ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 314 ไหว้บ๊ะจ่าง
คนอย่างลูกสาวอาจารย์ร้านค้าของสกุลอวี้ โดยปกติล้วนจะแต่งงานกับสกุลที่มี ความสามารถด้านงานฝีมือเช่นกัน จากนั้นก็จะต่อยอดในวงการนี้ต่อ คนที่สามารถกระโดด ออกจากวงการนี้นับว่ามีน้อยอย่างยิ่ง
เด็กสาวได้ยินเผยเยี่ยนถามนาง ชั่วขณะนั้นก็ดีใจอย่างมาก
หากสามารถได้รับความโปรดปรานจากคนของสกุลเผย แม้ว่าภายหลังจะได้แต่งกับ ช่างฝีมือ ก็สามารถหาวิธีรับใช้สกุลเผยได้อยู่ดี ไม่ก็ยืมเส้นสายจากสกุลเผยเปิดร้านตัวเองได้ อย่างน้อยที่สุด ย่อมสามารถมีหน้ามีตาในร้านค้า ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมาไม่น้อย
“ข้าน้อยชื่อหลันฮวาเจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบ ดึงพี่สาวที่ยืนแข็งทื่ออยู่ด้านข้างเล็กน้อย เอ่ยว่า “นี่คือพี่สาวของข้า ชื่อเหมยฮวาเจ้าค่ะ”
เผยเยี่ยนผงกศีรษะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เรียกอาจารย์ร่างแบบของสกุลอวี้เข้ามาถาม เกี่ยวกับเรื่องนี้
อาจารย์ร่างแบบอายุสามสิบกว่าปี สกุลอวี้รับมาจากเจียงซี รูปร่างเตี้ยลํ่า ดูขี้ขลาดตา ขาว ทว่ายามที่พูดถึงเรื่องร่างแบบ แววตากลับเปี่ยมด้วยพลัง มีความมั่นใจอย่างยิ่ง มองออก ได้ว่า เขามีความมั่นใจต่อฝีมือของตัวเองไม่น้อย “พวกเราร่างแบบตามภาพวาดที่ลูกเถ้าแก่เอา มา แต่งานฝีมือเครื่องลงรักแกะสลักสีแดงและเครื่องลงรักประเภทอื่นๆ มีความแตกต่างกัน หยินคือหยาง หยางคือหยิน ต้องแกะสลักไปทีละชั้น”
ก็หมายความว่า การร่างแบบไม่สําคัญ สิ่งที่สําคัญคือฝีมือของอาจารย์
เผยเยี่ยนถามเขา “เช่นนั้นเจ้าคิดว่ากล่องไม้หนึ่งพันกล่อง เจ้าต้องใช้เวลาทําเท่าใด?”
อาจารย์ตอบอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง “หากข้าทําคนเดียว ต้องใช้เวลาประมาณสี่ห้า เดือน แต่รอผ่านฤดูร้อนไป อากาศเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นขึ้นมา สีคงไม่แห้งไวเหมือนตอนนี้แล้ว
2499
เกรงว่าสี่ห้าเดือนน่าจะคํานวณเหมาะสมแล้ว ข้าพาลูกศิษย์มาช่วย น่าจะประหยัดเวลาได้อีก หนึ่งเดือน”
เผยเยี่ยนอยากไปดูเขาทําเครื่องลงรักสักชิ้นหนึ่ง อาจารย์สองจิตสองใจอยู่บ้าง เผยเยี่ยนแค่นหัวเราะ “ลูกเถ้าแก่ของพวกเจ้ายังไม่กลัว เจ้าจะกลัวอะไร?”
