ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 313 โบกพัด
ยามที่ชิงหยวนยกนํ้าถั่วเขียวต้มแช่เย็นเข้ามา เห็นฉากนี้เข้าก็อยากหัวเราะอยู่บ้าง… เผยเยี่ยนนั่งวาดภาพอยู่หน้าโต๊ะ อวี้ถังถือพัดเล่มหนึ่งคอยพัดให้เผยเยี่ยน ส่วนหน้าหลังอวี้ถัง ยังมีเด็กรับใช้อีกสองคนช่วยพัดให้พวกเขาทั้งคู่
นี่นายท่านสามจะทรมานคุณหนูอวี้ให้จนได้อย่างนั้นรึ?
ชิงหยวนไม่กล้าพูดอะไรมาก เชิญทั้งสองคนดื่มนํ้าถั่วเขียวต้มก่อนจะถอนกายออกไป อย่างเงียบเชียบ
ด้านอวี้ถังนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ นวดข้อมือตัวเอง เผยเยี่ยนมองอย่างดูแคลน “ไฉนแค่พัดเจ้าก็ยังทําได้ไม่ดี?” อวี้ถังตอกกลับไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ไม่อย่างนั้น พวกเราเปลี่ยนกัน?” เผยเยี่ยนปราดมองดอกทับทิมที่วาดได้ครึ่งหนึ่ง เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะทวนประโยคที่อวี้ถัง พูดเมื่อครู่ส่งคืนให้นาง “ไม่อย่างนั้น พวกเราเปลี่ยนกัน?” อวี้ถังไม่กลัวเขา ถกแขนเสื้อขึ้นก่อนเอ่ยว่า “เปลี่ยนก็เปลี่ยน!” ใครต้องกลัวใครกัน? หากนางวาดไม่ดี เผยเยี่ยนก็ยังคงต้องเป็นคนกู้สถานการณ์ ตาทึ่มผู้นี้ คิดว่าจะสร้างความลําบากให้นางได้อย่างนั้นรึ!
เผยเยี่ยนกลัวว่านางจะทําภาพอีกครึ่งหนึ่งของเขาเสียจริงๆ รีบขวางนางไว้ “ก็ได้ๆ ไม่ เล่นแล้ว ทั้งไม่ต้องพัดให้ข้าเช่นกัน ยืนส่งเครื่องเขียนอยู่ด้านข้างข้าก็เพียงพอแล้ว” ยังพูดอยู่ ตรงนั้นว่า “เจ้าว่าเจ้าจะสามารถทําอะไรได้อีกกัน!” นี่คือจะกล่าวว่าเป็นความผิดของนาง?
2491
อวี้ถังนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือไม่ยินยอมที่จะขยับ เอ่ยว่า “ข้าจะพักสักครู่!”
เผยเยี่ยนก็ไม่ได้ต้องการให้นางทําอะไรจริงจัง แค่คิดอยากให้อวี้ถังช่วยเขาอยู่ที่นี่ ไม่ว่า อย่างไรอยู่เป็นเพื่อนเขาเสียหน่อยเขาถึงจะสบายใจ จึงไม่คิดฝืนใจอะไรนางอีก ขอเพียงนางอยู่ ในห้องหนังสือก็พอแล้ว ไม่นานเขาก็วาดออกมาสองภาพ ภาพหนึ่งเป็นดอกทับทิม อีกภาพเป็น ดอกมู่ตัน ยังเอ่ยว่า “สองภาพนี้ล้วนใช้ได้ทั้งนั้น พวกเจ้าทําตัวอย่างออกมา ให้คนของสกุลหู ลองเลือกดู สกุลพวกเขาก่อร่างสร้างตัวจากกิจการกระดาษซวนจื่อ นอกจากซูโจว เจ้อเจียง หู เป่ ย หูหนาน กว่างตง กว่างซี ส่านซีแล้ว ยังมีสาขาย่อยเมืองหลวง กิจการใหญ่โตอย่างยิ่ง หาก สกุลพวกเจ้าสามารถคว้าโอกาสนี้ได้ ภายหลังย่อมไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องกิจการอีกแล้ว”
อวี้ถังกินผลไม้ ดูเผยเยี่ยนวาดภาพที่สามต่ออยู่ตรงนั้น ทั้งยังคุยเล่นกับเขาอย่างเพ้อ ฝันว่า “เจ้าว่า สกุลพวกเราทํากิจการอื่นเพิ่มเสียหน่อยเป็นอย่างไร? ทําปิ่นแกะสลักสีแดง? ข้า คิดว่าของที่เกี่ยวกับพวกเด็กผู้หญิงล้วนขายดีทั้งนั้น อย่างเครื่องประทินโฉม หรือดอกไม้ผ้า”
เผยเยี่ยนตอกกลับนางอย่างไม่เกรงใจ “ฟังดูเข้าท่า แต่ว่าเจ้าเคยคํานวณต้นทุน หรือไม่?”
