ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่353 งานเลียงมงคล ้
ยกคนสูงเหยียบคนตํ่า อวี้ถังสามารถเข้าใจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านางต้องคบค้า
สมาคมกับคนประเภทนี้ อีกอย่างเผยเยี่ยนกับเจียงหวาเดิมก็ขัดแย้งกันอยู่แล้ว สองสกุลแค่
รักษาหน้ากันตามมารยาทก็พอ
ดังนั้นตอนที่อวี้ถังไปงานเลี้ยงวันมงคลของสกุลเจียง จึงไม่ค่อยจะใส่ใจมากนัก
กลับเป็นกู้ซีที่ช่วงนี้ติดตามเผยถงไปคารวะสกุลหยางและเยี่ยมเยียนสหายสนิทของ
เผยโย่วตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ นางมีความคิดบางอย่าง เห็นว่าไม่เป็นการล่วงเกินสกุลเผย ทั้งยัง
สร้างรากฐานให้ครอบครัวของตนได้ น่าเสียดายหลังจากที่นางเล่าให้พี่ชายกู้ฉ่างฟังคร่าวๆ ไม่
เพียงถูกกู้ฉ่างตําหนิยกใหญ่ ยังเอ่ยเตือนนางอีกว่า “ช่วงนี้เจ้าอย่าได้เคลื่อนไหวมั่วซั่วเด็ดขาด
ข้าใกล้จะได้เข้าสํานักฮั่นหลินแล้ว มหาบัณฑิตเจ้าสํานักฮั่นหลินเป็นอาจารย์ของเผยเซวียน
บัดนี้พวกเราไม่อาจไร้การคุ้มครองจากสกุลเผยได้”
กู้ซีหงุดหงิดใจมาก รู้สึกว่าเผยถงไร้ความทะเยอทะยาน และหลังจากที่พี่ชายตน
แต่งงานมีพี่สะใภ้ ก็คล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก
นางไม่รู้ว่า เพราะเรื่องของซุนเกา มีคนมากมายคอยกีดกันกู้ฉ่างอยู่ หากเขาต้องการ
กอบกู้ชื่อเสียงกลับมา ได้แต่อาศัยกลยุทธ์ใช้เวลาพิสูจน์ใจคน แต่การใช้เวลาพิสูจน์ใจคนนั้น ก็
จําเป็นต้องมีคนช่วยเขาคุยโวโอ้อวด ต้องมีคนคอยหนุนหลัง เขากับสกุลอินกลายเป็นพันธมิตร
กันโดยปริยายแล้ว การสร้างชื่อเสียงและคุณงามความดี สกุลอินย่อมจะช่วยเหลือเขา แต่
ก่อนที่จะยื่นมือมาช่วย เขาเองก็ต้องยืนด้วยตัวเองให้มั่นเสียก่อน ดังนั้นผลงานช่วงรับตําแหน่ง
ที่สํานักฮั่นหลินจึงสําคัญมาก
เหตุใดเขาต้องละทิ้งสายสัมพันธ์ระหว่างสกุลเผย แล้วไปลําบากลําบนอยู่เพียงลําพัง
เล่า?
