ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 317 ลูกสาวสุดที่รัก
แต่นี่เกี่ยวอันใดกับนางกัน?
อวี้ถังเบิกตาโตด้วยความตะลึง “ท่านพ่อ ท่านจะพูดให้ชัดเจนไม่ได้เชียวรึ? ส่งคนไป ตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่กําชับอะไรสักอย่าง ก็เรียกตัวข้ากลับมา ทําเอาข้าตกใจยกใหญ่!” ขณะที่นาง พูดก็ตบอกตัวเอง
อวี้เหวินหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะมองเผยเยี่ยนที่ยืนทําหน้านิ่งอยู่ด้านข้างไปที
เมื่อก่อนเผยเยี่ยนยังพอแสร้งเป็นใบ้ต่อหน้าอวี้เหวินได้ ยามนี้กลับไม่อาจทําเช่นนั้น แล้ว เขาทําได้เพียงคํานับให้แก่อวี้เหวิน เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าจะไปนั่งที่ชานเรือน ชิมชาหลัวปี้ชุนที่ เลิศลํ้าของเจ้าก่อนก็แล้วกัน” จากนั้นก็เดินออกจากห้องโถงไป
อวี้เหวินค่อยเป็นตัวเองขึ้นมาบ้าง ตําหนิอวี้ถังทันที กดเสียงเบาว่า “เจ้าโง่รึ! ไฉนจึงพา เผยสยากวงมาด้วย เรือของเจียงเฉานั้นต้องแบ่งของให้สกุลพวกเรา ข้าเตรียมจะมอบเป็นสิน เดิมให้เจ้าทั้งหมด”
ยามนี้อวี้ถังพาเผยเยี่ยนกลับมาด้วย นอกจากจะเปิดเผยทรัพย์สินในเรือนแล้ว เดิมที เขายังวางแผนจะเตรียมเงินขวัญถุงจํานวนหนึ่งให้เป็นเงินส่วนตัวของอวี้ถังด้วย ยามนี้กลับไม่ อาจปิดบังได้แล้ว
อวี้เหวินอดสั่งสอนอวี้ถังไม่ได้ “เจ้าช่างสายตาคับแคบจริงๆ! สกุลเผยย่อมไม่ต้องการ เงินของเจ้า แต่อย่างไรเจ้าก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ไม่อยากให้เผยเยี่ยนรู้อยู่บ้าง เจ้าไม่อาจให้เขารู้ เรื่องเจ้าไปหมดได้เชียว!”
อวี้ถังคิดว่าเสน่ห์ของเผยเยี่ยน นอกจากเรื่องหน้าตา ก็ยังเป็นตัวของเขาเองที่ทําให้นาง เคารพนับถือ หากเพียงเรื่องนี้เผยเยี่ยนล้วนไม่ยอมปล่อย แม้พวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน ก็คง เป็นคู่สามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ห่างเหิน เช่นนั้นยังจะมีความหมายอันใด?
แต่นางไม่อยากจะโต้แย้งเรื่องเช่นนี้กับบิดามารดา
ต่อให้พูดมากเท่าใด ก็มิสู้ทําให้พวกเขาวางใจ
นางจึงหยอกล้อบิดาด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านมีเงินส่วนตัวเท่าใด ท่านแม่ทราบ หรือไม่?”
อวี้เหวินชะงักไป คล้อยหลังก็ยืดอกอย่างภาคภูมิ เอ่ยว่า “ข้ายังจําเป็นต้องซ่อนเงิน ตัวเองหรืออย่างไร? เงินในเรือนทั้งหมดล้วนเป็นของข้าอยู่แล้ว”
อวี้ถังเม้มริมฝีปากหัวเราะใส่บิดา
อวี้เหวินทําเพียงถอนหายใจ เอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าเชื่อใจเผยสยากวงเช่นนี้ เช่นนั้นก็ ตามใจเจ้าเถิด”
ในกระดูกของเขามีความลําพองใจที่ว่า ‘แม้เงินพันตําลึงหมดก็สามารถหาคืนมาได้’ คิดว่าหากสามารถมองเผยเยี่ยนทะลุปรุโปร่งว่าเป็นคนอย่างไรจากเรื่องสินเดิม ก็นับว่าไม่ ขาดทุนเช่นกัน
อวี้ถังกอดแขนบิดาอย่างออดอ้อน “ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงข้า ท่านวางใจเถิด นายท่าน สามไม่ใช่คนเช่นนั้น แม้ท่านจะไม่เชื่อสายตาข้า ก็ควรเชื่อในการเลี้ยงดูคนของสกุลเผย!”
