ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่349 ไม่หยุดหย่อน
เขียนเครื่องลางให้ฮ่องเต้?
อวี้ถังเบิกตากว้าง เอ่ยว่า “นี่เขา…”
นี่คือจะประจบเบื้องบน?
เผยเยี่ยนรับรู้คําพูดที่ไม่เอ่ยออกมาของนาง พยักหน้าเอ่ยว่า “ศิษย์พี่เฟ่ ยผู้นี้ หากอยาก
ทําเรื่องอะไรให้สําเร็จ เรื่องนั้นก็ต้องสําเร็จ”
อวี้ถังลิงโลดขึ้นมา กอดแขนของเผยเยี่ยน “เช่นนั้นไม่ใช่หมายความว่า แผนการของ
พวกเราสําเร็จแล้วหรอกรึ?”
แผนการรึ? อย่างมากก็แค่ขุดหลุมอย่างโจ่งแจ้งให้เฟ่ ยจื้อเหวินกระโดดลงไปเท่านั้น
ส่วนเฟ่ ยจื้อเหวิน บางทีอาจจะคิดว่าน่าสนใจ หรือรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงได้กระโดดลงไป
แต่เรื่องเช่นนี้เผยเยี่ยนคงไม่อาจพูดตรงไปตรงมากับอวี้ถัง นั่นย่อมทําลายความตั้งใจ
ของอวี้ถัง เหมือนกับตอนนี้ แววตาที่ระยิบระยับของอวี้ถัง คล้ายดั่งลูกแมวที่กําลังจะเขมือบ
ปลา พาให้เขาเห็นแล้วรู้สึกสุขใจ ช่างดีอะไรอย่างนี้!
“อืม!” เขาขานรับเบาๆ เอ่ยว่า “ครั้งนี้เจ้าทําความดีความชอบแล้ว ข้าตัดสินใจจะให้
รางวัลเจ้าครั้งนี้ เจ้าว่ามาเถิด อยากได้รางวัลอะไร?”
โอกาสนี้หายากอย่างยิ่ง!
อวี้ถังเอ่ยอย่างกระตือรือร้นทันที “รางวัลอะไรก็ได้หมดเลยรึ?”
“รางวัลอะไรล้วนได้ทั้งนั้น!” เผยเยี่ยนรับปากอย่างใจกว้าง
อวี้ถังครุ่นคิดเล็กน้อย ละแขนที่กอดเขาลง วิ่งไปห้องหนังสือ ไม่นานก็นําพวกหมึก
กระดาษเข้ามา เอ่ยว่า “ช่วงเวลาสั้นๆ ข้านึกไม่ออกว่าอยากได้รางวัลอะไร เจ้าเขียนกระดาษให้
2779
ข้าแผ่นหนึ่ง ติดข้าไว้ชั่วคราว รอข้าคิดออกแล้ว จะนํากระดาษแผ่นนี้ไปแลกเปลี่ยนกับเจ้า เจ้า
คิดว่าเป็นอย่างไร?”
นี่กลับน่าสนใจ
เผยเยี่ยนขบคิด ใบหน้ากลับปรากฏความไม่ชอบใจ เอ่ยว่า “เจ้าล้วนเอาหมึกพู่กัน
มาแล้ว หากข้าไม่เขียนให้เจ้า ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะคิดฆ่าตัวตาย อย่างไรข้าจําใจเขียนให้ก็ได้!”
คําพูดวาจาไม่ยอมลดราวาศอกแม้แต่น้อย!
อวี้ถังพึมพําในใจ
หากไม่ใช่ว่าเขาแต่งนางเข้ามา เปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะต้องก่นด่าเขาสามวัน ทะเลาะ
ตบตีกันอีกห้าวันเป็นแน่
ส่วนนางนั้น นี่ไมใช่ว่าท่านผู้เฒ่าเผยก็ดี เผยเยี่ยนก็ดี ล้วนมีบุญคุณกับนางหรอกรึ?
