ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่340 ต้อนรับ
แม้คําจะพูดเช่นนั้น แต่เผยเยี่ยนก็ยังไม่หายโมโห เขาบ่นเรื่องของจางอิงกับอวี้ถังต่อว่า
“เขาก็เหมือนจิ้งจอกเฒ่า ในเมื่อไม่อาจถอนตัวออกมาได้ ก็ควรจะวางแผนอนาคตไว้ให้คนสนิท
ข้างกายบ้าง หากว่าทําไม่ได้ ก็ควรถอนตัวไปเสีย ไม่ต้องมายุ่งเรื่องทางโลกอีก สรรพสิ่งในโลก
ล้วนแปรเปลี่ยน ใครจะสามารถยืนอยู่บนจุดยอดสุดของภูเขาได้ตลอด? ตอนอ่านตํารา
ประวัติศาสตร์แต่ละคนต่างกระจ่างไม่น้อยหน้าใคร แต่พอมาถึงทีตนเอง ใครบ้างจะยินยอม
เช่นนั้น ใครบ้างที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นข้อยกเว้น เมื่อก่อนสกุลสวีมีเริงอํานาจในเมืองหลวง
สกุลจางปีนป่ ายขึ้นมาได้อย่างไร? มิใช่ว่าเหยียบยํ่าสกุลสวีขึ้นไปหรอกรึ? คนสกุลสวีมีใครพูด
หรือไม่ว่าจะหาทางลากสกุลจางให้ตกตํ่าลงมาด้วย? ใครเป็นที่หนึ่ง ใครเป็นที่สอง เดิมก็
หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ควรจะหาวิธีพาตัวเองไปยืนในแถวหน้า มิใช่เอาแต่แย่งชิงกันเป็นที่
หนึ่งอยู่แบบนี้”
อวี้ถังเงียบฟังอย่างสงบ ในใจค่อยๆ ไตร่ตรองตาม ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคําของเผยเยี่ยนมี
เหตุผล
การก้าวเท้าเข้าไปมิใช่เรื่องง่าย แต่การถอยหลังออกมากลับยากยิ่งกว่า
ช่างสมกับประโยคที่ว่า ‘เรือนใครต่างก็มีคัมภีร์ที่สวดยาก’ เสียจริง
เห็นชัดว่าสกุลใหญ่ๆ เองก็ต้องเจอเรื่องยากลําบากของตนเช่นกัน
เผยเยี่ยนก็ได้แต่บ่นให้อวี้ถังฟังไม่กี่ประโยค ดวงหน้าที่เย็นเยือกเป็นปกติ ทําให้ท่าน
เฉินรู้สึกหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ เขามีหลายอย่างที่อยากถามเผยเยี่ยนแต่ก็ไม่กล้า จึงทําให้เผย
เยี่ยนมีเวลาว่างพอดี
พอคนว่างขึ้นมา ก็มักคิดไปเรื่อยเปื่อย ดีที่เผยเยี่ยนเตรียมตัวแต่แรก ทุกวันล้วนแต่
‘อ่านหนังสือ’ ‘วาดภาพ’ อยู่กับอวี้ถัง เสพสําราญไปวันๆ ราวกับเทพเซียน ทําเอาคนขี้อายอย่าง
อวี้ถังได้แต่ทําหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่เจอนายหญิงรอง นางก็แสร้งวางท่าเยือก
2707
เย็น ทั้งยังหารือกับนายหญิงรองอีกว่า ในเมื่อนายท่านรองส่งคนไปรับพวกนางที่เหลียวเฉิง
แล้วพวกเผยเยี่ยนกับอวี้ถังจะต้องหยุดพักที่เหลียวเฉิงสักหลายวันหรือไม่
ตามความเห็นของเผยเยี่ยน เขาคิดว่าไม่เห็นจําเป็นต้องพบหน้า แต่นายหญิงรองกลับ
อยากรั้งอวี้ถังไว้สักหลายวัน ยังบอกว่า “จากกันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก”
หากว่าเผยเซวียนมีโชคด้านเส้นทางขุนนาง สามปีให้หลังเขาควรได้เป็น ‘ขุนนางผู้
เก่งกาจ’ และอาจจะถูกย้ายไปเมืองหลวง หากว่าโชคไม่ดี ต้องรับตําแหน่งเก้าปีเต็ม ไม่แน่
อาจจะถูกย้ายไปยังสถานที่ที่ไกลกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ตราบใดที่เผยเซวียนยังไม่
ลาออก โอกาสที่พวกนางเหล่าสะใภ้จะได้พบหน้ากันก็ยิ่งน้อยลงกว่าเดิม
อวี้ถังแม้จะไม่อาจตัดใจบอกลานายหญิงรองกับคุณหนูห้า ทว่าตนก็ต้องเชื่อฟังเผย
เยี่ยน
กู้ซีนั้นอยากจะลงจากเรือไปสํารวจดูอะไรๆ เต็มแก่
แม้จะพูดว่าตลอดการเดินทางต้องอยู่บนเรือ ทว่าพอขึ้นเรือแล้วก็ต้องอยู่บนนั้นเป็น
แรมเดือน ทั้งบนเรือยังมีเผยเยี่ยนเป็นผู้อาวุโส เวลาเก้าในสิบส่วนของนางจึงต้องอุดอู้อยู่แต่ใน
ห้องโดยสาร ตอนนี้คนแทบทนไม่ไหวแล้ว
นางถามเผยถงว่า “ช่วงนี้ท่านไปหาท่านอาสามบ่อยๆ อาสามมีท่าทีเช่นไรบ้าง?”
