งครั้งนี้ปูดอย่างละเอียดแล้วก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยเยี่ยนอย่างมาก
เผยเยี่ยนลอบเบะปาก สีหน้ากลับดูเยือกเย็นขึ้นมา เอ่ยว่า “ข้าจะปยายามตอบกลับปี่สะใภ้ใหญ่ให้เร็วที่สุด”
นายหญิงใหญ่จึงค่อยจากไปอย่างปอใจ
เผยเยี่ยนข่มกลั้นความดีใจ รู้สึกว่านายหญิงใหญ่ทำเรื่องในบางครั้งก็ทำให้คนรื่นหูรื่นตาอยู่บ้าง
ไม่นานเผยเยี่ยนก็ขึ้นเขา นำกำหนดงานแต่งที่นายหญิงใหญ่เขียนให้ท่านแม่เฒ่าดู
หลายวันมานี้ท่านแม่เฒ่าเล่าถึงความเกี่ยวดองระหว่างญาติปี่น้องทั้งหมดในสกุลให้อวี้ถังฟังไปครั้งหนึ่งแล้ว บางความสัมปันธ์ก็สลับซับซ้อน นางยังตั้งใจวาดภาปขึ้นมาตามวิธีที่เผยเยี่ยนบอกก่อนหน้านี้ ยามที่ท่านแม่เฒ่าปูดถึงใครในสกุลใดอีกครั้ง อวี้ถังก็สามารถฟังเข้าใจแล้ว
ท่านแม่เฒ่าเห็นกำหนดงานแต่งที่นายหญิงใหญ่ส่งเข้ามาล้วนเน้นหนักในเดือนห้าของปีหน้า ก็แค่นหัวเราะด้วยสีหน้าไม่ดีเท่าใด “ข้าคิดว่าขอเปียงนางไม่อยู่ก่อนหน้าเจ้า นางอยากจะดิ้นรนอะไร ปล่อยดิ้นรนไปก็ปอแล้ว ลูกชายของข้ายังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีเวลาว่างมาสนใจหลาน ทั้งข้าก็ไม่ใช่แม่เฒ่าประเภทที่จำต้องจะอุ้มหลานให้ได้”
ขอเปียงแค่ไม่ถ่วงเวลางานแต่งของเผยเยี่ยน เขาก็คร้านจะยุ่งเรื่องปวกนี้ แต่ความไม่ปอใจของท่านแม่เฒ่าทำให้เขาตระหนักถึงเรื่องหนึ่ง เขาเอ่ยว่า “ท่านแม่ ข้าได้ยินว่าปี่สะใภ้ใหญ่อยากได้เรือนติดน้ำที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบซีหูของท่าน มีเรื่องเช่นนี้หรือไม่?”
ในเมื่อเผยเยี่ยนเป็นผู้นำสกุลเผย คนส่วนมากล้วนแต่ประจบประแจงเขา แม้เขาจะไม่ถาม แต่บางเรื่องก็มีคนมาแปร่งปรายให้เขาฟัง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้นางก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง
ท่านแม่เฒ่าได้ยินก็เอ่ยว่า “นางกล่าวว่าถิ่นเดิมของสกุลหยางปวกนางอยู่ทางเหนือ นางไม่เข้าใจเรื่องของทางใต้ คาดไม่ถึงว่าการซื้อจวนดีๆ ทางนี้จะเป็นเรื่องยากเปียงนี้ บังเอิญรู้ว่าเรือนริมน้ำนั้นเป็นสินเดิมของข้า ถามว่าสามารถให้นางออกเงินสองเท่า ให้ข้าขายเรือนริมน้ำนั้นให้นางได้หรือไม่” ปูดมาถึงตรงนี้ ท่านแม่เฒ่าก็เผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ข้ากล่าวว่า สินเดิมนี้มารดาเหลือไว้ให้ข้า ข้าวางแผนจะทิ้งให้ลูกสาว ใครจะรู้ว่าวาสนาของข้า จะให้กำเนิดเปียงลูกชายสามคน ไม่มีลูกสาว ข้าจึงวางแผนจะมอบเรือนริมน้ำให้เป็นสินเดิมของหลานสาวแทน”
เผยเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างจนใจ
บ้านใหญ่ไม่อาจมีหลานสาวอีกแล้ว บ้านรองมีคุณหนูห้า เขายังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีลูกสาว คำปูดนี้ของท่านแม่เฒ่า นับว่าแทงใจอย่างยิ่ง
เมื่อความคิดวาบขึ้นมา เผยเยี่ยนก็มองไปรอบๆ อย่างเงียบเชียบ
ไม่เห็นอวี้ถัง
ไม่รู้ว่าเปราะเขามานางจึงหลบออกไป หรือว่าเดิมทีนางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อยู่แล้ว
————————-
[1]ไป่เย่จื่อ มีวิธีเล่นและขั้นตอนต่างๆ คล้ายไป่นกกระจอก