นางจะคิดเสียว่าตอบแทนบุญคุณแล้วกัน
ลําพังเผยเยี่ยนยังไม่ยอมเขียนอย่างสงบเสงี่ยม ต้องให้อวี้ถังฝนหมึกให้เขา
ทั้งสองคน เจ้าประโยคหนึ่งข้าประโยคหนึ่งอยู่ตรงนั้นกว่าค่อนวัน กระดาษแผ่นนี้จึง
ค่อยสําเร็จอย่างถูๆ ไถๆ ไป
อวี้ถังหากล่องไม้แกะสลักสีแดงมาเก็บกระดาษเอาไว้ ยังวางไว้กับพวกเครื่องประดับ
ของตัวเอง เอ่ยว่า “กระดาษแผ่นนี้ช่างหายากจริงๆ ย่อมต้องเก็บไว้ให้ดี”
เผยเยี่ยนเบะปาก ไม่สนใจนาง เดินออกไปหาโจวจื่อจิน
โจวจื่อจินรู้ว่าทางเฟ่ ยจื้อเหวินเริ่มมีแผนการขึ้นมา ก็ดีใจอย่างยิ่ง ลากเผยเยี่ยนไปดื่ม
สุรา ยังถามเขาว่าเกลี้ยกล่อมเฟ่ ยจื้อเหวินได้อย่างไร “มีเฟ่ ยจื้อเหวินร่วมด้วย หลีซวิ่นและเจียง
หวาย่อมไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าใดแล้ว ทางหลีซวิ่นยังพอว่า กลัวก็แต่ว่าหากเจียงหวาทราบว่าเจ้า
มีส่วนเกี่ยวข้อง คงจะไม่ปล่อยเจ้า!”
2780
เผยเยี่ยนไม่ใส่ใจนัก เอ่ยว่า “แม้ข้าจะไม่ใช่คนวางแผน เขาก็ทําหน้าบูดหน้าบึ้งให้ข้า
อยู่ดี”
โจวจื่อจินนึกถึงความบาดหมางระหว่างทั้งสองที่เกิดจากความเห็นทางการเมืองไม่
ตรงกันในปีนั้น ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
ทางจวนสกุลเผยกลับมีคนที่นึกไม่ถึงมาเยือน
อวี้ถังมองเทียบเชิญในมือ ดูแล้วดูอีก ทั้งยังถามยืนยันกับคนที่มาส่งเทียบเชิญซํ้าแล้ว
ซํ้าเล่า “เจ้าดูดีๆ แล้วใช่หรือไม่ เป็นจิ้วเซ่าเหยียอย่างนั้นรึ?”
“เป็นจิ้วเซ่าเหยียขอรับ!” ผู้ที่มารายงานไหนเลยจะกล้าประมาท ละลํ่าละลักเอ่ยว่า “ข้า
เคยพบจิ้วเซ่าเหยียมาก่อน ไม่อาจจําผิดคนได้ขอรับ!”
สวีเซวียนที่รอกินอาหารกลางวันอยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ญาติสกุล
มารดาของเจ้ามาทําธุระที่เมืองหลวง ถือโอกาสผ่านทางมาเยี่ยมเจ้า เป็นเรื่องดีจริงๆ! หรือยังมี
เรื่องผิดปกติอะไรอย่างนั้นรึ?”
“ไม่ใช่!” อวี้ถังเก็บเทียบเชิญ กําชับเด็กรับใช้ผู้นั้นไปเชิญอวี้หย่วนเข้ามา ยามนี้ค่อย
เอ่ยกับสวีเซวียน “พี่สะใภ้ของข้ากําลังตั้งท้อง ตามหลักแล้ว หากท่านพี่มาเมืองหลวง ก็ควรจะ
บอกกล่าวข้าล่วงหน้าเสียหน่อย นี่กลับไม่แจ้งข่าวคราวอันใด ข้าจึงเดาไม่ถูกอยู่บ้าง?”
