ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 315 ซ้อนทับ
เผยเยี่ยนไม่ใช่คนที่จะนั่งให้คนรุมตีอยู่เฉยๆ
เขาไม่เป็นฝ่ายไปทําคนอื่นก่อนก็ดีมากแล้ว
เผยเยี่ยนได้ฟังก็เลิกคิ้วขึ้นมาทันที อยากพูดว่าประมาณว่า ‘ข้ากําลังกลัดกลุ้มที่ไม่ได้ หาข้ออ้างสร้างเรื่องให้เผิงสืออีต่างหาก ยามนี้ในเมื่อเขามาหาถึงหน้าประตู ไฉนข้าต้องทําเป็น ไม่เห็นไปได้’ หันศีรษะไปกลับพบว่าใบหน้าอวี้ถังซีดขาวอยู่บ้าง
เขาอดลังเลไปพักใหญ่ไม่ได้
โอกาสจัดการเผิงสืออียังมีมาก แต่หากดันทุรังในยามนี้ ทําให้อวี้ถังเป็นกังวล…ก็ได้ไม่ คุ้มเสียอยู่บ้าง!
เผยเยี่ยนเปลี่ยนความคิดทันที
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็จะปล่อยเขาไปครั้งหนึ่ง แต่หากเขาไม่มี ตามาหาเรื่องเจ้า เจ้าไม่อาจใจอ่อนเช่นนี้ได้อีก”
อวี้ถังผงกศีรษะระรัว รู้สึกว่าบุญคุณความแค้นของชาติก่อนไม่เหมือนกับชาตินี้ ทั้ง บิดามารดาพี่ชายนางล้วนยังอยู่ แม้เผิงสืออีคิดจะทําร้ายนาง ก็ไม่ได้ง่ายเหมือนชาติก่อนอีก แล้ว
เผยเยี่ยนกลับไม่วางใจให้อวี้ถังห่างจากสายตาเขา ทั้งไม่มีความกระตือรือร้นที่จะไป ศาลาเสาซีอีก เขาปรึกษากับอวี้ถัง “ไม่อย่างนั้น ข้าส่งเจ้าไปอยู่กับท่านแม่เดี๋ยวนี้เลยดีหรือไม่?” ยังเอ่ยว่า “คนที่อยู่รอบกายนางมีมากอยู่บ้าง แต่การมีคนมากก็มีข้อดี ผู้คุ้มกันของจวนสกุลเผย เฝ้าอยู่ที่นั่นเช่นกัน แม้เผิงสืออีคิดจะทําอะไร ก็คงไม่มีโอกาสขนาดนั้นแล้ว”
ทําท่าประหนึ่งอยากจะฝากฝังนางไว้กับใครอย่างนั้นแหละ
อวี้ถังกลัวว่าเขาจะไปพบเผิงสืออี เอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น เจ้าและข้าไปดูการแข่งเรือมังกร เป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าด้วยกัน? ในเมืองหลินอัน คนที่มีหน้ามีตาล้วนไปทักทายทางท่านแม่เฒ่า คนเยอะขนาดนั้น ข้าทําอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง”
ปกติไฉนจึงไม่เคยเห็นนางทําอะไรไม่ถูกแต่อย่างใด? นี่นางกลัวว่าตัวเองจะไปพบ เผิงสืออี กลัวจะได้รับอันตรายอย่างนั้นรึ?
เผยเยี่ยนรับรู้ถึงความปรารถนาดีของอวี้ถัง เอ่ยว่า “ข้าต้องไปสืบว่าเขามาหลินอันได้ อย่างไร สกุลเผิงไม่มีกิจการอะไรที่นี่ ทางราชสํานักก็ยังไม่ได้ถกเรื่องล้มเลิกสํานักการค้าทาง ทะเลของเซวียนโจว ข้าคิดไม่ตกจริงๆ ว่าเขามาที่นี่ทําไม?”
หากเปลี่ยนเป็นนาง นางก็คงไม่สบายใจเช่นกันกระมัง?
