ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่320 ต่างๆ นานา
ในเมื่อเผยอี้รู้เรื่องที่เผยเยี่ยนกําลังจะแต่งงานกับคุณหนูสกุลอวี้ บ้านอื่นของสกุลเผยก็
ย่อมต้องรู้เช่นกัน
อาศัยความเชื่อมั่นต่อท่านแม่เฒ่าเผย แม้ทุกคนจะคาดไม่ถึงกับงานแต่งของเผยเยี่ยน
ที่กําหนดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้ตกใจจนเกินไป ยามที่ท่านผู้เฒ่าอี้และท่านแม่เฒ่าอี้เอ่ย
ขึ้นมา ท่านแม่เฒ่าอี้ยังสัพยอกท่านแม่เฒ่าเผยด้วยรอยยิ้มร่า “นางนั้นชอบเด็กหนุ่มเด็กสาวรูป
งาม เจ้าดูสิ ลูกสะใภ้สองคนที่นางรับเข้าสกุลมา มีคนใดที่หน้าตาไม่โดดเด่นบ้าง?”
ท่านผู้เฒ่าอี้หัวเราะเสียงดัง ไม่ได้ซุบซิบเรื่องของบ้านหลักกับภรรยา กลับไปที่ห้อง
หนังสือเริ่มฝึกเขียนอักษรแทน จําต้องทําให้ทุกคนแย่งกันชื่นชมเทียบเชิญแต่งงานของเผยเยี่ย
นอย่างไม่ขาดปาก
ท่านแม่เฒ่าอี้ส่ายศีรษะทั้งรอยยิ้ม ไปหาท่านแม่เฒ่าวั่งเพื่อพูดคุยเรื่องงานแต่งของเผย
เยี่ยน
แต่ยามที่นายหญิงใหญ่สกุลเผยได้ทราบข่าวนี้ ก็เป็นวันถัดมาแล้ว
นางนั่งนิ่งอึ้งคนเดียวกว่าค่อนวัน ในใจไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกอย่างไร
เมื่อก่อน ทุกคนล้วนคิดว่านางใฝ่ สูงเกินตัว นางทําอย่างไรก็ลําบากไปหมด แต่เผยโย่ว
ยืนอยู่เคียงข้างนางมาโดยตลอด อ่อนโยนทั้งเอาใจใส่ต่อนาง ทําให้นางรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง คาด
ไม่ถึงว่า ยามนี้นางครองม่ายหลบหลีกเรื่องราวภายนอก เผยเยี่ยนที่โดดเด่นยิ่งกว่าเผยโย่ว จะ
แต่งกับหญิงสาวที่ไม่ว่าจะชาติกําเนิดหรือวงศ์สกุลล้วนสู้นางไม่ได้
ช่างเป็นดั่งคํากล่าวที่ว่าสีเขียวมีต้นกําเนิดจากสีฟ้าแต่กลับเด่นกว่าสีฟ้า!
นายหญิงใหญ่สกุลเผยยิ้มเย็น
ภายหลังทุกคนเอ่ยถึงสะใภ้ของสกุลเผย เกรงว่าคนแรกที่เอ่ยถึงคงจะเป็นอวี้ซื่อผู้นี้แล้ว
2545
สามารถทําลายข้อจํากัดเรื่องระดับชั้นแต่งมาสกุลเผย ทั้งยังเป็นนายหญิงของบ้าน
หลัก ไม่รู้ว่าจะมีหญิงสาวเท่าใดที่อิจฉา นับถือ ทั้งริษยาในใจ!
นางเรียกแม่นมข้างกายของตัวเอง เอ่ยว่า “นายหญิงรองจะเดินทางไปเมืองหลวงยาม
ใด เจ้าสืบอย่างแน่ชัดแล้วหรือยัง?”
แม่นมผู้นั้นค้อมศีรษะ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “นายหญิงรองเข้าร่วมงานแต่งของนายท่าน
สามแล้วก็จะไปเจ้าค่ะ ส่วนนายท่านรองจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”
นี่คือต้องการให้เกียรตินายหญิงรอง ให้นางทําหน้าที่เป็นเฉวียนฝูเหริน!