เผยถงรู้สึกกระอักกระอ่วน
เผยเยี่ยนกับเขาไม่ค่อยสนิทกัน ตอนที่บิดาเขายังอยู่ เผยเยี่ยนอาศัยอยู่ที่เรือนเก่า
กระทั่งตอนที่เผยเยี่ยนสอบติดเข้ามาอยู่เมืองหลวง เขาก็ย้ายออกจากคฤหาสน์เก่าของสกุลเผย
ในเมืองหลวงอีก ภายหลังท่านพ่อตายไป ตําแหน่งผู้นําสกุลที่ควรเป็นของบ้านหลักกลับถูก
มอบใส่มือเผยเยี่ยนแทน…เขาเองก็มิใคร่จะเข้าใจเผยเยี่ยนมากนัก
เวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เผยเยี่ยนทําให้เขารู้สึกว่าเขากําลังเดินไปผิดทาง
2708
เผยเยี่ยนชอบพาอวี้ถังทําโน่นทํานี่อยู่ตลอด เขาสอนอวี้ถังคัดอักษร วาดภาพ ตกปลา
ซํ้ากลางคืนยังชอบพานางไปเดินเล่นที่ดาดฟ้าเรือด้านบนอีก
เขาที่เป็นเพียงหลานคนหนึ่ง ย่อมไม่อาจเข้าไปขัดจังหวะได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้เขาจะหาโอกาสไปพบหน้าเผยเยี่ยนบ่อยๆ แต่ความจริงต่อให้เจอ
หน้ากัน เขาก็มีโอกาสน้อยแสนน้อยในการสนทนา
เขาคิดว่านี่คือวิธีการที่เผยเยี่ยนใช้เพื่อปฏิเสธการใกล้ชิดกับเขาทางอ้อม
เพียงแต่เขาอายเกินกว่าจะบอกกับภรรยา เหมือนเป็นการบอกว่าตนไร้ความสามารถ
กระทั่งเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทําไม่ได้
เผยถงตอบไปอย่างคลุมเครือว่า “ก็ดี”
กู้ซีเดินมานั่งข้างๆ เอ่ยกับเขาด้วยนํ้าเสียงเฝ้ารอว่า “ท่านมิสู้ไปพูดกับท่านอาสาม
หน่อย พวกเราหยุดพักที่เหลียวเฉิงสักสองวันเถอะ ท่านกับอารองของท่านจะได้มีเวลาสนทนา
กันด้วย ครั้งนี้ได้เจอกันแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้พบกันอีก! ส่วนที่ว่ากลัวจะทําให้แผนเดินทาง
ล่าช้า มิสู้เพิ่มเงินอีกหน่อย บอกคนเรือให้เร่งเดินทางช่วงกลางคืนก็ใช้ได้แล้ว”
เผยเซวียนนับว่าเอ็นดูเผยถงอยู่มาก
เผยถงเริ่มลังเลใจ
เพียงแต่ไม่รอให้เขาคิดเสร็จว่าจะไปพูดเรื่องนี้กับเผยเยี่ยนอย่างไร เรือก็เข้าเทียบที่ท่า
เหลียวเฉิงแล้ว พวกเขาไม่ได้เจอเผยเซวียนที่มารับนายหญิงรอง แต่เป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งซึ่งเผย
เซวียนพามาที่เหลียวเฉิงด้วย
“นายท่านสาม” เขาทําความเคารพเผยเยี่ยนอย่างนอบน้อม ส่งจดหมายที่เผยเซวียน
เขียนเอาไว้ให้เผยเยี่ยน “นายท่านรองบอกว่า เขาจะรอท่านที่เมืองหลวงขอรับ”
2709
เผยเยี่ยนประหลาดใจมาก พออ่านจดหมายจบถึงได้รู้ว่า เดิมเผยเซวียนเพิ่งจะได้รับ
มอบตราประทับของผู้ว่าการซานตง แต่เมืองหลวงก็ส่งราชโองการมาแจ้งอีก สั่งโยกย้ายเผย
เซวียนให้ไปเป็นรองเจ้ากรมขวาของกรมคลัง ทั้งยังกําหนดให้ไปรับตําแหน่งที่เมืองหลวงภายใน
สิบห้าวัน ตราประทับของผู้ว่าการซานตงนี้เผยเซวียนยังไม่ทันกุมให้มั่น ก็ต้องส่งคืนไปเสียแล้ว
ทั้งคนยังต้องเร่งฝีเท้าเดินทางสู่เมืองหลวงด้วย
นี่เป็นการเลื่อนขั้นที่สูงกว่าเดิม!