อวี้ถังนึกถึงพื้นที่ภูเขาของสกุลนางผืนนั้น ก็ท้อแท้ขึ้นมาทันที อดเอ่ยอย่างขุ่นเคืองไม่ได้ “ไฉนเจ้าปลูกต้นซาจี๋ขายเป็นผลไม้เชื่อมทํากําไรได้ แต่ข้ากลับทําไม่ได้”
“เพราะข้ารู้จักคนเยอะมากกว่าเจ้า!” เผยเยี่ยนเปิดเผยออกมาในยามนั้นทันที เอ่ย อย่างไม่ใส่ใจนัก “ช่องทางการขายของข้าก็มีมากกว่าเจ้า! เจ้านั้น อย่างมากที่สุดก็เพียงใน หังโจวเท่านั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้”
อวี้ถังจึงเหน็บแนมเขา “ได้สิ! เช่นนั้นสกุลพวกเราเปิดร้านค้าที่เมืองหลวงก็พอแล้ว โอกาสที่นั่นย่อมมีมากกว่า แต่จําเป็นต้องใช้เงิน! ร้านค้าในเมืองหลวงแพงอย่างยิ่ง ใครจะไม่ อยากไปทําการค้าในเมืองหลวงบ้างกัน!”
เผยเยี่ยนหันกลับมามองอวี้ถังคล้ายกับมอง ‘คนโง่’ เอ่ยว่า “นายท่านอู๋เขาก็มีเงินไม่ น้อย ไฉนจึงไม่คิดไปเปิดกิจการที่เมืองหลวงล่ะ?”
2492
นั่นเพราะว่าการเปิดกิจการที่เมืองหลวงจําเป็นต้องมีผู้หนุนหลัง
อวี้ถังหงุดหงิดจนโมโห เอ่ยว่า “เจ้านี่เป็นคนอย่างไรกัน? พูดอะไรไปเจ้าก็ย้อนข้า กลับมาหมด เจ้าจะพูดประโยคดีๆ ไม่ได้เชียวรึ? เจ้าเป็นเช่นนี้ ภายหลังใครจะคุยกับเจ้ากัน!”
จะไม่มีคนพูดคุยกับเขาได้อย่างไร? ทุกคนล้วนอยากฟังคําพูดจากปากของเขากัน ทั้งนั้น
เพียงแต่เผยเยี่ยนเห็นท่าทีคล้ายกับโกรธเคืองจริงๆ ของอวี้ถัง จึงไม่ได้พูดต่อ กลับเอ่ย อย่างอ้อมค้อม ถามอวี้ถังแทน “อีกเดี๋ยวเจ้าอยากกินอะไร? ข้าจะให้ทางครัวทําให้เจ้า”
ตอนบ่ายอวี้ถังกินข้าวที่นี่ เขาอยากรั้งนางให้กินข้าวเย็นต่อ
อวี้ถังเอ่ยอย่างลําบากใจอยู่บ้าง “ข้า ข้าไม่กินข้าวเย็นที่นี่แล้ว ท่านพี่กล่าวว่า ยามที่ข้า กลับไปให้แวะไปร้านค้าก่อน พวกเขาอยากจะร่างแบบที่เจ้าวาดเมื่อวานออกมา”
นางคิดว่าเผยเยี่ยนไม่เพียงช่วยเหลือสกุลนาง ยังต้อนรับด้วยอาหารการกินอย่างดิบดี นางกินจนอิ่มแล้วก็ไปเช่นนี้ รู้สึกผิดต่อเผยเยี่ยนอยู่บ้าง
เผยเยี่ยนกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ยังคงกังวลอยู่บ้างว่ารั้งอวี้ถังไว้เช่นนี้อาจจะถูก คนซุบซิบนินทา จึงไม่คิดฝืนรั้งอะไร ทําได้เพียงกําชับนางยามที่จากไป “พรุ่งนี้เจ้าก็เข้ามาเร็ว หน่อย ใช้โอกาสที่ข้าว่างสองวันนี้ ข้าจะวาดแบบเพิ่มให้สกุลพวกเจ้า”
อวี้ถังไหนเลยจะปฏิเสธ
ยามเย็นเผยเยี่ยนก็ไปกินข้าวเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่า ทั้งยังพูดเรื่องการวางแผนของ เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง
เดิมทียามนี้ท่านแม่เฒ่าก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว เผยเยี่ยนจะจัดการอย่างไรล้วนดี ทั้งนั้น เพียงแต่ยามที่ส่งเผยเยี่ยนออกไป นางก็ถามเฉินต้าเหนียงทันที “วันนี้คุณหนูอวี้เข้าจวน มาหรือไม่?”
