ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 311 เทียบเชิญงานแต่ง
รื่องของ สกุลหยางและสกุลเหยียน วันถัดมาคุณหนูใหญ่สกุลหยางก็เก็บข้าวของกลับไปยังเมืองหลวง
อวี้ถังไหว้วานนางให้ช่วยส่งของฝากให้คุณหนูสวี คุณหนูใหญ่สกุลหยางรับปากอย่างดี เผยเยี่ยนกลับรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าใด เอ่ยว่า “อีกสองสามวัน ข้าจะส่งคนไปมอบของขวัญแสดง ความยินดีให้อินหมิงหย่วน เจ้าฝากของไปกับข้าก็เพียงพอแล้ว เรื่องภายในสกุลหยางค่อนข้าง ซับซ้อน คุณหนูสวีใช่ว่าจะชอบไปมาหาสู่กับคุณหนูใหญ่สกุลหยางเสมอไป”
นางไม่ทราบความแค้นเคืองในอดีตระหว่างสกุลใหญ่พวกนี้อย่างชัดเจน วิธีที่ดีที่สุด ย่อมต้องฟังเผยเยี่ยน เผยเยี่ยนและนางไปสวนดอกไม้ทางด้านหลังเขา แนะนําต้นไม้ดอกไม้ใน เรือนให้นางรู้จัก ทั้งเอ่ยเรื่องของสกุลหยางไปพลาง “…ในเมืองหลวงนับว่าเป็นแค่ขุนนางเล็กๆ ทําได้เพียงให้ภรรยาและลูกสาวของตัวเองคบค้าสมาคมกับคนของสกุลขุนนางใหญ่ๆ สกุล เหยียนและสกุลพวกเขานับว่าใกล้เคียงกัน แต่ข้าได้ยินว่าเด็กผู้นั้นของสกุลเหยียนเรียนหนังสือ เก่งมิใช่น้อย กลัวก็แต่ว่าจะไม่อยากรีบแต่งงาน อยากหางานแต่งที่ดีกว่านี้อีกครั้ง”
พูดเช่นนี้แล้ว นางไปขอให้คุณหนูใหญ่สกุลหยางส่งของฝากให้คุณหนูสวีนับว่าไม่ เหมาะสมจริงๆ
เผยเยี่ยนมองนางด้วยรอยยิ้ม “ภายหลังเจ้ามีเรื่องอะไร ปรึกษากับข้าก่อนก็เพียงพอ แล้ว”
แววตาที่เขามองนางนั้นลํ้าลึก ทั้งแฝงความร้อนรุ่มอยู่หลายส่วน พาให้อวี้ถังอดใบหน้า แดงกํ่าไม่ได้ ขานรับเบาๆ ว่า ‘เข้าใจแล้ว’
หลังจากคุณหนูใหญ่สกุลหยางทราบก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ทั้งไม่รู้ว่าคิดอะไร ยามที่จะ ออกเดินทางจึงเอ่ยกับอวี้ถังว่า “ความจริงข้าและคุณหนูสามของสกุลมารดานายหญิงใหญ่มี ความสัมพันธ์ที่ดีไม่น้อย ตอนแรกคุณหนูสามสกุลหยางและคุณชายใหญ่สกุลเผยสนิทสนมกัน อย่างลึกลํ้า พวกเราต่างก็อิจฉากันอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่า คุณหนูสามสกุลหยางจากไปไม่นาน
2475
คุณชายใหญ่สกุลเผยก็หมั้นหมายกับคุณหนูสกุลกู้เสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้…” ขณะที่นาง พูด ก็ยังสั่นศีรษะ
อวี้ถังย่อมต้องปกป้องสกุลเผย ฟังจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่สกุลหยางระวัง คําพูดด้วย! คุณหนูสามสกุลหยางล่วงลับไปแล้ว นางและคุณชายใหญ่สกุลเผยเป็ น ลูกพี่ลูกน้องกัน เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ย่อมมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน แต่จากที่เจ้า พูดเมื่อครู่ ราวกับพวกเขาลอบมีความสัมพันธ์กันอะไรอย่างนั้น ไม่เพียงจะกระทบต่อชื่อเสียง ของคุณชายใหญ่สกุลเผย ยังส่งผลต่อชื่อเสียงของคุณหนูสามสกุลหยางด้วย ในเมื่อเจ้ากล่าว ว่าเมื่อก่อนเจ้าสนิทสนมกับคุณหนูสามสกุลหยาง เจ้าก็ไม่ควรเชื่อคําพูดที่เหลวไหลพวกนี้จึงจะ ถูก”
คุณหนูใหญ่สกุลหยางใบหน้าร้อนฉ่า รีบขึ้นรถม้าไป
พวกคุณหนูสกุลเผยโอบล้อมเข้ามา พากันถามว่ายามที่คุณหนูใหญ่สกุลหยางจากไป พูดอะไรกับนางบ้าง
อวี้ถังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ไม่ได้พูดอันใด แค่ถามเรื่องของข้าและคุณหนูสวีเท่านั้น”
สกุลสวีนับว่าเป็นสกุลอันดับต้นๆ ของราชสํานัก คุณหนูใหญ่สกุลหยางอยากจะ ประจบคุณหนูสวีก็เป็นเรื่องปกติ พวกคุณหนูสกุลเผยจึงไม่ได้ถามมากมาย ดึงอวี้ถังไปถามว่า “บัญชีอะไรนั่นของเจ้าจะจัดการเสร็จเมื่อใดรึ? พวกเราอยากย่างเนื้อในเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง อยากให้เจ้ามาเข้าร่วมกับพวกเราด้วย!”