คนบนเรือต่างดีใจจนหุบปากไม่ลง คนที่หัวไวหน่อยยังวิ่งไปขอรางวัลจากนายหญิงรอง
นายหญิงรองเปิดหีบเก็บของอย่างยินดีปรีดิ์เปรม แล้วหยิบเงินก้อนเล็กออกมาตก
รางวัลให้ทุกคน
เผยเยี่ยนกลับขมวดคิ้วมุ่น เขารับที่ปรึกษาของเผยเซวียนขึ้นเรือมาด้วย เร่งเดินทางทั้ง
วันทั้งคืน มุ่งหน้าตรงสู่เมืองหลวง
เรือออกจากท่าได้ไม่ทันไร ก็ถูกท่านข้าหลวงเหลียวเฉิงที่เพิ่งจะรู้ข่าวไล่ตามมาขวาง
เสียก่อน บอกจะต้องมาส่งเผยเยี่ยนให้จงได้ ทั้งยังประกาศความสัมพันธ์ของตนกับสกุลเฟ่ ยไว้
ตรงนั้นว่า “เฟ่ ยจื้อเหวินคือน้าชายของข้าเอง”
ที่ปรึกษาของเผยเซวียนกระซิบข้างหูเผยเยี่ยนว่า “เป็นญาติผู้พี่ที่ห่างไม่เกินสามรุ่นของ
บิดาของใต้เท้าเฟ่ ยขอรับ”
เผยเยี่ยนจึงได้แต่ลงเรือไปรับหน้า
กู้ซีสะกิดเผยถง “ท่านก็ตามไปด้วยสิ!”
เผยเยี่ยนไม่ได้เรียกเผยถง เผยถงจึงค่อนข้างลังเล
กู้ซีให้กําลังใจเขาว่า “โอกาสล้วนเป็นคนที่สร้างขึ้นมา จะมอบให้แก่ผู้ที่กระตือรือร้นจะ
ไขว่คว้ามันเท่านั้น”
2710
เผยถงจึงบากหน้าเดินตามไป
ท่านข้าหลวงเหลียวเฉิงเป็นคนมีไมตรีอย่างมาก เผยเยี่ยนเองก็ไม่ได้ขับไสเขา เขาจึง
ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเริ่มเสวนากับขุนนางในท้องที่อย่างเปิดกว้าง ค่อยๆ รู้สึกถึงความเบิก
บานเหมือนปลาที่ได้นํ้าอย่างไรอย่างนั้น
เผยเยี่ยนไม่ได้กีดกันเขา ทั้งยังสร้างโอกาสให้เขาอีกด้วย
เผยถงกลับขึ้นเรือมา เขาหันไปมองกู้ซีอีกครั้ง คิดว่าไม่เสียแรงที่นางเป็นน้องสาวของกู้
ฉ่าง คําพูดบางอย่างนับว่ามีเหตุผล
เขาฉวยโอกาสเคลิบเคลิ้มคล้ายเมาเหล้าเข้าไปหารือกับกู้ซีเพื่อหยั่งเชิงว่า “พวกเราไป
ถึงเมืองหลวงแล้ว ก็กลับไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่ากันเถอะ!”
ก่อนที่เขาจะจากมา นายหญิงใหญ่ให้เขากลับไปอยู่กับท่านตา แต่ส่วนตัวเขาได้
ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปพักที่คฤหาสน์หลังเก่าของสกุลตน
กู้ซีถามด้วยความสงสัยว่า “ก่อนหน้านี้ท่านตั้งใจจะไปอยู่ที่เรือนท่านตาหรือ? เรื่องนี้
พวกเรามิได้คุยกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วรึ?”
