ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่333 ดีกว่า
เดิมทีเผยเยี่ยนก็ไม่คิดให้นํ้าใจกับคนอย่างหลี่ตวนอยู่แล้ว แต่เจ้าทุกข์ที่ไล่ตามมาอย่าง
ไกลลิบนั้น เขายังคงรู้สึกแปลกๆ ไม่น้อย เขาออกคําสั่งกับเผยหม่าน “เจ้าทุกข์คนนั้นออก
เดินทางเมื่อใด? เจ้าหาทางส่งคนไปเลี้ยงอาหารเขา หยั่งเชิงเขาดู เขาทราบสถานการณ์ของ
สกุลหลี่ได้อย่างไร?”
เผยหม่านรับคําสั่ง
เผยเยี่ยนเอ่ยถึงหลินซื่อขึ้นมา “ในเมื่อบ้านหลักสกุลหลี่ไม่อาจหาที่ให้นางอยู่ได้ใน
ช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนั้นก็ให้นางพักที่อารามดับทุกข์ไปก่อน เชิญคนมาดูแลนางสักคน รอหลี่จวิ้น
กลับมา ค่อยมอบให้หลี่จวิ้นต่อ”
สกุลหลี่เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ หลี่จวิ้นย่อมไม่อาจอยู่ที่ซีเป่ ยกับหลี่อี้ได้แล้ว อย่างน้อยก็
ต้องกลับมาจัดการเรื่องหลินซื่อก่อน
เผยหม่านรับคําสั่ง ไปจัดการเรื่องทางเจ้าทุกข์ ก่อนจะไปอารามดับทุกข์
อารามดับทุกข์รับหลินซื่อ ด้านหนึ่งเพราะเห็นใจที่นางประสบเรื่องร้าย อีกด้านเพราะ
เห็นแก่หน้าสกุลเผย ไม่นานสตรีของจวนสกุลเผยก็ทราบข่าวนี้
ท่านแม่เฒ่าและเฉินต้าเหนียงสบสายตากัน ล้วนแต่มองเห็นความงุนงงจากดวงตา
ของอีกฝ่ าย ท่านแม่เฒ่าถึงกระทั่งกระซิบกระซาบกับเฉินต้าเหนียงยามที่ไม่มีคนว่า “นี่สยากวง
เปลี่ยนไปอย่างนั้นรึ? จู่ๆ ไฉนจึงใจกว้างขึ้นมา คนอย่างหลินซื่อ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยคิด
สนใจ”
เฉินต้าเหนียงเอ่ยอย่างคาดเดา “หรือเพราะแต่งงานเจ้าคะ? คิดว่าตัวเองใกล้จะเป็นพ่อ
คนแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นใจอ่อน? เมื่อก่อนท่านผู้เฒ่าก็ไม่ใช่เป็น เช่นนี้หรือเจ้าคะ?”
ท่านแม่เฒ่าได้ยินนางเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็อดคิดถึงอีกเรื่องหนึ่งไม่ได้ นางกดเสียงเบาลง
หลายส่วน “ทางนายหญิงสาม ไม่มีข่าวคราวอะไรสักนิดเลยรึ?”
เฉินต้าเหนียงใจเต้นตึกตัก ละลํ่าละลักเอ่ย “นี่ยังไม่ถึงสามเดือนเลยนะเจ้าคะ จะเร็ว
ขนาดนั้นได้อย่างไร!”
“นั่นสินะ” ท่านแม่เฒ่าถอนหายใจ ไม่ถามอะไรมากอีก
พวกคุณหนูสามสกุลเผยกลับรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง วิ่งไปหาอวี้ถัง เอ่ยว่า “สกุลพวก
เขาทําเรื่องชั่วมากมายเพียงนั้น สมควรจะได้รับผลกรรมเช่นนี้แล้ว ไฉนนางเสียสติ อาสามกลับ
มาดูแลนางขึ้นมา? หรือคนอื่นนั้นไม่ใช่คน? ชีวิตของคนอื่นไม่นับเป็นชีวิต? ไฉนจึงลําเอียงเช่นนี้
ได้?”