อวี้ถังเหงื่อชื้นหน้าผาก
หลายวันมานี้นางเอาแต่เที่ยวเล่นกับเผยเยี่ยน นอกจากยังมีบัญชีกองใหญ่แล้ว ยังทิ้ง พวกคุณหนูสกุลเผยไว้ด้านหลังอีก
ทั้งนางยังนัดกับเผยเยี่ยนดีแล้ว…
ถึงเวลานั้นจะทําอย่างไร?
2476
อวี้ถังรู้สึกปวดหัว
ตัดสินใจทิ้งเรื่องนี้ให้เผยเยี่ยน
อย่างไรเขาก็เจ้าแผนการอยู่แล้ว เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ทิ้งคนอื่นไปศาลาเสาซีก็เป็น ความคิดของเขา
เป็นความคิดของใคร คนนั้นก็รับผิดชอบ
อวี้ถังนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็อดแย้มยิ้มไม่ได้
คุณหนูสี่สกุลเผยถามอย่างสงสัย “พี่อวี้ เจ้ายิ้มอะไร? ยิ้มหวานเสียด้วย!”
“ไม่มีอะไรๆ!” อวี้ถังรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ยังทําใจให้เผยเยี่ยนเป็น คนออกหน้าเองไม่ได้อยู่บ้าง “ข้าก็ไม่รู้ว่าบัญชีพวกนั้นจะสะสางเสร็จเมื่อใด ทําได้เพียงรอดู สถานการณ์เมื่อถึงเวลานั้น”
คุณหนูสี่ถอนหายใจ
ท่านแม่เฒ่าให้คนนําขนมแป้งทอดเข้ามา กล่าวว่าเป็นของอารามดับทุกข์ นางชิมก็ รู้สึกว่าอร่อย จึงให้คนฝึกเรียนแล้วกลับมาทําที่เรือน
คุณหนูห้าสกุลเผยร้องออกมา “วันนั้นก็คิดว่าอร่อย แต่ไม่กล้ากินมาก วันนี้นับว่าอาศัย บารมีของพี่อวี้ จึงได้กินอีกครั้ง”
คุณหนูสี่ไม่กล้าชักช้า วิ่งเข้ามานั่งกับคุณหนูห้าทันที
คุณหนูสามมองอวี้ถังไปที เป็นครั้งแรกที่ไม่ก่อเรื่องวุ่นไปกับคุณหนูสี่และคุณหนูห้า
มีเพียงคุณหนูรอง ยังคงเผยท่าทีหนักอกหนักใจ ไม่ได้สนใจสถานการณ์ทางอวี้ถัง เท่าใดนัก
นางและพวกอวี้ถังกินข้าวเช้าร่วมกัน จากนั้นก็ไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่า
2477
ทางท่านแม่เฒ่า พวกนางได้พบกับนายหญิงรองที่เพิ่งกลับมาจากเมืองหลินอัน
คุณหนูห้าถลาเข้าไปในอ้อมอกมารดาอย่างออดอ้อน
นายหญิงรองลูบผมลูกสาวด้วยรอยยิ้ม ทักทายอวี้ถังแล้ว ก็พูดคุยกับท่านแม่เฒ่าต่อ “ทางสกุลกู้ส่งเทียบเชิญเข้ามาแล้วเจ้าค่ะ กําหนดงานแต่งคือวันที่ยี่สิบหกเดือนเก้า กล่าวว่า แต่งงานแล้ว ก็จะตามใต้เท้ากู้ไปอยู่ที่เมืองหลวงได้เร็วหน่อย”
การไว้ทุกข์ของท่านผู้เฒ่าจะสิ้นสุดวันที่สิบเดือนเก้า สตรีของสกุลเผยจะได้ไปเข้าร่วม พิธีแต่งงานของกู้ฉ่างพอดี
ไม่รู้ว่ากําหนดงานแต่งของกู้ฉ่างประจวบเหมาะหรือตั้งใจวางแผนไว้แล้วกันแน่?