2493
เฉินต้าเหนียงขานรับด้วยรอยยิ้มว่า ‘เจ้าค่ะ’ เอ่ยว่า “ทางนั้น คนที่เข้าเวรล้วนเป็นคนใน เรือนของพวกเรา ไม่อาจมีคนซุบซิบนินทาได้แน่เจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจ เอ่ยว่า “ทั้งสองคนทําอะไรกันบ้าง?”
“นายท่านสามเหมือนจะสอนคุณหนูอวี้วาดภาพเจ้าค่ะ” เฉินต้าเหนียงเอ่ยอย่างไม่ มั่นใจอยู่บ้าง “ท่านก็รู้นี่เจ้าคะ สิ่งที่นายท่านสามเกลียดที่สุดก็คือมีคนสอดแนมเรื่องในเรือน ของเขา คนของพวกเราจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป”
ท่านแม่เฒ่าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คาดไม่ถึงว่าสยากวงจะมีความ สนใจเช่นนี้ด้วย”
เฉินต้าเหนียงรีบกล่าวประจบอยู่ด้านข้าง “ใครว่าไม่ใช่ล่ะเจ้าคะ เห็นได้ชัดว่านายท่าน สามและคุณหนูอวี้มีวาสนาต่อกันจริงๆ”
ท่านแม่เฒ่าผงกศีรษะ ถามเรื่องทางนายหญิงใหญ่ขึ้นมา “งานแต่งของคุณชายใหญ่ นางเตรียมพร้อมถึงไหนแล้ว? ยังปรึกษากับคนสกุลหยางอยู่อย่างนั้นรึ? ข้าได้ยินว่าสกุลกู้ส่งใบ รายการสินเดิมเข้ามา มีของอะไรบ้างกัน?”
เฉินต้าเหนียงฟังจบก็ลอบถอนหายใจ คิดว่าการเกี่ยวดองระหว่างนายหญิงใหญ่และ สกุลกู้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอยู่บ้าง “ทางนั้นมีสินเดิมหกสิบสี่ชั่ง เงินสามพันตําลึง ที่นาห้าสิบหมู่ ทั้งร้านค้าสองแห่งในหังโจวเจ้าค่ะ”
หากอวี้ถังอยู่ที่นี่ก็จะพบว่า สินเดิมของกู้ซีมีร้านค้าสองแห่งเพิ่มขึ้นมาจากชาติก่อน
แม้จะเป็นเช่นนี้ เฉินต้าเหนียงก็ยังกล่าวอธิบาย “ได้ยินว่าร้านค้าสองแห่งนั้นเป็น ทรัพย์สินส่วนตัวของนายท่านใหญ่สกุลกู้เองเจ้าค่ะ”
ยามนี้กู้ฉ่างมีอนาคตที่สดใส นํ้าใจนี้กู้ฉ่างย่อมต้องเป็นคนคืน
ท่านแม่เฒ่าพยักหน้า ไม่เอ่ยอันใด เฉินต้าเหนียงกังวลทางอวี้ถังอยู่บ้าง เอ่ยอย่างลังเล “ทางคุณหนูอวี้…”
2494
ท่านแม่เฒ่าเอ่ยว่า “ภายหลังนางจะต้องเป็นอาสะใภ้ ย่อมไม่อาจแต่งเข้ามาเช่นนี้ได้ แต่ว่านิสัยของคนสกุลหยางเจ้าก็รู้ดี ยามนี้ยังไม่จําเป็นต้องให้นางรู้เรื่องพวกนี้ รอใบรายการสิน เดิมของสกุลกู้ถูกกําหนดแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เฉินต้าเหนียงเอ่ยว่า “ความหมายของท่านคือ?”