อวี้เหวินจึงไม่เคร่งเครียดเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
อวี้ถังถามเรื่องการเดินเรือครั้งนี้ขึ้นมา “ทางนายท่านเจียง ทุกอย่างราบรื่นดีกระมัง? ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่หรือไม่? ครั้งนี้จะจัดการกับสินค้าที่นํากลับมาอย่างไร? วานให้ร้านขาย ของชําช่วยขาย? ครั้งหน้าออกทะเลพวกท่านจะยังร่วมหุ้นหรือไม่? เรื่องที่นายท่านสามพูดก่อน หน้านี้ท่านได้บอกกับนายท่านเจียงหรือยัง?”
สรุปแล้วยังคงมีคําถามมากมาย
อวี้เหวินไม่คิดปิดบังอวี้ถัง บอกนางว่า “เปรียบเทียบตามสัดส่วนของการลงทุนก่อน หน้านี้ สินค้าบนเรือก็แยกจัดการกันไป ข้าและนายท่านอู๋ปรึกษากันแล้ว ส่วนของพวกเรา ต้องการพวกอัญมณีที่สูงค่าอยู่บ้าง จะมอบให้เจ้าเป็นสินเดิม ส่วนอย่างอื่นก็เปลี่ยนเป็นเงิน
ทั้งหมดล้วนมอบให้นายท่านอู๋จัดการ เช่นนี้แล้ว เรื่องสินเดิมของเจ้าก็จะเสร็จสิ้นไป ยังดีที่มี นายท่านอู๋ช่วยเหลือ ให้นายหญิงอู๋เข้ามาช่วยแม่ของเจ้า ข้ารั้งตัวเจ้าอยู่ที่เรือนก็เพราะอยากให้ เจ้าและแม่เจ้าทํารายการสินเดิมให้เสร็จสมบูรณ์ หากในเมืองหลินอันไม่มีก็ไปซื้อที่หังโจว หังโจวไม่มี ยังมีเซวียนโจว…ทางนายท่านเจียงเฝ้าเรือสินค้าที่หนิงปัว ช่วงนี้ไม่อาจปลีกตัว ข้า และนายท่านอู๋หารือกันแล้ว พวกเราจะไปหนิงปัวสักเที่ยว ถือโอกาสเผยจุดประสงค์ของสยา กวงให้เจียงเฉา ดูว่าเขาคิดอย่างไร”
การจัดการเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว อวี้ถังเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้ารั้งตัวอยู่คงเพียงพอแล้ว” ย่อมไม่อาจปล่อยเรื่องสินเดิมให้มารดานางยุ่งวุ่นวายอยู่คนเดียวได้หรอก
อวี้เหวินทราบจากทางเฉินซื่อว่าท่านแม่เฒ่ากําลังสั่งสอนการดูแลเรือนให้อวี้ถัง ในใจ เขารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง ย่อมให้ความสนับสนุน ฟังจบเขาก็โบกมือ เอ่ยว่า “ในเมื่อท่านแม่เฒ่า ยังไม่ให้เจ้ากลับมา เจ้าก็อย่าเพิ่งกลับเลย จัดการเรื่องทางท่านแม่เฒ่าให้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน เถิด ท่านแม่เฒ่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ ควรทําอย่างไร ไม่ควรทําอะไร ในใจย่อมกระจ่างชัด เจ้าฟังท่านแม่เฒ่าก็เพียงพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเตรียมสินเดิมพวกนี้ เดิมทีก็ไม่ควรให้เจ้ามา กังวลใจ”
