ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่339 ไม่ว่าอย่างไร
อวี้ถังเบิกตากว้างมองเผยเยี่ยน
นางไม่รู้หรอกว่าดวงตารื้นชื้นคู่นั้นสะท้านใจคนได้มากเพียงใด นางเพียงคิดว่าหาก
พรุ่งนี้ได้ยินกู้ซีพูดว่าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของพวกนางทางนี้ เผยเยี่ยนยังจะหลอกนาง
อย่างไรอีก?
เผยเยี่ยนเห็นนางทําหน้าแบบนั้น ก็ยิ่งหลงนางจนห้ามใจไม่อยู่ เขาก้มหน้าพรมจูบที่
สองแก้มของนาง ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาแผ่วว่า “แผ่นไม้ในห้องโดยสารล้วนใช้เป็นไม้สองชั้น
ทั้งบุตรงกลางเสริมอีกชั้นหนึ่ง หากว่าไม่เปิดหน้าต่าง เสียงไม่มีทางลอดออกไปได้แน่ และ
เพราะเหตุนี้เอง เวลาที่เปิดหน้าต่าง เสียงในห้องโดยสารถึงดังมากกว่าเดิม”
อวี้ถังไม่เข้าใจ
เผยเยี่ยนได้แต่ถอนหายใจเฮือก ออกแรงขบใบหูเกลี้ยงเกลาขาวนุ่มของนางอย่างมัน
เขี้ยว แล้วเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าแค่เชื่อใจข้าก็พอแล้ว”
อวี้ถังยังลังเลสองจิตสองใจ
เรื่องอื่นนางล้วนแต่เชื่อถือเขา แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรู้สึกว่าเผยเยี่ยนชอบหยอกล้อ
นาง เหมือนกับแกล้งแหย่ลูกสุนัขลูกแมวเล่น แม้ตนเองจะชื่นชอบ แต่บางครั้งก็กังวลว่าจะเลย
เถิดเกินงาม
เผยเยี่ยนโมโหใหญ่ เอนตัวนอนลงข้างๆ ยกแขนขึ้นมาปิดดวงตาเอาไว้ เอ่ยเสียงมึนตึง
ว่า “ข้าคงเสียสติไปแล้ว หากปล่อยให้คนอื่นได้ยินเสียงในห้องหอของข้า”
จริงด้วย!
กระทั่งเขากินอะไรยังไม่ยอมให้ผู้อื่นล่วงรู้ด้วยซํ้า นับประสาอะไรกับเรื่องพรรค์นี้
2699
อวี้ถังพลันหน้าแดงไปหมด ทั้งรู้สึกผิดและปวดใจ พอเห็นท่าทางขุ่นเคืองแบบนั้น ก็รีบ
เลื้อยขึ้นไปบนร่างเขา แล้วจับมือเอาไว้
เผยเยี่ยนไม่ขยับเขยื้อน
อวี้ถังจึงได้แต่กระซิบขอโทษข้างหูเขาอย่างแผ่วเบา “เป็นข้าที่ไม่ดี! ข้าผิดไปแล้ว! ท่าน
อย่าโกรธเลยนะ! ยกโทษให้ข้าเถอะ ต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่าน”
เผยเยี่ยนไม่สนใจนาง จนนางต้องงอนง้ออยู่พักใหญ่
อวี้ถังหมดหนทาง นางยอมกัดฟันไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น นางตวัดแขนกอดคอของเขาไว้
พูดงึมงําบางอย่างที่ข้างหู
จากนั้น นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะพอใจของเผยเยี่ยน
อวี้ถังเกิดสงสัย พยายามดึงแขนออกจากหน้าของเขา
ทว่าลําแขนของเผยเยี่ยนเหมือนกับเสาหิน ดึงอย่างไรก็ไม่ขยับสักนิด
แต่อวี้ถังเห็นว่ามุมปากของเขาเผยอขึ้น
อวี้ถังเขินอาย จึงใช้เล็บจิกลงที่แขนของเขา “นี่ไง! ท่านหลอกข้าอีกแล้ว คอยดูต่อไปข้า
จะไม่สนใจท่าน…”
ประโยคนั้นนางยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเผยเยี่ยนรัดเอวไว้เสียแล้ว
อวี้ถังร้องออกมาด้วยความตกใจ
เผยเยี่ยนหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น “ใครให้เจ้าโง่งมกันเล่า ตอนนี้รู้หรือยังว่าตนเองมี
ความผิด?”
ก่อนหน้านี้อวี้ถังยังรู้สึกว่าตนเป็นคนผิดอยู่ แต่พอเผยเยี่ยนหลอกนางกลับ เช่นนี้นับว่า
พวกเขาเสมอกันแล้ว?
2700
สองคนนอนอยู่บนเตียง เจ้าลากข้า ข้าดึงเจ้า ก่อนจะเริ่ม ‘ตบตี’ กันอีกยก
วันต่อมา อวี้ถังต้องไปพิสูจน์ก่อนว่าสิ่งที่เผยเยี่ยนบอกนางนั้นเป็นความจริงหรือไม่
ข้างห้องโดยสารนาง ฝั่งหนึ่งเป็นกู้ซี อีกฝั่งเป็นนายหญิงรอง นางย่อมต้องไปที่ห้องของ
นายหญิงรองอยู่แล้ว นางวิ่งเข้าวิ่งออก จากนั้นจึงพบว่าเป็นจริงตามที่เผยเยี่ยนบอก หากว่า
พวกเขาปิดหน้าต่างเอาไว้ ห้องข้างๆ จะไม่ได้ยินเสียงสักเอะ หากว่าเปิดหน้าต่าง พวกนางไม่ว่า
จะคุยอะไร ห้องโดยสารของนายหญิงรองทางนั้นกลับได้ยินอย่างชัดแจ๋วทีเดียว
อวี้ถังรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
นายหญิงรองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคิดว่านางเกิดสนใจเรือลําใหญ่ลํานี้ขึ้นมา จึงบอก
กับนางว่า “นี่เป็นเรือที่ซื้อกลับมาจากจินหลิง หากว่าจะต่อเรือสักลํา จินหลิงทางนั้นเชี่ยวชาญ
ที่สุด กรมโยธาก็มีอู่ต่อเรือที่จินหลิงเช่นกัน” จากนั้นก็เอ่ยอย่างเสียดายเหมือนกับคุณหนูห้าว่า
“หากว่าอารองเจ้าเป็นขุนนางที่เมืองหลวงก็คงดี พวกเราจะได้ไปเมืองหลวงด้วยกัน ระหว่าง
ทางก็แวะพักที่จินหลิงสองวันก่อน ข้าจะพาเจ้าไปนั่งเล่นที่เรือนสกุลฝั่งมารดาข้า สกุลฝั่งมารดา
ข้าก็มีอู่ต่อเรือเล็กๆ แม้จะไม่ได้ต่อเรือขนาดใหญ่ แต่ก็ต่อเรือสําเภาได้สบายมาก”
เช่นนั้นก็เก่งกาจมากแล้ว
อวี้ถังจึงเอ่ยเยินยอสรรเสริญไปยกหนึ่ง
นางหญิงรองรู้สึกภาคภูมิใจแทนสกุลฝั่งมารดามาก “นอกจากสกุลขุนนางแล้ว อู่ต่อเรือ
ของสกุลเรานับว่าเก่งกาจที่สุด สกุลซ่งเวลาต่อเรือ บางครั้งยังต้องมายืมคนเรือจากสกุลเรา
เลย”
มิน่าสกุลซ่งถึงได้ประจบสกุลเผยนัก
จากนั้นเรือของสกุลเผยก็ถูกขวางไว้ที่เมืองซูโจว
นายท่านสี่กับนายหญิงสี่สกุลซ่งขึ้นเรือมาทักทายพวกนางด้วยตนเอง สีหน้าของเผย
เยี่ยนยํ่าแย่อย่างที่สุด
2701
อวี้ถังรู้ว่าเขารีบร้อนเดินทาง จึงแอบกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ ปลอบใจเขาว่า “ในเมื่อ
เป็นเช่นนี้ ท่านก็อย่าได้อารมณ์เสียเลย ต้องรีบหาทางไล่พวกเขาไปเร็วๆ ถึงจะถูก”
เผยเยี่ยนก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เขาข่มอารมณ์เต็มที่ ก่อนออกไปรับสิ่งของที่ใช้เดินทางซึ่ง
สกุลซ่งนํามาให้อย่างใจเย็น บอกปัดคําเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของนายท่านสี่ จากนั้นก็เร่ง
เดินทางออกจากซูโจว
อวี้ถังค่อยหายใจสะดวกขึ้น
เผยเยี่ยนสั่งคนให้ถือจดหมายไปหาผู้ว่าการเมืองเจียงซู บอกว่าสกุลซ่งสกัดขัดขวาง
เรือของเขา
คนสกุลซ่งไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร พวกเขาทําเรื่องแบบนี้จนเคยชิน แต่เมื่อตกอยู่ใน
สายตาผู้อื่น มันกลับกลายเป็นปัญหาขึ้นมา…นายท่านสี่สกุลซ่งมิใช่ทั้งขุนนางหรือผู้บัญชาการ
ทางทหาร อาศัยสิทธิ์
อันใดมาขวางเรือที่แล่นอยู่กลางคลองใหญ่สายเมืองหลวงหังโจวเส้นนี้?
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง
เผยเยี่ยนในเวลานี้ นับว่าใจร้อนเป็นไฟจริงๆ แล้ว
คดีของซุนเกาถูกสอบสวนซํ้าไปมาเป็นเวลาครึ่งปี ในที่สุดผลตัดสินก็ออกมาเมื่อหลาย
วันก่อน
ซุนเกาทั้งสกุลถูกยึดทรัพย์และถูกเนรเทศ
แต่ก่อนหน้านั้น ซุนเกาได้ให้บุตรสาวทั้งสองของตนแต่งงานออกไปอย่างรีบร้อนแล้ว
บุตรสาวคนรองนั้นไม่เท่าไร นางแต่งให้กับบัณฑิตผู้หนึ่ง แต่บุตรสาวคนโต กลับแต่งให้
สกุลเผิงแห่งฝูเจี้ยน เป็นชายารองของเผิงอวี่ อีกอย่างงานแต่งยังถูกจัดขึ้นที่เมืองหลวง ขณะที่
บุตรชายคนรองของเผิงอวี่กําลังเล่าเรียนอยู่ที่ฝูเจี้ยน คนไม่ได้มาร่วมงานเสียด้วยซํ้า
นี่เป็นวิธีการฝากฝังเฉพาะหน้าโดยแท้
2702
เผยเยี่ยนรู้สึกว้าวุ่นใจนัก
เขาเรียกท่านเฉินไปคุยที่ห้องหนังสือของตน “เจ้าบอกว่าใต้เท้าเสิ่นใกล้จะลาออกจาก
ราชการแล้ว เป็นการคาดการณ์ของเจ้า? หรือการคาดการณ์ของอาจารย์? หรือพวกเจ้าไปได้
ยินข่าวอะไรมา?”
ท่านเฉินตอบอย่างไม่รีบร้อนราวกับรู้เรื่องดีอยู่แล้ว “เป็นการคาดการณ์ของข้ากับผู้
เฒ่าจางขอรับ นายท่านเสิ่นขึ้นเป็นโซ่วฟู่ ได้ ล้วนอาศัยความอาวุโสของเขา บีบเค้นขุนนางคน
อื่นๆ หากมิใช่เหล่ามหาบัณฑิตในราชสํานักเอาแต่เสนอให้แต่งตั้งรัชทายาททุกวัน ฮ่องเต้คงไม่
มีทางแต่งตั้งใต้เท้าเสิ่นเป็นโซ่วฟู่ แน่ เดิมทีเขาก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นโซ่วฟู่ อยู่แล้ว เพราะชอบ
ลังเลไม่เด็ดขาด ก่อนหน้านี้ตอนที่ผู้เฒ่าจางไปพบเขาเพื่อคุยเรื่องใต้เท้าจางน้อย เขาก็รับปาก
เสียดิบดี แต่พอถูกสกุลเผิงบีบเข้าหน่อย เขาก็เปลี่ยนใจเสียแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ทําหน้าอับจน “ท่านอาจจะยังไม่รู้ เรื่องใต้เท้าจางน้อยทําให้ผู้เฒ่า
จางโกรธแค้นมาก เขาไปพบใต้เท้าเสิ่น ผลปรากฏว่าใต้เท้าเสิ่นเกิดเปลี่ยนใจ บอกว่าถึงเวลาจะ
ช่วยใต้เท้าจางน้อยคว้าตําแหน่งรองเจ้ากรมโยธา แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็เพิ่งจะรับปากใต้เท้า
หลีไปเช่นกันว่า จะเปิดทางให้กับลูกศิษย์ของใต้เท้าหลี ซึ่งก็คือเจียงชุนเหอบัณฑิตสํานักฮั่น
หลิน สอบได้เป็นเจี๋ยหยวนของเจียงซูในปีนั้น ให้เขาได้เป็นรองเจ้ากรมโยธา ดังนั้นผู้เฒ่าจางถึง
อยากให้ท่านเร่งเดินทางไปเมืองหลวง ตอนนี้ใต้เท้าเฟ่ ยไม่ค่อยแยแสสิ่งใดแล้ว กรมขุนนางทาง
นั้นหากว่ากุมไว้ไม่อยู่อีก สถานการณ์คงไม่เป็นประโยชน์ต่อเรานักขอรับ”
สายตาของเผยเยี่ยนมองท่านเฉินอย่างเรียบเฉย ไม่ได้พูดจา
ท่านเฉินรู้สึกหนาวเยือกในอก จึงเอ่ยเสียงเครียดออกมาว่า “ท่าน ท่านคิดว่าข้าพูดไม่
ถูกหรือขอรับ?”
เขาอยู่ข้างกายจางอิงมาหลายปี ทุกครั้งตอนที่เขาเห็นว่าเผยเยี่ยนกับจางอิงอยู่ด้วยกัน
จางอิงมักจะตําหนิเผยเยี่ยนอยู่ตลอด ส่วนเผยเยี่ยน ก็ฟังอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม วางท่าเป็น
ศิษย์รักผู้ว่านอนสอนง่าย
2703
ด้วยเหตุนี้แม้ตนจะรับการฝากฝังจากจางอิงมา ขอให้พาเผยเยี่ยนกลับไปเมืองหลวงให้
ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ทว่าจางอิงกลับมิได้ใส่ใจเผยเยี่ยนอย่างแท้จริง ตนมักรู้สึกว่า
ตั้งแต่ที่จางอิงสูญเสียบุตรชายไป จู่ๆ เขาก็เกิดรักใคร่เผยเยี่ยนที่เป็นเป็นศิษย์คนสุดท้องขึ้นมา
เสียอย่างนั้น
ท่านเฉินเคารพในตัวเผยเยี่ยน ทว่ามิได้เกรงกลัวเขา
ส่วนเผยเยี่ยนหากไม่สนใจเขาก็จะไม่ยุ่ง แต่หากคิดจะยุ่งขึ้นมาก็ต้องทําให้ดีที่สุด