ท่านแม่เฒ่าเอ่ยว่า “ในเจียงหนานสินเดิมของคุณหนูกู้ก็นับว่าไม่แย่ทีเดียว แต่หาก เทียบกับคนอย่างสกุลพวกเรา ก็เพียงคุ้มทุนเท่านั้น หากคุณหนูอินรู้จักวางตัว ย่อมไม่ปล่อยให้ น้องสาวสามีแต่งเข้ามาเช่นนี้ พวกเราเดินไปพลางดูไปพลางเถิด”
ก็หมายความว่า ต้องดูท่าทีที่กู้ฉ่างมีต่อกู้ซี ทั้งความสามารถในการจัดการเรื่องราวของ คุณหนูอินจากเรื่องนี้
เฉินต้าเหนียงขานรับด้วยรอยยิ้ม ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
ด้านอวี้ถังอยู่ในสกุลเผยมาสองวันติด จวบจนก่อนถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง พวกเขานัด กันไปดูการแข่งขันเรือมังกรในวันถัดไป จึงไม่อาจวาดภาพต่อได้
“รอขึ้นเขาแล้ว ข้าจะวาดภาพให้เจ้าอีกจํานวนหนึ่ง” เผยเยี่ยนกินข้าวกลางวันแล้ว ก็ เตรียมจะส่งอวี้ถังกลับไป
อวี้ถังเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง คิดว่าพรุ่งนี้เขาคงมีธุระมากมาย จึงคว้าภาพที่เขา วาดไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ไปอย่างเชื่อฟัง เตรียมจะกลับเรือน
ใครจะรู้ว่าเผยเยี่ยนกลับให้นางรอสักพัก เขาต้องการไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ทําท่าราว กับจะออกไปพร้อมกับนาง
อวี้ถังตกตะลึงอยู่บ้าง
เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างจนใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปดูที่ร้านค้าหรอกรึ? หากแบบที่พวกเขาทํา ออกมาไม่ตรงที่คาดไว้ ข้าก้มหน้าวาดภาพอย่างลําบากลําบนที่นี่จะมีประโยชน์อะไร ยังต้องให้ สกุลพวกเจ้าทําออกมาให้ได้อยู่ดี! วันนี้ข้าจะตามไปดูกับเจ้าด้วย”
2495
รอจนผ่านพ้นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เขายังอยากพาอวี้ถังขึ้นเขา พักผ่อนหลบร้อนด้วยกัน เขาไม่อยากลงเขามาเพราะเรื่องกิจการของสกุลอวี้อีก
อวี้ถังไหนเลยจะรู้ว่าเผยเยี่ยนวางแผนอะไร มองเขาอย่างซาบซึ้งใจ แทบอยากจะรินนํ้า ชายกนํ้าให้เขาด้วยมือตัวเอง
เผยเยี่ยนแค่นเสียงอย่างได้ใจ “เจ้าอย่าโอดโอยว่าปวดมือยามที่พัดให้ข้าก็เพียงพอ แล้ว!”
อวี้ถังใบหน้าขึ้นสี คําที่พูดออกมากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ “นี่เป็นเพราะข้าไม่เคย ทํามาก่อนต่างหาก รอข้ากลับไปฝึกฝนที่เรือนก็พอแล้ว”
ฝึกฝน? ฝึกฝนกับใคร? บิดาหรือมารดา?
หากเป็นทั้งสองคนนั้นเขายังคงรับได้ แต่หากเป็นอวี้หย่วน?
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังอย่างไม่พอใจไปที “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถิด! อากาศร้อนขนาดนี้ เจ้าอย่าทําให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อยจนเป็นไข้แดดแล้วกัน ถึงเวลานั้นให้ข้าตามหมอจากหังโจวมา อีก นั่นก็เป็นเรื่องยุ่งแล้ว!”