อาจารย์คนนั้นก็นับว่าหัวไว เร่งเอ่ยว่า “มีบางคนไม่ถูกกับสีขอรับ ได้กลิ่นแล้วใบหน้า ล้วนบวมปูดขึ้นมา ข้ากลัวว่าหากท่านเกิดไม่สบายตรงไหน เช่นนั้นข้าคงต้องพลอยผิดไปด้วย” เผยเยี่ยนยืนขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเย็น “เจ้ามานําทางอยู่ด้านหน้า” อาจารย์คนนั้นไม่กล้าพูดมากอีก รีบเดินมาอยู่ด้านหน้า เผยเยี่ยนกลับคว้าอวี้ถังที่กําลังจะเดินตามหลังเขาไว้ “เจ้าอยู่ที่นี่ ช่วยแกะเม็ดบัวให้ข้า แล้วเอาไปแช่เย็น รอข้ากลับมาจะได้กินอย่างอร่อยๆ” อวี้ถังดวงตาใสแจ๋ว ชอบที่เขาปากไม่ตรงกับใจอย่างยิ่ง ระหว่างคิ้วล้วนแฝงรอยยิ้ม “ตั้งแต่เด็กข้าก็เติบโตในร้านค้าเครื่องลงรัก หากข้าแพ้สี ก็คงไม่มาตั้งนานแล้ว เจ้าวางใจเถิด เจ้าต้องระวังมากกว่า หากไม่สบายตรงไหน อย่าได้อวดเก่งไปเชียว” เผยเยี่ยนผงกศีรษะ ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะให้อวี้หย่วนหาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้อวี้ถัง ปิดจมูก “กลิ่นนั้นแรงฉุนจริงๆ เจ้าก็อย่าประมาทไป” อวี้ถังรู้ว่าเผยเยี่ยนปรารถนาดี จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกอย่างเชื่อฟัง ยามนี้จึงค่อยเดิน ไปโรงงานด้านหลังกับเผยเยี่ยน อวี้หย่วนเห็นท่าทีของเผยเยี่ยนและอวี้ถัง ก็ยิ้มจนตากลายเป็นขีดเดียว อาจารย์แสดงขั้นตอนการทําเครื่องลงรักให้เผยเยี่ยนดูเล็กน้อย
2500
เผยเยี่ยนไม่ได้เอ่ยอันใด ออกจากโรงงานไปพร้อมกับอวี้ถัง ก่อนจะส่งอวี้ถังกลับเรือน “เรื่องนี้ข้าจะครุ่นคิดอย่างละเอียด รอไตร่ตรองดีแล้วจะบอกพวกเจ้าอีกที พรุ่งนี้ทางศาลาเสาซี มีการแข่งเรือมังกร ทุกคนรีบไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้จะได้เที่ยวเล่นอย่างกระปรี้กระเปร่า”
เดิมทีอวี้หย่วนเพียงอยากให้อวี้ถังช่วยเขาออกความเห็น ทั้งคาดไม่ถึงว่าอวี้ถังจะมาถึง ในโรงงาน ได้ยินเผยเยี่ยนพูดเช่นนี้ ย่อมขานว่าดีอย่างไม่ขาดปาก เร่งให้อวี้ถังรีบกลับไปเร็วๆ
อวี้ถังเชื่อใจเผยเยี่ยนอย่างยิ่ง ในเมื่อเผยเยี่ยนกล่าวว่ายังไม่มีความคิดดีๆ อะไรในช่วง นี้ นางก็จะทิ้งเรื่องนี้ไว้ด้านหลังก่อน คิดว่าอาศัยจากความฉลาดของเผยเยี่ยน เขาย่อมสามารถ คิดวิธีดีๆ ออกมาได้ จึงไม่คิดดึงดันอะไร ออกประตูหลังร้านไปกับเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนปรึกษากับนาง “ข้าว่าเด็กสาวสองคนที่มารินชาให้พวกเราในวันนี้ดีไม่น้อย หากพวกนางยินดี เจ้าสามารถรับพวกนางมาไว้ข้างกายได้ ย่อมดีกว่าซื้อกลับมาจากด้านนอก …บิดาและพี่ชายของพวกนางล้วนทํางานในสกุลพวกเจ้า หากพวกนางติดตามรับใช้ข้างกาย เจ้า คาดว่าสกุลพวกนางคงจะไม่กลับเจียงซีแล้ว”
ยามที่เผยเยี่ยนถามชื่อของเด็กสาวสองคนนั้น อวี้ถังก็คาดเดาถึงเรื่องนี้ได้แล้ว ยามนี้ เผยเยี่ยนเอ่ยปากออกมา นางย่อมมีความมั่นใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ากลับไปจะถามดู”
เผยเยี่ยนขานว่า ‘อืม’ อย่างพอใจ ก่อนจะไปส่งอวี้ถังกลับตรอกชิงจู๋
เพียงแต่ยามที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าปากทาง ก็พบว่าด้านหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งมี ผู้คนจํานวนมากรุมล้อมอยู่