นายหญิงใหญ่แค่นหัวเราะ เอ่ยว่า “บ้านรองและบ้านสามกลับมีความสัมพันธ์กลม
เกลียวไม่น้อย”
แม่นมไม่กล้ารับบทสนทนา
นายหญิงใหญ่เอ่ยต่อว่า “ไปตามคุณชายทั้งสองมาหาข้าที่นี่หน่อย”
แม่นมค่อยโล่งใจขึ้นมา รีบไปเชิญเผยถงและเผยเฟยเข้ามา
นายหญิงใหญ่กําชับลูกชายทั้งสองของตัวเอง “อารองของเจ้าจะเดินทางไปเมืองหลวง
แล้ว ก่อนจะไปเขาย่อมจะมาพูดคุยกับพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสองต้องฟังคําพูดของอารองเจ้าให้
ดี”
ทั้งสองคนขานรับโดยพร้อมเพรียงกัน แต่พวกเขารอทั้งวัน เผยเซวียนก็ไม่ได้เรียกหา
พวกเขาแต่อย่างใด จวบจนเช้าตรู่วันถัดมา เผยเซวียนจะออกเดินทาง จึงค่อยตบไหล่เผยถง
และเผยเฟยที่มาส่งเขา ลอบถอนหายใจ บอกให้เขากตัญ�ูต่อนายหญิงใหญ่ เชื่อฟังคําพูดของ
เผยเยี่ยน ทั้งจะรอฟังข่าวดีที่เผยถงสอบขุนนางได้
เผยถงไม่ได้คิดอะไร เผยเฟยกลับเคืองโกรธจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดว่าเผยเซวียนย่อม
ต้องได้รับอิทธิพลจากเผยเยี่ยน รังแกบ้านใหญ่อย่างพวกเขาที่สูญเสียตําแหน่งผู้นําสกุล ทั้งไม่
มีบิดา แต่ภายใต้สายตาดุดันของพี่ชาย จึงจําใจค้อมศีรษะ คํานับให้แก่เผยเซวียน
2546
เผยเซวียนรู้สึกผิดต่อน้องชายอยู่บ้าง เอ่ยว่า “เดิมทีควรอยู่รอเจ้าแต่งงานค่อยไป แต่
อาจารย์เรียกตัวกะทันหัน…”
เผยเยี่ยนโบกมือ ตัดบทพี่ชาย “ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก พี่สะใภ้รองก็รั้งตัวอยู่
มิใช่รึ? ท่านสนใจเรื่องของตัวเองเถิด สิ่งที่ต้องช่วงชิง ไม่ควรจะละทิ้ง บ้านหลักมีเพียงท่านที่
เป็นขุนนาง ลูกหลานรุ่นต่อไปจะสามารถยืนด้วยตัวเองได้ ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด”
เผยเซวียนเข้าใจความหมายของน้องชาย
แม้สกุลเผยจะมีคนเป็นขุนนาง แต่หากบ้านหลักสู้สกุลสาขาไม่ได้ ย่อมไม่มีความน่า
เกรงขาม จะสามารถออกคําสั่งกับบ้านอื่นได้อย่างไร?
นี่เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง
เผยเซวียนหัวเราะ ไม่ได้กล่าวอันใด กลับบีบมือน้องชายแน่น จากนั้นก็หมุนกายลูบ
ศีรษะของลูกชาย กําชับลูกสาวให้กตัญ�ูเชื่อฟังมารดา ผงกศีรษะเล็กน้อยให้นายหญิงรอง
ก่อนจะขึ้นเรือไป
คนของสกุลเผยยืนอยู่ที่ท่าเรือมองดูเรือของเผยเซวียนค่อยๆ ลอยห่างออกไป
ลูกชายของเผยเซวียน เผยหงสะอื้นเบาๆ ขึ้นมา
นายหญิงรองกอดลูกชาย ยิ้มทั้งนํ้าตาคลอเบ้า “เด็กโง่ อีกไม่กี่เดือน พวกเราก็ได้เจอ
พ่อเจ้าแล้ว เจ้าร้องไห้ทําไมกัน?”
