ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่351 อยากคลี่ คลาย
เผยเยี่ยนรู้สึกว่า อวี้ถังอยู่ข้างกายเขา อยู่ในสายตาของเขา เขาถึงจะวางใจ
อวี้ถังกลับถูกคําว่า ‘เครื่องเคลือบลายคราม’ และ ‘เศษหิน’ นั้นของเขาทําให้หน้าแดง
นั่งไม่ติดที่ทันที ขานรับไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะไปถามชิงหยวนว่าล้างอิงเถาให้เผยเยี่ยนเสร็จหรือยัง
ด้วยใบหน้าแดงกํ่า
ช่วงนี้เผยเยี่ยนยุ่งจนลืมวันลืมคืนอยู่บ้าง ฟังจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเรือนซื้ออิงเถามา
รึ!”
ยามที่อวี้ถังย้อนกลับมาใบหน้าก็ไม่ได้ร้อนฉ่าขนาดนั้นแล้ว นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้
ซื้อ นายหญิงอินส่งเข้ามา ส่งมาสองตะกร้าใหญ่ ข้ายังแบ่งไปให้พี่สะใภ้รองและกู้ซื่อ”
สามารถเรียกกู้ซีว่า ‘กู้ซื่อ’ ได้ อวี้ถังจึงมีความรู้สึกเงยหน้าอ้าปากได้อยู่บ้าง
เผยเยี่ยนย่อมไม่ไปยุ่งเรื่องเล็กน้อยอย่างความสัมพันธ์ระหว่างคนพวกนี้ เขาถืออิงเถา
ที่เกลี้ยงเกลาขึ้นมา ป้อนลูกหนึ่งให้อวี้ถัง ก่อนตัวเองจะชิมไปอีกลูก เอ่ยว่า “ผีผาในสวนของ
สกุลเราคงจะสุกแล้ว ข้าให้พวกเขาส่งเข้ามาส่วนหนึ่ง ถึงเวลานั้นเจ้าก็ช่วยดูให้หน่อยว่าทุก
ครอบครัวได้รับกันครบหรือไม่”
อวี้ถังขานรับ ก่อนเผยเยี่ยนจะส่งอินเถาทั้งจานให้อวี้ถัง เอ่ยว่า “หวานอย่างยิ่ง คงจะ
มาจากซานตง เจ้ากินเยอะๆ เถิด”
“เจ้าไม่ชอบกินรึ?” อวี้ถังยังคงชอบกินไม่น้อย หากไม่ใช่ว่านางกลัวกินเยอะแล้วปวด
ท้อง วันนี้ทั้งบ่ายนางก็คงกินไม่หยุดปาก
“พอได้” เผยเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบอย่างยิ่ง พรุ่งนี้ข้าจะให้พวก
ร้านค้าผลไม้ส่งเข้ามาให้สกุลพวกเรา”
เขาเพิ่งกินลูกหนึ่ง อวี้ถังก็กินติดต่อกันสองลูกแล้ว น้อยครั้งที่เขาจะเห็นอวี้ถังชอบกิน
อะไรแบบนี้
2794
เผยเยี่ยนครุ่นคิดว่า นอกจากพรุ่งนี้ต้องให้คนส่งอิงเถาเข้ามา ยังต้องบอกกับพวก
ร้านค้าผลไม้เสียหน่อย ภายหลังมีผลไม้อะไรขึ้นตลาด หรือมีผลไม้หายากอะไร ให้ส่งเข้ามา
ให้อวี้ถังชิมทั้งหมด
อวี้ถังแย้มยิ้ม เอ่ยว่า “รอผ่านพรุ่งนี้ไปแล้วค่อยว่ากันเถิด”
เผยเยี่ยนไม่เข้าใจ
อวี้ถังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายหญิงอินเห็นข้าชอบกิน ยามนั้นก็เรียกคนไปคุยกับร้านค้า
ผลไม้ที่นางคุ้นเคย ข้าดูสถานการณ์แล้ว ไม่ส่งเข้ามาสี่ห้าตะกร้า ก็คงจะส่งมาสองสามตะกร้า
ทั้งผลไม้นี้ไม่อาจจะเก็บไว้อย่างเรื่อยเปื่อย จะเสียของได้”
สีหน้าของเผยเยี่ยนดูไม่ดียิ่งกว่าเดิม
อวี้ถังตกใจ เอ่ยว่า “ไม่ควรรับของพวกนี้จากนางอย่างนั้นรึ?”