อวี้ถังไม่ได้ขัดขวางเผยเยี่ยนอีก กําชับเขาด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนแทน “เช่นนั้นเจ้าต้อง ระวัง เขาเป็นเครื่องปั้นดินเผา ส่วนเจ้าคือหยกงาม ไม่จําเป็นต้องสุงสิงกับคนประเภทนี้”
เผยเยี่ยนผงกศีรษะ รั้งอาหมิงให้อยู่รับใช้อวี้ถัง
อวี้ถังไม่ค่อยเต็มใจนัก เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้า เจ้าอย่าทําให้ข้าเป็นห่วง”
นํ้าเสียงนุ่มนวลนั้น ไพเราะอ่อนหวาน ดังสะท้อนกลับไปกลับมา พูดไม่ถูกว่าเป็นความ ละมุนลึกซึ้งอย่างไร
เผยเยี่ยนได้ฟังจนตะลึงไป คล้อยหลังก็คล้ายดื่มนํ้าผึ้งที่หวานชื่นเข้าไปถ้วยหนึ่ง หวาน จนแผ่ซ่านไปถึงใจ ทั้งไม่เหมือนขนมป๋ ายเสวี่ยถังที่หวานเลี่ยนเช่นนั้น
เขาอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ ตอบกลับเสียงเบาว่า ‘ได้’ ยามนี้จึงโบกมือไปทางชิง หยวน เอ่ยว่า “ข้าจะไปพบท่านแม่เฒ่าเป็นเพื่อนพวกเจ้าก่อน”
ชิงหยวนไม่กล้าประมาท รีบขึ้นรถล่อ สั่งการหญิงรับใช้ที่ติดตามรถขึ้นมาด้วยกัน
คนกลุ่มนี้เดินทางบนถนนใหญ่ที่ผู้คนขวักไขว่ไปมา เพราะเป็นรถล่อของสกุลเผย ทั้งยัง มีเผยเยี่ยนติดตามคุ้มกันอยู่ด้านข้างรถ คนที่อยู่ภายนอกจึงคิดว่าเป็นรถล่อของท่านแม่เฒ่าเผย พากันเป็นฝ่ายหลีกทางให้พวกเขา ไม่นานก็มาถึงจุดชมทิวทัศน์ริมแม่นํ้าเสาซี
ท่านแม่เฒ่าเผยเป็นผู้มีบารมีในเมืองหลินอัน เคยเห็นพิธีเปิดการแข่งขันเรือมังกร มาแล้ว เมื่อดวงอาทิตย์ลอยขึ้นมา ก็ลงมาจากจุดชมทิวทัศน์ ไปพักผ่อนในเพิงพักที่สร้างขึ้นมา ชั่วคราว พวกท่านแม่เฒ่าของสกุลเผยก็นั่งพูดคุยอยู่ด้านข้างท่านแม่เฒ่าเผย คอยหยอกเย้าให้ นางหัวเราะ
ยามที่เฉินต้าเหนียงเข้ามารายงานว่าเผยเยี่ยนเข้ามาส่งอวี้ถัง ท่านแม่เฒ่าเผยก็คาดไม่ ถึงอย่างยิ่ง ฝืนข่มกลั้นจึงไม่ได้เผยท่าทีผิดปกติอะไรออกมา กระซิบถามเฉินต้าเหนียงว่า “เกิด เรื่องอะไรขึ้น?”
“ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ!” เฉินต้าเหนียงตอบกลับท่านแม่เฒ่าเผยเสียงเบา “กล่าวเพียง ว่ามีเรื่องเล็กน้อย ประเดี๋ยวขอให้ท่านพาคุณหนูอวี้กลับจวนด้วย สกุลอวี้ทางนั้นเขาจะไปคุย ด้วยตัวเอง คืนนี้ยังให้คุณหนูอวี้พักกับท่าน กล่าวว่ารอเขากลับมา จะอธิบายให้ท่านฟังเจ้าค่ะ”
สกุลเผยอยู่ในหลินอันนับว่าปิดฟ้าด้วยฝ่ ามือเดียว ท่านแม่เฒ่าเดาว่าเรื่องที่ทั้งสองคน ลอบนัดพบกันอาจจะถูกคนของสกุลอวี้ล่วงรู้ ยังเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ให้เขาไม่ต้องกังวล ข้า ย่อมจะช่วยเขาดูคนเป็นอย่างดี ให้เขารีบกลับมาอธิบายกับข้าก็แล้วกัน”
เฉินต้าเหนียงก็เผยยิ้มเช่นกัน คํานับให้ท่านแม่เฒ่า ก่อนจะเชิญอวี้ถังเข้ามา