ไม่อย่างนั้นจะมีคําพูดที่ว่า คําสั่งของพ่อแม่ คําพูดของแม่สื่อหรอกรึ? อวี้ถังผงกศีรษะเล็กน้อย อวี้เหวินไปเชิญเผยเยี่ยนเข้ามาดื่มชา ทั้งเล่าการวางแผนของตัวเองให้เผยเยี่ยนฟัง เผยเยี่ยนคาดเดาแล้วว่าสกุลอวี้ย่อมพยายามทุกวิถีทางช่วยอวี้ถังจัดการเรื่องสินเดิม กลับคาดไม่ถึงว่าอวี้เหวินจะนําของทั้งหมดในสกุลให้กับอวี้ถัง ชั่วขณะนั้นเขาก็รู้สึกหนักอึ้งที่ ไหล่ เอ่ยกับอวี้เหวินอย่างนับถือ “ท่านเห็นคุณหนูอวี้เป็นดั่งของลํ้าค่าในมือ ข้าย่อมไม่ทําลาย ใจที่ปรารถนาดีต่อลูกสาวสุดที่รักของท่าน ภายหลังหากทางท่านมีเรื่องอะไรก็นับเป็นเรื่องของ
ข้าด้วยเช่นกัน ทายาทของพี่น้องคุณหนูอวี้ก็ดี ทายาทของหลานชายก็ดี ข้าย่อมช่วยเหลือพวก เขาให้รํ่าเรียนเขียนอ่าน ดูแลเส้นทางอนาคตของพวกเขา” อวี้เหวินเห็นเผยเยี่ยนรับรู้ถึงความตั้งใจของตัวเอง ก็ดีใจอย่างยิ่ง ให้เฉินซื่อไปเรียกคน มาจัดโต๊ะงานเลี้ยง จะเชิญเผยเยี่ยนดื่มสุรา เผยเยี่ยนยากจะปฏิเสธ กลับถูกอวี้ถังขวางไว้ “เดือนเก้าถึงจะครบกําหนดไว้ทุกข์ท่านผู้ เฒ่า!” อวี้เหวินตําหนิตัวเองไม่หยุด เปลี่ยนเป็นงานเลี้ยงอาหารเจ ใช้ชาแทนสุรา รั้งตัวเผย เยี่ยนให้กินข้าวกลางวันด้วยกัน ยามนี้เผยเยี่ยนจึงค่อยกลับไป เพียงแต่เขาเพิ่งเข้าจวนก็ถูกท่านแม่เฒ่าเรียกไปหา “กล่าวว่าเป็นเรื่องดี ให้ข้าอย่าได้กังวล” ท่านแม่เฒ่าถาม “เป็นเรื่องดีอะไรกัน” สุดท้ายก็ยังไม่วางใจ เผยเยี่ยนไม่อยากให้อวี้ถังตกเป็นเป้า จึงไล่คนรับใช้ข้างกายของท่านแม่เฒ่าออกไป ยามนี้จึงค่อยบอกความตั้งใจของอวี้เหวินให้ท่านแม่เฒ่าฟัง ท่านแม่เฒ่าตกตะลึง มองเผยเยี่ยนแวบหนึ่งอย่างเงียบเชียบ เอ่ยว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ก็ เป็นคนวาสนาดีคนหนึ่ง แม้สกุลอวี้จะมีชาติกําเนิดธรรมดา กลับไม่ได้ถ่วงแข้งขาของเจ้า ภายหลังเจ้าต้องดีกับอวี้ซื่อให้มากหน่อย ปฏิบัติดีๆ กับคนของสกุลอวี้ด้วย” ยามนั้นสถานการณ์ของท่านแม่เฒ่าคล้ายกับอวี้ถังอยู่บ้าง พี่ชายคนโตของนางด่วนจาก ส่วนอวี้ถังเป็นบุตรสาวคนเดียว ทั้งสองคนล้วนแต่งมาสกุลเผยอย่างไร้ที่พึ่งพิง นําทรัพย์สินส่วนใหญ่ของสกุลเข้ามา ด้วย ทั้งยามที่ท่านผู้เฒ่าเฉียนจากไป ก็เหลือทรัพย์สินเงินทองในมือให้หลานชายเช่นกัน
ท่านแม่เฒ่าเชื่อว่า รอในยามที่อวี้เหวินจากไป หากในมือยังมีทรัพย์สินเงินทอง ย่อม เหลือไว้ให้หลานเช่นกัน
นางกําชับเฉินต้าเหนียง “เจ้าไปนําใบรายการที่ข้าเขียนหลายวันก่อนเข้ามา”
เฉินต้าเหนียงไปนําใบรายการมา
ท่านแม่เฒ่ากลับให้นางออกไป ฝนหมึกด้วยตัวเอง ก่อนจะเพิ่มร้านค้าทางเทียนจินลง ไปในใบรายการกว่าสิบแห่ง ยามนี้จึงค่อยนําให้เผยเยี่ยนดู เอ่ยว่า “เดิมทีวางแผนจะให้เป็น หน้าเป็นตากับอวี้ซื่อ ยามนี้แม้ว่าสกุลของนางจะเตรียมไว้ให้นาง แต่ของบางอย่าง ใช่ว่ามีเงินก็ สามารถซื้อได้ ฝากไว้ที่เจ้าแล้วกัน เจ้าก็หาโอกาสมอบให้อวี้ซื่อ”