“ไม่ใช่!” เผยเยี่ยนตอบ แม้สีหน้าจะไม่ได้แย่เหมือนก่อนหน้านี้ ทว่านํ้าเสียงยังแข็งทื่อ
อยู่บ้าง
สวีซื่อผู้นี้ เรื่องเยอะเกินไปแล้ว
สกุลเผยของพวกเขาใช่ว่าจะซื้อผลไม้ไม่ได้ ต้องให้นางหาเข้ามาเสียหน่อย
เผยเยี่ยนกล่าวว่า “ข้ากําลังคิดว่าอินหมิงหย่วนทําอะไรอยู่กัน วางแผนจะให้ภรรยา
ของเขาอยู่ที่สกุลพวกเราทุกวันเลยรึ? หรือสกุลพวกเขาจัดการเองไม่ได้?”
อวี้ถังคิดว่าเผยเยี่ยนพูดเช่นนี้เหมือนคอยหาเรื่องจับผิดอยู่บ้าง นางเอ่ยว่า “เจ้าก็รู้ พี่
ป้าน้าอาของสกุลอินพวกนั้น กระทั่งนางดื่มนํ้ากี่คํายังส่งคนเข้ามาถาม ของเย็นจะจับยังจับ
ไม่ได้…”
เผยเยี่ยนได้ฟังก็ยิ่งหงุดหงิดใจ เอ่ยว่า “นางและอินหมิงหย่วนเติบใหญ่มาด้วยกัน สกุล
อินมีสถานการณ์เป็นอย่างไร หรือนางจะไม่รู้เชียวรึ! ยามนี้รู้สึกว่าทนไม่ได้ ก่อนหน้านี้ทํา
2795
อย่างไรล่ะ? นางก็ใช่ว่าไม่มีสกุลมารดา? อยู่ที่สกุลอินไม่สบายใจ จะกลับสกุลมารดาย่อมไม่ใช่
เรื่องยาก!”
ปัญหาอยู่ที่มารดาของสวีเซวียนก็กลัวว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดกับท้องของนาง
จึงไม่กล้าปะทะกับพวกพี่ป้าน้าอาของสกุลอิน!
ความกังวลและคิดเล็กคิดน้อยระหว่างหญิงสาวพวกนี้เล่าให้เผยเยี่ยนฟัง คาดว่าเขาก็
คงไม่เข้าใจ
อวี้ถังมองเขาที่จู่ๆ ก็มีท่าทีไม่สบอารมณ์ คิดว่าโต้แย้งกับเขาต่อไปคงไม่มีประโยชน์อัน
ใด ตัดสินใจจบการถกเถียงครั้งนี้ให้เร็วที่สุด
นางทาบอกหัวเราะ “ข้าจึงคิดว่าข้าแต่งงานเข้ามาได้อย่างดี ในเรือนไม่มีเรื่องสับสน
วุ่นวายขนาดนั้น”
คล้อยหลังนางก็เห็นใบหน้าของเผยเยี่ยนปรากฏความดีใจขึ้นมาราวกับลมพัดพามวล
เมฆ พาให้เห็นท้องฟ้าที่กระจ่างใส
เหอะ! เจ้าคนอ่อนไหว! ฟังได้แต่คําพูดดีๆ ทนฟังคําพูดระคายหูไม่ได้
อวี้ถังข่มกลั้นอย่างยากลําบากจึงไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา
นางรีบเบี่ยงไปประเด็นอื่น เล่าเรื่องอวี้หย่วนให้เขาฟัง
เผยเยี่ยนได้ฟังก็หัวเราะขึ้นมา
เขานึกถึงเรื่องที่อวี้ถังแอบอ้างชื่อสกุลเผยของเขา สาเหตุที่อวี้หย่วนอยู่ที่สกุลเผยก็ไม่ใช่
ว่าอยากอาศัยชื่อสกุลเผยเช่นกันหรอกรึ?
สองพี่น้องผู้นี้ช่างเหมือนกันจริงๆ
ชั่วขณะนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทางเขาไม่ใช่ว่ายังมีป้าย
ชื่อของอินหมิงหย่วนหรอกรึ? หากเจอปัญหาอะไรก็ให้เขาใช้ได้”
2796
อย่างไรนํ้าใจนี้เขาต้องเป็นคนคืนอยู่แล้ว
อวี้ถังรับรู้ถึงอารมณ์ดีของเขา จึงเอ่ยหยอกล้อเขาไป “เช่นนั้นย่อมต้องใช้อย่างเต็มที่!
