ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่338 ทางนํา้
กู้ซีแสยะยิ้มแล้วหัวเราะ “ต่อไปเรื่องของคุณชายใหญ่ พวกเรายุ่งให้น้อยลงหน่อยดีกว่า
หากเขาอยากขายหน้า ก็ปล่อยให้เขาขายหน้าไป อย่าได้ดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยว เดี๋ยวคนอื่นจะ
เข้าใจว่าพวกเราสายตาคับแคบเหมือนอย่างเขา”
เหอเซียงกล้าตอบรับเสียที่ไหน
กู้ซีกําหวีไม้ในมือจนแทบจะหักเป็นสองท่อน
วันที่สองตอนนางกลับสกุลฝั่งมารดา กู้ฉ่างได้มาคุยเป็นการส่วนตัวกับนางรอบหนึ่ง
ครั้งนั้น พี่ชายนางได้บอกกับนางว่า หากนางยังไม่มีกําลังไปเปลี่ยนแปลงหรือประเมิน
เผยเยี่ยนได้ ก็อย่าได้ไปท้าทายอํานาจของเผยเยี่ยนเป็นอันขาด ทั้งยังบอกอีกว่า หากมีปัญหา
ก็ให้ลองไปขอร้องอวี้ถังดู บอกว่าอวี้ถังมีนิสัยอ่อนโยน มีเหตุผลและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ในเมื่อ
นายหญิงใหญ่ทางนั้นไม่อาจพึ่งพาท่านแม่เฒ่าสกุลเผยได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเผยฉานกับ
เผยเยี่ยนก็คงมีนายหญิงใหญ่ติดอยู่ตรงกลางจนไม่อาจใกล้ชิดกันมากกว่านี้ เช่นนั้นนางมิสู้เข้า
ทางอวี้ถัง คบหาอวี้ถังเป็นมิตรเอาไว้ หากว่าเกิดเรื่องตึงเครียดเมื่อใด ก็หวังว่าอวี้ถังจะช่วยนาง
พูดจาสักสองประโยค
ตอนที่กู้ซีได้ยินพี่ชายของตนพูดถึงอวี้ถังเช่นนี้ นางได้แต่ตะลึงงัน อยากจะถามพี่ชาย
ใจจะขาดว่า ‘ท่านใช้ดวงตาข้างไหนมองเห็นว่าอวี้ถังนิสัยอ่อนโยน’ แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายตนเอา
แต่พรํ่าพรรณนาถึงความดีงามของอวี้ถัง นางก็พลันเข้าใจทันทีว่าพี่ชายของนางคนนี้ มี
ความรู้สึกดีๆ เป็นพิเศษให้กับอวี้ถัง และความรู้สึกงดงามเหล่านี้ เป็นไปได้มากว่ามันมาจาก
การเหลือบมองเพียงแวบหนึ่ง จนได้เห็นดวงหน้าที่งามเพริศพริ้งเหนือกว่าสตรีคนใด
พี่ชายนางบากบั่นมุมานะเล่าเรียนสิบปีเต็ม คุ้นเคยกับตํารา ‘ขงจื่อ’ ‘เมิ่งจื่อ’ เชี่ยวชาญ
ในตํารา ‘ชุนชิว’ ‘หลุนอวี๋’ แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับบุรุษทั่วไปบนท้องถนน แค่เพราะดวงหน้าเลอ
โฉมของอวี้ถัง ก็คิดเป็นตุเป็นตะเข้าใจว่าอวี้ถังเป็นหญิงงามประเสริฐผู้เพียบพร้อม!
2691
หรือผู้ชายทุกคนล้วนเป็นแบบนี้?