ท่านแม่เฒ่าเผยเคยบอกนางอย่างอ้อมๆ แล้ว รอหลังจากเผยเซวียนกลับไปรับ
ตําแหน่ง ก็ให้พวกนางทําเหมือนเมื่อก่อน ตามเผยเซวียนไปรับตําแหน่งด้วย
แค่จุดนี้ ในใจของนายหญิงรองก็ซาบซึ้งใจแม่สามีอย่างยิ่งแล้ว ชั่วชีวิตนี้ย่อมไม่อาจลืม
2547
คุณหนูห้าเติบโตข้างกายนายหญิงรอง รํ่าเรียนเขียนอ่านก็เป็นนายหญิงรองที่สอนสั่ง
จึงไม่ได้รู้สึกผูกพันกับบิดาเหมือนกับน้องชายขนาดนั้น นางแปลกใจมากกว่าว่าไฉนอวี้ถังจึง
กลายเป็นอาสะใภ้สามของนางได้
นางกลอกตาไปมา มองเผยเยี่ยน จากนั้นก็มองเผยถง ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจไปหา
คุณหนูรองและคุณหนูสามเพื่อซุบซิบเรื่องนี้
ยามที่คุณหนูรองและคุณหนูสามรู้เรื่องนี้ ก็ตกใจจนคางแทบจะหล่นลงมา คุณหนูสาม
เอ่ยราวกับเพิ่งรู้ตัว “มิน่าเล่าท่านย่าเผยจึงไม่อยากให้พี่อวี้มาเล่นกับพวกเรา ที่แท้ก็ถูกชะตา
พี่อวี้ อยากให้เป็นสะใภ้ของอาสาม”
สมุดบัญชีกองใหญ่ที่วางเต็มโต๊ะหนังสือ ยามนี้นางนึกถึงฉากนั้นก็ยังตราตรึงไม่หาย
คุณหนูรองกลับกลัดกลุ้มเรื่องที่สถานะเปลี่ยนแปลง นึกถึงภายหลังตัวเองต้องเรียกอวี้
ถังว่า ‘อาสะใภ้’ ในใจก็รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ไม่เพียงเท่านี้ นางยังรู้สึกอึดอัดแทนกู้ซี เอ่ยว่า “พวก
เรายังดี ต่างก็ต้องทยอยแต่งงานออกไป แต่พี่กู้จะสุขสบายได้อย่างไร ชั่วชีวิตนี้ล้วนถูกคุณหนู
อวี้กดหัว พี่กู้ยังอายุมากกว่าคุณหนูอวี้เสียอีก”
ยามที่พูดถึงตรงนี้ คุณหนูสี่ที่ได้รับจดหมายจากพวกนางให้เข้ามาพูดคุย ได้ฟังก็รับบท
สนทนาทันที “เรื่องอาวุโสและอายุไม่เกี่ยวข้องกันกระมัง? บ้านลูกคนเล็กมีอาวุโสกว่าก็มีให้เห็น
ถมเถไป แต่ว่าพี่อวี้ได้รับความโปรดปรานจากท่านย่าเผยได้อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้ไฉนข้าจึง
มองไม่ออกแม้แต่น้อย?”
สามพี่น้องพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ค่อนวัน รอคุณหนูห้าเข้ามา
คุณหนูห้าเอ่ยอย่างคาดเดา “หรือเพราะเรื่องอารามดับทุกข์? ข้าจําได้ว่ายามนั้นท่าน
ย่าชื่นชมพี่อวี้อย่างยิ่ง ยังให้เถ้าแก่น้อยถงช่วยพวกเราทําเรื่องราวอีก!”
“นั่นเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อใดกัน” คุณหนูสามตกตะลึง “ไม่ใช่ว่าตั้งแต่ตอนนั้น ในใจท่าน
ย่าเผยก็มีความคิดแล้วกระมัง?”