ในเมื่อเขาตัดสินใจไปเมืองหลวงแล้ว ย่อมจะขจัดอุปสรรคระหว่างทางจนสะอาด
เกลี้ยงแน่
รวมถึงท่านเฉินด้วย
เขามิได้เก็บงําท่าทีของตน เอ่ยด้วยนํ้าเสียงกดดันว่า “เจ้าคิดว่าที่ใต้เท้าเสิ่นได้เป็นโซ่ว
ฟู่ เพราะโชคช่วยอย่างนั้นสิ? แต่เจ้ารู้หรือไม่ โชคก็นับเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง การบีบเค้น
ขุนนางก็นับเป็นกําลังอย่างหนึ่งเช่นกัน มิน่าขนาดศิษย์พี่โจวเดินทางไปสมทบที่เมืองหลวงแล้ว
แต่พวกเจ้าก็ยังถูกบีบไปทุกทาง ข้าว่า ก็เพราะประเมินศัตรูตํ่าเกินไปอย่างไรเล่า”
ท่านเฉินชะงักไป
เผยเยี่ยนจึงเอ่ยปากว่า “รับปากสกุลจาง ทั้งตอบตกลงสกุลหลี แล้วยังทําให้สกุลเผิง
พอใจได้ วิธีไกล่เกลี่ยมั่วๆ ของเขาแบบนี้ก็ยอดเยี่ยมไม่เลว! โอนเอนตามผู้แข็งแกร่งกว่าไป
เรื่อยๆ ลาออกอย่างนั้นรึ ข้าว่าขอเพียงเขายังมีลมหายใจ คงจะกอดตําแหน่งโซ่วฟู่ ไว้ไม่ยอม
ปล่อยแน่ อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่ของประดับฉาก พวกเจ้าใครมีอํานาจกว่าเขาก็ฟังคนนั้น
ถูกต้องหรือไม่?”
ท่านเฉินนิ่งอึ้ง
พวกเขาคิดเช่นนั้นจริงๆ
2704
อีกอย่าง จางอิงไม่อยากให้หลีซวิ่นเป็นโซ่วฟู่ และไม่ต้องการให้เจียงฮวาเป็นเช่นกัน
หลีซวิ่นนั้น เขามีอํานาจมากเกินไป เขาเคยเป็นหัวหน้าคุมสอบอยู่สนามหนึ่ง มีลูกศิษย์ลูกหา
เป็นของตนเอง หากว่าเขาขึ้นเป็นโซ่วฟู่ สกุลจางคงถูกเบียดตกขอบไปแน่ ส่วนเจียงฮวาแม้จะ
เป็นศิษย์ของจางอิง แต่หลายปีนี้เจียงฮวากับจางอิงมีข้อคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน หากว่า
เขาเป็นโซ่วฟู่ เกียรติยศหน้าตาของจางอิงคงมาถึงจุดสูงสุดได้เพียงเท่านี้ ลูกหลานของสกุลจาง
ก็คงไม่อาจมีชีวิตที่สุขสบายแล้ว
แต่ก่อน จางอิงใช้เฟ่ ยจื้อเหวินมาถ่วงอํานาจกับเจียงฮวา
บัดนี้เฟ่ ยจื้อเหวินถดถอยไม่เหมือนกาลก่อน อํานาจที่ถ่วงไว้ถูกทําลาย จางอิงกลัวว่า
เจียงฮวาจะแสดงความความสามารถจนโดดเด่นเกินไป และรวมสมัครพรรคพวกกับ
มหาบัณฑิตจากหอเน่ยเก๋อร์คนอื่นๆ
จางอิงยอมให้ใต้เท้าเสิ่นอยู่ในตําแหน่งโซ่วฟู่ ต่อไปยังจะดีกว่า
ท่านเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัว
นี่คือแผนการของพวกเขาก่อนหน้านี้
แผ่นหลังของเขาพลันชุ่มด้วยเหงื่อ
“นายท่านเผย” ท่านเฉินไม่กล้าดูแคลนเผยเยี่ยน เขาคารวะเผยเยี่ยนด้วยความเคารพ
จากใจจริง “ท่าน ท่านจะต้องช่วยผู้เฒ่าจางให้ได้นะขอรับ เพราะการตายของคุณชายใหญ่
