ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่342 แต่ละครอบครัว
เผยเยี่ยนกลับยืนกรานตามการแบ่งของเขา
เขาเอ่ยกับนายหญิงรองว่า “อย่างไรข้าก็เป็นขุนนางที่ลาออกแล้ว มาเมืองหลวงก็เพียง
เพื่อเยี่ยมเยือนอาจารย์ ไปไหนมาไหนกับพี่รอง ย่อมพาให้คนคิดระแวดระวัง คิดว่าข้าจะเข้าสู่
วงการขุนนางอีกครั้ง เช่นนั้นคงไม่ดีต่อเส้นทางขุนนางของพี่รองเท่าใด”
ขุนนางนั้นมีระบบหลีกเลี่ยงเส้นสายเครือญาติ
เผยเซวียนครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ไม่ฝืนใจเผยเยี่ยนอีก
เรื่องในเรือนจึงตกลงกันตามนี้
อวี้ถังถามเผยเยี่ยนว่า “เช่นนั้นพวกเราต้องแยกกันกินข้าวกระมัง!”
เผยเยี่ยนพยักหน้า เอ่ยว่า “แยกกันกินชั่วคราวก่อน หากทางพี่สะใภ้รองต้องการให้เจ้า
ช่วยเหลือหรืออาถงยุ่งเกินไปก็ค่อยว่ากันอีกที”
อย่างไรก็ไม่อาจให้ภรรยาเขาเป็นฝ่ ายไปช่วยเหลือคนพวกนั้นก่อน แม้ว่าจะต้องช่วย ก็
จําต้องให้พวกเขารู้จักซาบซึ้งจึงจะถูก
อวี้ถังกลับไม่ได้คิดมากเพียงนั้น นางเพียงรู้สึกว่าให้นางไปสนใจเรื่องในเรือนของกู้ซี
นางนั้นอึดอัดใจ การจัดการเช่นนี้ดีแล้ว นางจะได้ดูแลเรื่องเสื้อผ้าอาหารให้เผยเยี่ยนได้อย่างไม่
ขาดตกบกพร่อง
ยามที่อยู่หลินอัน ล้วนเป็นเขาที่ดูแลนาง ช่วยคุ้มกันบังลมบังฝนให้แก่นาง
ยามเย็นนางถามเขาว่าพรุ่งนี้จะทําอะไร
เผยเยี่ยนเอนกายพิงหัวเตียง ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่าพลิกอ่านตั้งแต่ตอนไหน
ฟังจบก็ละสายตาจากหนังสือเบนมาที่อวี้ถังอย่างเอื่อยเฉื่อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะทําอะไร?
อยากออกไปเที่ยวเล่น?”
2723
อวี้ถังลอบร้อง ‘เหอะ’ ในใจ คิดว่าชายผู้นี้ ยามที่อารมณ์ดีกลับพูดคุยเรื่อยเปื่อยเสีย
แล้ว
นางทิ้งคําถามนี้อย่างรู้แล้วรู้รอดไป เอ่ยว่า “วันนี้ไฉนเจ้าอารมณ์ดีเช่นนี้?”
คงไม่ใช่เพราะว่าเรื่องแบ่งเรือนจึงดีใจเช่นนี้หรอกกระมัง
เผยเยี่ยนไม่ได้ตอบ ย้อนถามนาง “วันนี้เหตุใดเจ้าจึงถามถึงการเดินทางของข้าขึ้นมา
ได้?”
เขากลับมาเมืองหลวงก็ไปหาจางอิงทันที ทั้งยังไปคนเดียว ไม่ได้พาอวี้ถังไปด้วย แต่ก็
ไม่ได้พบเจอกับสตรีสกุลจางเช่นกัน
อวี้ถังนั่งอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ทาขี้ผึ้งบํารุงผิวที่มือทั้งเอ่ยไปพลาง “อากาศที่เมืองหลวง
แห้งเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งมาไม่กี่วัน เจ้าดูสิ มุมปากข้าล้วนเป็นตุ่มร้อนใน ข้าว่าคงต้องตุ๋นนํ้าแกง
ให้เจ้าดื่มเสียหน่อยเช่นกัน”
เผยเยี่ยนจึงถือโอกาสโน้มเข้าไป ปากยังเอ่ยว่า “ข้าดูสิ ร้อนในขึ้นเยอะเสียด้วย” มือ
กลับโอบไว้ที่เอวของอวี้ถัง รัดคนไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะจุมพิตอย่างเร่าร้อน…
อวี้ถังไม่ได้ถามความชื่นชอบของเผยเยี่ยน คนกลับถูกทรมานจนถึงยามตะวันโด่ง ตอน
ที่ตื่นยังลอบด่าเผยเยี่ยนในใจ ครุ่นคิดว่านี่ไม่ใช่นางไม่ปรนนิบัติเขา แต่เขาไม่ต้องการให้นาง
ปรนนิบัติต่างหาก หากภายหลังเขากล้าบ่นกับนาง กล่าวว่าตั้งแต่นางแต่งงานกับเขาไม่เคยดื่ม
นํ้าจากนางสักหยด นางก็จะเอารองเท้าประทับหน้าเผยเยี่ยน
ลองนึกถึงฉากนั้น คิดว่าคงจะขบขันไม่น้อย
อวี้ถังหัวเราะกับตัวเองขึ้นมา
พวกชิงหยวนล้วนทําเป็นไม่เห็น
2724
นับตั้งแต่เผยเยี่ยนแต่งงานกับอวี้ถัง ทั้งสองคนก็มักจะหัวเราะขึ้นมาอย่างแปลก
ประหลาด พวกนางเห็นภาพนี้จนชินเสียแล้ว
อวี้ถังกินข้าวเช้าแล้ว ก็เรียกแม่นมผู้ดูแลในเรือนนี้เข้ามา เอ่ยถึงเรื่องของกู้ซี ให้นางไป
ถ่ายทอดคําพูด “หากมีอะไรให้นางไปหาเจ้าแล้วกัน ข้าวปลาอาหารต่างๆ แบ่งเงินจากหนึ่งในสี่
ส่วนให้นางตามที่นายท่านรองจัดสรรไว้ก็เพียงพอแล้ว”
แม้สามครอบครัวต่างจะใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่เงินส่วนรวมในเรือนยังคงอยู่ในการ
ควบคุมของอวี้ถัง
กู้ซีได้ฟัง ก็นิ่งงันไปเกือบค่อนวัน ถามแม่นมที่มาถ่ายทอดคําพูด “แต่ไหนแต่ไรเรือนใน
เมืองหลวงก็เป็นเช่นนี้มาตลอดอย่างนั้นรึ?”
แม่นมผู้ดูแลไม่เข้าใจอยู่บ้าง
กู้ซีกล่าวอธิบาย “เงินของแต่ละครอบครัวไม่ใช่มีพวกผู้ดูแลเป็นคนจัดการหรอกรึ?”
แม่นมผู้ดูแลได้ฟังก็เร่งอธิบาย “เงินของแต่ละครอบครัวล้วนมีพวกผู้ดูแลเป็นคนจัดการ
นั่นเป็นกฎเกณฑ์ในยามที่ท่านแม่เฒ่าดูแลเรือน…ท่านแม่เฒ่าไม่ชอบยุ่งเรื่องบัญชี จึงทิ้งบัญชี
ให้พวกผู้ดูแลจัดการ ยามนี้นายท่านสามเป็นผู้นําสกุล จึงเก็บอํานาจกลับมา ผู้ดูแลของเรือน
นอกรับผิดชอบจัดสรรเงิน ส่วนเงินมีนายหญิงสามคอยจัดการ” พูดมาถึงตรงนี้ แม่นมผู้ดูแลคน
นั้นก็ลังเลอยู่พักใหญ่ เอ่ยกับกู้ซีอย่างจริงใจ “ข้าได้ยินคนของห้องบัญชีกล่าวว่า นายท่านสาม
เพียงออกคําสั่งให้แบ่งสรรเงินให้กับนายหญิงสาม ไม่ได้ให้คนของห้องบัญชีและนายหญิงสาม
ตรวจสอบบัญชีเจ้าค่ะ”
ก็หมายความว่า นายบัญชีเรือนนอกจัดการเพียงนําเงินมาให้อวี้ถัง ส่วนอวี้ถังใช้
อย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องของนาง ถึงกระทั่งไม่จําเป็นต้องบอกกับนายบัญชีของเรือนนอกก็ได้
ใจของกู้ซีเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา อดกดเสียงเบาไม่ได้ เอ่ยว่า “ความหมายของแม่นม
คือ?”