ขณะที่พูด ก็ลูบหน้าอกตัวเอง
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
สวีเซวียนเร่งปลอบใจนาง “หากในเรือนเกิดเรื่องอะไร สกุลเผยคงมาส่งจดหมาย
รายงานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการมาเยี่ยมเยือนปกติ”
อวี้ถังยังคงรู้สึกว่าไม่ใช่อย่างนั้น
นางจัดการเรื่องทางสวีเซวียนดีแล้ว ก็ไปพบอวี้หย่วน
2781
อวี้หย่วนไม่ได้มาคนเดียว นอกจากซานมู่ เขายังพาคนบ้านเดียวกัน คนสกุลเกา ตําบล
ป่ านเฉียวมาอีกคน ได้ยินว่าขายเกลืออยู่ทางซีเป่ ย ครั้งนี้พบเจอกันระหว่างทาง ช่วยเหลืออวี้
หย่วนไม่น้อย จากที่ได้ยินเขามาเยี่ยมเยือนน้องสาวและน้องเขย ทั้งมาส่งอวี้หย่วนอย่าง
กระตือรือร้น อวี้หย่วนมาเมืองหลวงครั้งแรก มีคนนําทางย่อมดีใจ ถึงที่พักแล้ว จึงถือโอกาส
เชิญคนสกุลเกาที่อยู่บ้านเดียวกันผู้นี้เข้ามาดื่มชากินของว่าง
อวี้ถังใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
นางเกิดใหม่แล้ว อวี้หย่วนก็แต่งภรรยาคลอดบุตรตั้งนานนม ไฉนพวกเขายังเกี่ยวพัน
กับคนสกุลเกาได้อีก?
นางอดเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “เถ้าแก่เกามาเมืองหลวงได้อย่างไร? มีเรื่องสําคัญอะไรรึ?
มาคนเดียวหรือพาสตรีในเรือนมาด้วย”
เถ้าแก่เกาในชาตินี้ คือพี่ชายคนสกุลเกาในชาติก่อน รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวผ่อง คิ้วโค้ง
เรียวราวกับดาบ ตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว ยืนอยู่ตรงนั้นจึงดูโดดเด่นกว่าอวี้หย่วนเสียอีก
เขาคํานับให้อวี้ถังอย่างนอบน้อม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คาดไม่ถึงว่าพี่อวี้จะเป็นพี่ภรรยา
ของนายท่านสามเผย ต้องโทษที่ข้าไม่ได้กลับเรือนไปหลายปี ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดมีอะไรเกิดขึ้น
บ้าง ครั้งนี้ข้ามาเมืองหลวง เพราะได้รับคําเชิญจากสหาย อยากทําการค้าเล็กๆ น้อยๆ ที่เมือง
หลวง ส่วนสตรีในเรือนก็ติดตามข้ามาเมืองหลวงเช่นกัน ไปช่วยสหายหาที่พัก รอนางจัดแจง
เสร็จแล้ว ข้าจะพานางเข้ามาน้อมทักทายนายหญิงอีกครั้ง” คล้อยหลังก็กล่าวลาอวี้หย่วน
และอวี้ถัง “เจ้ามาหาน้องสาวและน้องเขยได้อย่างราบรื่นข้าก็วางใจแล้ว ในเรือนยังมีเรื่องรออยู่
คงไม่ถ่วงเวลาเจ้าแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าพักที่ไหน รอเจ้าเสร็จธุระแล้ว เข้ามาหาข้าดื่มสุรา พวกเรา
สองจะได้ปรึกษากันอย่างละเอียดว่ามีเรื่องอะไรที่สามารถร่วมมือกันได้บ้าง”
อวี้หย่วนขอบคุณทั้งรอยยิ้ม ส่งเขาออกจากประตูด้วยตัวเอง ยามนี้ค่อยย้อนกลับมา
หาอวี้ถังที่โถงบุปผา
อวี้ถังฟาดแขนเขา เอ่ยว่า “นี่ตกลงเป็นเรื่องอะไรกันแน่?”
2782
อวี้หย่วนไม่ใช่คนที่ไร้สมอง เขาย่อมไม่พาคนปกติมาสกุลเผย
“ครั้งนี้โชคดีที่มีเถ้าแก่เกา” อวี้หย่วนเล่าเรื่องให้อวี้ถังฟังว่า เขาพบกับโจรสลัดระหว่าง
ทาง เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้ง ดีที่ได้เถ้าแก่เกาช่วยเหลือเอาไว้
อวี้ถังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าใด เอ่ยว่า
“เขาเป็นเถ้าแก่คนหนึ่ง มีความสามารถช่วยเจ้าได้
ด้วยรึ?”