ในใจของอวี้ถังรู้สึกสับสนอย่างยิ่ง
นางเคยเห็นท่าทีอวดดีของหลินซื่อ เคยเห็นยามที่หลินซื่อเผยความเย็นชา เคยเห็น
หลินซื่อเชิดหน้าอย่างมั่นใจ กลับไม่เคยเห็นหลินซื่อสติไม่อยู่กับร่องกับรอยมาก่อน
แต่นางเคยวาดภาพในใจมาก่อน
ทั้งไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว
รอจนมาถึงวันนี้จริงๆ นางกลับรู้สึกคล้ายกับฝันไป
ยามที่เผยเยี่ยนบอกเรื่องนี้กับนาง นางล้วนดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่พักใหญ่ เผยเยี่ยน
คล้ายมองความรู้สึกของนางออก เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เย้าแหย่นาง ทําเพียงกอดนางอยู่เงียบๆ
ตบไหล่นางเบาๆ เหมือนปลอบเด็กน้อยกล่อมนางนอนหลับในคืนนั้น
จนถึงยามนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรถึงจะนับว่าเป็นการลงโทษให้กับหลินซื่อ
เพราะคนที่ผิดตอนแรกคือหลี่ตวน ถูกหลี่อี้ทําให้เดือดร้อน จึงถูกฆ่าตาย
นางควรจะปล่อยหลินซื่อไป หรือตอกยํ้าซํ้าเติม?
อวี้ถังตัดสินใจไปเยี่ยมหลุมศพเว่ยเสี่ยวซาน
บอกเรื่องนี้ให้เว่ยเสี่ยวซานฟัง
นางไม่คิดปิดบังเผยเยี่ยน แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจบอกเขาเช่นกัน นําธูปเทียนกระดาษเงิน
กระดาษทอง ไปหาเว่ยเสี่ยวซานที่หลุมศพโดยมีชิงหยวนติดตามไป
หน้าหลุมศพของเว่ยเสี่ยวซานมีร่องรอยของเซ่นไหว้เหลืออยู่ คงเป็นคนของสกุลเว่ย
ที่มาเยี่ยมหลุมศพเขา
อวี้ถังจุดธูปให้เว่ยเสี่ยวซานอย่างนอบน้อม ยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพอยู่พักใหญ่
ก็ไม่รู้ว่าเว่ยเสี่ยวซานที่อยู่ในปรโลกจะกล่าวโทษนางหรือไม่?
นางนึกถึงท่าทีซื่อสัตย์จริงใจของเว่ยเสี่ยวซาน จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองจําหน้าเขาได้ไม่
ชัดเจนแล้ว จําได้เพียงความรู้สึกที่เขามีให้ตนเท่านั้น
ชีวิตของคนคนหนึ่ง ก็หายไปเช่นนี้เสียแล้ว
อวี้ถังปล่อยนํ้าตาให้รินไหล
ด้านหลังกลับมีคนเอ่ยอย่างตกใจ “นายหญิงสามสกุลเผย?”
อวี้ถังรีบเช็ดหางตา หมุนกายกลับไป
เป็นคนของสกุลเว่ย
เว่ยเสี่ยวหยวนพาพวกเว่ยเสี่ยวชวนมา
ในมือของทุกคนบ้างก็ถือเครื่องเซ่นไหว้ บ้างก็ถือกระดาษเงินกระดาษทอง
อวี้ถังอดหันกลับไปมองของที่หลงเหลือบนหน้าหลุมศพเว่ยเสี่ยวซานไม่ได้
ไม่ใช่ของคนสกุลเว่ยหรอกรึ?
เช่นนั้นเป็นใครกัน?