เผยเยี่ยนคาดเดาไว้นานแล้วว่าท่านแม่เฒ่าจะทําเพื่อหน้าตาของเขา ทั้งไม่อาจให้อวี้ ถังเข้าสกุลมาตัวเปล่าเช่นนี้ได้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าท่านแม่เฒ่าจะมอบร้านค้ากว่าสิบแห่งใน เทียนจินนั้นให้อวี้ถัง
ควรรู้ว่า นี่เป็นทรัพย์สินของมารดาท่านแม่เฒ่าเอง ทั้งเป็นสินเดิมของยายเผยเยี่ยน ร้านค้าสิบกว่าแห่งนั้นอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเทียนจิน กําไรของทุกปีนั้นมหาศาล อย่างยิ่ง
เผยเยี่ยนอดคุกเข่าลงเบื้องหน้าท่านแม่เฒ่าไม่ได้ ร้องว่า ‘ท่านแม่’ ก่อนเอ่ยว่า “ร้านค้า พวกนี้ท่านเก็บไว้ดีกว่ากระมัง? หากท่านเอ็นดูอวี้ซื่อจริงๆ ทุกปีให้เงินนางไว้ใช้ส่วนตัวเล็กน้อย ก็เพียงพอแล้ว ส่วนนั้นของนาง ข้าจะเป็นคนตระเตรียมให้นางเอง”
ภายหลังเขาและอวี้ถังจะเป็นสามีภรรยากัน แม้ว่าจะมอบเป็นสินเดิมให้อวี้ถัง นั่นก็ เป็นเรื่องที่ปกติ ไม่เหมือนกับท่านแม่เฒ่า ทรัพย์สินในมือควรจะแบ่งให้พวกเขาสามพี่น้องอย่าง เท่าเทียมกัน
ท่านแม่เฒ่าเห็นลูกชายกตัญ�ูรู้คุณ ก็เผยยิ้มอย่างชื่นใจ บอกเป็นนัยให้เผยเยี่ยนรีบ ลุกขึ้น เอ่ยว่า “เรื่องพวกนี้ข้าคิดไว้ดีแล้ว ส่วนเจ้า หากได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าและพ่อของ
เจ้าทําได้เพียงช่วยเหลือเรื่องเงินทองให้เจ้าเท่านั้น ทางพี่สะใภ้ใหญ่เจ้า มองข้ามข้าอยู่เรื่อยมา คาดว่าก็คงไม่สนใจทรัพย์สินของข้าเช่นกัน ข้าย่อมไม่ทําให้นางเกลียดขี้หน้าอีกแล้ว ทาง พี่สะใภ้รองเจ้า ข้าย่อมปฏิบัติอย่างยุติธรรมเช่นกัน เจ้าวางใจก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าอวี้ซื่อแต่งเข้า มา ย่อมมีหลายสายตาคอยจับจ้อง เพื่อทําให้ปัญหาเบาบางลง ของที่ข้ามอบให้เจ้าก็อย่าไป พูดข้างนอกเลย หากเจ้าสงสารข้าจริงๆ ภายหลังก็เคารพกตัญ�ูข้าให้มากหน่อยย่อมเพียงพอ แล้ว” พูดมาถึงตรงนี้ นางถอนหายใจทั้งยิ้มฝืดเฝื่อน “ข้าก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่ายามชราจะได้ใช้ ชีวิตกับลูกชายคนเล็ก”
ตามหลักแล้ว นางควรติดตามลูกชายคนโต
เผยเยี่ยนได้ยิน ในใจนั้นราวกับถูกมีดกรีด ยิ่งไม่มีความรู้สึกดีใดๆ ให้กับนายหญิงใหญ่ และเผยถง เผยเฟย หลานชายทั้งสอง
เขาปรึกษากับท่านแม่เฒ่า “พี่สะใภ้ใหญ่อยากกลับสกุลมารดา ให้นางกลับไปก็ เพียงพอแล้ว เห็นสิ่งอยู่ไกลดีกว่าสิ่งที่อยู่ใกล้ รอจนเผยถงและเผยเฟยเติบโตแล้ว ทราบว่าสกุล เผยมีความหมายอย่างไรกับพวกเขา ย่อมรู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร ไม่แน่ว่าถึงเวลานั้น พี่สะใภ้ ใหญ่จะเสียใจภายหลังก็คงไม่ทันแล้ว!”