กู้ซีรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน
นางไม่รู้ด้วยซํ้าว่าภายหลังพี่ชายพูดอะไรกับนาง จําได้เพียงว่าตอนนั้นพี่สะใภ้ที่อายุ
น้อยกว่านางหลายปีถือถาดผลไม้เข้ามาให้ด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่เพียงชักชวนให้นางกินผลไม้
อย่างกระตือรือร้น ทั้งยังบอกกับนางว่า “ข้ากับพี่ชายเจ้า พอถึงวันที่สิบก็จะออกเดินทางไป
เมืองหลวงแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าสามีเจ้าอยากจะไปเล่าเรียนที่เมืองหังโจว หังโจวทางนั้น
ข้ามีเรือนอยู่หลังหนึ่ง กําลังว่างอยู่พอดี พวกเจ้าหากตัดสินใจไปหังโจวจริงๆ อีกเดี๋ยวข้าจะบอก
ผู้ดูแลให้หยิบกุญแจมาให้ ถึงเวลานั้นพวกเจ้าก็ย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นเถอะ จะได้ไม่ต้องออกไปเช่า
เรือนด้านนอกอยู่ ไม่เพียงไม่สะดวก ยังต้องเสียเงินไปเปล่าๆ อีกด้วย”
กู้ซีรีบลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ ถามอินซื่อว่าเหตุใดจึงรีบร้อนกลับเมืองหลวง กดข่ม
ความรู้สึกที่ไม่รู้ชัดว่าเป็นการดูแคลนอวี้ถังหรือเพราะไม่พอใจพี่ชายกันแน่ไว้ในใจ
แต่เสียงหัวเราะที่ดังลอยมาจากเรือนข้างๆ กลับทําให้ความรู้สึกที่กดทับเอาไว้ระเบิด
ออกมา
ให้นางไปขอร้องอวี้ถัง ไม่มีทางเสียหรอก
แต่ที่พี่ชายนางพูดก็ถูก
ก่อนที่นางจะมีกําลังมากพอ อย่าได้หาเรื่องทําให้เผยเยี่ยนไม่พอใจ นี่คือหลักการใน
การอาศัยอยู่ในจวนสกุลเผย
นางมิใช่เผยถง จนบัดนี้ก็ยังเชื่อฟังแม่สามีของนางอยู่ เข้าใจไปเองว่าสกุลหยางจะ
ช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขาอย่างไร้เงื่อนไขและเหตุผล
ครั้งนี้ที่นายหญิงใหญ่สกุลหยางมาร่วมงานแต่งของพวกนางก็มิใช่เพราะต้องการมา
พูดเรื่องการเกี่ยวดองระหว่างสกุลเผยกับสกุลหยางรึ?
2692
อะไรที่บอกว่าไม่มีเด็กสาวที่อายุเหมาะสม จากความคิดนาง คงเพราะการต้อง
แต่งงานกับเผยเฟยอีกคน ไม่ถือเป็นการช่วยเหลือสกุลหยางที่ตรงไหน หากต้องการไขว่คว้า
ผลประโยชน์จากสกุลเผย ดีที่สุดควรมาจากผู้สนับสนุนที่มีอํานาจในสกุลเผยเอง อย่างเช่นเผย
เซวียน หรือไม่ก็ลูกๆ ของเผยเยี่ยนเป็นต้น
เสียดายที่สตรีอย่างแม่สามีของนางไม่เพียงแยกแยะไม่ออก ทั้งยังล่วงเกินท่านแม่เฒ่า
สกุลเผยอีกครั้งเพื่อสกุลหยาง
ช่างได้ไม่คุ้มเสียอย่างแท้จริง
ทว่า การไปเมืองหลวงครั้งนี้ สามารถทําให้นางได้เจอพี่ชายกับพี่สะใภ้ ก็ไม่นับว่าเป็น
เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว
พี่สะใภ้ของนางผู้นี้ ก็ใช่ว่าจะธรรมดา หลังจากแต่งเข้ามาไม่เพียงสนิทสนมกับบ้าน
ใหญ่อย่างรวดเร็ว ซํ้ายังเหยียบยํ่ามารดาเลี้ยงของนางจนติดดิน เรื่องของสกุลเผย ไม่แน่นาง
อาจช่วยออกความเห็นแก่นางได้!
กู้ซีกําลังนิ่งคิด อารมณ์ก็เริ่มดีขึ้นตามลําดับ
นางดื่มนํ้าชาอึกใหญ่จนหมด จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับเหอเซียงว่า “ไป บนเรือน่าเบื่อ
พวกเราแวะไปหาอาหญิงสามดีกว่า ทางนั้นคงมีอะไรน่าสนุก”
เหอเซียงยืนงงอยู่ครู่ใหญ่
กู้ซีเลือกขนมเจ็ดแปดอย่างจากกล่องให้สาวใช้นําไปห่อ “เตรียมชาดีติดไปหน่อย ข้าจํา
ได้ว่าคุณชายทางนั้น หลายวันก่อนสหายของเขาจากเมืองหลวงนําชาอวิ๋นอู้จากหวงซานมา
ฝาก ชานั่นก็เตรียมไปสักหน่อยด้วย”
สาวใช้รับคําแล้วออกไปจัดการ
เหอเซียงประคองของไว้แล้วเดินไปที่ห้องโดยสารข้างๆ
2693
คุณหนูห้ากําลังคุยเรื่องคุณหนูสามกับอวี้ถังอยู่พอดี “นางปวดใจจะตาย หากมิใช่อา
สามต้องเข้าเมืองหลวง พวกเราคงได้ร่วมพิธีรับของหมั้นของนางให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออก
เดินทาง!”