ไม่รอให้นางได้คิดอย่างละเอียด เว่ยเสี่ยวหยวนก็เอ่ยด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจ “คาดไม่ถึง
ว่าท่านจะมาเซ่นไหว้เจ้ารอง…”
หากเขาทราบจากปรโลก คงจะชื่นใจเป็นแน่
แต่คําพูดนี้เขาไม่อาจเอ่ยออกมา
อย่างไรยามนี้อวี้ถังก็เป็นคนที่แต่งงานแล้ว ไม่ว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างไร คนที่มีชีวิตอยู่
ย่อมสําคัญที่สุด คนของสกุลเว่ยอย่างพวกเขาล้วนตั้งตาคอยให้อวี้ถังสามารถใช้ชีวิตอย่าง
ราบรื่น สุขกายสุขใจ
เขารีบส่งของเซ่นไหว้ในมือตัวเองให้เจ้าสามสกุลเว่ย เอ่ยว่า “เจ้าพาพวกเขาไปเผา
กระดาษเงินกระดาษทองให้เจ้ารองก่อนเถิด” จากนั้นก็หมุนกาย ชี้ไปยังตั่งหินใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่
ไกลจากหลุมศพ เอ่ยกับอวี้ถัง “นายหญิงสามเชิญพักทางนี้สักครู่เถิด ที่นี่ห่างไกลจากเมืองอยู่
บ้าง ตลอดทางมานี้ ท่านคงจะลําบากเช่นกัน”
คนอื่นๆ ต่างก็ฟังคําพูดของเว่ยเสี่ยวหยวน เริ่มจัดการของเซ่นไหว้ มีเพียงเว่ยเสี่ยวชวน
เดินเข้ามาคารวะอวี้ถัง ก่อนจะขานว่า “พี่สาว”
อวี้ถังเห็นเขาครั้งล่าสุดก่อนที่จะแต่งงาน ยามนี้เห็นก็รู้สึกเหมือนว่าเขาจะสูงขึ้น
เล็กน้อย
นางอดโอบไหล่เว่ยเสี่ยวชวนเบาๆ ไม่ได้ ถามเขาว่า “หลังจากอาจารย์เสิ่นไปแล้ว ใคร
เป็นคนดูแลแทน? ความรู้ของคนผู้นี้เป็นอย่างไร? กระทบอะไรกับการเรียนของเจ้าหรือไม่?”
อาจารย์เสิ่นไปเมืองหลวง คนย่อมทะเยอทะยานหาความก้าวหน้าอยู่แล้ว ทุกคนจึงไม่
อาจรั้งเขา
เว่ยเสี่ยวชวนเหมือนจะเงียบขรึมกว่าเดิมหลังจากที่นางเจอเขาครั้งล่าสุด เขาเอ่ยอย่าง
เคร่งขรึมว่า “เรียนทันอยู่ อาจารย์ในสํานักศึกษาต่างก็ยอดเยี่ยมทั้งนั้น แต่ปีหน้าข้าเตรียมจะลง
สนามสอบแล้ว หากข้าสามารถสอบซิ่วไฉได้อย่างราบรื่น พ่อของข้ากล่าวว่าจะส่งข้าไปเรียนที่
หังโจว ข้าอยากไปเรียนที่หังโจวเช่นกัน”
แม้ว่าจะสอบซิ่วไฉได้ ก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น
อวี้ถังเอ็นดูอยู่บ้าง เอ่ยว่า “หากต้องไปหังโจว เจ้าบอกกล่าวกับข้าเสียหน่อย ข้าจะดูว่า
ถึงเวลานั้นพอจะสามารถส่งคนไปดูเจ้าบ่อยๆ ได้หรือไม่”
ความจริงซิ่วไฉที่อายุสิบห้าสิบหกนั้นพบเห็นได้น้อย แต่คนเช่นนี้ในสกุลเผยใช่ว่าจะไม่
มี เพียงเพราะว่าคนผู้นี้คือเว่ยเสี่ยวชวน คนที่อวี้ถังเห็นเป็นน้องชาย นางจึงเอ็นดูเป็นพิเศษ
เท่านั้น
เว่ยเสี่ยวชวนกลับไม่เกรงใจนางอย่างที่เคยเป็นมาก่อน เผยยิ้ม เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าต้อง
ขอบคุณพี่สาวล่วงหน้าแล้ว”
อวี้ถังครุ่นคิด ปีหน้าอวี้หย่วนจะไปเปิดร้านที่หังโจว ถึงเวลานั้นย่อมสามารถดูแลเขาได้
แน่
นอกจากนางจะยิ้มตามแล้ว ยังลูบศีรษะเขา
เขากระโดดร้องอย่างตกใจ “พี่สาว เจ้าอย่าลูบศีรษะข้า ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“ผู้ใหญ่อะไรกัน!” เว่ยเสี่ยวหยวนเอ็ดทั้งหัวเราะ ลูบศีรษะของเว่ยเสี่ยวชวนตาม ก่อน
จะขานเรียกเว่ยเสี่ยวชวนเสียงดัง
ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา
อีกด้านหนึ่งของป่ าที่อยู่ไม่ไกล ไม่รู้ว่ามีรถม้าสีดํามาจอดอยู่ตั้งแต่เมื่อใด
เผยเยี่ยนนั่งอยู่ในรถม้า มองอวี้ถังที่พูดคุยหัวเราะกับสองพี่น้องสกุลเว่ยผ่านหน้าต่าง
กํามือแน่นเป็นหมัด
เจ้าเจิ้นสะดุ้งโหยง ฝืนบากหน้าเข้ามาเอ่ยว่า “ต้องการให้ข้าไปรับนายหญิงสามหรือไม่
ขอรับ?”