ผู้ที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าได้มีเพียงไม่กี่คน แม้อวี้ถังจะไม่ได้คุ้นเคยนัก แต่ก็ เคยพบหน้าอยู่หลายครั้ง ทุกคนคํานับแก่กัน เพราะต้องการปิดปากคนพวกนี้ ท่านแม่เฒ่าจึง เอ่ยกับอวี้ถังว่า “ส่งคนไปเชิญเจ้ามาตั้งหลายครา กว่าเจ้าจะปลีกตัวเข้ามาได้ วันนี้ก็กลับจวน ไปพร้อมกับข้าแล้วกัน ช่วยข้าคัดลอกคัมภีร์เสียหน่อย”
อวี้ถังย่อมไม่อาจปฏิเสธ ขานรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งซวงเถาไปส่งข่าวให้เฉินซื่อ
พวกคุณหนูสกุลเผยกลับรู้สึกดีอย่างยิ่ง พูดกับนางด้วยรอยยิ้มเริงร่า ครึกครื้นขึ้นมาไม่ น้อย
รอจนตะวันคล้อย ยามที่เรือสองกลุ่มสุดท้ายแข่งกันเข้าเส้นชัย อวี้ถังจึงประคองท่าน แม่เฒ่าไปยังจุดชมทิวทัศน์ตามคําขอของนาง
ข้าหลวงที่เพิ่งเข้ารับตําแหน่งนั้นสกุลอู ไม่ได้พาสตรีในเรือนมาด้วย เข้ามาทักทายท่าน แม่เฒ่า รอเผยเยี่ยนเข้ามาก็เริ่มตีกลองเคาะจังหวะ มอบเงินรางวัลให้กลุ่มที่เข้าเส้นชัยก่อน จากนั้นก็ให้โอวาทกับพวกชาวบ้าน ก่อนทุกคนจะค่อยแยกย้ายกันไป
เผยเยี่ยนยังต้องไปกินข้าวกับข้าหลวงอู ด้านอวี้ถังถูกท่านแม่เฒ่าพากลับจวน จวบจน นางบอกลาพวกคุณหนูสกุลเผย อาบนํ้าผลัดเปลี่ยนเสื้อพักผ่อนในห้องอุ่นของท่านแม่เฒ่า เผย เยี่ยนก็ยังไม่กลับมา
นางพลิกตัวไปมาไม่อาจข่มตาลงได้
เช้าตรู่วันต่อมาก็ฝืนทําตัวกระปรี้กระเปร่าไปน้อมทักทายท่านแม่เฒ่า กลับพบเผย เยี่ยนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่ยามใด กําลังดื่มชาเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าอยู่
เห็นอวี้ถัง เผยเยี่ยนก็ระบายยิ้ม ทักทายว่า “มาแล้วรึ” ก่อนจะกําชับสาวใช้ข้างกาย ท่านแม่เฒ่าให้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
อวี้ถังมีคําพูดอยู่เต็มอกกลับไม่อาจพูด กินข้าวกับเผยเยี่ยนและท่านแม่เฒ่าอย่างเงียบ เชียบ เมื่อส่งท่านแม่เฒ่าออกไปสวดมนต์ที่ห้องพระ นางจึงค่อยมีเวลาว่างพูดคุยเรื่องส่วนตัว กับเผยเยี่ยน
“สืบได้หรือยังว่าเผิงสืออีมาทําอะไรที่หลินอัน?” นางถามอย่างร้อนใจ “เจ้าไม่ได้ เผชิญหน้ากับเผิงสืออีหรอกกระมัง? เขามาคนเดียวหรือว่าพาคนมาด้วย?”
ท่าทีราวกับกลัวเขาจะได้รับอันตราย
เผยเยี่ยนลอบผงกศีรษะอย่างพอใจ ใบหน้ากลับไม่แสดงออกอะไร เอ่ยว่า “ข้าไปถาม เขาตามตรง เขาบอกข้าว่า มีสหายไหว้วานเขาให้ช่วยส่งจดหมาย ข้าก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขา มากมาย เขาน่าจะรู้ท่าทีของข้า ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบัง ไปหาครอบครัวสกุลเกาในตําบลป่ าน เฉียว นั่งไม่ถึงเวลาหนึ่งถ้วยชาก็ไปแล้ว หลังจากเกิดเรื่องข้าไปสืบความ ครอบครัวสกุลเกานั้น เลี้ยงบุตรบุญธรรมคนหนึ่งอยู่ด้านนอก เป็นเด็กรับใช้ในร้านค้าของคนอื่น คาดว่าจะหลักแหลม ไม่น้อย ต้นปีนี้ก็ได้เลื่อนตําแหน่งเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ส่งจดหมายมา ให้คนในเรือนไปเที่ยวเล่นที่ หนานชัง…”
ตําบลป่ านเฉียว สกุลเกา!