แต่ยามนั้น ครอบครัวนายหญิงรองและนายท่านรองต้องรีบไปเมืองหลวงแล้ว รวมกับ นายหญิงใหญ่ที่ครองม่าย ทั้งงานแต่งของเผยเยี่ยนที่กําลังจะวางสินสอดอย่างเป็นทางการ ไหนเลยจะมีผู้ใดไปเข้าร่วมงานแต่งของกู้ฉ่างอีก เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ท่านแม่เฒ่าต้อง ตัดสินใจ
พวกคุณหนูสกุลเผยได้ฟังต่างก็เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ขมวดคิ้วกันขึ้นมา
ท่านแม่เฒ่ารับเทียบเชิญงานแต่งในมือของนายหญิงรองมาดูพักหนึ่ง ยามนี้จึงค่อยส่ง เทียบเชิญให้เฉินต้าเหนียง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ รอให้ข้าปรึกษากับสยากวงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจกัน เถิด!”
สิ่งที่สําคัญคือเรื่องนี้ยังเกี่ยวพันกับงานแต่งของเผยเยี่ยน
นายหญิงรองได้ฟังก็ชําเลืองมองอวี้ถังอย่างเงียบเชียบไปแวบหนึ่ง ขานรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกลับไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนของตัวเอง ทิ้งพวกคุณหนูให้อยู่เป็นเพื่อนคุยท่านแม่ เฒ่าที่นี่
ทุกคนพากันพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด อวี้ถังกลับพะวงเรื่องบัญชีพวกนั้น จึงหยัดกายบอก ลาก่อน
2478
ท่านแม่เฒ่าก็ไม่อาจรั้งนาง ให้พวกคุณหนูสกุลเผยเล่นไพ่เย่จื่อเป็นเพื่อนนางแทน
เมื่อถึงยามบ่าย พวกคุณหนูสกุลเผยก็ฟังอาจารย์หญิงสอนหนังสือกับท่านแม่เฒ่า ด้านเผยเยี่ยนกลับวิ่งไปห้องเป้าซย่าช่วยอวี้ถังตรวจสอบบัญชี
ทั้งสองคนอดเอ่ยเรื่องเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างขึ้นมาไม่ได้
หลังจากเผยเยี่ยนตําหนิพวกคุณหนูสกุลเผยว่า ‘วุ่นวาย’ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ บ้าง ก็เป็นดั่งที่อวี้ถังคาด เขาออกตัวรับผิดชอบเรื่องนี้เอง ให้อวี้ถังไม่ต้องกังวลเรื่องของเทศกาล ไหว้บ๊ะจ่างอีก
เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน อวี้ถังก็จัดการบัญชีเสร็จ ท่านแม่เฒ่าเรียกนางเข้าไปถามว่า นาง เห็นอะไรจากบัญชีพวกนี้บ้าง?
อวี้ถังย่อมไม่กล้าพูดว่ายอดเงินและราคาของในตลาดของบัญชีพวกนี้ไม่ตรงกัน นาง พูดเพียงสิ่งที่นางพอจะพูดได้ “ไม่ได้พบจุดที่ผิดพลาดอะไรเจ้าค่ะ เพียงรู้สึกว่าของขวัญยามปี ใหม่นั้นเพิ่มมากขึ้นทุกปี”
ท่านแม่เฒ่าได้ฟังก็พยักหน้า ถามนางด้วยแววตาที่คาดหวัง “เจ้าอยากจะเรียนศิลปะ การคํานวณกับข้าสักหน่อยหรือไม่?”