“ไม่ต้อง!” เผยเยี่ยนเอ่ยลอดไรฟัน “พวกเราไป!”
เจ้าเจิ้นไม่กล้าชักช้า พารถม้าทะยานออกไปทันที
เผยเยี่ยนแค่นหัวเราะ
เขาไม่ใช่คนโง่! ไปรับอวี้ถังเวลานี้ นางยังจะคิดว่าเขาตามนางมา ไม่ใช่จะทําให้นาง
รู้สึกว่าเขาไม่เชื่อใจนางอย่างนั้นรึ? เขาไม่ทําเรื่องเช่นนั้นหรอก
นึกถึงการตายของหลี่ตวน เขาก็แค่นหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
ช่างเป็นคนที่สมควรถูกฆ่าตายแล้วจริงๆ
หากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ ย่อมเป็นภัยร้าย
นึกถึงเรื่องพวกนี้ เผยเยี่ยนก็ลูบคาง
เจ้าทุกข์คนนั้นถูกเผิงสืออีเป่ าหู นี่ยังคงทําให้คนคาดไม่ถึงอยู่บ้างจริงๆ!
ระหว่างหลี่ตวนและเผิงสืออี หรือจะพูดว่าระหว่างสกุลหลี่และสกุลเผิง ยังมี
ความสัมพันธ์อะไรที่ทําให้คนอื่นไม่อาจพูดได้อย่างนั้นรึ?
น่าสนใจ! น่าสนใจ!
เผยเยี่ยนหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา ไปพบสองพี่น้องสกุลชวีที่วัดเจาหมิง
“ช่วยข้าสืบหาว่าสกุลหลี่และสกุลเผิงมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน” เขาเอ่ยกับพี่น้อง
สกุลชวีอย่างถือตัว “หากพวกเจ้ากลัวจะเกิดเรื่อง หลังจากความจริงเปิดเผยจะไปเจียงซี หรือไป
เมืองหลวงก็ได้”
สองพี่น้องสกุลชวีดีใจอย่างคาดไม่ถึง
แม้ก่อนหน้านี้เผยเยี่ยนจะต้องการผูกมัดพวกเขา กลับไม่มีงานหลักๆ อะไรมอบหมาย
ให้กับพวกเขา ยามนี้พวกเขาได้รับคําสั่งแล้ว ใจที่แขวนไว้จึงค่อยร่วงลง ยามนี้เริ่มมีความรู้สึก
ว่ากําลังทําเรื่องให้สกุลเผย ได้ทําเรื่องให้เผยเยี่ยนแล้ว
สองพี่น้องคํานับให้เผยเยี่ยนอย่างพร้อมเพรียง เอ่ยด้วยความนอบน้อม “นายท่านสาม
วางใจ เรื่องนี้ท่านฝากไว้ที่พวกเราสองพี่น้องเถิด หากพวกเราทําได้ไม่ดี พวกเราสองพี่น้องก็
ละอายใจจะขอความคุ้มครองจากท่านเช่นกัน”
เผยเยี่ยนไม่ได้เอ่ยอันใด ทิ้งเงินให้พวกเขาหนึ่งถุง ก่อนจะปล่อยม่านลงจากไป
สองพี่น้องสกุลชวีพากันถอนหายใจ เหล่าต้าเอ่ยกับเหล่าเอ้อร์ว่า “เรื่องนี้คงจะสําคัญ
กับนายท่านเผยอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นนายท่านเผยคงไม่มาพบพวกเราด้วยตัวเอง พวกเราต้อง
ระวังตัวเสียหน่อยแล้ว”
เหล่าเอ้อร์นั้นคิดละเอียดกว่าอยู่บ้าง เอ่ยอย่างลังเล “สกุลเผยคงไม่ฆ่าคนปิดปาก
หรอกกระมัง?”
เหล่าต้าหัวเราะลั่นใส่น้องชาย เอ่ยว่า “หากคิดจะฆ่าคนปิดปาก นายท่านสามคงไม่
ออกโรงด้วยตัวเองหรอก”
เหล่าเอ้อร์ลูบศีรษะอย่างเขินอาย
พวกเขาไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วเผยเยี่ยนคิดจะไปดูหลินซื่อที่อารามดับทุกข์ ระหว่างทาง
บังเอิญพบรถม้าของอวี้ถังเข้า เขาจึงรู้ว่า จริงๆ แล้ววันนี้อวี้ถังออกเมืองมาเซ่นไหว้เว่ยเสี่ยวซาน
คนสกุลเว่ยผู้นั้น เขาจึงได้เปลี่ยนใจกะทันหัน ไปพบพี่น้องสกุลชวี
คนตายนั้นได้เปรียบยิ่งกว่าคนเป็น!
อยู่ในใจคนตลอดไป ทั้งดีกว่าคนที่มีชีวิตอยู่ตลอดไป!
เผยเยี่ยนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ตัดสินใจว่านับตั้งแต่วันนี้ จะทําให้อวี้ถังทราบถึงความดี
ของเขาให้ได้!
ผลปรากฏว่าอวี้ถังกลับมาถึงเรือน ก็พบว่าอาจารย์ที่ทําเครื่องประทับของร้าน
เครื่องเงินสกุลเผยเข้ามาหาอีกครั้ง ยังนําไข่มุกหนานจู เม็ดเล็กๆ ขนาดเท่าเม็ดบัวมาด้วย พก
แบบมาอีกจํานวนหนึ่ง ขมวดคิ้วรอให้นางออกคําสั่ง “นี่เป็นแบบใหม่ทั้งหมดที่ร้านของเราทํา
ออกมาได้ แม้ว่าจะใช้แบบพวกนี้ทําเป็นของคู่กัน ไข่มุกก็ยังเหลือเฟื อ! ท่านดู ท่านมีความคิด
อย่างอื่นหรือไม่ อาจารย์ของพวกเราก็สามารถทําเครื่องประดับตามความต้องการของท่านได้
เช่นกัน ใช่ว่าต้องใช้แบบในร้านค้าของพวกเราเสมอไป”
อวี้ถังถามอยู่พักใหญ่ จึงทราบว่าที่แท้เผยเยี่ยนออกคําสั่งให้คนนําไข่มุกหนานจูไปให้
พวกเขา ให้พวกเขานําไปทําเป็นเครื่องประดับทั้งหมด
นางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ไม่รู้ว่าเผยเยี่ยนมีความคิดใหม่อะไรอีก
นางทําได้เพียงให้อาจารย์จากร้านเครื่องเงินทิ้งมุกหนานจูพวกนี้ไว้ก่อน รอตัดสินใจ
เรื่องแบบแล้วจะติดต่อพวกเขาอีกที
สีหน้าอาจารย์ของร้านเครื่องเงินผ่อนคลายลงไม่น้อย พากันบอกลา ก่อนจะถอนตัว
ออกไป
อวี้ถังดีดไข่มุกกองนั้น เสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ใสกังวานอย่างยิ่ง สัมผัสแล้วก็รู้สึกเย็นละเอียด
ไข่มุกแวววาวพาให้คนชอบจนวางมือไม่ลง รอเผยเยี่ยนกลับมา นางก็เอ่ยอย่างกระเง้ากระงอด
“ไข่มุกดีเช่นนี้ ไฉนจึงนําไปทําเครื่องประดับทั้งหมดเล่า?”
ไม่เก็บส่วนหนึ่งไว้ให้พวกลูกๆ บ้างรึ?
ทําเป็นที่คาดผมไข่มุกก็ดีกระมัง?
เผยเยี่ยนขอแค่นางชอบเท่านั้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าเก็บไว้ก็เพียงพอแล้ว”
ปกติไม่มีเรื่องอะไร นําออกมาเล่น ก็ฆ่าเวลาได้เช่นกัน
อวี้ถังไม่เข้าใจการฆ่าเวลาเช่นนี้ของเขา กลับเห็นไข่มุกหนานจูนี้เป็นดั่งของลํ้าค่า
นําไปไว้ในคลังสินค้า
เดิมทีเผยเยี่ยนอยากเตือนนางสักสองประโยค ขบคิดเล็กน้อย ไม่แน่ว่าคนเขาชอบเก็บ
ของไว้ในคลังสินค้า? จุดประสงค์ของเขาคือทําให้นางมีความสุข ในเมื่อนางมีความสุขเช่นนี้
นั่นก็ดีแล้ว
ทั้งสองคนไม่มีโอกาสเอ่ยถึงไข่มุกหนานจูพวกนี้อีก เพราะอวี้ถังพูดเรื่องของหลินซื่อขึ้น
มาแล้ว