2548
“ท่านย่าเผยไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา” คุณหนูสี่เอ่ย “หากยามนั้นท่านย่าเผยมีความคิด
เช่นนี้ พวกเราย่อมมองไม่ออก”
ทุกคนพากันพูดคุยไม่หยุดหย่อนราวกับมีนกกระจอกที่ถูกขังในห้อง
ไม่นานกู้ซีก็ทราบเรื่อง
นางไม่ได้ทราบข่าวจากสกุลเผย แต่เป็นแม่นมของนาง…สกุลอวี้จัดเตรียมสินเดิมให้อวี้
ถังในเมืองหังโจวอย่างเอิกเกริก
“กล่าวว่าจะแต่งไปสกุลเผย แต่งกับนายท่านสาม ผู้นําสกุลเผยเจ้าค่ะ” แม่นมของนาง
กล่าวอย่างร้อนใจ “ทุกคนลอบซุบซิบนินทาเรื่องนี้ คุณหนู ท่านส่งคนไปถามสกุลเผยเสียหน่อย
เถิดเจ้าค่ะ”
หากคุณหนูอวี้กลายเป็นอาสะใภ้ของกู้ซีจริงๆ ภายหลังกู้ซีพบคุณหนูอวี้ล้วนต้องปฏิบัติ
กับนางเป็นผู้อาวุโส ลองคิดดูแล้วก็พาให้แม่นมของกู้ซีรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
กู้ซีตกตะลึงพรึงเพริด ผ่านไปพักใหญ่ค่อยดึงสติกลับมาได้ ส่งคนไปถามสกุลเผย ทั้ง
ปลอบใจแม่นมตัวเองไปพลาง “ในตรอกซอกซอย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนมีทั้งนั้น นี่ยังไม่มี
หลักฐาน ท่านกลับตีตนไปก่อนไข้แล้ว รอทางสกุลเผยส่งข่าวมาแล้วค่อยว่ากันเถิด”
แม่นมกังวลในใจ กลับไม่อาจพูดเรื่องนี้อีก เอ่ยเรื่องสินเดิมของอวี้ถังขึ้นมา “แค่เสื้อ
คลุมของสี่ฤดูก็ซื้อกว่าร้อยผืน รวมกับถุงเท้ารองเท้า ผ้าห่ม มุ้งหมอนก็ทําเอาของในร้านขายผ้า
ไหมในหังโจวแทบหมดเกลี้ยง แต่ว่าคนที่จัดการเรื่องสินเดิมของสกุลพวกเขากลับฉลาดไม่น้อย
สินค้าที่สั่งซื้อล้วนเป็นผ้าทอใหม่ในปีนี้ ร้านขายผ้าไหมหลายแห่งอยากขายลวดลายปีก่อนๆ ให้
สกุลพวกเขาก็ยังไม่ได้ คนในเมืองหังโจวต่างพูดกันว่า กลัววัสดุทําผ้าในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะ
ขึ้นราคา”
ฤดูหนาวเป็นช่วงที่ทําชุดฤดูใบไม้ผลิ
2549
กู้ซีไม่กล้าเชื่อ
แม่นมเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่เชื่อ แต่ได้ยินคนพูดว่า เมื่อก่อนสกุลอวี้ถ่อมตัวอย่าง
ยิ่ง ร่วมลงทุนการค้าทางทะเลก็ไม่ได้เปิดเผยอันใด หากไม่ใช่ว่าครั้งนี้คุณหนูอวี้จะแต่งให้นาย
ท่านสามสกุลเผย ก็คงไม่จัดการสินเดิมให้คุณหนูอวี้อย่างเอริกเกริกเช่นนี้หรอก”
กู้ซีเอ่ยอย่างเรียบเย็น “แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สกุลอวี้เพิ่งทําการค้าทางทะเลไม่กี่ปี ย่อม
ไม่อาจจัดเตรียมสินเดิมให้ลูกสาวได้ถึงขนาดนี้หรอกกระมัง!”
ยามที่อยู่เรือนนอกสกุลเผย เห็นได้ชัดว่าอวี้ถังขัดสนอยู่บ้าง
แม่นมเอ่ยว่า “ข้าก็พูดเช่นนี้ แต่ทุกคนกล่าวว่า ครั้งนี้สกุลอวี้นําทรัพย์สินในเรือน
ออกมาทั้งหมด อย่างไรก็แต่งลูกสาวเพียงครั้งเดียว ภายหลังต่อให้มีเงินมากมายเท่าใด นั่นก็ไม่
เกี่ยวกับคุณหนูอวี้แล้ว”
กู้ซีสติหลุดลอยไปอยู่บ้าง
เพราะเรื่องสินเดิมของนาง พี่ชายนางจึงไม่พูดคุยกับบิดานางแล้ว เพื่อลงโทษพี่ชาย
บิดาของนางจึงอาศัยเรื่อง ‘ความกตัญ�ู’ เรียกพี่ชายนางไปไถ่ถาม ดุด่าว่ากล่าวเขาทุกวัน ยังดี
ที่นางเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติ จึงลอบไปขอลุงใหญ่มาช่วยเหลือ แม้จะเป็นเช่นนี้ แม่เลี้ยง
ของนางก็ยังชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหวที่บ้านใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องสินเดิมให้นางแทบทุกวัน
เมื่อคิดเช่นนี้ แม้ชาติกําเนิดของอวี้ถังจะสู้นางไม่ได้ กลับมีความสุขกว่านางมาก
กู้ซีนํ้าตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย
กู้ฉ่างทราบเรื่องการเกี่ยวดองระหว่างสกุลเผยและสกุลอวี้กลับยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน
เผยเยี่ยนใจกล้าดั่งที่เขาคาดจริงๆ แต่งคุณหนูอวี้เป็นภรรยาเสียแล้ว
ก็มีเพียงลูกรักของสวรรค์อย่างเขาเท่านั้น ถึงจะกล้าทําเรื่องเช่นนี้ได?