คืออะไรกัน?
อวี้ถังงุนงงอยู่บ้าง
ท่านแม่เฒ่าจึงอธิบายให้นางฟังอยู่ค่อนวัน
อวี้ถังฟังด้วยความสับสนมึนงง แต่ท่านแม่เฒ่าคิดว่านางมีพรสวรรค์ด้านนี้ จึง กระตือรือร้นอย่างยิ่ง นางตรึกตรองเล็กน้อย คิดเสียว่านางให้ความเคารพท่านแม่เฒ่า ร่วมสนุก เป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าก็เพียงพอแล้ว…ความแตกต่างอยู่ที่งานอดิเรกของท่านแม่เฒ่านั้นไม่ เหมือนกับคนอื่นเท่านั้น
2479
“ข้ากลัวว่าตัวเองจะเรียนได้ไม่ดี!” อวี้ถังกล่าวอย่างถ่อมตัว
“ไม่เป็นไร” ท่านแม่เฒ่าเอ่ยอย่างใจกว้าง “ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว”
อวี้ถังเห็นนางมีท่าทีดีใจอย่างยิ่ง ก็รู้สึกว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของตัวเองเป็นเรื่องที่ถูก แล้ว
แต่หลังจากเผยเยี่ยนทราบกลับสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง เดินไปเดินมาอยู่ในศาลาที่ พวกเขามักพบเจอกัน “ท่านแม่ของข้าคลั่งไคล้สิ่งนี้อย่างยิ่ง เมื่อก่อนยังกลัวว่าท่านพ่อจะไม่เห็น ด้วย จึงไม่กล้าแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ภายหลังพบว่าเดิมทีท่านพ่อก็ไม่สนใจ ความกล้าจึง เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องในเรือนเลย มีครั้งหนึ่งที่ท่านแม่อุ้ม พี่รองด้วยตัวเอง กลับตกนํ้าตกท่าเพราะเหตุนี้ ท่านแม่ข้าจึงค่อยเปลี่ยนแปลงนิสัยขึ้นมาได้”
หากทําให้นางเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาอีก ภายหลังเขากลัวว่าจะพบอวี้ถังครั้งหนึ่งคงจะ เป็นเรื่องยาก
เผยเยี่ยนเร่งเอ่ยว่า “ท่านแม่ข้าย่อมจะเอาหนังสือเล่มหนึ่งให้เจ้าอ่าน เจ้าได้หนังสือ มาแล้ว ต้องบอกข้า ข้าจะหาวิธีให้ท่านแม่ไม่ต้องรบกวนเจ้าอีก”
“เช่นนั้นไม่ค่อยดีกระมัง!” อวี้ถังเอ่ย “ท่านแม่เฒ่าอายุมากแล้ว ทั้งไม่มีภารกิจอันใด ข้า ก็คิดเสียว่าอยู่เล่นเป็นเพื่อนนาง”
เผยเยี่ยนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรกับอวี้ถังดี เอ่ยอย่างกระวนกระวาย “เรื่องนี้เจ้าต้อง ฟังข้า จําไว้ว่าเจ้าได้รับหนังสือจากนางแล้ว บอกกล่าวกับข้าสักหน่อยก็เพียงพอแล้ว”
นี่เป็นเรื่องเล็ก อวี้ถังรับปากเป็นมั่นเหมาะ
ภายหลังท่านแม่เฒ่าก็ส่งหนังสือให้นางเล่มหนึ่งจริงๆ ชื่อว่า ‘ศิลปะการคํานวณเก้าบท’ ให้นางไปอ่านก่อน ไม่เข้าใจตรงไหนค่อยมาถาม
อวี้ถังพลิกดู รู้สึกเหมือนจะไม่ยากอะไร
2480
นางไปบอกกับเผยเยี่ยน
นอกจากเผยเยี่ยนจะไม่ใจเย็นแล้ว กลับกังวลยิ่งกว่าเดิม
ขณะที่เขากําลังขบคิดว่าจะพูดเรื่องนี้กับท่านแม่เฒ่าอย่างไรดี เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างก็คืบ คลานเข้ามา ท่านแม่เฒ่าอยากรั้งอวี้ถังให้ฉลองเทศกาลที่เรือนนอก จึงตั้งใจเชิญเฉินซื่อขึ้นเขา มา ปรึกษาเรื่องนี้กับนาง
เฉินซื่อทําใจให้ลูกสาวอยู่ฉลองที่สกุลเผยไม่ได้
ท่านแม่เฒ่าย่อมเข้าใจ จึงเชิญครอบครัวเฉินซื่อให้มาฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างที่เรือน นอกทั้งหมดอย่างรู้แล้วรู้รอดไป
เฉินซื่อครุ่นคิดว่า แม้ทั้งสองสกุลใกล้จะเกี่ยวดองกันแล้ว แต่ยามนี้กลับไม่เหมาะสม ปฏิเสธอย่างอ้อมๆ ไป แต่เฉินซื่อกลัวว่าท่านแม่เฒ่าจะขุ่นเคืองต่ออวี้ถังเพราะเรื่องนี้ จึงเชิญ ท่านแม่เฒ่าลงจากเขา “วันนั้นทางเสาซีจะจัดการแข่งเรือมังกร ท่านก็เข้าไปร่วมความครื้นเครง ด้วยกันสิเจ้าคะ!”