อวี้ถังถามอย่างสงสัยว่า “นางจะรับของหมั้นอย่างเป็นทางการแล้วรึ? ทําไมก่อนหน้านี้
ไม่เห็นได้ยินนางพูดเลยล่ะ?”
คุณหนูห้ายู่ปาก “ได้ยินว่านายหญิงผู้เฒ่าทางนั้นหลายวันก่อนไม่อาจขยับร่างกาย
ส่วนล่างได้แล้ว นายหญิงผู้เฒ่ากลัวว่าจะทําให้งานแต่งของพวกเขาต้องล่าช้า จึงส่งคนมาบอก
เป็นพิเศษว่าให้แต่งงานก่อน แล้วค่อยเข้าหอ ท่านย่าเองก็ตกลงแล้ว นางอาจจะเขินอาย จึง
ไม่ได้บอกกับท่านล่วงหน้า ใครจะคิดว่าจู่ๆ พวกเราต้องขึ้นเหนือไปด้วยกัน นางคงรู้สึกแย่มาก
เป็นแน่!”
อวี้ถังไม่คิดว่าคุณหนูสามจะต้องแต่งงานเร็วปานนี้
นางกําลังจะเอ่ยถามเรื่องของคุณหนูสี่ กู้ซีก็มาเยือนพอดี อวี้ถังนึกว่ากู้ซีมีธุระอะไร
นางจึงหยุดบทสนทนาเอาไว้ แล้วเชิญกู้ซีเข้ามาด้านในห้อง
กู้ซีเข้ามาแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าอยู่ในห้องโดยสารได้ยินเสียงคนหัวเราะ จึงเดา
ว่าเจ้าต้องอยู่ที่นี่ ไม่คิดว่าเจ้าจะอยู่จริงๆ เสียด้วย”
คุณหนูห้าหัวเราะเหอะๆ อย่างกระอักกระอ่วน แล้วเชิญให้นางนั่งลง
อวี้ถังเอ่ยถามนางว่า “มีเรื่องด่วนอะไรอย่างนั้นรึ?”
กู้ซีหัวเราะ “ไม่มีเรื่องอะไรก็มาเยี่ยมท่านไม่ได้หรือ? ตอนนี้ท่านเป็นถึงอาหญิงสามของ
พวกเราแล้ว! จริงไหม อาตัน!”
นางพูดไป พลางหัวร่อแล้วเอนกายไปอิงร่างของคุณหนูห้า
คุณหนูห้าหัวเราะอย่างร่างเริง รู้สึกว่าการที่อวี้ถังเปลี่ยนมาเป็นอาหญิงนั้นช่างน่าสนใจ
ยิ่ง
2694
อวี้ถังรู้สึกไม่เป็นตัวเองเท่าไรนัก
แต่ก่อนกู้ซีก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าตนจะพูดจากับใคร ขอเพียงนางมาถึง ก็มักแย่งหัวข้อ
สนทนาไปเสมอ และจะต้องดึงความสนใจของคู่สนทนาของตนไปให้จงได้
อวี้ถังตัดสินใจไม่แยแสนาง จึงหันหน้าไปยิ้มให้นางเท่านั้น
กู้ซีเอ่ยเรื่องเมืองหลวงขึ้นมาว่า “พวกเราต้องเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเลยรึ? จะหยุดพัก
ที่ซูโจวไหม? สกุลซ่งก็อยู่ที่ซูโจว พวกเราจะแวะไปเยี่ยมคารวะสกุลซ่งหรือไม่?”
