ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 316 รับคน
ช่วงเวลาบนเขาผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ทั้งอยู่ในสายตาเผยเยี่ยนเป็นส่วนใหญ่ จึง ล่วงเลยสู่เทศกาลสารทจีนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ท่านแม่เฒ่าเผยและเฉินต้าเหนียงตระเตรียมเรื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ผู้ดูแลของวิหารซานชิงที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของหลินอัน เดินทางไกลมาเชิญท่านแม่ เฒ่าไปเข้าร่วมพิธี ‘การรักษากายใจบริสุทธิ์ในเทศกาลสารทจีน’ ที่พวกเขาจัดขึ้นด้วยตัวเอง
นอกจากท่านแม่เฒ่าจะตอบรับอย่างเบิกบาน ยังอธิบายให้อวี้ถังฟังอย่างนุ่มนวล “พวกเราสกุลเผยอยู่ในหลินอัน เป็นสกุลที่มีผู้รับราชการอยู่ด้านนอกค่อนข้างมาก ทุกคนจึง เลี่ยงไม่ได้ที่จะมองเราเป็นแบบอย่าง พวกเราย่อมต้องระมัดระวังคําพูดและการกระทํา งาน แสวงบุญในวัดต้องเข้าร่วม พิธีของเต๋าก็ขาดไม่ได้เช่นกัน” ทั้งถามนางว่า “เจ้าเคยไปวิหารซาน ชิงหรือไม่? อาหารเจของพวกเขาอร่อยกว่าวัดเจาหมิงเสียอีก ครั้งนี้มิสู้เจ้าไปเปิดหูเปิดตากับ ข้า”
ช่วงนี้อวี้ถังได้รับคําชี้แนะจากท่านแม่เฒ่ามากมาย ย่อมรับปากอย่างยินดี
เผยเยี่ยนนั้นชอบไปวิหารซานชิงมากกว่าอย่างเห็นชัด นอกจากจะเป่ าหูให้อวี้ถังชิม อาหารเจของวิหารซานชิง ยังหว่านล้อมนางให้พักอยู่ที่วิหารซานชิงหนึ่งคืน “พวกเขายังปลูก ดอกถานฮวาหลายต้น ฤดูนี้เป็นช่วงที่ดอกผลิบานพอดี พวกเราลองเสี่ยงดวงไปดูหน่อยเถิด”
แม้จะพูดเช่นนี้ เขากลับส่งคนไปจัดการที่วิหารซานชิงตั้งนานแล้ว ให้วิหารซานชิง จําต้องหาวิธีให้พวกเขาชมดอกถานฮวาให้ได้
ช่วงนี้ยามที่อวี้ถังมีเวลาว่าง มักไปห้องอุ่นกับเผยเยี่ยนอยู่หลายครั้ง จึงเข้าใจเกี่ยวกับ ดอกไม้หายากขึ้นมาอยู่บ้าง ฟังจบก็ถามเขาด้วยรอยยิ้ม “ดอกฉยงฮวาอย่างนั้นรึ? ดอกสีขาวที่ บานในฉยงโจว?”
เผยเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เหมือนกับดอกฉยงฮวา ถานฮวานั้นพบเห็นได้ยากยิ่งว่า ดอกฉยงฮวา”
เขานํากระดาษซวนจื่อออกมาวาดดอกฉยงฮวาและถานฮวา อธิบายความแตกต่าง ของทั้งสองชนิด
ยามที่ทั้งสองคนกําลังพูดคุยอย่างสนุกสนาน อาหมิงก็วิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามา ตะโกนเรียก ‘นายท่านสาม’ ด้วยใบหน้าเปี่ยมความดีใจ “พวกพี่เจ้ากลับมาแล้วขอรับ”
เจ้าเจิ้นตามเผยชีไปเมืองหลวง ยามนี้กลับมาแล้ว… อวี้ถังลอบดีใจ อย่างน้อยเผยเยี่ยนก็มีคนข้างกายให้ใช้งานแล้ว นางหันไปมองทางเผยเยี่ยน เผยเยี่ยนก็มีท่าทีดีใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รีบให้พวกเขาเข้ามาเถิด!” อาหมิงออกไปอย่างเบิกบาน
อวี้ถังเตรียมจะหลบไป กลับถูกเผยเยี่ยนเหนี่ยวรั้ง เอ่ยว่า “ก็ไม่ใช่คนนอกอะไร เจ้าทํา ความคุ้นเคยเสียเถิด”
นี่หมายความว่าเห็นนางเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมแล้วอย่างนั้นรึ!
อวี้ถังหน้าแดงอยู่บ้าง แต่ยังคงพยายามเปิดใจกว้าง ยืนอยู่ที่นั่นรอพวกเจ้าเจิ้นกับเผย เยี่ยน
ไม่นานนัก เจ้าเจิ้นและเผยชีก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
เห็นอวี้ถังอยู่ที่นี่ ทั้งสองคนต่างก็เผยสีหน้าตกตะลึง แต่ก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว คํานับให้แก่เผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนก็ไม่คิดปิดบังอวี้ถัง เอ่ยไปตรงๆ ว่า “พวกเจ้าลําบากแล้ว หากไม่มีเรื่องอะไร เร่งด่วนก็ไปอาบนํ้าเปลี่ยนชุด พักผ่อนให้พอแล้วค่อยเล่าสถานการณ์ที่เมืองหลวงให้ข้าฟังก็ไม่ สาย”
เจ้าเจิ้นไม่ปริปากอันใด
เผยชีเอ่ยว่า “ท่านผู้เฒ่าจางรั้งตัวเผยอู่และท่านชูอยู่ที่เมืองหลวง ให้พวกเรากลับมา ก่อน” ขณะที่พูด ก็ควักจดหมายสองฉบับจากอกส่งให้เผยเยี่ยน เอ่ยต่อว่า “นี่เป็นจดหมายที่ ท่านผู้เฒ่าจางและท่านชูเขียนให้ท่าน ท่านผู้เฒ่าจางกล่าวว่า ท่านถอดชุดไว้ทุกข์แล้วให้ พยายามไปเมืองหลวงให้เร็วที่สุด โจวจ้วงหยวนรอท่านอยู่ที่เมืองหลวง”
เผยเยี่ยนไม่ได้รีบอ่านจดหมาย กลับเอ่ยว่า “เรื่องของสกุลจางจัดการเป็นอย่างไร บ้าง?”
เผยชีเอ่ยว่า “พวกเราล้วนทําตามโจวจ้วงหยวน เพียงช่วยสกุลจางทํางานพื้นๆ ทั่วไป เรื่องของบัญชีและพิธีการนั้นมีท่านชูคอยช่วยเหลือ”
เผยเยี่ยนผงกศีรษะ เผยชีและเจ้าเจิ้นก็ถอนตัวออกไป ยามนี้เผยเยี่ยนจึงกลับมานั่งเก้าอี้ไท่ซือหลังโต๊ะหนังสือ เริ่มอ่านจดหมาย อวี้ถังรู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใด เผยเยี่ยนกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเรือนแห่งนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องหลบหลีกเจ้าอีกรึ” อวี้ถังได้ฟังเช่นนี้ก็ใบหน้าแดงลามไปถึงหู ในใจกลับรู้สึกหวานซึ้ง นางรินชาให้เผยเยี่ยนด้วยตัวเอง เผยเยี่ยนอ่านจดหมายสองฉบับนั้นคร่าวๆ ก่อนจะบอกจุดที่สําคัญกับอวี้ถัง “เรื่องของ สกุลจางส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางราชสํานัก อาจารย์ต้องจัดเตรียมวางแผนใหม่ คาดว่า อยากให้จื่อจินเข้าสู่วงการขุนนาง จื่อจินเอ้อระเหยจนชิน ย่อมหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง อาจารย์ก็รู้
ว่าฝืนเขาอยู่บ้าง อยากให้ข้าไปช่วยเขา ส่วนทางชูชิง ต้นสายปลายเหตุที่เถาอันได้รับตําแหน่ง ล้วนเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดแล้ว มีบางคนที่ต้องขอบคุณ ทั้งบางคนก็จําเป็นต้องจดจํา นับว่า ส่งมอบคําตอบให้ข้ากระมัง! เขารั้งตัวอยู่ที่นั่น ก็เพราะข้างกายจื่อจินไม่มีคนให้ใช้งาน เขาจึง ช่วยเป็นผู้ให้คําปรึกษาชั่วคราว”
กลับไม่ตอบรับว่าตัวเองจะไปเมืองหลวงหรือไม่ เผยเยี่ยนครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “พี่รองเหมาะสมกว่าข้า” แต่เผยเซวียนกลับไม่ได้รับความไว้ใจจากจางอิงเหมือนเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อข้าควบคุมดูแลสกุลเผย ก็ต้องเห็นสกุล เผยเป็นหลัก”
อวี้ถังถามอย่างกังวล “เช่นนั้นนายท่านรองกลับไปรับตําแหน่ง ไม่มีแรงสนับสนุนจาก ใต้เท้าจางผู้เฒ่า ไม่ใช่ว่าจะเป็นปัญหามากกว่าเดิมหรอกรึ?”
เผยเยี่ยนยิ้มบาง เอ่ยว่า “พี่รองข้าก็มีอาจารย์และเส้นสายของตัวเองเช่นกัน แต่เขาเป็น คนถ่อมตัว มีพี่ชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง ทั้งน้องชายที่ดื้อรั้นอีกคน ปกติจึงชอบโอนอ่อนผ่อนปรน เท่านั้น”
ก็หมายความว่า แม้ไม่มีจางอิง เผยเซวียนก็มีความสามารถในการกลับมารับตําแหน่ง เช่นกัน
อวี้ถังไม่ค่อยเชื่อเท่าใด เอ่ยว่า “หากมีใต้เท้าจางผู้เฒ่าคอยช่วยเหลือ คงง่ายกว่านี้ กระมัง!”
“ก็ไม่แน่เสมอไป!” เผยเยี่ยนเอ่ย “ยามนี้สถานการณ์ในราชสํานักค่อนข้างซับซ้อน บางครั้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแบบศิษย์อาจารย์กับคนอย่างเขาที่เป็นพี่ใหญ่ในราชสํานักก็ใช่ ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป กลับกันคนอย่างอาจารย์ของพี่รอง ทําหน้าที่ควบคุมสํานักศึกษาฮั่น
หลินอย่างสงบเสงี่ยม จะช่วยเหลือพี่รองได้อย่างแท้จริงมากกว่า ใช่ว่าจะมีกําลังน้อยกว่า อาจารย์ข้าเสียทีเดียว”
ขอเพียงท้ายที่สุดสกุลเผยไม่ได้ยืนผิดฝั่งก็เพียงพอแล้ว อวี้ถังทําได้เพียงกําชับเผยเยี่ยนอีกครั้ง “อย่างไรองค์ชายรองก็ครองความได้เปรียบ เรื่องอายุ ทางองค์ชายสาม อย่างไรเข้าไปเกี่ยวข้องให้น้อยหน่อยเถิด” เผยเยี่ยนนึกถึงเรื่องความฝันของอวี้ถัง ทั้งนึกโยงไปเรื่องเผิงสืออีด้วย เขาเอ่ยอย่างฉงนใจ “ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการให้พี่น้องสกุลเกาทําอะไร? เถ้าแก่สกุลเกาผู้ นั้น ลาออกจากร้านเจ้านายไปต้าทง เขาหนุนหลังเถ้าแก่ผู้นี้ทําไมกัน?” ทางต้าทง มีการค้าระหว่างชายแดน นอกจากกิจการเกี่ยวกับม้า ก็มีกิจการพวกเครื่องหนัง แต่ไม่ว่าจะฝูเจี้ยน กว่างตงหรือ กว่างซี ล้วนไม่ใช่พื้นที่หลักในการค้าขายม้าและเครื่องหนัง อวี้ถังเอ่ยอย่างลังเล “สกุลเผิงอยากจะสอดมือกิจการอย่างอื่นกระมัง?” แม้เผยเยี่ยนจะไม่เก็บเรื่องพวกเขามาใส่ใจนัก แต่ก็ไม่ได้ประมาท เอ่ยว่า “ให้คนจับตา ดูช่วงหนึ่งดีหรือไม่? หากเรือเจอสะพานย่อมสามารถลอดเองได้” อวี้ถังพยายามนึกถึงเรื่องชาติที่แล้ว ก็ไม่อาจหาเบาะแสจากชาติก่อนได้แต่อย่างใด เมื่อถึงเทศกาลสารทจีน นางก็กลับไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สกุลก่อน จากนั้นค่อยไป วิหารซานชิงเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่า พวกเขาฟังพวกนักบวชลัทธิเต๋าสวดบทสรรเสริญเทพเจ้าทั้งเช้าและเย็น ก่อนจะพักที่ วิหารซานชิงหนึ่งคืน กลางดึก ชิงหยวนก็มาเข้าปลุกอวี้ถัง นางกับเผยเยี่ยนได้ไปชมดอกถานฮวาที่วิหาร ซานชิงด้วยกัน