ท่านแม่เฒ่าไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าใด เผยเยี่ยนกลับเป่ าหูอยู่ด้านข้าง “ไปวันนั้น แล้วก็กลับมาวันนั้น พวกเด็กๆ ยากจะออกไปข้างนอก ท่านก็คิดเสียว่าพาพวกนางไปเปิดหูเปิด ตา”
ท่านแม่เฒ่านั้นเอ็นดูลูกหลาน ขบคิดเล็กน้อยก็ตอบรับ
เฉินซื่อออกมาจากทางท่านแม่เฒ่าก็ไปหาอวี้ถัง
ไม่ได้พบเกือบครึ่งเดือน นางดึงมืออวี้ถังไปมองพินิจ เห็นว่าใบหน้ารูปไข่ของอวี้ถังแดง เปล่งปลั่ง ดูดียิ่งกว่ายามที่อยู่ในเรือน ก็เผยยิ้มเต็มใบหน้า ถามอวี้ถังเรื่องที่อยู่ในเรือนนอก “ท่านแม่เฒ่าเรียกเจ้ามาทําอะไร? ข้าเห็นว่าเรือนที่เจ้าพัก อยู่ด้านข้างเรือนท่านแม่เฒ่า นอกจากจะกว้างขวาง ยังอยู่ใกล้ท่านแม่เฒ่าอย่างยิ่ง ดูท่าท่านแม่เฒ่าจะให้ความสําคัญกับ เจ้า เจ้าอยู่ที่นี่อย่าได้ซุกซน ต้องเชื่อฟังกตัญ�ูต่อท่านแม่เฒ่าดีๆ ล่ะ”
2481
อวี้ถังเขินอายอยู่บ้าง เล่าจุดประสงค์ที่ท่านแม่เฒ่าชวนนางมาเรือนนอกให้มารดาฟัง ทั้งเอ่ยว่า “แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่สุขสบาย แต่ก็คิดถึงท่านและท่านพ่อ เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง พวกเรา ย่อมต้องฉลองกับครอบครัว”
ส่วนทางเผยเยี่ยน ไม่ใช่ว่าเขามีแผนในใจแล้วหรอกรึ? นางไม่ต้องสนใจอะไรก็เพียงพอ แล้ว
เฉินซื่อดีใจอย่างคาดไม่ถึง รีบถามอวี้ถังว่าปกติมักทําอะไร ทั้งท่านแม่เฒ่าพูดอย่างไร บ้าง
อวี้ถังตอบไล่เลียงไปทีละข้อ
เฉินซื่อยิ่งฟังก็ยิ่งดีใจ ดึงมืออวี้ถังมากล่าว “เช่นนั้นก็ดี เจ้าต้องตั้งใจเรียนกับท่านแม่ เฒ่าล่ะ! คนอื่นคิดจะเป็นเหมือนเจ้ายังทําไม่ได้เลย!”
นางเสียใจอยู่บ้างที่ปฏิเสธท่านแม่เฒ่า
ท่านแม่เฒ่าตั้งใจตระเตรียมการเพื่ออวี้ถัง ไม่แน่ว่ารั้งอวี้ถังให้ฉลองในสกุลเผย ก็อาจ เป็นเพราะมีจุดประสงค์เช่นกัน