ข้าคิดว่าปกติใช้ป้ายชื่อของเจ้าก็เพียงพอแล้ว”
เผยเยี่ยนหน้าดําคลํ้าเล็กน้อย เอ่ยว่า “ป้ายชื่อของข้าสู้อินหมิงหย่วนไม่ได้อย่างนั้นรึ?”
อวี้ถังเดินไปด้านนอก ทั้งเอ่ยไปพลาง “นั่นกลับไม่ใช่ เป็นเพราะป้ายชื่อของอินหมิง
หย่วนไม่ใช่ได้มาง่ายๆ แต่ป้ายชื่อของเจ้าแค่ยื่นมือไปก็ได้แล้วมิใช่รึ?”
ยามนี้เผยเยี่ยนจึงค่อยเข้าใจ ที่แท้อวี้ถังกําลังเย้าแหย่เขา
เพียงแต่ยามที่เขาดึงสติกลับมา อวี้ถังก็ยิ้มเริงร่าออกประตูไปแล้ว ยังตะโกนมาทางเขา
ว่า “ข้าจะไปดูที่คลังเก็บของก่อนว่าพอจะมีผ้าที่เหมาะมาตัดเป็นชุดเล็กๆ ให้เด็กน้อยได้
หรือไม่” ก่อนจะวิ่งไปแทบไม่เห็นฝุ่น
เผยเยี่ยนมองม่านประตูที่สั่นไหว ปลายจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกอวี้จาน
เขาอดหัวเราะเสียงดังขึ้นมาไม่ได้
สกุลเผิงเป็นดั่งที่เผยเยี่ยนคาดเดา ให้เถ้าแก่เกาตีสนิทอวี้หย่วน แต่แค่เพราะหยั่งเชิง
เท่านั้น ยามนี้ทําให้เผยเยี่ยนตรวจสอบเรื่องของเถ้าแก่เกาขึ้นมา จึงยืนออกมาอย่างผ่าเผย
จริงใจ ส่งนายท่านเก้าสกุลเผิง น้องชายของเผิงอวี่มาน้อมทักทายเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนเข้าพบนายท่านเก้าสกุลเผิงที่โถงหลักของเรือนตัวเอง
นายท่านเก้าสกุลเผิงและเผิงสืออีหน้าตาคล้ายกันอย่างยิ่ง แต่นายท่านเก้าสกุลเผิงดู
สุภาพเรียบร้อย ด้านเผิงสืออีเหมือนห้าวหาญกว่าอยู่บ้าง
เขาก็ไม่อ้อมค้อม พบหน้าก็ขอโทษเผยเยี่ยน กล่าวว่าสกุลเผิงของพวกเขาใช้ความคิด
ของคนต้อยตํ่าไปคาดเดาผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง เพราะเรื่องของเผิงสืออี กลัวว่าสกุลเผยจะมีอคติ
2797
ต่อสกุลเผิง ไม่มีหน้ามาร้องขอถึงประตู นี่จึงได้ส่งเถ้าแก่เกาเข้ามา เป็นความผิดของสกุลเผิง
พวกเขาเอง
นายท่านเก้าสกุลเผิงพูดอยู่ตรงนั้น สมองของเผยเยี่ยนก็แล่นไม่หยุด รอจนนายท่าน
เก้าสกุลเผิงพูดจบ ในใจของเขาค่อยคิดแผนออก “พวกเจ้าก็รู้ สกุลเผยและสกุลเผิงอยู่ร่วมกัน
อย่างสงบมาโดยตลอด แต่เผิงสืออีของสกุลพวกเจ้ายื่นมือออกมายาวเกินไป สกุลหลี่อย่างไรก็
เป็นเพื่อนใกล้เรือนเคียงของสกุลเผย จึงไม่ปล่อยให้เขาสอดมือยุ่งเรื่อง ยามนี้นอกจากเขาจะ
ยื่นมือเข้ามา ยังทําให้สกุลหลี่บ้านแตกสาแหรกขาด ภายหลังเจ้าจะให้สกุลเผยพวกเราเดินไป
เดินมาในหลินอันได้อย่างไร? หากเปลี่ยนเป็นพวกเจ้าสกุลเผิง พวกเจ้าจะทําอย่างไร?”