“นี่ไม่ใช่ประจวบเหมาะหรอกรึ?” อวี้หย่วนกล่าว “เวลานั้นพวกเรากําลังผ่านท่าเรือชาง
โจว เขาช่วยข้าขึ้นมาจากนํ้า ใบอนุญาตเดินทาง เงินติดตัวล้วนหายทั้งสิ้น ก็เป็นเขาที่พาข้าไป
ศาลาว่าการ ช่วยเป็นพยานให้ข้า ช่วยข้าไปยื่นขอใบอนุญาตเดินทางใหม่อีกครั้ง”
มิน่าเล่าถึงเชิญเขามานั่งในเรือน
อวี้ถังเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าเคยเห็นสตรีในเรือนของเขาหรือไม่?”
นํ้าเสียงของนางแฝงความจริงจังอยู่บ้าง
อวี้หย่วนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เอ่ยว่า “เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าจะไปพบสตรีของสกุล
พวกเขาได้อย่างไร”
นี่ก็ดีแล้วๆ!
อวี้ถังถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบถามเรื่องที่เกิดระหว่างทางของเขาขึ้นมา “หลายวันนี้
ท่านผ่านมาได้อย่างไร? เถ้าแก่เกายังให้ท่านยืมเงินอย่างนั้นรึ? เขาชวนท่านทําการค้าด้วยกัน?
เหตุใดท่านจึงมาเมืองหลวง?”
นางถามติดต่อกัน ท่าทางเหมือนอยากจะทําเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างภายในครั้งเดียว
อวี้หย่วนรู้ว่านางกังวล เร่งเอ่ยว่า “ข้ากําลังจะพูดเรื่องนี้กับเจ้า ข้ายืมเงินเถ้าแก่เกามา
สิบตําลึง รวมกับทําใบอนุญาตเดินทาง นั่งเรือกินข้าว ก็เสียเงินเกือบห้าสิบตําลึงแล้ว จําต้องขอ
2783
โยกย้ายเงินจากเจ้าให้เขาก่อน” พูดเรื่องพวกนี้ เขาก็ก้มหน้าอย่างละอายใจ “กลัวว่าจะต้อง
สร้างปัญหาให้เจ้าแล้ว ทั้งยังต้องพักอยู่กับเจ้าช่วงหนึ่ง”
“คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ทําไมกัน?” อวี้ถังเอ็ดตําหนิ
อวี้หย่วนหัวเราะเหอะๆ ไม่พูดมากอีก ก่อนจะเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมา “ท่านพ่อ
เฝ้าอยู่ที่ร้านค้า ท่านอาไปซูโจว ข้าและเหยาซานเอ๋อร์ดูพื้นที่ในหังโจว คิดว่าใต้หล้ากว้างใหญ่
เพียงใด ก็ใหญ่ไม่เกินเมืองหลวงอยู่แล้ว ตระหนักได้ว่าช่วงนี้เจ้าก็อยู่ในเมืองหลวง จึงบอก
กล่าวกับท่านพ่อและท่านอา วางแผนจะมาดูที่ทางในเมืองหลวง ดูว่าร้านค้าของสกุลพวกเรา
พอจะสามารถมาเปิดในเมืองหลวงได้หรือไม่ คาดไม่ถึงว่าเคลื่อนทัพยังไม่ทันคว้าชัย กลับจะมา
ตายก่อน พบเข้ากับโจรสลัดระหว่างทาง”
การค้าที่เถ้าแก่เกาพูดถึง คงเป็นการค้าเกลือ
แม้ชาวเมืองชางโจวจะดุดันห้าวหาญ แต่หลังจากฮ่องเต้ครองราชย์ก็ทําให้บ้านเมือง
อยู่อย่างสงบสุข ไฉนจู่ๆ จึงมีโจรสลัดได้?
จากสัญชาตญาณที่ระแวดระวังเถ้าแก่เกา อวี้ถังสงสัยว่าโจรสลัดนั้นเป็นเรื่องโกหก
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องจัดการเรื่องอวี้หย่วนให้เสร็จสิ้นก่อน
นางกินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนอวี้หย่วน ทั้งพาเขาไปพักที่ห้องรับรองแขกด้วยตัวเอง ให้
เขาพักผ่อนอยู่คนเดียวสักพัก “รอนายท่านสามกลับมาแล้ว จะให้ดื่มสุราเป็นเพื่อนท่าน จัดงาน
เลี้ยงต้อนรับท่านดีๆ ส่วนเรื่องเงิน อีกเดี๋ยวข้าจะให้ชิงหยวนเอาเข้ามาให้ ข้าจะส่งเด็กรับใช้อีก
สองคนมาดูแลท่าน ท่านมีเรื่องอะไรก็สั่งการพวกเขา ซานมู่ไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง ให้รับใช้
ข้างกายท่านก็เพียงพอแล้ว”
การค้าที่เถ้าแก่เกาพูดถึง นางต้องปรึกษากับเผยเยี่ยนดีๆ เสียหน่อย
นางมักรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น
2784
ระหว่างทางอวี้หย่วนนั้นตื่นตระหนกตกใจจริงๆ เหนื่อยล้าอย่างยิ่ง ยามนี้สามารถ
พักผ่อนดีๆ จึงรู้สึกสบายใจ เอนกายบนเตียงไม่นานก็ล่วงสู่นิทราไป
อวี้ถังกลับมาที่พักของตัวเอง
สวีเซวียนกําลังรอนางอยู่ ถามนางอย่างเป็นห่วงว่าเกิดเรื่องอะไร มีสิ่งที่นางสามารถ
ช่วยเหลือได้หรือไม่
อวี้ถังตระหนักว่าสวีเซวียนเป็นคนที่มีความคิด จึงตั้งใจขอให้นางช่วยชี้แนะแนวทาง
เล่าเรื่องในเรือนให้สวีเซวียนฟัง
สวีเซวียนได้ฟังก็สงสัยเถ้าแก่เกาอยู่บ้างเช่นกัน เอ่ยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ การค้าเกลือใน
ยามนี้ ต้องลงทะเบียนประทับตรากับทางกรมคลัง ชายแดนทั้งเก้าถึงจะยอมรับ การปรากฏตัว
ของเถ้าแก่เกาผู้นี้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเสมอไป”
ไม่เสียแรงที่นางคิดมาก คนเช่นนี้ นางพบเห็นมาบ่อยแล้ว
มีวิธีการที่ทําให้คนนึกไม่ถึง ทั้งไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่บ้าง
อวี้ถังกลับมีประสบการณ์จากชาติก่อน นางเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เช่นนั้นเดินหนึ่งก้าวก็
ค่อยดูอีกหนึ่งก้าว”
นางยังคงสงสัยว่าภายในนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสกุลเผิง
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่กล่าวหรือว่า พี่ชายของคนสกุลเกาไปซีเป่ ยกับเผิงสืออี เถ้าแก่เกาไม่
อาจออกจากสกุลเผิงมาทําการค้าคนเดียวได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ยามเย็นเผยเยี่ยนกลับมา รู้ว่าอวี้หย่วนมาเยือน คิดว่าอย่างไรอวี้หย่วนก็เป็นพี่ภรรยา
ของตัวเอง หากสามารถให้ร้านค้าเครื่องลงรักของสกุลอวี้ตั้งรกรากที่เมืองหลวงได้คงดีไม่น้อย
เช่นกัน จึงรั้งอินหมิงหย่วนที่มารับสวีเซวียนให้อยู่เป็นเพื่อน อยู่เลี้ยงต้อนรับอวี้หย่วนด้วยกัน
2785
อวี้หย่วนเห็นเผยเยี่ยนก็หวั่นเกรงอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอินหมิงหย่วนอีกคน ดีที่เขา
และอวี้ถังมีส่วนที่คล้ายกัน ล้วนเป็นประเภทที่หากเจอคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งก็จะแข็งแกร่งขึ้นตาม
ฝืนทําตัวกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา นอกจากจะไม่ทําตัวขี้ขลาดต่อหน้าอินหมิงหย่วน ยังสร้างความ
ประทับใจที่ดีต่ออินหมิงหย่วนอย่างสบายๆ ทั้งส่งป้ายชื่อของตัวเองให้เขาหนึ่งใบ
เผยเยี่ยนรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย เห็นอวี้ถังก็ชมอวี้หย่วนอย่างไม่ขาดปาก ยังเอ่ยว่า
“หากเถ้าแก่เกาผู้นั้นไม่มีปัญหาอะไร ให้พี่รองประทับตราให้เขาก็ไม่เป็นไร”
ไม่อาจให้พี่ภรรยาเสียหน้าเรื่องนี้ได้