คงจะเป็นสกุลพี่สะใภ้นางในชาติก่อนกระมัง อวี้ถังนึกถึงเรื่องพวกนั้นที่เกิดขึ้นในชาติก่อน ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เผยเยี่ยนยังคิดว่านางกังวลเรื่องเผิงสืออี เอ่ยว่า “เขาไปจากหลินอันแล้ว…” เพียงแต่พูดยังไม่ทันจบ อาหมิงก็เข้ามา เอ่ยข้างหูเขาไม่กี่ประโยค ใบหน้าเผยเยี่ยนเปลี่ยนสีทันที อวี้ถังหัวใจบีบรัด เร่งเอ่ยว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังแวบหนึ่ง เงียบไปสักพัก เอ่ยว่า “เผิงสืออีไปหาพี่น้องสกุลชวีที่เคย ช่วยเจ้าทําเรื่องเมื่อตอนนั้น!”
อวี้ถังขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้พี่น้องสกุลชวีตั้งใจจะฝากตัวกับคุณหนูสวี แต่หลังจากถูกคุณหนูสวีปฏิเสธ อ้อมๆ นางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก เผิงสืออีไปหาพวกเขาเพราะอะไรกัน? อยากจะวางตะปูชิ้นหนึ่งไว้ในหลินอันอย่างนั้นรึ? เขารู้ทั้งรู้ว่าเผยเยี่ยนจับจ้องเขาอยู่ เขาคงไม่โง่ขนาดนั้นกระมัง
เผยเยี่ยนมองเรื่องอํานาจและผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างทะลุปรุโปร่งมากกว่าอวี้ถัง เขาก็ ไม่มีเวลาจะหยั่งเชิงท่าทีของคนอย่างพี่น้องสกุลชวี เห็นอวี้ถังไม่สบายใจ จึงเอ่ยว่า “นํ้าย่อม ไหลที่สูงลงที่ตํ่า คนย่อมเดินไปในทางที่เจริญขึ้น เจ้าก็อย่าได้คิดมาก พี่น้องสกุลชวีจะทําอะไร ให้คนเรียกพวกเขาเข้ามาถามก็เพียงพอแล้ว กลับเป็นทางเจ้า ข้าส่งคนไปบอกกับว่าที่พ่อตา แล้ว กล่าวว่าเผิงสืออีมาหลินอัน กลัวว่าเขาจะก่อเรื่องอะไร เจ้าคงไม่กลับไปแล้ว ติดตามท่าน แม่เฒ่าไปเรือนนอกเลย ว่าที่พ่อตารับปากแล้ว อีกเดี๋ยวให้ซวงเถากลับไปจัดเก็บข้าวของให้เจ้า ขึ้นเขาก็เพียงพอแล้ว”
ทางที่ดีที่สุดไม่ต้องเอามา เช่นนี้เขาจะได้มีข้ออ้างตัดชุดและสั่งทําเครื่องประดับใหม่ ให้อวี้ถัง
อวี้ถังแคลงใจเรื่องที่เผิงสืออีไปหาพี่น้องสกุลชวีอยู่บ้าง
หรือเมื่อชาติก่อนพี่น้องสกุลชวีก็ช่วยเผิงสืออีทําเรื่องราว?
เช่นนั้นการกระทําทั้งหมดของนาง ไม่ใช่ว่าเผิงสืออีและหลี่ตวนจะรับรู้หรอกรึ?
อวี้ถังขบคิดไปก็ปวดหัวจึงไม่คิดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว จัดเก็บข้าวของเรียบร้อยก็เตรียมจะ ขึ้นเขากับท่านแม่เฒ่า
เผยเยี่ยนเข้ามาบอกนาง กล่าวว่าเผิงสืออีไปพบพี่น้องสกุลชวีเพราะอยากซื้อตัวพี่น้อง สกุลชวี ให้พี่น้องสกุลชวีทําเรื่องแทนเขา
อวี้ถังกล่าวอย่างกังวล “เช่นนั้น เรื่องนี้จะทําอย่างไรดี?”