2725
แม่นมผู้ดูแลคนนั้นก็ไม่ได้อ้อมค้อม เอ่ยตามตรงว่า “นายท่านใหญ่มีพระคุณกับพวก
เรา สิ่งที่ข้าสามารถตอบแทนคุณชายใหญ่ได้ก็มีเพียงไม่กี่ประโยคนี้ ข้าหมายความว่า ไม่ว่า
นายหญิงสามจะแบ่งเงินมาให้ท่านใช้เท่าใด ท่านย่อมไม่อาจคิดเล็กคิดน้อย”
เพราะคิดเล็กคิดน้อยไปล้วนไม่มีประโยชน์
นี่ช่างดูซับซ้อนวุ่นวาย
กู้ซีเข้าใจขึ้นมาทันที นางคาดไม่ถึงว่าในจวนของเมืองหลวงจะยังมีคนของนายท่าน
ใหญ่ นางเอ่ยขอบคุณอย่างนอบน้อม
แม่นมผู้นั้นโบกไม้โบกมือ ยิ้มอย่างฝืดเฝื่อนออกไปจากเรือนพํานักของกู้ซี
กู้ซีดื่มชา ในใจยังขบคิดเรื่องนี้
แม่นมผู้นั้นไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใด ล้วนเป็นเพราะปรารถนาดี แต่นางไม่เข้าใจอยู่
บ้าง เผยเยี่ยนเป็นคนเจ้าแผนการ ไฉนเขาจึงปล่อยแม่นมเช่นนี้ไว้ได้? เป็นปลาที่หลุดจากแห?
หรือแม่นมผู้นี้ซ่อนตัวได้อย่างลึกลํ้า? ไม่ก็แม่นมผู้นี้ยังมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง?
ขณะที่นางคิด เหอเซียงก็ถอดเสื้อคลุมเดินเข้ามา เอ่ยกับนางว่า “หญิงรับใช้ที่ทําอาหาร
ในครัวของพวกเราฝีมือธรรมดาอย่างยิ่ง ท่านว่า พวกเราควรจ้างคนครัวเองดีหรือไม่?”
กู้ซีพอใจกับที่พักของตัวเองในยามนี้ไม่น้อย นับได้ว่าอยู่ใจกลางเรือน นางเอ่ยอย่าง
เคร่งขรึมว่า “ใช้งานไปก่อนเถิด! รอข้าคุ้นชินกับเรื่องทางนี้ได้แล้วค่อยว่ากัน แทนที่จะ
เคลื่อนไหวมิสู้อยู่เงียบๆ”
เหอเซียงพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าวของจัดการเกือบเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านจะไปดู
สักหน่อยหรือไม่”
กู้ซีเชื่อใจในการทําเรื่องของนางอย่างยิ่ง นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูอะไรกันล่ะ ไปเถิด
พวกเราไปน้อมทักทายทางอาสะใภ้สามกัน ข้าวางแผนจะไปเยี่ยมเยียนพี่สะใภ้ด้วย ในเมื่อพัก
ในเรือนเดียวกัน ไปทักทายเสียหน่อยย่อมดีกว่า”
2726
ถือโอกาสไปเอาเงินของเดือนนี้จากนางด้วย ดูสิว่าอวี้ถังจะหักเงินนางหรือไม่ จะให้เงิน
นางเท่าใดกัน
เหอเซียงรับคําสั่ง ช่วยกู้ซีเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะไปหาอวี้ถัง
พวกนางคาดไม่ถึงว่าจะพบกับสวีเซวียนที่นี่
นางกําลังนั่งบนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ด้วยท้องโย้ กินผิงกั่ว ทั้งคุยกับอวี้ถังเรื่องพ่อครัวในเมือง
หลวงไปพลาง “แนะนําให้เจ้าพามาจากเจียงหนานสักคน พ่อครัวทางนี้ ทําไปทํามากลายเป็น
อาหารซานตงเสียอย่างนั้น ลําพังพวกเขายังคิดว่ารสชาติดี ขอเพียงแค่เจ้าเอ่ยปากว่าอยากได้
พ่อครัวฝีมือดีสักคน พวกเขาก็จะแนะนําคนที่ทําอาหารซานตงให้เป็นแน่ ย่อมทําให้เจ้ากลืนไม่
เข้าคายไปไม่ออกเลยทีเดียว”
อวี้ถังยังคงใส่ใจต่อสวีเซวียนเหมือนเมื่อก่อน ล้วนเป็นนายหญิงผู้ดูแลจวนสกุลเผยแล้ว
ก็ยังคงส่งผ้าร้อนให้สวีเซวียนด้วยตัวเอง
กู้ซีเบะปาก ก่อนจะตระหนักถึงด้านข้างของสวีเซวียนยังมีเด็กผู้หญิงที่เผยท่าทีโดดเด่น
นั่งอยู่อีกคน
เมื่อรับรู้ว่ามีคนมองนาง เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา พยักหน้าด้วยรอยยิ้มให้กู้ซี
จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบากับสวีเซวียน
สวีเซวียนหันมาทางนาง แววตาเยือกเย็นคมกริบ
กู้ซีตะลึงงัน
นางกะพริบตามองไปอีกครั้ง แววตาของสวีเซวียนกลับเผยความอ่อนโยนและสดใส
คล้ายว่าความเยียบเย็นเมื่อครู่เป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น
กู้ซีตั้งสติอีกครั้ง
บางทีตัวเองอาจตาฝาดไป
2727
ขณะที่นางคิด ก็เห็นสวีเซวียนโบกมือมาทางนาง เอ่ยว่า “ข้ายังคิดว่าสักพักจะเข้าไป
หาเจ้า คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเข้ามาก่อน เข้าไปสกุลหยางมาหรือยัง? ไม่กี่วันก่อนข้าไปงานฉลอง
ครบเดือนที่สกุลหลี ยังเจอกับนายหญิงใหญ่สกุลหยาง นางไม่ได้บอกอะไรกับข้า ข้ายังคิดว่า
เจ้าไม่ได้ตามเข้าเมืองหลวงมาด้วยเสียอีก”
กู้ซีรู้ว่ายามที่สวีเซวียนอยู่หลินอัน ก็ไม่ค่อยถูกชะตากับนางแล้ว สวีเซวียนพบนางย่อม
ไม่มีคําพูดดีๆ อะไรให้ เพียงแต่นางคาดไม่ถึงว่าตัวเองมาหาอวี้ถังกลับพบเข้ากับสวีเซวียน ใน
ใจลอบสบถว่า ‘ซวยจริงๆ’ ทว่ามุมปากกลับยกยิ้ม เอ่ยว่า “หลายวันนี้ข้ายุ่งกับการจัดเก็บข้าว
ของในเรือน ยังไม่ทันได้ไปสกุลของท่านลุง เจ้าพบท่านป้าข้าแล้วรึ นางเป็นอย่างไรบ้าง?
ร่างกายแข็งแรงดีหรือไม่?”
สวีเซวียนเอ่ยกับนางเป็นพิธีไม่กี่คํา ก่อนจะแนะนําหญิงสาวที่อยู่ข้างกายให้นางรู้จัก
“นี่คือคุณหนูใหญ่ของสกุลจาง”
กู้ซีและคุณหนูใหญ่สกุลจางคํานับให้กัน ก่อนทุกคนจะนั่งลงอีกครั้ง
ทุกคนไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันไม่กี่ประโยค สวีเซวียนทนไม่ไหวอยู่บ้าง ถามกู้ซีว่า
“เจ้าจะไปหาพี่สะใภ้เจ้ายามใด? ถึงเวลานั้นช่วยข้านําของไปให้นางเสียหน่อย”
ทุกคนต่างก็อยู่ในเมืองหลวง เหตุใดต้องให้นางเป็นคนเอาของไปให้อินซื่อ
กู้ซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ข้ามาถึงเมืองหลวงหลายวันแล้ว เจ้ายังไม่ได้ไปหาพี่สะใภ้
ข้าอย่างนั้นรึ? เจ้าอยากให้ข้านําของไปให้นาง? ได้สิ! ข้าวางแผนจะเข้าไปวันพรุ่งนี้ เย็นวันนี้ข้า
จะส่งคนไปรับที่จวนของเจ้าดีหรือไม่?”
สวีเซวียนถามว่า “พรุ่งนี้เจ้าจะเข้าไปเวลาใด?”
ไปเป็นแขกที่เรือนคนอื่น ย่อมไม่เข้าไปเช้า บางทีอาจจะประมาณยามซื่อ ถือโอกาสไป
กินข้าวกลางวัน ไม่ก็ยามเหว่ย ไปกินข้าวเย็นด้วย อินซื่อเป็นพี่สะใภ้ของกู้ซี ยามที่นางออกเรือน
2728
อินซื่อยังแบ่งสินเดิมของตัวเองส่วนหนึ่งมาเสริมเติมแต่งให้นาง นางย่อมมีเรื่องต้องพูดกับ
พี่สะใภ้ของสกุลมารดามากมาย คงต้องเข้าไปประมาณยามเหว่ยแล้ว
แต่สวีเซวียนมีท่าทีราวกับอยากสร้างความลําบากให้นาง กู้ซีก็ตอกกลับอย่างไม่เกรง
กลัวเช่นกัน
“พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปยามซื่อ” นางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ข้าวางแผนจะอยู่ที่นั่นทั้งวัน”
มีของอะไรให้คนเอาเข้าไป ก็รบกวนเจ้าให้คนเข้าไปส่งเองเถิด
ใครจะรู้ว่าสวีเซวียนได้ฟังกลับยิ้มตาหยี เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี เรื่องนี้ว่ากันตามนี้ พรุ่งนี้
เช้าตรู่ข้าจะเข้ามา”
ไม่เพียงกู้ซี แต่อวี้ถังและคุณหนูใหญ่สกุลจางต่างก็ตกใจอย่างยิ่ง
แววตาของสวีเซวียนปรากฏความพอใจวาบผ่านขึ้นมา “ข้าพูดกับหมิงหย่วนไว้ดีแล้ว
ภายหลังเขาไปศาลาว่าการ ให้พาข้ามาส่งทางเจ้า เป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสามารถเล่าเรื่องน่าสนใจ
ในเมืองหลวงให้เจ้าฟังได้ เจ้าจะได้อยู่เป็นเพื่อนข้าบ่อยขึ้นเช่นกัน เผื่อว่าเมื่อถึงยามที่สกุลเจียง
แต่งลูกสะใภ้ เจ้าจะได้รู้สถานการณ์รอบตัวอะไรบ้าง”
ทุกคนต่างก็ทําตาโตอย่างตกตะลึง
กู้ซีกลับเอ่ยว่า “สกุลเจียงจะแต่งสะใภ้? สกุลใต้เท้าเจียง เจ้ากรมโยธาธิการควบ
ตําแหน่งมหาบัณฑิตหอตงเก๋ออย่างนั้นรึ? สกุลพวกเขาใครจะแต่งสะใภ้กัน?”
นางไม่ได้รับเทียบเชิญแต่อย่างใด
สวีเซวียนเอ่ยว่า “ลูกชายคนที่อายุน้อยที่สุดผู้นั้นของสกุลพวกเขา แต่งกับลูกสาวของ
ข้าหลวงซานอิน ใต้เท้าเจียงและคนสกุลพวกเขาสอบขุนนางปีเดียวกัน ว่ากันว่าสนิทสนมกัน
อย่างยิ่ง”
ไม่อย่างนั้นคงไม่เกี่ยวดองกันหรอก
2729
อวี้ถังนึกถึงสะใภ้ใหญ่ของสกุลเจียง คุณหนูใหญ่ของสกุลอู่ผู้นั้น
กู้ซีกลับร้อนใจว่าถึงเวลานั้นตัวเองจะได้รับเทียบเชิญหรือไม่
ด้านสวีเซวียน หาเรื่องให้กู้ซีได้อารมณ์ก็ดีขึ้นมา เอ่ยกับคุณหนูใหญ่สกุลจางว่า “จะว่า
ไปแล้วนายหญิงสามและพวกเราก็ไม่นับว่าเป็นคนนอก ยามที่เจ้าไม่มีเรื่องอะไรก็มาเยี่ยมเยือน
บ่อยๆ ได้ นางเพิ่งเข้าเมืองหลวง ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่เท่าใด พรุ่งนี้จวนของพวกเขาจะซื้อ
ดอกอวี้จาน ทั้งยังเป็นคนสวนที่ข้าแนะนําให้”
คุณหนูใหญ่สกุลจางได้รับคํากําชับจากผู้ใหญ่ ย่อมต้องพูดประจบอวี้ถัง นางเอ่ยอย่าง
แปลกใจ “ไฉนนายหญิงสามถึงอยากได้ดอกอวี้จาน? ดอกชนิดนี้พบเห็นได้ทั่วไป ยังต้องการ
ดอกไม้ชนิดอื่นหรือไม่? แม้ว่าสกุลพวกเราจะอยู่ที่เฟิ งไถ แต่ก็รู้จักกับชาวสวนไม่น้อย เพียงแต่สู้
สกุลอินไม่ได้เท่านั้น…ตั้งแต่เด็ก ญาติผู้พี่ก็ชอบปลูกดอกไม้ คนปลูกดอกไม้ในเมืองหลวงล้วน
คุ้นเคยทั้งหมด ขอเพียงแค่พูดว่าญาติผู้พี่ต้องการซื้อดอกไม้ ทุกคนล้วนไม่กล้าเพิกเฉย กลัวว่า
จะถูกเขาเขียนวิพากษ์วิจารณ์ลงใน ‘ตําราสารพรรณดอกไม้หอม’ ที่เขาเขียนขึ้น”