นี่หมายความว่าไม่คิดจะปล่อยเผิงสืออีไป
นายท่านเก้าสกุลเผิงคิดว่าเผยเยี่ยนใช้อํานาจไล่ต้อนคนเกินไป แต่ที่เผยเยี่ยนพูดก็มี
เหตุผล ทั้งเดินไปที่ไหน ไม่ว่าจะหาใครมาแสดงความเห็น ก็ย่อมไม่มีผู้ใดมาตําหนิว่าสกุลเผย
ผิดได้
ปัญหาอยู่ที่ตอนแรกเผิงสืออีรับคําสั่งทําเรื่องนี้จากผู้นําสกุล
ยามนี้สกุลเผิงควบคุมเรื่องราวไม่ได้แล้ว จึงผลักพวกลูกหลานที่ได้รับคําสั่งทําเรื่องมา
แบกความผิด ภายหลังใครยังจะกล้าทําเรื่องให้สกุล? ผู้นําสกุลจะได้รับการนับถือได้อย่างไร?
นายท่านเก้าสกุลเผิงนึกถึงคําที่ผู้นําสกุลกําชับยามที่ตัวเองออกมา ‘ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร
ต้องประนีประนอมกับสกุลเผยก่อนค่อยว่ากัน ส่วนปีหน้า หาวิธีลากนายท่านรองสกุลเผยลง
จากหลังม้าก็เพียงพอแล้ว’ เขาจึงลอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ
หากไม่สามารถลากนายท่านรองสกุลเผยลงมาได้ล่ะ สกุลจะวางแผนให้ใครเป็นแพะ
รับบาป?
อย่างไรก็ไม่อาจเป็นพี่ชายเขา ทั้งไม่อาจเป็นเขา
2798
นายท่านเก้าสกุลเผิงคิดกลับไปกลับมาอย่างว่องไว ใบหน้ากลับหนักแน่นจนมองไม่
เห็นความผิดปกติ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นพี่ใหญ่ผู้นําสกุลพวกเราจึงพูดแล้ว ดูว่าควรจะทํา
อย่างไรถึงจะชดเชยให้ท่านได้”
ความจริง สกุลเผิงลอบปรึกษากันว่าจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นําผลประโยชน์
เล็กน้อยจากกรมโยธาธิการมาให้สกุลเผยดีหรือไม่
ใครจะรู้ว่าเผยเยี่ยนกลับกัดเผิงสืออีไม่ปล่อย ขอให้สกุลเผิงรับประกันว่า นับแต่นี้ต่อไป
เผิงสืออีจะไม่ปรากฏที่สกุลเผยอีก โดยเฉพาะต่อหน้าคนของสกุลเขา
นี่กลัวว่าเผิงสืออีจะรบกวนสมาชิกในเรือนของสกุลเผยอย่างนั้นรึ?
นายท่านเก้าสกุลเผิงคิดว่าเผยเยี่ยนตีตนไปก่อนไข้
ไม่ว่าทําเรื่องอะไรล้วนต้องมีกฎเกณฑ์ สกุลอย่างพวกเขา แม้ว่าจะมีบุญคุณความแค้น
อะไร ก็ไม่อาจดึงสตรีในเรือนมาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว
นายท่านเก้าสกุลเผิงรับปาก
เผยเยี่ยนก็ไม่อ้อมค้อม ให้เผยชีพานายท่านเก้าสกุลเผิงไปหาเผยเซวียนโดยตรง
กฎใหม่ของกรมคลัง การค้าเกลือทั้งหมดต้องมีตราประทับของกรมคลัง เดิมก็เพื่อให้
การค้าเกลืออยู่ในการควบคุมของกรมคลัง ทั้งเพราะวงการขุนนางมีพฤติกรรมที่เสื่อมเสียอยู่
บ้าง ขุนนางเล็กๆ ชอบสร้างความลําบากให้คนที่มาทําเรื่อง เหมือนสกุลเผิงที่นําใบอนุญาตค้า
เกลือจํานวนมากมาประทับตรา แม้ว่าจะเป็นเผิงอวี่มาทักทายเอง แต่ก็อยู่คนละภาคส่วน พวก
ขุนนางเล็กๆ ใช่ว่าจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ให้นําเงินมาติดสินบนนั้นเป็นเรื่องเล็ก ถ่วงเวลาเจ้า
ว่าวันนี้มีธุระ พรุ่งนี้มีอีกธุระ ไม่ยอมประทับตราให้เจ้าเสียที ทั้งอาจลากเวลายาวถึงครึ่งปี สกุล
เผิงเสียหน้านั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่ถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่าสกุลเผิงไร้อํานาจ นั่นย่อมเป็นเรื่องใหญ่
2799
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจะมีเผยเซวียนไปทักทาย แต่สกุลเผิงก็ยึดตามกฎเกณฑ์มอบเงินแสดง
ความจริงใจให้ ทุกคนจึงจัดการเรื่องนี้เสร็จสรรพอย่างมีสุขถ้วนหน้า รอจนเผิงอวี่ทราบ นาย
ท่านเก้าสกุลเผิงก็เก็บข้าวของ เตรียมกลับฝูเจี้ยนไปรายงานข่าวดีให้นายท่านใหญ่สกุลเผิงแล้ว
เผิงอวี่กระทืบเท้าไม่หยุด ตําหนิน้องชายของตัวเอง “ไฉนเจ้าจึงเลอะเลือนเช่นนี้? ยาม
ที่สกุลเผยพาเจ้าไปประทับตราที่กรมคลัง เหตุใดไม่ปรึกษากับข้าก่อน?”
นายท่านเก้าสกุลเผิงเอ่ยอย่างน้อยใจ “ไม่ใช่เจ้าพูดเองรึ? เรื่องนี้ต้องทําให้เร็วที่สุด
ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าสกุลพวกเราและสกุลเผยเกิดบาดหมางกัน ทําให้ชื่อเสียงของสกุล
เผิงเสื่อมเสีย อีกอย่าง นายท่านสามก็ดูเกรงใจ ให้คนพาข้าไปกรมคลังทันที ข้าย่อมไม่อาจมา
พูดวันอื่นได้หรอกกระมัง? พวกเราไปขอร้องคน ไม่ใช่ไปบงการ มีเพียงพวกเราต้องรอเขา ไหน
เลยจะให้คนอื่นมารอพวกเรา”
เผิงอวี่โมโหเหลือทน เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าถามเจ้าหน่อย เผิงสืออีจะทําอย่างไร?”
สกุลเผิงไม่อาจรับปากแล้วผิดคําพูดได้
นายท่านเก้าสกุลเผิงเอ่ยอย่างขวานผ่าซาก “นี่เป็นเรื่องของพวกเจ้า! พวกเจ้าเพียงให้
ข้าไปหานายท่านรองเผยเพื่อช่วยประทับตรา ไม่ว่าสกุลเผยจะเอ่ยเงื่อนไขอะไร พวกเราย่อม
ต้องรับปากไว้ก่อน พวกเจ้าไม่อาจข้ามสะพานแล้วรื้อทิ้งได้ ข้าทําเรื่องสําเร็จแล้ว พวกเจ้า
กลับมาคิดว่าเงื่อนไขของสกุลเผยนั้นสูงเกินไป ข้านั้นยังต้องเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ด้านนอก
พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าจะทําอย่างไรกับข้าก็ได้ ข้าทําเรื่องสําเร็จกลับจะมาตบหน้าข้า”
นี่คือหมายความว่าจะยืนอยู่ข้างเผยเยี่ยน จําต้องลงโทษเผิงสืออีให้ได้อย่างนั้นรึ
เผิงอวี่โกรธจนพูดไม่ออก
นายท่านเก้าสกุลเผิงก็ไม่อาจพูดอะไรกับพี่ชายคนนี้ของตัวเองได้ พาเด็กรับใช้ตรงดิ่ง
ไปทงโจว นั่งเรือกลับฝูเจี้ยนทันที
เผิงอวี่ไม่รู้ควรจะทําอย่างไรดีจริงๆ จึงทิ้งเรื่องนี้ให้นายท่านใหญ่ผู้นําสกุลจัดการ
2800
นายท่านใหญ่ทําได้เพียงปรึกษาเผิงสืออี “เจ้าไปหลบอยู่ที่ซีหนานก่อน พี่เจ็ดเจ้าบอก
แล้ว จะหาวิธีลากนายท่านรองเผยลงจากหลังม้า ถึงเวลานั้นพวกเราย่อมต้องล้างแค้นให้เจ้า”