ในสมองของกู้ฉ่างปรากฏใบหน้าพริ้มพรายของอวี้ถังขึ้นมา
2550
เขากดใบหน้านั้นไว้ในก้นบึ้งจิตใจทันที
ชั่วชีวิตนี้สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือคนอย่างบิดาของเขา เขาใกล้จะแต่งงานแล้ว ควรจะ
ปฏิบัติใส่ใจต่อเจ้าสาวจึงจะถูก หากเขาเป็นคนสองใจ จะแตกต่างอะไรกับบิดาของตัวเองกัน?
พี่น้องสกุลกู้ต่างก็มีความคิดของตัวเอง ด้านหลินซื่อที่พํานักในหังโจวกลับระเบิด
อารมณ์อย่างรุนแรง
ตั้งแต่หลี่อี้ถูกคุมขัง ในเรือนก็ไม่มีเรื่องราบรื่นอีกเลย
แค่เช่าเรือนในชุนชนเล็กๆ ชั่วคราว ก็ไม่รู้ว่าใครหน้าไหนป่ าวประกาศเบื้องลึกเบื้องหลัง
ของสกุลพวกเขาออกไป หญิงรับใช้ที่เพิ่งรับมาทําอาหารให้สกุลพวกเขาไม่กี่วันก็ไม่ยินดีจะทํา
ต่อเสียแล้ว ก่อเรื่องวุ่นวายจะลาออก หลี่ตวนคิดจะเพิ่มเงินให้ นางกลับกลํ้ากลืนฝืนทนไม่ได้
ให้คนผู้นั้นลาออกอย่างรู้แล้วรู้รอดไป ผลปรากฏว่าคนที่มาทํางานใหม่ กลับแย่ยิ่งกว่าเดิมคน
แล้วคนเล่า คนนี้ยังถึงกับขโมยข้าวของสกุลพวกเขากลับไป นางไล่ตามคนเจอก็ยังไม่ยอมรับ
หลินซื่อโมโหจนพูดไม่ออก ลําพังหญิงรับใช้คนนั้นยังต่อปากต่อคําอยู่ที่นั่น “เห็นว่าเจ้า
ก็เคยเป็นภรรยาของขุนนาง ไฉนขี้เหนียวเช่นนี้ แค่นําข้าวสกุลพวกเจ้ามากํามือเดียว กลับไม่
ยอมปล่อยแม้แต่น้อย ในเมื่อเสียดายนัก จะรับคนทําไม! หุงหาอาหารเองไปเถิด!”
หลินซื่อแค้นเคืองจนอยากจะฉีกปากนาง ยังคงเป็นหลี่ตวนที่กลับมา ขัดขวางหลินซื่อ
จ่ายเงินเพิ่มสิบเหรียญอีแปะ ก่อนจะไล่หญิงรับใช้ผู้นั้นออกไป
“โชคร้ายไม่หยุดหย่อนจริงๆ กระทั่งดื่มนํ้าเย็นยังเสียวฟัน” หลินซื่อบ่นพรํ่าอยู่ตรงนั้น
หลี่ตวนกลับไม่ได้พูดอันใด
เขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่ามีคนกําลังพุ่งเป้ามาที่สกุลพวกเขา
เขาไม่อยากเดาว่าเป็นฝีมือของเผยเยี่ยน แต่นอกจากเผยเยี่ยน ก็ไม่มีใครที่จะมี
ความสามารถและวิธีการเช่นนี้แล้ว
หลี่ตวนจึงขบคิดว่าควรจะไปพบเผยเยี่ยนสักหน่อยหรือไม่
2551
มีบางคําพูด หากได้พูดอย่างชัดเจนย่อมดีกว่า
ยามที่ควรจะขอความเมตตาก็ขอความเมตตา ควรขอโทษก็ขอโทษ เขาไม่เชื่อว่า เผย
เยี่ยนจะใจไม้ไส้ระกําเพียงนั้น