ท่านแม่เฒ่าได้ฟังก็ตกใจอย่างยิ่ง เร่งเอ่ยว่า “สยากวง เจ้ารับปากพ่อเจ้าแล้วว่าจะไม่ ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชวงศ์ เจ้าไม่อาจคืนคําพูดเชียว!”
“ข้าไม่อาจคืนคํา!” เผยเยี่ยนยืนยันกับมารดา “แต่ข้าก็มั่นใจว่าสามารถควบคุมเผยถง และเผยเฟยอยู่ ท่านต้องเชื่อในความสามารถของข้า”
“แต่หากจะมีเรื่องยุ่งเพิ่มขึ้น มิสู้ลดเรื่องให้น้อยลง!” ผู้ที่ท่านแม่เฒ่าเชื่อใจที่สุดยังคง เป็นสามีของตัวเอง เชื่อมั่นในคําสั่งเสียที่ท่านผู้เฒ่ากําชับไว้กับนาง
“ข้ารู้” เผยเยี่ยนเอ่ยยืนยันกับท่านแม่เฒ่าซํ้าแล้วซํ้าเล่า ย้อนความทรงจําถึงท่านผู้เฒ่า เผยเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าสักพัก ยามนี้จึงค่อยปลอบมารดาลงได้ ช่วยมารดาคัดลอกคัมภีร์ใน ห้องพระ ก่อนจะออกไปจากเรือนท่านแม่เฒ่า
อวี้ถังพักอยู่ในเรือนสามวัน จึงจัดการเรื่องสินเดิมของตัวเองลงได้ ช่วงเวลานี้ ยังพูดคุย กับเฉินต้าเหนียงที่รับคําสั่งจากท่านแม่เฒ่ามาส่งนํ้าแข็งให้นาง ใช้สินเดิมของนายหญิงใหญ่มา ประกอบการพิจารณา ยามนี้จึงค่อยตัดสินใจได้
รอจนกําหนดได้แล้ว นางจึงค่อยทราบว่าสินเดิมที่ต้องเตรียมมีความยิบย่อยถึงขนาด ไหน
กระทั่งไม้กวาดที่ใช้กวาดเตียงยังต้องเตรียมเป็นคู่
อวี้ถังกลับไปเรือนนอกของสกุลเผยราวกับต้องการหลบหนี
ด้านอวี้เหวินและนายท่านอู๋เดินทางไปหนิงปัว ยามที่ไปนายท่านอู๋ยังเอ่ยกับอวี้ถังว่า “พวกเราไปดูว่ามีของจากพวกตะวันตกหรือไม่ ถึงเวลานั้นมอบของพวกนั้นให้เป็นสินเดิมเจ้า ในเมืองหลินอันย่อมไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน”
นั่นจึงจะมีหน้ามีตา!
อวี้ถังไม่ใส่ใจนัก อวี้เหวินกลับคิดว่าดียิ่ง พูดพรํ่ากับนายท่านอู๋อยู่ค่อนวัน
รอจนปลายเดือนเจ็ด ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดโชย อากาศเปลี่ยนเป็นหนาวขึ้น พวกอวี้ถังจึง เริ่มเก็บข้าวของ เตรียมเดินทางลงจากเขา
ยามนี้ หลี่ตวนแอบกลับมาเมืองหลินอันพร้อมมารดาหลินซื่ออย่างเงียบๆ
ท้ายที่สุดหลี่อี้ยังคงถูกเนรเทศ หลี่จวิ้นไม่ยินยอมกลับหลินอัน หลินซื่อยังพะวงกับการ ฟื้นฟูวงศ์สกุล จําต้องให้หลี่ตวนสอบจวี่เหรินต่อ หลี่จวิ้นร่อนเร่ตามหลี่อี้ไปยังกานซู่ ด้าน หลี่ตวนและหลินซื่อกลับเรือนเก่ามาจัดการทรัพย์สินในสกุลที่ยังไม่ได้ขายไป เตรียมจะย้ายไป พํานักยาวที่หังโจว