“ดึงฟื นที่ไหม้ออกจากก้นหม้อก็เพียงพอแล้ว” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างสบายๆ “ข้าถามพี่ น้องสกุลชวีว่ายินดีช่วยข้าทําเรื่องหรือไม่ พี่น้องสกุลชวีรับปากแล้ว”
รออวี้ถังแต่งเข้ามา เขาก็จะจัดการให้พี่น้องสกุลชวีรับใช้ข้างกายอวี้ถัง เช่นนี้ อวี้ถัง ย่อมจะมีคนให้ใช้งาน
นี่กลับเป็นความคิดที่ดี
อวี้ถังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเผิงสืออีทราบ จะหว่านล้อมพี่น้องสกุลชวีให้ช่วยเขาทําเรื่อง ต่อหรือไม่?”
ในใจของนาง มีเพียงบ่าวที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุ มีชีวิตของคนทั้งครอบครัวเกี่ยวพัน กัน จึงจะทําเรื่องอย่างคิดหน้าคิดหลัง ไม่ทรยศใครง่ายๆ คนดั่งเช่นพี่น้องสกุลชวี เดิมทีก็เห่อ เหิมและทะเยอทะยาน ใช่ว่าจะยอมขายตัวให้สกุลเผยเสมอไป
เผยเยี่ยนหัวเราะเสียงดัง เอ่ยว่า “ติดตามข้า ย่อมดีกว่าติดตามสกุลสวีเป็นไหนๆ กระมัง?”
สกุลสวีอยู่เมืองหลวง พวกเขาจะขายตัวให้สกุลสวี ต้องห่างจากบ้านเกิดเมืองนอน
“ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรับปากจะให้ตําแหน่งผู้ดูแลแก่พวกเขา” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ นัก “ข้าก็นับว่าเป็นผู้ทรงธรรม แบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน พวกเขาจะมีอะไรไม่พอใจอย่างนั้นรึ?”
อวี้ถังครุ่นคิด รู้สึกว่ายังเป็นดั่งที่เผยเยี่ยนพูดจริงๆ เมืองหลินอันไม่รู้ว่ามีข้ารับใช้ของผู้ มีอิทธิพลมากขนาดไหนอยากจะฝากตัวไว้กับสกุลเผย ช่วยเหลือสกุลเผยทําเรื่องราว!
เรื่องนี้นับว่าจบลงแล้วกระมัง?
อวี้ถังโยนเรื่องนี้ไว้ด้านข้าง ขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าและพวกคุณหนูสกุลเผย ผ่านไปไม่กี่วัน ก็มีญาติพี่น้องของสกุลเผยทยอยกันมาเยี่ยมเยียนท่านแม่เฒ่า ถือโอกาสพักใน เรือนนอกสองวันด้วยเช่นกัน
ชั่วขณะนั้นเรือนนอกก็ครึกครื้นขึ้นมาอย่างยิ่ง
เผยเยี่ยนกลับไม่ได้ปล่อยเผิงสืออี
หลังจากเผิงสืออีไปพบคนสกุลเกา คนของสกุลเกาก็ส่งลูกสาวผู้นั้นของตัวเองไปเจียงซี กล่าวว่าติดตามพี่ชายจะแต่งกับสกุลดีๆ ได้ง่ายกว่า นอกจากเผิงสืออีจะติดต่อกับพี่น้องสกุลชวี ยังติดต่อกับลิ่วล้อผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ มีคนติดตามเขาไปฝูเจี้ยน ทั้งมีคนรั้งตัวอยู่เช่นกัน ส่วน ทางเมืองหลวง การชิงตําแหน่งผู้ตรวจการเจียงซีก็ถึงที่สิ้นสุดแล้ว ภายใต้การโหมคลื่นของทุก
คน เถาอันจึงพอเลื่อนตําแหน่งเป็นผู้ตรวจการเจียงซีได้ ส่วนเผิงอวี่ ถูกจางอิงและพวกขุนนาง คนเก่าคนแก่กดหัว ไม่มีความเคลื่อนไหวอันใด คาดว่ายังต้องอยู่ในสํานักตรวจการอีกหลายปี แม้แต่สกุลหลี่ คดีของหลี่อี้ก็มาถึงจุดสิ้นสุดเช่นกัน หลี่อี้ถูกตัดสินโทษเนรเทศให้ไปอยู่ที่ซีเป่ ย แต่สกุลหลี่ยังไม่ยอมแพ้ คิดจะยื่นอุทธรณ์ต่อ จึงไปขอยืมเงินจากสกุลหลิน สกุลหลินตอบรับ เพียงลมปาก กลับยืดเยื้อไม่ส่งเงินมา คาดว่าเรื่องนี้คงไม่สําเร็จ การเนรเทศของหลี่อี้ย่อม กลายเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว