ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 307 ข่าวเก่า
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังด้วยแววตาวับวาว หัวเราะออกมาเบาๆ
รอจนสกุลของเขามีอวี้ถังเป็นผู้ดูแล ทำตามกฎเกณฑ์ของอวี้ถัง สกุลเผยย่อมก่อแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งเป็นแน่
ส่วนตอนนี้ยังคงต้องยึดกฎเกณฑ์ตามที่มารดาของเขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้!
เขาหยัดกายยืนขึ้น ก่อนจะจัดแจงอวี้ถังให้นั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือ เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็อย่าได้ฝืนตัวเองนัก เจ้าคำนวณดูว่าบัญชีนี้ผิดหรือไม่ หากไม่ผิดอะไร ส่งไปเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว”
อวี้ถังโมโหอย่างยิ่ง
คิดว่าปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้
แต่นี่อย่างไรก็เป็นเรื่องของสกุลเผย นางไม่อาจตำหนิอะไรมากมาย ทางที่ดีที่สุดคือฟังคำพูดของเผยเยี่ยน คำนวณตัวเลขบนบัญชีนี้ก็เพียงพอแล้ว
เผยเยี่ยนกลับคล้ายมองความคิดของนางออก เอ่ยอย่างอบอุ่น “เจ้าฟังข้าย่อมไม่ผิดแน่นอน! ส่วนเรื่องที่เจ้ากังวล ท่านแม่เฒ่ามีจุดประสงค์อะไร เจ้าก็ไม่ต้องใส่ใจมาก...เข้าใจก็ทำ หากฟังไม่เข้าใจ นั่นจะมีวิธีอะไรอีก?”
เขาพูดจบยังยักไหล่ ดูเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง แต่ในสายตาอวี้ถังกลับรู้สึกสบาย ทั้งวางใจอย่างแปลกประหลาด
นางอดยิ้มมุมปากไม่ได้
เผยเยี่ยนก็ทนไม่ได้ ยื่นมือไปลูบผมที่นุ่มสลวยของนาง ครุ่นคิดว่า เจ้าต้องอดทนอดกลั้นไว้ก่อน รอแต่งเข้ามา เจ้าก็ทำอย่างที่ต้องการได้แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความชอบต่ออวี้ถังอย่างชัดเจนเช่นนี้ อวี้ถังเขินอายอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่านั้นคือความดีใจ
นางทำเป็นไม่เห็นเขาไป นำลูกคิดเข้ามา ก่อนจะเริ่มคำนวณบัญชี
ลูกคิดกลมเกลี้ยงสีดำ นิ้วมือเรียวขาวดุจหิมะ แยกให้เห็นขาวดำอย่างชัดเจน พาให้ลูกคิดที่ทำจากไม้ธรรมดานั้นดูหยาบขึ้นมายิ่งกว่าเดิม นิ้วที่คล้ายดั่งหยกเจียระไนดูเรียวบางขึ้นมาทันตา รวมกับท่าทีช่ำชองของอวี้ถัง ลูกคิดที่ดูจืดชืดภายใต้นิ้วมือนาง ราวกับเด็กน้อยที่ถูกกำราบจนสงบเสงี่ยม เสียงดังกึกกักๆ คล้ายกับจังหวะดนตรี เพียงแค่นี้ก็พาให้คนที่นั่งมองอยู่ด้านข้างรู้สึกเบิกบานใจไปด้วย
เผยเยี่ยนยิ่งมองก็ยิ่งชอบ อดไม่ได้จึงยืนมองอยู่ตรงนั้นค่อนวัน รอจนชิงหยวนยกผลไม้เข้ามา เผยเยี่ยนค่อยดึงสติกลับมาได้ รับจานผลไม้จากมือชิงหยวน เอ่ยเสียงเบาประหนึ่งกลัวจะรบกวนอวี้ถัง “ข้าทำเอง”
ชิงหยวนไม่กล้าเงยหน้า รีบเดินออกไปอย่างว่องไว
ไม่นานนัก อวี้ถังก็คำนวณบัญชีทั้งเล่มออกมา
เผยเยี่ยนถามนางด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง?”