ซวงเถาอดมองไปหลายทีไม่ได้ เอ่ยกับอวี้ถังว่า “คุณหนู มีคนต่างถิ่นที่บากหน้ามาพึ่ง ญาติพี่น้องถูกโรงเตี๊ยมไล่ออกมาเจ้าค่ะ”
โรงเตี๊ยมของหลินอัน ส่วนมากล้วนเป็นของสกุลเผย เผยเยี่ยนได้ฟังก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ออกคําสั่งกับอาหมิงว่า “เจ้าเข้าไปดูสิ” อาหมิงวิ่งเข้าไป
2501
อวี้ถังกังวลใจอยู่บ้าง
นางกลัวว่าชื่อเสียงของสกุลเผยจะเสื่อมเสีย
“ไม่อย่างนั้น พวกเรารอที่นี่สักพัก” อวี้ถังเอ่ย “ข้าก็ไม่ได้รีบจะกลับเวลานี้เสียหน่อย”
หากมีเผยเยี่ยนออกหน้าปลอบขวัญด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใคร เรื่องนี้ ล้วนจัดการได้อย่างรวดเร็วทั้งนั้น
เผยเยี่ยนลังเลอยู่บ้าง อวี้ถังกลับเอ่ยอย่างเฉียบขาด “เดิมทีก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ไม่ อาจเสียการใหญ่เพราะเรื่องแค่นี้เชียว อย่างไรเจ้าไปดูเสียหน่อยดีกว่ากระมัง? ข้าจะรอเจ้าอยู่ ที่นี่”
เขาเพียงแค่อยากอยู่กับอวี้ถังให้นานหน่อยเท่านั้น ได้ยินก็ขบคิดชั่วครู่ ก่อนจะให้คน เฝ้าที่หน้าเกี้ยวอวี้ถัง ส่วนตัวเองไปดูที่โรงเตี๊ยม
อวี้ถังทําหูตั้งรอฟัง
ไม่นาน เสียงทางด้านโรงเตี๊ยมก็หยุดลง รออีกประมาณครึ่งถ้วยชา เผยเยี่ยนก็ ย้อนกลับมา เอ่ยว่า “มาจากซานตงเพื่อบากหน้าไปพึ่งพาญาติที่ฝูเจี้ยน แต่หลงทางมายังหลิน อัน มารดานั้นป่ วยเป็นวัณโรค เถ้าแก่จึงให้พวกเขาไปพักที่สวนด้านนอกเมืองของสกุลเผยสัก ระยะก่อน คนผู้นั้นกลัวว่าจะถูกไล่ออกมา จึงไม่ยอมไป ตะโกนเสียงดังอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยม ขึ้นมา ข้าให้คนพาพวกเขาไปที่สวนแล้ว”
เผยเยี่ยนไม่ใช่คนใจดํา ในเมื่อพาคนไปที่สวนแล้ว ย่อมหาวิธีช่วยเหลือรักษาโรคให้ พวกเขา
อวี้ถังทิ้งเรื่องนี้ไปไว้ด้านหลัง กลับไปถึงเรือนก็เริ่มรื้อหีบข้าวของหาเสื้อผ้า เครื่องประดับ เตรียมจะไปเที่ยวที่ศาลาเสาซีกับเผยเยี่ยนอย่างเงียบๆ ในวันพรุ่งนี้
ดีที่เฉินซื่อไม่ได้ป่ วยออดๆ แอดๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แม้ว่าสองปีนี้จะดีขึ้นมาหน่อย อวี้เหวินก็ไม่ได้ให้นางออกจากเรือนแต่อย่างใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันที่อากาศร้อนอย่างเทศกาล
2502
ไหว้บ๊ะจ่าง ปีนี้อวี้เหวินและนายท่านอู๋วางแผนไว้นานแล้ว ช่วงชิงห้องส่วนตัวของร้านอาหาร ริมนํ้าเสาซี เตรียมจะพาเฉินซื่อออกไปเที่ยว เฉินซื่อก็ตั้งใจเตรียมเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเอง เช่นกัน จึงไม่ได้ให้ความสนใจอวี้ถังนัก รอจนถึงร้านอาหาร ก็พบกับคนของสกุลเว่ย ทุกคน พูดคุยหัวเราะ คึกคักอย่างยิ่ง ด้านอวี้ถังยามที่แอบหนีไป มีเพียงเว่ยเสี่ยวชวนที่พบ จึงตามไป ด้วย
“เจ้าตามข้ามาทําไม?” อวี้ถังเขย่งเท้า พบว่าเผยเยี่ยนที่อยู่ตรงจุดชมทิวทัศน์หายไปไม่ เห็นเงาแล้ว กลัวว่าเขาจะตากแดดรอตัวเอง ถามเว่ยเสี่ยวชวนอย่างร้อนใจอยู่บ้าง “ข้านัดคน ออกไปเที่ยวเล่น เจ้าอย่าได้เปิดโปงข้าเชียว”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” เว่ยเสี่ยวชวนกลอกตาไปมา พาให้คนที่เห็นไม่อยากจะเชื่อแต่ อย่างใด “ข้าก็อยากไปเที่ยวเช่นกัน พี่สาวพาข้าไปด้วยเถิด!”