คุณหนูห้าแต่ไรก็ไม่คิดใส่ใจเรื่องพรรค์นี้ นางมีผู้อาวุโสอยู่ข้างกาย นางแค่สนใจเดิน
ตามผู้อาวุโสไปก็พอแล้ว
นางจึงได้แต่หันไปมองอวี้ถัง
อวี้ถังเอ่ยยิ้มๆ “คงไม่แวะที่ซูโจวหรอก พวกเราเร่งเดินทางไปเมืองหลวงน่ะ”
สัญชาตญาณของนางบอกให้ระวังบ้านของเผยโย่วเอาไว้ ไม่คิดจะบอกเหตุผลแท้จริงที่เดิน
ทางเข้าเมืองหลวงให้กู้ซีฟัง “อาสามของพวกเจ้าถูกท่านผู้เฒ่าจางเรียกตัว ถึงได้ไปเมืองหลวง”
ทั้งยังงึมงําด้วยท่าทางวิตกว่า “ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวงบ้าง ถึงได้ส่งท่านเฉิน
มาด้วยอีก”
กู้ซีไม่ได้ต้องการมาหยั่งเชิงถึงเหตุที่เผยเยี่ยนต้องเข้าเมืองหลวง
สําหรับนางแล้ว หากว่ามีโอกาส ย่อมจะไปอยู่ที่เมืองหลวงแน่ เมืองหลวงมีโอกาส
มากกว่าเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ต่อให้เผยเยี่ยนออกจากราชการไปเฝ้าจวน แต่หากไปมาหาสู่
กับผู้สูงศักดิในเมืองหลวงบ่อยๆ ก็สามารถสั่นสะเทือนพ่อเมืองของหังโจว และสามผู้ดูแลของเจ้ ์
อเจียงกับเจียงซูได้แล้ว การเข้าเมืองหลวงนับเป็นเรื่องที่จําเป็นอย่างมาก
นางคุยเล่นกับอวี้ถังต่อไปว่า “ข้าฟังคุณชายใหญ่พูดมา บอกว่าสกุลเรามีคฤหาสน์อยู่ที่
เมืองหลวง คฤหาสน์หลังนั้นอยู่ที่ไหนรึ? ไกลจากถนนฉางอันไหม? พวกเราเข้าเมืองหลวง
สามารถไปเดินเล่นที่ตลาดได้หรือไม่?”
2695
เรื่องพวกนี้อวี้ถังค่อนข้างรู้ดี
นางวาดแผนที่เมืองหลวงอย่างคร่าวๆ ชี้ให้พวกนางดูว่าวังหลวง ถนนฉางอัน ที่ว่าการ
ของหกกรมอยู่ตรงไหนบ้าง พวกนางต้องไปพักที่ใด รวมถึงเรือต้องไปเทียบท่าขึ้นฝั่งตรงไหน
เข้าเมืองทางประตูทิศใด ทุกอย่างล้วนกระจ่างชัดเจนยิ่ง ทําเอาคนที่ไม่เคยไปเมืองหลวงสักครั้ง
อย่างกู้ซีและคุณหนูห้ายังฟังเข้าใจอย่างง่ายดาย
คุณหนูห้าเอ่ยอย่างนับถือว่า “อาหญิงสามเก่งกาจนัก! ท่านจะต้องอ่านตํารามามาก
แน่?”
อวี้ถังหน้าแดงไปหมด แม้จะอึกๆ อักๆ แต่ก็ตอบไปว่า “หามิได้ พวกนี้ล้วนเป็นอาสาม
ของเจ้าที่สอนข้า”
ทั้งยังทดสอบนางอีกด้วย
หากว่านางตอบไม่ถูก เขาก็จะ ‘วาดรูป’ บนร่างนางไปเรื่อยๆ ทรมานนางจนเหมือนอยู่
ไม่สู้ตาย แค่คิดก็รู้สึกอยากจะมุดลงรูให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย
ดีที่คุณหนูห้ากับกู้ซีต่างไม่เข้าใจความนัยของคําว่า ‘เก่งกาจ’ คุณหนูห้าดวงตาเป็น
ประกาย เอ่ยด้วยความอิจฉาว่า “อาสามช่างดีกับท่านเหลือเกิน! วันนั้นข้าถามอาหงว่าพวกเรา
จะไปซานตงได้อย่างไร ทั้งยังติดสินบนเขาด้วยพู่กันขนหมาป่ าหนึ่งกล่อง เขาถึงยอมเล่าให้ข้า
ฟังอย่างรําคาญใจ แต่จนบัดนี้ข้ายังฟังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซํ้า”
ตอนแรกอวี้ถังก็แยกแยะไม่ออกเช่นกัน
เป็นเผยเยี่ยนที่สอนนางว่าจะอ่านทิศเหนือใต้ออกตกบนแผนที่ได้อย่างไร นางถึงค่อยๆ
ได้เรื่อง
นางปลอบใจคุณหนูห้าว่า “ไม่แน่ว่าอาหงเองก็คงไม่เข้าใจเหมือนกัน?”
คุณหนูห้าเยาะเสียงเหอะ แล้วบ่นว่า “แต่เขาจะแสร้งเป็นเข้าใจไม่ได้นี่นา! รอให้เจอ
ท่านพ่อก่อนเถอะ ข้าจะฟ้องท่านพ่อ ให้ท่านพ่อลงโทษเขาคัดอักษรห้าร้อยตัวทุกวันเลย”
2696
อวี้ถังหลุดเสียงหัวเราะออกมา
กู้ซีคล้ายตกอยู่ในภวังค์
แต่เล็กจนโต นางก็ไม่เคยถูกใครฟ้องมาก่อน และไม่เคยถูกลงโทษด้วย…ไม่คิดว่าเผย
เซวียนจะดีกับลูกๆ ของตนเช่นนี้…ไม่คิดว่าเผยเยี่ยนจะบอกเรื่องเหล่านี้กับอวี้ถัง…นางกับ
เผยถง นอกจากถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไปแล้ว ก็แทบจะไม่ได้คุยเรื่องอื่นเลย…
กู้ซีรีบสลัดอารมณ์ของตนทิ้ง แล้วเอ่ยยิ้มแย้มกับอวี้ถังต่อว่า “ข้าได้ยินพี่สะใภ้ข้าบอก
ว่า พวกเขาพักอยู่แถวประตูฟู่ ซิง ที่นั่นห่างจากคฤหาสน์ของพวกเรามากหรือไม่?”
แถบประตูฟู่ ซิง คล้ายว่าคุณหนูสวีก็พักแถวนั้นเหมือนกัน
หรือว่าตอนกู้ฉ่างอยู่เมืองหลวงจะไปพักที่เรือนของสกุลอิน?
อวี้ถังไม่สะดวกซักไซ้ ตอบอย่างขอไปทีว่า “ก็คงจะใกล้อยู่ พวกเราก็พักแถบๆ นั้น ที่นั่น
อยู่ใกล้กับหกกรมและที่ว่าการ จะทําธุระสิ่งใดก็สะดวก”
กู้ซีประหลาดใจอย่างมาก
นางนึกว่าเผยเยี่ยนเพียงแค่อธิบายให้อวี้ถังฟังคร่าวๆ เท่านั้น แต่เห็นจากตอนนี้ เขาคง
พูดให้ฟังอย่างละเอียดมากแน่
อวี้ถังต่อให้เข้าเหมืองหลวง ก็ไม่เหมือนพวกนางที่ดวงตามืดบอด ไม่รู้เรื่องอะไรสัก
อย่าง
เผยเยี่ยนที่เป็นคนเย็นชาเยี่ยงนั้น ไม่คิดว่าเมื่อแต่งงานมีภรรยาแล้วจะเป็นคนอบอุ่น
เพียงนี้
กู้ซีบอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร นางคุยกับอวี้ถังและคุณหนูห้าด้วยหัวใจเลื่อนลอย
คิดฆ่าเวลาที่ต้องอยู่บนเรือ
2697
อวี้ถังถูกเผยเยี่ยนบีบบังคับให้เรียนแผนที่เมืองหลวงต่อ เขาอ้างกับนางว่า ‘เข้าเมือง
แล้วไปไหนจะได้ไม่หลงทาง’ นางออกไปข้างนอกก็มีหญิงรับใช้ คนรถ และผู้ดูแลคอยติดตาม
อยู่แล้ว แล้วจะหลงทางได้อย่างไร? เห็นชัดๆ ว่าเขาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อ ‘ลงโทษ’ นาง
ทุกครั้งที่นางคิดว่ากู้ซีมาเยือนถึงประตูเพราะเสียงหัวเราะของคุณหนูห้า นางก็ต้องจิก
มุมผ้าห่มไว้แน่นไม่กล้าส่งเสียง แต่เผยเยี่ยนก็คล้ายว่าชอบรังแกนาง ยิ่งเห็นว่านางทําแบบนั้น
เขาก็ยิ่งเอาใหญ่ วันหนึ่งอวี้ถังควบคุมตัวเองไม่อยู่ร้องไห้ออกมา นางเอาแต่ถีบเผยเยี่ยนอย่าง
ไร้เรี่ยวแรงหลายครั้ง เผยเยี่ยนถึงได้รู้ที่มาที่ไปในที่สุด
เขาเอาแต่หัวเราะดังลั่น จูบลงกระหม่อมชื้นเหงื่อของอวี้ถัง เอ่ยเสียงนุ่มว่า “เด็กโง่ สามี
เจ้าจะยอมให้เจ้าอับอายต่อหน้ากู้ซีได้อย่างไร? เจ้าลืมแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้ข้าช่วยเจ้าไว้
อย่างไรบ้าง?”