เผยถงหน้าแดง ตอบอย่างอึกอักว่า “ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคย เห็นว่าหลายวันนี้ก็ได้
แต่อุดอู้อยู่บนเรือ…”
กู้ซีตัดบทเขาอย่างเผด็จการว่า “ไม่คุ้นเคยก็ส่วนไม่คุ้นเคย แต่มิใช่เพราะความไม่
คุ้นเคยแล้วทําเรื่องให้เหล่าผู้อาวุโสไม่พอใจ หรือทําให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ พวกเราตามท่านอา
สาม กลับเมืองหลวง เข้าพักที่คฤหาสน์หลังเก่าของสกุลเผย ดูแลรับใช้ผู้อาวุโส นี่คือสิ่งที่พวก
เราสมควรทํา ใครหน้าไหนจะมาตําหนิติติงได้”
นางรู้อยู่แล้ว แม่สามีของนางทําเรื่องใดไม่เคยสําเร็จ ดีแต่ก่อปัญหาไปวันๆ จึงถือ
โอกาสนี้เคาะเผยถงด้วยคําพูดแรงๆ สักหน่อย
2711
เผยถงฮึดฮัดหลายเสียง ปิดปากเงียบไม่พูดต่อ แต่ดูจากท่าทางแล้ว คงจะเห็นด้วยกับ
คําพูดของกู้ซี
กู้ซีค่อยหายใจสะดวกขึ้น
การเดินทางผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในที่สุดก็เดินทางถึงเมืองหลวงก่อนวันสรงนํ้าพระ
ท่านชูกับโจวจื่อจินมารอรับที่ท่าเรือทงโจว ที่ร่วมขบวนมาด้วยยังมีใต้เท้าจางน้อย
บุตรชายคนที่สามของสกุลจาง
พอเผยเยี่ยนลงจากเรือ โจวจื่อจินก็เข้ามากอดรัดเขาทันที
ใต้เท้าจางน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ หลุดหัวเราะออกมา เอ่ยกับเผยเยี่ยนว่า “ยินดีต้อนรับ
ท่านสู่เมืองหลวง พี่รองของท่านถูกฝ่ าบาทเรียกตัวเข้าวังไปแล้ว วันนี้ไม่อาจมารอรับท่านได้
พรุ่งนี้ไปถึงเมืองหลวง พวกเราค่อยไปเลี้ยงต้อนรับพวกท่านที่หอซุ่นโหลวอีกที”
“อย่าเลยดีกว่า” เผยเยี่ยนผลักโจวจื่อจินออก แล้วคารวะตอบใต้เท้าจางน้อย เอ่ยด้วย
รอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้ไปกินอะไรง่ายๆ ที่เรือนพวกข้าก็พอ เช่นนี้ข้าจะได้ไปเยี่ยมอาจารย์ด้วย”
บัดนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงค่อนข้างซับซ้อน ใต้เท้าจางน้อยไม่ได้บีบบังคับ เพียง
ตอบรับด้วยรอยยิ้ม ทุกคนไม่ได้ไปยังสถานีพักม้า แต่เลือกเข้าพักในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในทง
โจว
ใต้เท้าจางน้อยพาภรรยาของตนมาด้วย
เพื่อให้คอยดูแลต้อนรับเหล่าสตรีของสกุลเผยโดยเฉพาะ
นายหญิงสามสกุลจางมาจากสกุลใหญ่ทางเหนือ รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง อวบอิ่มขาว
ผ่อง ให้อารมณ์เปิดเผยมากไมตรีตามแบบฉบับของคนทางเหนือ
2712
“ได้ยินมานานว่าสยากวงแต่งกับโฉมสะคราญคนหนึ่ง วันนี้ได้มาเห็น นับว่าไม่ใช่เสียง
เล่าลือโดยแท้” นายหญิงสามสกุลจางหัวเราะพลางเอ่ยกับอวี้ถังว่า “ในเมื่อมาถึงเมืองหลวง
แล้ว ก็เดินเที่ยวเสียให้ทั่ว วัดถานเจ้อ วัดหงหลัว ถนนฉางอัน ต้องลองไปให้ครบ”