อวี้ถังหลักแหลมกว่าเขา ตะโกนเรียกคุณหนูญาติของสกุลอู๋ที่อายุยังไม่เต็มสิบขวบเข้า มา ควักเงินค่าขนมให้พวกนางกําหนึ่ง เอ่ยกําชับพวกนางด้วยรอยยิ้มว่า “อีกเดี๋ยวหากพวกเจ้า อยากซื้อขนม ก็ให้พี่ชายผู้นี้ช่วยเหลือพวกเจ้าแล้วกัน”
ก่อนจะมีคุณหนูญาติของสกุลอู๋คนหนึ่งกอดขาของเว่ยเสี่ยวชวนไว้ทันที ร้องว่า อยากจะกินเมล็ดแตงโม
เว่ยเสี่ยวชวนโมโหจนหน้าแดงกํ่า เอ่ยว่า “ในห้องอาหารไม่มีเมล็ดแตงโมหรืออย่างไร? ไฉนยังต้องไปซื้อด้านนอก?”
เด็กสาวตอบอย่างมั่นใจ “เมล็ดแตงโมในห้องอาหารเหมือนกับของในเรือน ด้านนอกมี เมล็ดแตงโมที่เคลือบนํ้าตาล พวกเราอยากกินเมล็ดแตงโมที่เคลือบนํ้าตาล” ยังขู่เว่ยเสี่ยวชวน ว่า “หากพี่ชายไม่ซื้อให้พวกเรา พวกเราจะไปบอกนายหญิงเว่ยเดี๋ยวนี้ กล่าวว่าเจ้าไม่สนใจพวก เรา”
เว่ยเสี่ยวชวนกระทืบเท้า จะหาอวี้ถัง ทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว ทอดมองออกไป มีแต่ หัวคนเต็มไปหมด
2503
เขาจิ้มหน้าผากของเด็กสาว เอ่ยว่า “หากพี่อวี้เกิดเรื่องอะไร ข้าดูสิว่าพวกเจ้าจะทํา อย่างไร?”
เด็กสาวใบหน้ากลมเกลี้ยง ผิวขาวราวหิมะ คล้ายกับเด็กน้อยที่อยู่ในภาพวาดยามขึ้นปี ใหม่ นางแค่นเสียง ‘หึ’ ออกมา กล่าวว่า “ย่อมไม่เป็นอันใด! ข้างกายพี่อวี้มีซานมู่และซวงเถา จะหลงทางได้อย่างไร!”
เว่ยเสี่ยวชวนทําได้เพียงยืดคอชะเง้อดู คาดเดาว่าอวี้ถังไปพบใคร
ใช้เวลากว่าค่อนวันอวี้ถังกว่าจะเบียดออกมาจากฝูงชน มาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่นัดกับ เผยเยี่ยน
ชิงหยวนรออยู่ที่นั่นแล้ว
เห็นอวี้ถัง นางก็โล่งใจ รีบเข้ามาต้อนรับ เชิญนางขึ้นไปบนรถล่อ ยังเอ่ยว่า “นายท่าน สามกล่าวว่า คนเยอะปากมาก ทั้งกลัวว่าคุณหนูจะพบเจอพวกอันธพาล นั่งในรถจะปลอดภัย กว่าบ้าง”
ประเด็นหลักคือคนที่พบเห็นจะได้มีน้อยลง
อวี้ถังไม่มีอะไรจะโต้แย้ง ขึ้นรถไป
เพียงแต่นางเบียดเสียดออกมาจากผู้คน บนร่างจึงเต็มไปด้วยเหงื่อ ชิงหยวนคอยเช็ด ทําความสะอาดให้ ทั้งเปิดหน้าต่างรถเอาลมเย็นเข้ามา ยามที่ช้อนสายตาขึ้นกลับมองเห็นรถ ล่อคันหนึ่งคลาดจากพวกนางไป
อวี้ถึงใจเต้นกระหนํ่าขึ้นมา รู้สึกหายใจไม่คล่องอยู่บ้าง
นางคว้ามือของชิงหยวน เอ่ยอย่างร้อนใจ “เจ้ารีบส่งคนไปดู รถล่อคันที่คลาดกับพวก เราเมื่อครู่ เหมือนว่าจะเป็นท่านสืออีของสกุลเผิง”
ชิงหยวนทราบว่าเผิงสืออีเป็นคนที่ทําให้อวี้ถังเป็นลมในงานบรรยายธรรมที่วัดเจาหมิง
2504
นางจึงรีบไปรายงานเผยเยี่ยน ในใจของเผยเยี่ยนกลับรู้สึกว่าเผิงสืออีอาจจะทําร้ายอวี้ถังได้ เขารีบขี่ม้าตามมาด้วยสีหน้าตึงเครียด
ยังดีที่ทุกคนล้วนไปดูการแข่งเรือมังกร เผยเยี่ยนขี่ม้าได้รวดเร็วไร้สิ่งกีดขวางมาตลอด ทาง แค่เพียงเวลาหนึ่งถ้วยชาก็พบกับอวี้ถังแล้ว
“เจ้าเห็นชัดเจนหรือไม่?” ไม่ทันจะเผยความดีใจที่ได้พบหน้าก็กังวลขึ้นมาเสียก่อน เผย เยี่ยนถามด้วยสีหน้าจริงจัง “เป็นเผิงสืออีอย่างนั้นรึ?”
“เหมือนจะเป็นเขา!” แต่แค่ผ่านๆ ตา อวี้ถังก็ไม่กล้ามั่นใจ นางเอ่ยว่า “คดีของสกุลหลี่ ยังไม่สิ้นสุดอย่างนั้นรึ?”
หากเป็นเขาจริงๆ เช่นนั้นเขามาทําอะไรกัน?
เผยเยี่ยนกลับไม่คิดมากมายขนาดนั้น กําชับเด็กรับใช้ข้างกายให้ตามไปทันที ก่อนจะ เอ่ยกับอวี้ถัง “เรื่องนี้เจ้าอย่าสนใจเลย ข้าจะหาวิธีทําให้กระจ่างเอง” ชั่วพริบตานั้นก็รู้สึกว่าอวี้ ถังอันตรายเกินไปจริงๆ
หากเผิงสืออีพุ่งเป้ามาที่อวี้ถังเหมือนที่นางฝันล่ะ?
เผยเยี่ยนเอ่ยทันที “อาถัง วันอื่นข้าค่อยพาเจ้าไปศาลาเสาซีอีกที ยามนี้เจ้าไปหาแม่ข้า ก่อน ข้างกายนางมีคนมาก ทั้งมีแม่ข้าคอยคุ้มครอง เจ้าย่อมไม่เกิดเรื่องอะไร ส่วนข้าจะไปพบ เผิงสืออีเดี๋ยวนี้”
อวี้ถังรู้เรื่องของตัวเองดี นางคิดว่าชาตินี้ตัวเองย่อมไม่มีอันตรายอะไรแล้ว ในใจกลับ ไม่ได้กระวนกระวายขนาดนั้น แต่เห็นเผยเยี่ยนจะไปหาเผิงสืออี นึกถึงพวกเจ้าเจิ้นล้วนไม่อยู่ หลินอัน ในใจนางก็ลนลานขึ้นมา ดึงแขนเสื้อเผยเยี่ยนไม่ให้เขาไป “พวกเราใช้ความสงบแทน การเคลื่อนไหวเถิด เขาไม่มาหาพวกเรา พวกเราก็อย่าได้ไปหาพวกเขาเลย