อวี้ถังรู้สึกว่าตัวเองอาจจะถูกเผยเยี่ยนยั่วโทสะจนเป็นไข้แดดมากกว่า
นางเดินไปรอเผยเยี่ยนที่หน้าประตูห้องรอเกี้ยวอย่างโมโห ในใจกลับนึกถึงเรื่องเล็กๆ พวกนั้นที่เผยเยี่ยนทําก็ลําพองใจขึ้นมา รู้สึกว่าเขาใจกล้าเป็นพิเศษ น่าสนใจเป็นพิเศษ ทั้ง น่ารักเป็นพิเศษ…ถึงกระทั่งทําให้นางนึกถึงก็อยากหัวเราะออกมาทันที
อวี้ถังอดยิ้มมุมปากไม่ได้
เผยเยี่ยนออกมาไม่เห็นอวี้ถัง ก็ตกใจจนเหงื่อชุ่มทั่วร่าง รู้ว่านางล่วงหน้าไปห้องรอเกี้ยว ก่อน จึงรีบตามมาทันที ผลลัพธ์กลับเห็นอวี้ถังหลบหัวเราะอยู่ด้านข้าง คล้ายกับลูกแมวที่แอบ กินปลา เขาทั้งร้อนใจทั้งโมโห อยากจะตําหนินางเสียหน่อย แต่ก็รู้สึกว่าท่าทีเช่นนี้ของนาง น่าสนใจ หากถูกเขาตําหนิจนตกใจก็คงไม่ดีเท่าใด
ความลังเลเพียงชั่วครู่นี้ อวี้ถังจึงมองเห็นเผยเยี่ยน นางส่งยิ้มอย่างสดใสให้กับเผยเยี่ยน ใบหน้าที่งดงามนั้นเปล่งประกายยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ในฤดูร้อนเสียอีก เผยเยี่ยนรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้น เขาวางมือไว้ที่อกตัวเอง ครุ่นคิดว่า “ช่างเถิด ผู้ใหญ่ย่อมไม่ถือสาผู้น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้น้อยและหญิงสาวต่างก็สั่งสอนยากทั้งนั้น” ทั้งสองคนไปร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้ด้วยกัน เพราะใกล้จะเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว ทั้งพรุ่งนี้ยังมีการแข่งเรือมังกร บนถนนจึงเนือง แน่นไปด้วยผู้คน หลักๆ ยังคงเป็นการซื้อของกิน ร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้ดูเหมือนจะมีคน มาก แต่คนที่ซื้อกลับมีน้อย
พอเผยเยี่ยนเข้าไปก็ดึงดูดสายตาจากผู้คนได้ทันที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สาวเท้าอย่างว่องไวไปเรือนเล็กด้านหลัง อวี้หย่วนรีบออกมาต้อนรับ เผยเยี่ยนมองอวี้ถังที่สวมหมวกเหวยเม่าเดินตามด้านหลังเขาไปที กล่าวอย่างเคร่งขรึม ว่า “เข้าห้องแล้วค่อยว่ากันเถิด” อวี้หย่วนเห็นสีหน้าเขาไม่ดีอยู่บ้าง ในใจก็วูบไหว รีบพาทั้งสองคนไปห้องเซียงฝางที่ใช้ รับรองแขกด้านหลัง อวี้ถังถอดหมวกออก ก่อนจะถอนหายใจ อากาศร้อนเกินไปจริงๆ
อาจารย์ที่รับมาจากเจียงซีพาคนทั้งครอบครัวเข้ามาหมด ลูกสาวทั้งสองคนก็ทําหน้าที่ ของสาวใช้ รีบยกชาเข้ามาให้พวกเขา
สีหน้าของเผยเยี่ยนก็ไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด ถามอวี้หย่วนว่า “ปกติคุณหนูอวี้ก็เข้ามาเช่นนี้ รึ?”
อวี้หย่วนไม่อาจเข้าใจความหมายของเขาในช่วงเวลาสั้นๆ
ยังคงเป็นลูกสาวของอาจารย์ผู้นั้นที่มีไหวพริบ ละลํ่าละลักเอ่ยว่า “ปกติยามที่คุณหนู ใหญ่เข้ามาจะมาทางประตูหลังเจ้าค่ะ ทางนั้นไม่มีคน อีกเดี๋ยวคุณชายก็สามารถออกไปทาง ประตูหลังพร้อมกับคุณหนูใหญ่ได้ วันนี้คนบนถนนมีเยอะอยู่บ้างเจ้าค่ะ”
เผยเยี่ยนมองเด็กสาวผู้นั้นด้วยแววตาชื่นชมไปที ยังถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?”