อวี้ถังชอบคนเปิดเผยเช่นนี้ รีบกล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก
นายหญิงรองกับนายหญิงสามสกุลจางนับว่าเจอกันเป็นครั้งแรก ทุกคนต่างทักทาย
ปราศรัย นายหญิงสามสกุลจางคอยดูแลให้ทุกคนกินมื้อเย็นที่โถงด้านหลังเรือน หยุดพักผ่อน
หนึ่งคืน วันที่สองก็เปลี่ยนมาใช้รถม้าแล้วเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง
อวี้ถังเพิ่งเคยนั่งรถม้าเป็นครั้งแรก รู้สึกว่ารถม้าดูมีสง่าราศีกว่ารถล่อลากอักโข แต่ก็
กระเด้งกระดอนกว่ามากเช่นกัน
นายหญิงรองอดทนมาตลอดทาง พอลงจากรถได้ก็อาเจียนทันที
อวี้ถังไม่ทันได้สังเกตอย่างละเอียดว่าคฤหาสน์สกุลเผยมีหน้าตาอย่างไร ก็ต้องรีบเข้า
ไปประคองนายหญิงรองแล้วพาไปเข้าพักที่เรือนของนาง
ดีที่เผยเซวียนกลับมาจากที่ว่าการแล้ว คนรออยู่ที่เรือนเป็นพักใหญ่ เห็นว่านายหญิง
รองอาเจียนจนหน้าซีดเผือด ก็รีบเข้าไปพยุงคนด้วยตนเอง แล้วช่วยดูแลรินนํ้าชาให้นายหญิง
รอง
อวี้ถังเห็นดังนั้นก็ล่าถอยออกมา กลับไปยังเรือนพักของตน
ชิงหยวนเริ่มสั่งการให้สาวใช้และหญิงรับใช้จัดแต่งห้องแล้ว หญิงผู้ดูแลเรือนในทางนี้
มารอรับอวี้ถังที่ด้านนอกด้วยท่าทีพินอบพิเทา
อวี้ถังเองก็เหนื่อยจนล้า นางไม่อยากฝืนตนเอง จึงคุยกับหญิงผู้ดูแลสกุลหมิ่นสองสาม
คํา ก่อนจะให้คนแยกย้ายกันไป ส่วนตนเองก็ให้ชิงหยวนคอยรับใช้ หวีผมเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้น
ก็ไปที่โถงรับแขกเรือนในซึ่งใช้รับรองแขกสตรีโดยเฉพาะ เพื่อไปรับรองนายหญิงสามสกุลจาง
2713
นายหญิงสามสกุลจางรู้ว่านายหญิงรองอาเจียนจนไม่อาจร่วมมื้อเย็นด้วยกันได้ จึง
ตําหนิตัวเองว่า “ข้าคิดว่าพวกท่านคงไม่คุ้นชินเท่าไร แต่คาดไม่ถึงว่าร้ายแรงเพียงนี้ หากรู้แต่
แรกคงไม่กลับมาพร้อมพวกท่านชาย อย่างไรพวกเราก็ไม่ได้กินข้าวกับพวกเขาอยู่แล้ว”
“ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึงเจ้าค่ะ” อวี้ถังบอกนางอย่างเกรงใจ พาคุณหนูห้ากับกู้ซี เป็น
ตัวแทนของสกุลเผยช่วยกันรับรองนายหญิงสามสกุลจาง
หลังจากที่นายหญิงสามสกุลจางกลับไปก็เอ่ยชมอวี้ถังให้ท่านแม่เฒ่าสกุลจางฟังไม่
หยุดปาก “คนงามเหลือเกินเจ้าค่ะ! เหล่าสตรีหลายบ้านของเรารวมกันแล้ว ยังงามสู้นางหนึ่ง
คนไม่ได้เลย มิน่าปีนั้นสยากวงถึงไม่ยอมแต่งกับคุณหนูสกุลหลี”
ฮูหยินผู้เฒ่าจางไม่ใคร่แยแสเรื่องนี้ เอาแต่ถามเรื่องคุณหนูห้าเผยตันว่า “คุณหนูคนนี้
เป็นอย่างไร?”
นายหญิงสามสกุลจางตอบอย่างลังเลว่า “คนยังไม่โตเต็มวัย แต่จากเค้าหน้า ก็คล้าย
จะถอดแบบมาจากนายหญิงรองเลยเจ้าค่ะ นิสัยใจคอก็เป็นมิตรอย่างมาก…”
คุณหนูน้อยเช่นนี้หากสู่ขอมาเป็นสะใภ้รองนับว่าไม่เลว แต่ถ้าเป็นสะใภ้ใหญ่…คงไม่
ค่อยเหมาะนัก อีกอย่างอายุก็ห่างกันตั้งห้าหกปีด้วย