ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่341 เข้าพัก
เผยเซวียนได้เลื่อนขั้นเป็นรองเจ้ากรมขวาของกรมคลัง เป็นอุบายอันยอดเยี่ยมของ
อาจารย์เขา กระทั่งจางอิงก็ไม่รู้เรื่อง
ภายหลังพอฮูหยินผู้เฒ่าจางรู้เรื่อง ก็อยากจะเกี่ยวดองกับเผยเซวียนขึ้นมาทันที
แต่บุตรชายคนเดียวของบ้านใหญ่สกุลจางปีนี้อายุได้แค่แปดขวบเท่านั้น บุตรโทนบ้าน
รองแก่กว่าหน่อยคือสิบขวบ ส่วนบุตรชายสองคนของบ้านสาม คนหนึ่งเจ็ดขวบ อีกคนสี่ขวบ
ล้วนแต่ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น
โดยเฉพาะเมื่อบุตรชายคนโตของสกุลจางมาตายไป บุตรชายคนรองก็ต้องดูแล
รับผิดชอบบ้านใหญ่แทนชั่วคราว หากตอนนี้ให้บุตรชายของบ้านรองแต่งกับบุตรสาวของเผย
เซวียน อํานาจของบ้านหลักอาจตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น สําหรับสกุลใหญ่ที่เคร่งครัดเรื่องลําดับ
ศักดิของบุตรชายคนโตสายหลักแล้ว ย่อมเป็นภัยแฝงที่อันตรายอย่ ์ างมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าจางถอนหายใจเฮือก
หลังจากที่บุตรชายคนโตจากไป เรื่องต่างๆ ในสกุลจางก็เริ่มติดขัดไปหมด
หรือว่าด่านเคราะห์ของสกุลจางมาถึงแล้ว?
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าจางพลันดูไม่ได้
นายหญิงสามสกุลจางรู้ทันความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าจาง นางเอ่ยเสียงทุ้มว่า “อย่างไร
สยากวงก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว เรื่องบางอย่างไม่อาจใจร้อนเกินไป ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า สิ่ง
สําคัญตอนนี้คือต้องรับรองนายหญิงสกุลเผยทั้งสองให้ดีต่างหากเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจางพยักหน้าเห็นด้วย
2715
นายหญิงสามสกุลจางเอ่ยถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาว่า “ตอนที่ข้ามา ก็เจอกับแม่นมคนสนิท
ของหลานสะใภ้สกุลอิน บอกว่าได้รับคําสั่งจากหลานสะใภ้สกุลอินให้ไปถามสารทุกข์สุขดิบ
ของนายหญิงสามสกุลเผย ท่านว่า พวกเราต้องเชิญคุณหนูใหญ่ไปสกุลอินสักครั้งไหมเจ้าคะ”
สกุลอินทั้งสามบ้าน มีคุณหนูเพียงคนเดียว ก็คือจางลี่ฮวาของบ้านรอง
สกุลจางเพราะไม่ได้แยกบ้านกัน จึงเรียกนางตามลําดับอายุว่าคุณหนูใหญ่
ฮูหยินผู้เฒ่าจางค่อนข้างประหลาด นางถามว่า “อาเซวียนรู้จักกับนายหญิงสามสกุล
เผยด้วยรึ?”
ในความทรงจําของนาง อวี้ถังเป็นบุตรสาวของคหบดีเพราะว่าเป็นคนหลินอัน เมื่อเผย
เยี่ยนลาออกจากราชการ ถึงได้มีโอกาสแต่งเข้าสกุลเผย
นายหญิงสามสกุลจางจึงเล่าเรื่องระหว่างคุณหนูสวีกับอวี้ถังให้นางฟัง
ฮูหยินผู้เฒ่าจางอดจะทอดถอนใจไม่ได้
ไม่ว่านางจะถามอะไร สะใภ้สามผู้นี้ก็ตอบคําถามได้หมด เห็นชัดว่าทุ่มเทเรี่ยวแรงไม่
น้อย
สะใภ้ใหญ่ของบ้าน นางเลือกแล้วเลือกอีก แน่นอนว่าไม่มีด้านใดขาดตกบกพร่อง
สามารถยกคนขึ้นเป็นแบบอย่างได้ ตอนที่เลือกสะใภ้รองและสะใภ้สาม นางจึงปล่อยให้
บุตรชายทั้งสองเลือกตามใจรัก แม้จะบอกว่าเหมาะสมคู่ควร ทว่าก็ไม่เคยหวังให้มาดูแลกิจธุระ
ในเรือน ทั้งยังกลัวว่าพวกนางแต่งเข้ามาแล้วจะไม่ถูกคอกับสะใภ้ใหญ่ จึงได้เลือกเอาแต่
บุตรสาวคนเล็กของสกุล
ไม่คิดว่าพอเกิดเรื่อง สะใภ้รองไม่อาจแบกรับปัญหาใดได้ ทําสิ่งใดล้วนเลอะๆ เลือนๆ
ไร้ความเข้าใจ แต่สะใภ้สามกลับไม่ด้อยไปกว่าสะใภ้ใหญ่เลย…
2716
ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าเจอผู้เฒ่าจางจึงอดจะเอ่ยไม่ได้ว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะทํา
อย่างไร? ถึงเวลานั้นในเรือนต้องมีปากเสียงกันแน่ ยังคงเป็นท่านผู้เฒ่าสกุลเผยที่ร้ายกาจ
ตัดสินใจยกกิจการของสกุลให้กับสยากวงไป”
ผู้เฒ่าจางไม่ได้ตอบคํา
สถานการณ์ของสกุลจางกับสกุลเผยไม่เหมือนกันเสียหน่อย
หากเจ้าสามสกุลจางจะเก่งกาจได้เหมือนเจ้าสามสกุลเผย เขาก็คงกล้าหาญเด็ดขาด
ได้เฉกท่านผู้เฒ่าสกุลเผยเหมือนกัน
เขาคิดว่าเรื่องในเรือนเป็นเรื่องเล็ก ส่วนราชสํานักเป็นเรื่องใหญ่
“เรื่องในเรือนเจ้าก็จัดการไปก่อน” ผู้เฒ่าจางบอก “พรุ่งนี้สยากวงจะมาที่นี่ หากว่าสาม
ปีห้าปีแล้วพวกเรายังไม่อาจพลิกกระดานคืนมาได้ พวกเราก็ต้องเรียนรู้จากสกุลเผย รู้จักซ่อน
คมไว้ในฝักเสียบ้าง”
น่าเสียดายที่หมากกระดานซึ่งเขาทุ่มเทเดินมาทั้งชีวิตนี้ อาจต้องประเคนมันออกไป
และหลีกทางให้ผู้อื่นเสียแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าจางเห็นว่าผู้เฒ่าจางว้าวุ่นใจ จึงไม่อาจยกเรื่องในเรือนไปสร้างความ
รําคาญให้เขาอีก ไตร่ตรองว่าเวลาสามปีห้าปีผ่านไป หลานชายคนโตก็อายุสิบสองสิบสาม
สามารถแต่งงานได้แล้ว ถึงเวลานั้นก็ค่อยเลือกภรรยาที่เฉลียวฉลาดเก่งกาจให้เขาสักคน เรื่อง
หลักเรื่องรองต่างกําหนดไว้เช่นนี้ คนในเรือนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ
นางเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เหล่านายหญิงสกุลเผยจะมาด้วยไหมเจ้าคะ?”
ผู้เฒ่าจางตอบว่า “พวกนางจะมาทําอะไร? พวกนางเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง ในเรือนคง
มีงานกองเป็นภูเขา? อีกสองสามวันจะถึงวันสรงนํ้าพระแล้ว พวกเจ้าถึงเวลานั้นก็เชิญเหล่าสตรี
สกุลเผยไปวัดเย่าหวังด้วยกันเป็นใช้ได้ คงไม่ต้องรีบร้อนไปตอนนี้หรอกกระมัง?”
แต่ไปทําความรู้จักล่วงหน้าสักหน่อยย่อมจะดีกว่า
2717
ฮูหยินแม่เฒ่าตัดสินใจแน่วแน่ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็ให้คุณหนูใหญ่สกุลจางเขียนเทียบเชิญ
ไปถึงสวีเซวียน แต่สกุลอินกลับตอบมาว่า สวีเซวียนไปที่เรือนสกุลเผย ทั้งบอกว่าจะกลับมาช่วง
คํ่าๆ
คุณหนูใหญ่สกุลจางอ้าปากตะลึงงัน “พี่สวีมิได้ตั้งท้องอยู่รึ? ทําไมญาติผู้พี่ถึงยอมให้
นางออกไปข้างนอกล่ะ?”
คุณหนูใหญ่สกุลจางกับจางหมิงหย่วนนับเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ห่างกันไม่เกินห้ารุ่น
แม่นมที่มาตอบกลับเทียบเชิญกลั้นยิ้ม แล้วเล่าว่า “ใต้เท้าอินไม่ยอมแล้วจะทําอย่างไร
ได้เจ้าคะ? ดีที่นายหญิงน้อยนั่งเกี้ยวไป ใต้เท้าอินออกจากที่ว่าการช่วงเย็น คงจะไปรอรับนาย
หญิงน้อยกลับมาด้วยเจ้าค่ะ”
นั่นน่ะสิ
พวกเขาสองสามีภรรยายิ่งขึ้นชื่อว่ารักใคร่หวานชื่นกันอยู่ตลอด
คุณหนูใหญ่สกุลจางได้แต่รอการตอบกลับจากสวีเซวียน
ส่วนสวีเซวียนทางนี้ กําลังนั่งชมดอกไม้อยู่ในโถงรับแขกเรือนในของสกุลเผย ทางหนึ่ง
ก็กินผลไม้ไปพลาง แล้วบ่นเหล่านายหญิงน้อยของสกุลไปพลางว่า “…ตอนนี้นะ เดี๋ยวมีมาเพิ่ม
อีกคนหนึ่งแล้ว ก็คือญาติผู้น้องของหมิงหย่วน ที่แต่งให้กับกู้เจาหยางคนนั้น นี่เพิ่งจะกลับมา
เมืองหลวง พอได้ยินว่าข้าตั้งท้อง ในเรือนยังจัดการอะไรไม่เข้าที่เข้าทางกลับแวะมาเยี่ยมข้า
ก่อนแล้ว ซํ้ายังถือตําราแพทย์มาเล่มหนึ่ง แล้วสอนข้าตามตํารานั่นว่าต้องดูแลครรภ์อย่างไร ข้า
รําคาญจะแย่ จึงพูดกับนางไปตรงๆ บอกรอนางเป็นแม่คนแล้วค่อยมาพูดเรื่องพวกนี้กับข้าใหม่
ตอนนี้ข้าใกล้จะเป็นแม่คนเต็มที นางยังไม่มีท่าทีเลยด้วยซํ้า ยังมีเรื่องอะไรที่ควรมาพูดกับข้าอีก
เล่า”
อวี้ถังเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางมิคล้ายว่าขุ่นเคือง แต่กลับเหมือนคนได้ของเล่นชิ้น
ใหม่ และกําลังเล่นมันอย่างสนุกออกรส
2718
นางอดจะมองท้องที่ยื่นออกมาของสวีเซวียนด้วยความนับถือไม่ได้ รู้สึกว่าช่างน่า
ประหลาดใจดีแท้ “พวกเราไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนเอง เจ้ากลับ…”
ท้องโตขนาดนี้แล้ว
ดวงหน้าที่เคยขาวผ่องดั่งหยก มาบัดนี้ก็เริ่มมีรอยฝ้าให้เห็น
สวีเซวียนมองดูท้องของตนเอง แล้วถอนหายใจพลางตอบว่า “ข้าก็ไม่คิดว่าจะท้องไว
ขนาดนี้” จากนั้นก็ชี้ไปที่แก้มของตัวเอง “เจ้าดูสิ เจ้าดู ขนาดใช้แป้งปกปิดก็ยังกลบไม่มิด อินห
มิงหย่วนยังไม่ยอมให้ข้าใช้แป้งอีก ข้าไม่ได้ออกจากเรือนมานานมากแล้ว น่าเกลียดเหลือเกิน
แต่ว่า ยังดีที่เจ้ามาเสียที พรุ่งนี้พวกเราไปเดินเล่นซื้อของกัน ข้าอยากได้ผ้าเอาไปตัดชุดตอนช่วง
อยู่เดือน…แม่หมอตําแยบอกว่า ข้าจะคลอดตอนช่วงหน้าร้อน ตอนนั้นอากาศคงอบอ้าวมาก
เป็นแน่! แค่คิดข้าก็ทรมานจนทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากคลอดลูกเลย”
อวี้ถังรู้ว่าบางคนเมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์จะอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก นางจึงพยายามคล้อย
ตามสวีเซวียนไป คิดว่าขนาดสกุลเผยยังให้ร้านแพรไหมของตนส่งผ้าลวดลายใหม่ๆ มาให้เลือก
ถึงในจวน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสกุลอินกับสกุลสวีแล้ว ที่สวีเซวียนอยากไปเดินเล่นซื้อของ คงเพราะ
อยากออกไปข้างนอกมากกว่า
แต่นางอายุครรภ์มากแล้ว หากว่าถูกใครชนหรือกระแทกขึ้นมา เช่นนั้นอาจเกิดเรื่อง
ร้ายแรงขึ้นได้
นางจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ช่วงนี้ข้าไม่ว่างเลย! พี่สะใภ้รองนั่งรถม้าไม่ได้ อาเจียนจนตอนนี้
ยังลุกจากเตียงไม่ไหวเลย อาตันก็ต้องคอยเฝ้าอาการอีก งานในเรือนจึงตกเป็นหน้าที่ข้าทั้งหมด
เอาอย่างนี้สิ เจ้ารอข้าสักสองสามวันได้ไหม? รอข้าจัดการธุระในเรือนให้เรียบร้อยแล้ว ค่อย
ออกไปเดินเล่นกับเจ้า?”
สวีเซวียนถูกบีบจนอดรนทนไม่ไหว “ก็ได้! ข้าจะมาช่วยงานเจ้าที่นี่ทุกวันเลย เจ้าจะซื้อ
อะไร ขาดเหลืออะไร ก็บอกกับหญิงรับใช้ของข้าได้เลย ข้าจะสั่งให้ผู้ดูแลของสกุลอินไปหาซื้อ
มาให้เจ้าเอง”
2719
ในความคิดของนาง อวี้ถังไม่คุ้นเคยที่ทาง เรื่องพวกนี้ต้องลําบากเป็นแน่
นางขอแค่ได้มานั่งเล่นที่เรือนอวี้ถัง แต่จะไม่เดินไปทั่วก็ได้!
อวี้ถังนั่งคุยเป็นเพื่อนนางที่โถงรับแขก ขณะเดียวกันก็คอยสั่งงานข้ารับใช้และหญิงรับ
ใช้ไปด้วย
ผลคือตอนที่คุณหนูห้าออกมาหยิบกํายานสงบใจให้นายหญิงรองก็ได้เห็นรูปร่างของ
สวีเซวียนเข้า นางร้องเสียงดังตื่นเต้นไม่หยุด อยากลองเข้าไปลูบท้องดูแต่อีกใจก็ไม่กล้า “พี่สวี
ท่านจะเป็นแม่คนแล้วหรือนี่! ท่านสุดยอดไปเลย! เขาถีบท่านหรือไม่? ข้าได้ยินคนพูดว่า ตอนที่
เจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องจะเตะขาใส่มารดา เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
นางยังส่งเสียงจอแจถามคําถามอีกเป็นชุด
สวีเซวียนหัวเราะฮ่าๆ ไม่เพียงตอบคําถามนางทีละข้อ ทั้งเล่าเรื่องอื่นให้นางฟังอีก
มากมาย เห็นว่าอาซันยืนยํ่าเท้ารออยู่ข้างๆ อวี้ถังจึงถามขึ้นมาว่ากํายานสงบใจรีบใช้หรือไม่
ไม่อย่างนั้น นางเดาว่าคุณหนูห้าคงอยู่คุยกับสวีเซวียนได้อีกเป็นครึ่งวันแน่
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ตอนที่คุณหนูห้าจะจากไปยังไม่วายดึงมือของสวีเซวียนมาจับไว้
บอกว่าถ้ามีเวลาให้มาเล่นด้วยกัน
สวีเซวียนดีใจเป็นหนักหนา ยิ้มตาหยีพลางตอบว่า “พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก”
คุณหนูห้าถึงได้เดินกลับไปอย่างพออกพอใจยิ่ง
ช่วงเย็น เผยเยี่ยนกลับมาจากสกุลจาง อินหมิงหย่วนก็มารับสวีเซวียนพอดี สองคนจึง
เดินเข้าเรือนมาด้วยกัน
อวี้ถังได้เจออินหมิงหย่วนผู้ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในสายตานางเป็นครั้งแรก
2720
หน้าตาเขาหล่อเหลา ผิวขาว คล้ายจะผอมเล็กน้อย หว่างคิ้วเจือความขี้โรคบางๆ แต่
ท่าทางคนดูดีไม่เลว คล้ายหยกที่อ่อนโยนและอบอุ่น เมื่อยืนเคียงข้างเผยเยี่ยนที่งดงามบาดตา
กลับไม่ได้ถูกรัศมีของเผยเยี่ยนกลบบังเลยสักนิด
คนที่มีลักษณะท่าทางเช่นนี้ อวี้ถังเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก
นางอดจะหันไปมองอินหมิงหย่วนอีกหลายทีไม่ได้
รอจนส่งสองสามีภรรยากลับไปแล้ว เผยเยี่ยนก็ถามนางว่า “เจ้าคิดว่าคนอย่างอินหมิง
หย่วนน่าเข้าใกล้สนิทสนมหรือไม่?”
อวี้ถังรู้สึกว่าเขาดูน่าคบหามากกว่าเผยเยี่ยน โดยเฉพาะกิริยาและวาจา ซึ่งทําให้คน
รู้สึกถึงความใส่ใจและความอบอุ่นอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เขาวางตัวดูดี มีมารยาท
หากเทียบกันแล้วย่อมน่าเข้าใกล้กว่าเผยเยี่ยนหลายเท่า
แต่นางรู้ดีว่า หากนางชื่นชมอินหมิงหย่วนออกไปเช่นนี้ นกยูงรําแพนหางอย่างเผย
เยี่ยนย่อมจะไม่สบอารมณ์อีก นางรีบตอบไปว่า “ท่าทางเขาอมโรค ทุกคนย่อมระวังกิริยาต่อ
เขามากหน่อย หากว่าทําเขาอาการกําเริบขึ้นมา มิใช่ว่าต้องรับผิดชอบรักษาอาการให้เขาอีก?
เช่นนี้ใครจะแบกรับผลที่ตามมาไหวเล่า!”
เผยเยี่ยนได้ฟังก็หน้าบาน ตอนที่กินข้าวยังคีบลูกชิ้นสี่เกษมที่นางเพิ่งจะตกหลุมรักเมื่อ
วานให้นางด้วย
กินข้าวเสร็จ พวกเขาก็ไปเยี่ยมนายหญิงรอง
เผยเซวียนยังไม่กลับมา บอกว่าถูกอาจารย์ของเขาเรียกตัวไป นายหญิงรองดีขึ้นมาก
แล้ว กําลังคุมเผยหงให้คัดตัวอักษรอยู่
เห็นว่าเผยเยี่ยนกับภรรยามาเยี่ยม ก็รีบบอกให้คนไปชงชามาใหม่ ยังบอกอีกว่า
“สหายที่ค้าขายชาของพี่รองเจ้าเอามาฝาก เจ้าลองชิมว่ารสชาติดีหรือไม่ หากว่าชอบ พรุ่งนี้ข้า
จะให้พวกเขาซื้อติดมาเก็บไว้หน่อย”
2721
เผยเยี่ยนมาเพื่อหารือเรื่องในบ้าน คนดื่มชาเสร็จแล้ว เผยเซวียนก็ยังไม่กลับมา เผย
เยี่ยนหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจบอกจุดประสงค์การมาให้นายหญิงรองฟัง “คนที่ไปมาหาสู่
กับพี่ใหญ่ล้วนเป็นขุนนาง โถงรับแขกเรือนนอกกับเรือนในยกให้พี่รองกับพี่สะใภ้รองไว้ใช้งาน
ข้าตั้งใจจะเปิดประตูข้างทางทิศเหนือ ต่อไปข้าก็จะเข้าออกทางนั้น อาถงแม้จะเป็นเด็กรุ่น
หลาน แต่เขาเติบโตที่เมืองหลวงตั้งแต่เล็ก มีสหายคบหาของตนเอง ข้าคิดว่าจะให้เขาย้ายไป
อยู่เรือนหนังสือทางทิศตะวันตก ท่านบอกกับพี่รองสักคํา ว่าจัดการเช่นนี้ได้หรือไม่?”
เรือนหนังสือทางทิศตะวันตกเดิมเคยเป็นห้องเรียนของลูกหลานในสกุล มีห้องอยู่
ประมาณสิบกว่าห้อง ยังมีประตูเข้าออกและห้องครัวแยกเป็นของตนเองด้วย
เผยเซวียนคิดว่าจัดการเช่นนี้ก็เหมาะสม ส่วนเรือนด้านหน้ากับโถงหลัก เขาตั้งใจว่าจะ
ใช้ร่วมกันกับเผยเยี่ยน เพราะยามอิ๋นเขาต้องตื่นนอนเพื่อไปประชุมขุนนาง เขาเพิ่งจะย้ายเข้า
กรมคลังใหม่ มีงานมากมายรอให้จัดการ กลับมาก็ดึกดื่นมากแล้ว บางครั้งยังต้องนอนค้างที่
ที่ว่าการเลยก็มี อาบนํ้ายังไม่อาจอาบอย่างผ่อนคลายได้ จึงยากที่จะได้เจอหน้าเผยเยี่ยนสัก
ครั้ง เขาถึงได้ฝากคํากับนายหญิงรองมาบอกเผยเยี่ยนว่า “ไม่ต้องแบ่งให้ชัดเจนเพียงนั้นหรอก”