กําลังวังชาของผู้เฒ่าจางถดถอยลงไปมาก ไม่ทันไรก็เหมือนแก่ขึ้นเป็นสิบปี ท่าน…ถ้าท่านเห็น
ผู้เฒ่าจางแล้วก็จะเข้าใจเองขอรับ” พูดถึงตรงนี้ เขาก็ปล่อยนํ้าตาให้ร่วงลงมา
มิน่าผู้เฒ่าจางถึงได้แนะนําพี่ชายของเขาให้ไปรับตําแหน่งผู้ว่าการที่ซานตง
เผยเยี่ยนพยักหน้าเอ่ยว่า “ในเมื่อข้ารับปากอาจารย์ว่าจะไปเมืองหลวง ย่อมจะทุ่มเท
สุดแรงเพื่อช่วยเหลือ กลัวแต่ข้าจะมีกําลังจํากัด ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มาก”
2705
เขากําลังพิจารณา ว่าจะยอมเสี่ยงตัวเองเปล่าๆ เพื่อคนอื่นดีหรือไม่ เพื่อเป็นการสร้าง
โอกาสให้กับพี่รองของเขา
ท่านเฉินซาบซึ้งเอาแต่สูดนํ้ามูกนํ้าตา เขาเล่าเรื่องที่เมืองหลวงให้เผยเยี่ยนฟังมากมาย
แล้วถึงขอตัวกลับไป
เผยเยี่ยนขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลานาน ขีดๆ เขียนๆ อยู่ค่อนวัน จากนั้นก็
เผาสิ่งที่ตนเองวาดทิ้ง แล้วค่อยกลับห้อง
อวี้ถังกําลังนอนหลับตาฟังอาซิ่งอ่านหนังสือให้นางฟัง
เพราะเรื่องในชาติก่อน นางจึงดูแลอาซิ่งอย่างดี นางรู้โดยบังเอิญว่าอาซิ่งรู้จักตัวอักษร
จึงให้นางช่วยอ่านหนังสือให้ฟังบางครั้ง ถือเป็นการส่งเสริมให้นางเรียนรู้ตัวอักษรอื่นๆ ต่อไป
ไม่คิดว่าการกระทําของตนจะไปกระตุ้นให้ความมานะบากบั่นของคนเบ่งบาน จนนางเริ่มเรียนรู้
อักษรต่างๆ จากชิงหยวน
อวี้ถังไม่ได้สนใจพวกนาง ขอเพียงพวกนางชื่นชอบ นางย่อมจะส่งเสริมให้คนของสกุล
เผยช่วยสอนหนังสือให้พวกนางอยู่แล้ว
หลายวันนี้ตอนที่เผยเยี่ยนกลับห้องมา ก็เคยได้ยินเสียงอ่านหนังสืออยู่
อวี้ถังเห็นว่าเผยเยี่ยนกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างเคย ก็บอกอาซิ่งให้ออกไปก่อน
จากนั้นก็ถามไถ่เผยเยี่ยนว่าเกิดอะไรขึ้น
เผยเยี่ยนพกความอัดอั้นมาเต็มท้อง เขาบ่นให้อวี้ถังฟังอยู่เป็นนาน ประเด็นหลักก็คือ
จางอิง พออายุมากขึ้น ก็มักเอาแต่ระลึกถึงเรื่องเก่าๆ ท่านเฉินที่เป็นที่ปรึกษาเช่นนี้นับว่าไม่
เหมาะสมอย่างมาก ทั้งยังคอยติดตามอยู่ข้างกายถือเป็นการทําร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น
อวี้ถังได้แต่ปลอบโยนเขา “ท่านผู้เฒ่าจางลาออกแล้ว ที่ปรึกษาข้างกายไม่อาจได้รับ
ผลประโยชน์ใดๆ จากราชการได้อีก ผู้ที่มีความทะเยอทะยานย่อมจากไปกันหมด คนที่อยากใช้
ชีวิตยามแก่เฒ่าก็รั้งกายอยู่ต่อไป ท่านก็อย่าฝืนมากเกินไปเลยเจ้าค่ะ”