ไม่เหมือนกับดอกฉยงฮวาจริงๆ ด้วย
ดอกฉยงฮวามีขนาดพอๆ กับจาน ด้านนอกมีดอกล้อมรอบอยู่วงหนึ่ง ตรงกลางเป็น ดอกเล็กๆ แต่ดอกถานฮวามีเพียงดอกเดียว ขนาดใหญ่ประมาณชาม ขาวพิสุทธิ์ราวกับหยก คล้ายบัวสายอยู่บ้าง
บางทีอาจเป็นเพราะเคยเห็นดอกบัวสายที่เผยเยี่ยนปลูกไว้ อวี้ถังจึงไม่ได้ตื่นตะลึง ขนาดนั้น แต่ก็ยังคิดว่าสวยไม่น้อย
เผยเยี่ยนถามนาง “อยากย้ายสักสองกระถางกลับไปปลูกหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก!” อวี้ถังส่ายศีรษะ นางชอบบัวสายที่เผยเยี่ยนปลูกมากกว่า ดอกอยู่ กลางผิวนํ้า ด้านล่างเลี้ยงปลาทองสองหางที่แสนสดใส ขยับเขยื้อนอย่างคล่องแคล่ว พาให้คน ที่เห็นรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา
“เช่นนั้นปลูกดอกฉยงฮวาสองกระถางล่ะ?” เผยเยี่ยนถามนาง ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่ ออกมาจากสวนดอกไม้ที่ปลูกดอกถานฮวา
ดอกฉยงฮวาดูแลค่อนข้างง่าย อวี้ถังคิดว่ายังพอได้
เผยเยี่ยนปรึกษานางขึ้นมาว่าในปีนี้จะปลูกอะไรในห้องอุ่นดี “ดอกเหมยต้องปลูกให้ มากเสียหน่อย ยังมีส้มและส้มโอมือ ปีใหม่ต้องนํามาเป็นของขวัญ”
คิดล่วงหน้าไปไกลมากจริงๆ
เผยเยี่ยนไม่คิดเช่นนั้น เอ่ยว่า “ปีนี้พวกเราแต่งงานเป็นปีแรก แปดถึงเก้าในสิบในเรือน ย่อมจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก ถึงเวลานั้นแขกเหรื่อคงเต็มเรือน หากจัดการได้ไม่ดีจะทํา อย่างไร?”
ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกัน ก่อนจะเดินเล่นรอบวิหารซานชิงหนึ่งครั้ง จึงค่อยแยกย้าย กลับห้องของตัวเอง
คาดไม่ถึงว่ารุ่งเช้าวัดถัดมา สกุลอวี้จะส่งอาเสาเข้ามารับอวี้ถังกลับไป ยังเอ่ยว่า “มี เรื่องเร่งด่วนขอรับ ขอเวลาสองวันแล้วจะขึ้นเขามาหาท่านแม่เฒ่าต่อ”
ไม่เพียงเผยเยี่ยน กระทั่งท่านแม่เฒ่าก็ตกใจไปด้วย เรียกอาเสามาถามด้วยตัวเอง
อาเสาก็ไม่ทราบเช่นกัน กล่าวเพียงว่าเมื่อเย็นวานจู่ๆ อวี้เหวินก็ออกคําสั่ง ทั้งยังรออวี้ ถังอยู่ในเรือนให้กลับไป
สิ่งที่ท่านแม่เฒ่าคิดได้เป็นอันดับแรกคือสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับสุขภาพของเฉินซื่อ
หากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเฉินซื่อ อวี้ถังต้องไว้ทุกข์อีกสามปี งานแต่งของสองสกุลจะ ทําอย่างไร?
นางเรียกเฉินต้าเหนียงทันที “เจ้ากลับไปเป็นเพื่อนคุณหนูอวี้ มีเรื่องอะไรให้รายงานข้า ทันที อย่าให้สกุลอวี้ตัดสินใจโดยพลการ”
ยามนี้สิ่งที่ท่านแม่เฒ่ากลัวที่สุดคือสกุลอวี้จะเชิญหมอมือดีไม่ได้
เฉินต้าเหนียงเป็นคนสนิทของท่านแม่เฒ่า รู้ว่าท่านแม่เฒ่ากังวลอะไร เอ่ยทันที “ข้าจะ พาเด็กรับใช้อีกไม่กี่คนตามไปด้วยเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
มีเรื่องอะไรก็จะได้เรียกคนมาส่งข่าว
ท่านแม่เฒ่าพยักหน้า เอ่ยว่า “เจ้าพาหูซิ่งไปด้วย เขาคุ้นเคยกับหมอหลวงหยางและ หมอหลวงหวัง”
หังโจวก็มีเพียงหมอหลวงสองคนนี้ที่มีฝีมือ
เฉินต้าเหนียงรับคําสั่ง ให้คนไปเชิญหูซิ่ง ทั้งไปหาทางอวี้ถัง ช่วยอวี้ถังสั่งการสาวใช้ให้ เก็บข้าวของ ยังปลอบใจอวี้ถัง “กลับไปสองวันเท่านั้น หากช่วงเวลาสั้นๆ ไม่อาจขึ้นเขาได้ ข้าจะ ส่งคนมาเก็บของให้ท่านเพิ่มก็เพียงพอแล้ว ไม่จําเป็นต้องพกไปมาก”
นี่จะประหยัดเวลากว่า สามารถเดินทางได้เร็วหน่อย
อวี้ถังก็ร้อนใจอยู่บ้าง ได้ฟังคําแนะนําของเฉินต้าเหนียง จึงพกเพียงของที่ใช้บ่อยๆ กลับไป
ผลปรากฏว่าออกมาหน้าประตูใหญ่ก็พบกับเผยเยี่ยน
เขาลากม้ายืนอยู่ด้านข้างรถล่อ เอ่ยจริงจังว่า “เจ้าอย่าได้ร้อนใจ ข้าจะกลับไปพร้อมกับ เจ้า ที่เรือนข้าก็ให้ผู้คุ้มกันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว อีกเดี๋ยวพวกเราก็ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
อวี้ถังจึงค่อยสงบใจลง ขึ้นรถล่อโดยมีเผยเยี่ยนช่วยประคอง
เฉินต้าเหนียงเห็นก็ถอนหายใจ
งานแต่งครั้งนี้กลัวก็แต่ว่าจะไม่อาจล้มเลิกได้ทั้งนั้น
ทั้งภาวนาในใจขอให้สกุลอวี้อย่าเกิดเรื่องอันใด ไม่อย่างนั้นท่านแม่เฒ่าคงผิดหวัง อย่างยิ่ง
ผลลัพธ์กลับเป็นดั่งที่เผยเยี่ยนคาด ยามที่พวกเขาถึงหน้าประตูเมืองหลินอัน ก็พบกับผู้ คุ้มกันของสกุลเผย ผู้คุ้มกันคนนั้นเอ่ยว่า “นายท่านสาม นายท่านอวี้ไม่ได้พูดว่าเป็นเรื่องอะไร แต่นายท่านอวี้กล่าวว่าเป็นเรื่องดี ให้ท่านและคุณหนูไม่ต้องกังวล ค่อยๆ เดินทาง อย่าได้รีบ ร้อนขอรับ”
ยามนี้ทุกคนจึงค่อยโล่งใจ
อวี้ถังอดบ่นพึมพําในใจไม่ได้ คิดจะให้นางกลับก็กลับ ไม่พูดให้กระจ่าง เมื่อครู่นางตึง เครียดจนมือชื้นเหงื่อไปหมด!
รอพวกเขากลับมาสกุลอวี้จึงทราบว่า ที่แท้เจียงเฉากลับมาแล้ว ทั้งยังขนเครื่องเทศ ทองและอัญมณีมาเต็มเรือ