อวี้ถังยืนขึ้น ขยับข้อไม้ข้อมือ เอ่ยว่า “บัญชีที่ออกจากห้องบัญชี หากยังมีผิดพลาด เช่นนั้นสกุลพวกเจ้าก็ต้องเปลี่ยนนายบัญชีแล้ว”
เผยเยี่ยนผงกศีรษะด้วยรอยยิ้ม ยื่นจานผลไม้ให้อวี้ถัง “ชิมดูสิ ปลูกที่สวนในเรือน”
อวี้ถังมองอย่างละเอียด ในหมู่อิงเถาหลีจื่อคาดไม่ถึงว่าจะมีผีผา[1]สีเหลืองอร่ามอยู่หลายลูก
นางหยิบผีผามาหนึ่งลูกอย่างอารมณ์ดี ปอกไปพลางถามเผยเยี่ยนไปพลาง “ท่านเข้ามาได้อย่างไร? มีเรื่องอะไรใช่หรือไม่?”
เผยเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจอธิบายความจริง…พูดโกหกนั้นยุ่งยากเกินไป หากโกหกแล้ว เขายังจะโกหกเรื่องพวกนี้ต่อไป
“ข้ามาดูว่าเจ้ากำลังทำอะไร” เขานั่งลงด้านข้างอวี้ถัง ปอกผีผากับนาง เอ่ยว่า “หลายวันนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? บัญชีพวกนั้นจะดูเสร็จเมื่อใด? อยากให้ข้าช่วยหรือไม่?”
อวี้ถังเห็นผีผาในมือปอกเสร็จแล้ว ครุ่นคิดว่าควรจะเอาให้เผยเยี่ยนชิมก่อนดีหรือไม่ เงยหน้าก็เห็นเขากำลังก้มหน้าก้มตาปอกผีผาอย่างขะมักเขม้น เสี้ยวหน้าด้านข้างทั้งสง่างามและดูดี จึงเขินอายอยู่บ้าง ชิมผีผาของตัวเองคำเล็กๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นสองวันมานี้ในเรือนนอกให้เผยเยี่ยนฟัง
เผยเยี่ยนเห็นท่าทีของอวี้ถัง ดูเหมือนชอบกินผีผาอย่างมาก จึงให้ชิงหยวนนำจานเข้ามาหนึ่งใบ นำผีผาที่ปอกเสร็จแล้ววางไว้ในจานทั้งหมด ก่อนจะส่งให้อวี้ถัง
อวี้ถังรู้สึกไม่เป็นตัวเองอยู่บ้าง ทั้งคิดว่าโอกาสที่จะให้เผยเยี่ยนลงมือทำด้วยตัวเองนั้นหาได้ยาก ครุ่นคิดสักพัก ยังคงเอ่ยขอบคุณเผยเยี่ยนด้วยรอยยิ้ม ระหว่างที่คุยกับเผยเยี่ยนก็กินผีผาที่เขาปอกให้ด้วย
แม้ช่วงเวลานั้นในห้องเป้าซย่าจะมีเพียงเสียงพูดคุยแผ่วเบา กลับแผ่บรรยากาศอบอุ่นอย่างยิ่ง
พวกชิงหยวนลอบยิ้มอยู่ด้านนอก
ท่านแม่เฒ่าได้ฟังก็แอบยิ้มเช่นกัน ยังกำชับเฉินต้าเหนียง “เอาน้ำแกงถั่วเขียวไปให้พวกเขาหน่อย ส่งเข้าไปเงียบๆ อย่าให้คนเห็น คนสกุลอวี้จะได้ไม่เขินอาย ไม่เป็นตัวเองยามที่อยู่ต่อหน้าข้า”
นี่นับว่าลำเอียงอยู่บ้างแล้ว
เพิ่งจะได้รับถั่วเขียว บนตลาดก็ยังไม่เริ่มขาย ทางนายหญิงรองล้วนยังไม่ได้กิน กลับต้มให้คุณหนูอวี้ก่อนเสียแล้ว
เฉินต้าเหนียงรับคำสั่งทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะออกไปต้มน้ำแกงถั่วเขียว
น่าเสียดายที่น้ำแกงถั่วเขียวของท่านแม่เฒ่ายังไม่ทันส่งเข้าไป คุณหนูสี่และคุณหนูห้าที่กำดอกไม้ป่าอยู่ในมือก็วิ่งพุ่งเข้าไปในห้องเป้าซย่า ขัดจังหวะเผยเยี่ยนและอวี้ถังเสียก่อน
“อา อาสาม!” คุณหนูทั้งสองมองอวี้ถังและเผยเยี่ยนที่นั่งเคียงไหล่กันอย่างตกตะลึง เผยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
เผยเยี่ยนขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรตำหนิคุณหนูทั้งสองที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาหรือควรโทษสาวใช้ด้านนอกประตูที่ทำงานแย่ ใบหน้าจึงดูไม่ดีอย่างยิ่ง
อวี้ถังใบหน้าแดงก่ำไปหมด รีบลุกขึ้นยืน เผยท่าทีร้อนตัวอย่างยิ่ง “พวก พวกเรากำลังดูบัญชี…” จากนั้นก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ชิงเอ่ยปกปิดก่อน “พวกเจ้าเข้ามากันได้อย่างไร? ไม่ใช่กล่าวว่าไปเก็บผักป่าที่หลังเขาหรอกรึ? ไฉนเป็นดอกไม้เสียได้? นี่ดอกอะไรกัน? มีอะไรน่าสนใจรึ?” ทั้งชี้ไปที่เก้าอี้กลมด้านข้าง “อากาศร้อนเช่นนี้ นั่งลงดื่มชาสักถ้วยดีกว่า ข้ามีชาดอกเบญจมาศ ทั้งมีชาซีหูหลงจิ่งของปีก่อน พวกเจ้าจะดื่มอะไร?”
ไม่ว่าจะดื่มอะไรพวกนางก็ไม่กล้านั่งดื่มกับอาสามของพวกนางทั้งนั้น!
คุณหนูสี่ลอบพึมพำในใจ ทำเพียงส่งสายตาให้อวี้ถัง บอกเป็นนัยให้นางส่งเผยเยี่ยนออกไปก่อน
เผยเยี่ยนไม่จำเป็นให้นางต้องพูดก็คิดจะไปอยู่แล้ว
เด็กสาวทั้งสองที่โตเพียงตัวนิสัยไม่โตตาม ในเมื่อพวกนางมา เขาอยากจะพูดเรื่องส่วนตัวกับอวี้ถัง ย่อมเป็นไปไม่ได้แล้ว หมดอารมณ์อย่างยิ่ง
เขาหยัดกายขึ้น เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ในเมื่อบัญชีทางนี้ไม่ได้เร่งด่วน เช่นนั้นก็อย่ารีบจัดการเลย ทำวันละนิด ให้เสร็จตามกำหนดก็เพียงพอแล้ว”
อวี้ถังย่อมไม่อาจรั้งเขาไว้
ก้มหน้าเดินไปส่งเผยเยี่ยนออกจากประตู
นอกจากคุณหนูทั้งสองจะเผยสีหน้าดีใจแล้ว รอจนเผยเยี่ยนจากไป ก็เข้ามากอดแขนอวี้ถังคนละข้างทันที ดึงนางออกไปสวนดอกไม้เล็กๆ ด้านนอกห้อง ปากก็ยังเอ่ยว่า “พี่อวี้ พวกเรามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า”
อวี้ถังไม่อาจบั่นทอนความกระตือรือร้นของคุณหนูทั้งสอง ทำได้เพียงตามพวกนางไปนั่งใต้ต้นการบูรในสวนดอกไม้ ให้หลิ่วซวี่ไปรินชา ถามพวกนางว่า “เรื่องสำคัญอะไรที่ทำให้พวกเจ้าทั้งสองมาหาข้าอย่างเร่งรีบเช่นนี้”
คุณหนูห้ายังมีท่าทีเคอะเขินอยู่บ้าง คุณหนูสี่กลับคล้ายมีนกนับร้อยตัวบินล้อมรอบ เริ่มเอ่ยเจื้อยแจ้วกับอวี้ถังขึ้นมา “พี่อวี้ เจ้ารู้หรือไม่ พี่ชายของพี่กู้ซี หรือก็คือใต้เท้ากู้ กู้เจาหยางกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูอินสกุลสามีของพี่สวี?”
นี่เป็นข่าวเก่าแล้ว
แน่นอนว่า นี่ก็สำหรับอวี้ถังเท่านั้น
พูดขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้อวี้ถังกลับนับว่าได้พบเจอมากับตัวเอง
นางเคยไปช่วยจัดการจวนใหม่ให้สกุลอินมาแล้ว
“ทราบแล้ว!” อวี้ถังเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ให้คุณหนูสี่และคุณหนูห้าฟังด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูทั้งสองฟังจนตาเป็นประกาย คนหนึ่งกล่าวว่า “เช่นนั้นพี่อวี้รู้หรือไม่ว่าสกุลกู้ทะเลาะกัน?”
อีกคนเอ่ยว่า “ไม่เกี่ยวกับพี่กู้ซีเสียหน่อย! เป็นนายท่านใหญ่สกุลกู้และท่านพ่อของพี่กู้ซี นายท่านรองสกุลกู้ทะเลาะกัน!”
เรื่องนี้อวี้ถังยังไม่เคยได้ยิน
นางตกใจอยู่บ้าง
คุณหนูสี่ชิงพูดก่อนคุณหนูห้า “พวกเราได้ยินคุณหนูใหญ่สกุลหยางพูด นางฟังมาจากญาติผู้พี่คนหนึ่ง ญาติผู้พี่นางคนนี้ แต่งไปบ้านสายรองของสกุลเสิ่น พี่สะใภ้ก็คือคุณหนูบ้านใหญ่ของสกุลกู้”
สกุลใหญ่เจียงหนาน มีความสัมพันธ์สลับซับซ้อนกันจริงๆ เอ่ยขึ้นมาล้วนเป็นเครือญาติกันทั้งสิ้น
อวี้ถังทำหูตั้งรอฟัง
คุณหนูสี่เอ่ยว่า “กล่าวว่าใต้เท้ากู้และสกุลอินหมั้นหมายกันแล้ว กลับทำสัญญากับสกุลอิน สินเดิมของคุณหนูอินมีคุณหนูอินเป็นผู้จัดการเอง หากภายหลังคุณหนูอินไม่มีลูกหรือตายก่อนใต้เท้ากู้ สินเดิมของคุณหนูอินก็จำต้องกลับคืนไปสกุลอิน คนของสกุลกู้ได้ฟังก็ปะทุโทสะทันที โดยเฉพาะนายท่านรองสกุลกู้ ไปหานายท่านใหญ่สกุลกู้โดยตรง ทะเลาะกันโดยไม่สนใจเรื่องหน้าตาขึ้นมา”
เรื่องนี้อวี้ถังทราบแล้ว ยามที่นางรู้ตอนแรกก็คิดว่าเกินไปอยู่บ้าง แต่นี่เทียบกับฐานะของสกุลกู้นับว่าเกินไปอยู่บ้างเช่นกัน ผู้หญิงทางเจียงหนานแต่งงานล้วนชอบหอบสินเดิมไปจำนวนมาก คำสัญญาที่เกินเหตุกว่านี้ก็พบเห็นมาไม่น้อย
นางคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างก็ยินยอม ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยอย่างรอมชอมอยู่บ้าง “คาดว่าสกุลอินคงจะมีความกังวลของตัวเอง ทั้งคุณหนูสกุลของพวกเขาก็ขึ้นชื่อเรื่องแต่งออกไปด้วยสินเดิมมหาศาล”
เจียงหนานเคยเกิดเรื่องที่หวังจะฮุบสมบัติของฝ่ายหญิงจึงวางแผนทำร้ายมาก่อน
คุณหนูห้าโบกไม้โบกมือ เอ่ยว่า “ไม่ใช่ๆ พี่อวี้ เจ้าคงไม่รู้ พ่อของพี่กู้ซีหรือก็คือนายท่านรองของสกุลกู้ เคยละโมบในสินเดิมของมารดาพี่กู้ซีเช่นกัน เรื่องนี้ คนสกุลกู้ล้วนรู้ดี กลัวว่าจะเสียหน้า จึงปิดบังคนภายนอก บิดาของใต้เท้ากู้ใช้วิธีเดิม คงขายหน้าขายตาไปถึงเมืองหลวง จึงได้ทำสัญญาเช่นนี้กับสกุลอินขึ้นมา นายท่านใหญ่สกุลกู้เป็นฝ่ายออกหน้าเจรจาแต่งงานให้ใต้เท้ากู้ก็เพราะเหตุนี้ แต่ยามนี้นายท่านรองสกุลกู้อาละวาด เรื่องนี้จึงไม่สามารถปิดบังต่อไปได้ เป็นเรื่องใหญ่จนทุกคนรู้ทั่วกัน”
“สกุลกู้จึงอยู่ในจุดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ผู้คนประณามอย่างดุเดือด” คุณหนูห้าเอ่ยอย่างเห็นใจ “พี่กู้ซีทราบแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเสียใจถึงขนาดไหน โดยเฉพาะป้าสะใภ้ใหญ่ ยังเป็นคนที่รักหน้าตาและเกียรติยศ ก็ไม่รู้ว่าจะรังเกียจพี่กู้ซีหรือไม่”
“คงไม่หรอกกระมัง” คุณหนูสี่เอ่ย “ญาติผู้พี่เป็นคนมีเหตุผล แม้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่จะพูดไม่น่าฟังอะไร ญาติผู้พี่ย่อมปกป้องพี่กู้ซี อย่างมากพี่กู้ซีก็ทำได้เพียงฟังหูซ้ายออกหูขวา ฟังเรื่องซุบซินนินทาไม่กี่คำเท่านั้น ทั้งพี่กู้คงไม่อาจแต่งเข้ามาเร็วๆ นี้ แม้ป้าสะใภ้ใหญ่อยากจะพูดอะไร ก็คงไม่มีที่ให้พูดหรอก!”
คุณหนูห้าเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่สงสารพี่กู้อยู่บ้าง นางต้องอยู่กับแม่เลี้ยงเช่นนั้น ยามนี้เรื่องสินเดิมของสกุลอินก็ปะทุขึ้นมา แม้จะกล่าวว่าไม่ใช่ความผิดของนาง แต่สุดท้ายย่อมถูกคนซุบซิบนินทา พาให้คนยากจะรับได้”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ” คุณหนูสี่กล่าวเสริม “ดังนั้นข้าจึงคิดว่า เรื่องนี้จำต้องบอกกับญาติผู้พี่ ให้เขาส่งคำพูดอะไรสักอย่างไปปลอบใจพี่กู้ น่าเสียดายที่พี่กู้ใกล้จะแต่งเข้ามาสกุลเรา จึงไม่อาจเชิญนางมาพักผ่อนเรือนนอกกับพวกเรา ไม่อาจผ่อนคลายความเศร้าได้”
คุณหนูห้าหัวเราะคิกคัก ตบมือเอ่ยว่า “ครั้งนี้นับว่าพี่สี่พูดผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าพี่กู้ใกล้แต่งเข้ามาในสกุลเรา จึงไม่อาจพบป้าสะใภ้ใหญ่ได้หรอกรึ ไม่เจอป้าสะใภ้ใหญ่ ย่อมไม่ต้องการให้ญาติผู้พี่ปลอบโยน ครั้งนี้เจ้าต้องยอมแพ้แล้วกระมัง? รีบนำพระสังกัจจายน์ที่ตั้งบนโต๊ะกระจกของเจ้ามาให้ข้าเสีย”
“ข้าว่าเจ้าคงอยากจะได้ของของข้าน่ะสิ” คุณหนูสี่เอ่ย หัวข้อจึงถูกเบี่ยงประเด็นไปอย่างรวดเร็ว “เจ้าเห็นของของข้าล้วนคิดว่าดีไปหมด”
อวี้ถังนั่งยิ้มฟังนางประชันฝีปากกันอยู่ตรงนั้น กลับลอบพึมพำในใจ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเผยเยี่ยนให้คนนำไปเผยแพร่หรอกกระมัง?
————————
[1]ผีผา มีสีเหลืองอมส้ม ลักษณะคล้ายกับมะปราง