กู้ฉ่างจึงต้องกําชับกู้ซีซํ้าๆ อยู่หลายรอบ
2810
กู้ซีรู้สึกว่าตนเองคงช่วยเหลือพี่ชายของตัวเองไม่ได้มาก
ครั้งก่อนที่เผยเซวียนกลับมา ก็กินข้าวร่วมกันกับครอบครัวของเผยเยี่ยน ไม่ได้เรียก
พวกนางไปร่วมวงด้วย
แต่พี่ชายนางคาดหวังกับสกุลเผยเอาไว้มาก นางย่อมไม่อาจสาดนํ้าเย็นใส่หน้าเขาได้
กู้ซีรับคําด้วยสติที่เหม่อลอย ทว่าในใจก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจแรกเริ่มของตน
ครั้งนี้นางให้ความสําคัญกับงานเลี้ยงมงคลของสกุลเจียงมาก…เจียงหวาเป็นเก๋อเหล่า
ทั้งยังมีอาจารย์ที่แข็งแกร่งอย่างจางอิง งานแต่งของเขา ผู้มาร่วมงานล้วนเป็นขุนนางขั้นสี่ขึ้นไป
ในบรรดาเหล่าสตรีก็มีหลายคนที่เป็นฮูหยินติดบรรดาศักดิ์ นับเป็นงานเลี้ยงที่นางสามารถ
พบปะกับคนชั้นสูงได้มากที่สุดแล้ว อย่างไรนางต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี ต้องปรากฏโฉมต่อหน้า
เหล่าฮูหยินและนายหญิงพวกนี้ให้ได้ แต่นางก็เข้าใจธรรมเนียมของสกุลใหญ่ๆ จึงส่งคนไปสืบ
ข่าวแต่ต้นว่าอวี้ถัง นายหญิงรองและคุณหนูห้าทางนั้นจะแต่งตัวอย่างไร สวมเครื่องประดับชิ้น
ไหนไปร่วมงานบ้าง
อวี้ถังเลือกชุดคลุมสีเขียวปักลายหางหงส์ตามที่เผยเยี่ยนบอก ติดชุดไข่มุกประดับผม
แต่ไข่มุกพวกนั้นเม็ดใหญ่เท่าไข่นกพิราบ และเล็กเท่ากับเม็ดบัว ส่องประกายวาววับ ดูสุภาพ
สูงส่ง กู้ซีเห็นแล้วยังอดจะเอ่ยออกมาไม่ได้ว่า “อาหญิงสามแต่งกายเช่นนี้ คงข่มบุปผาดอกอื่น
จนมิดแน่”
ผู้เป็นนายหญิงของสกุล สิ่งที่ต้องมีหาใช่รูปโฉม แต่เป็นความสุขุมหนักแน่น
วาจานี้ของกู้ซีไม่อาจขบคิดละเอียดเกินไป
อวี้ถังจึงฉีกยิ้มหวานแล้วมองนางทีหนึ่ง
วันนี้นางอยู่ในชุดคลุมหังโฉวสีเหลืองเรียบๆ ประดับผมด้วยชุดหินสีนํ้าเงิน ไม่เพียงสง่า
เรียบร้อย ทั้งยังเข้ากันดีกับอากาศต้นหน้าร้อนที่อบอุ่นเล็กน้อยของเมืองหลวง โดดเด่นสะดุด
ตายิ่งนัก
2811
กู้ซีรู้ดีว่าตนแต่งตัวได้เหมาะสม ดูพินิจบรรจงเป็นที่สุด เมื่อเห็นว่าอวี้ถังยิ้มให้ จึงส่ง
รอยยิ้มกลับไปทันที
อวี้ถังไม่ได้สนใจนาง เพียงเร่งชิงหยวนที่อยู่ข้างๆ ว่า “ไปดูหน่อยว่าทําไมนายหญิงรอง
ยังไม่ออกมาอีก?”
ชิงหยวนรับคําแล้วจากไป เพียงแต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าโถงหลัก ก็เห็นนายหญิงรองใน
ชุดผ้าหังโฉวสีนํ้าเงินลายแปดมงคลกับเครื่องประดับผมชุดทองเดินนําคุณหนูห้าที่ใส่ชุดเขียว
หยกปักลายผีเสื้อเริงระบําพร้อมชุดหินสีเหลืองส้มเป็นเครื่องประดับออกมา
“ไอหยา!” คุณหนูห้าเห็นอวี้ถังก็ซอยเท้าวิ่งมาหา ดึงมือของอวี้ถังไปสํารวจ
เครื่องประดับทันที “ไข่มุกนี้เม็ดเบ้อเร่อเลย! งามยิ่งนักเจ้าค่ะ!”
นายหญิงรองสุขุมกว่านาง เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน พลางหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ของอา
หญิงสามเจ้านั้นคือไข่มุกตะวันออก จะใหญ่กว่าไข่มุกทางใต้กว่าหน่อย ข้าเองก็มีอยู่คู่หนึ่ง
หากว่าเจ้าชอบ อีกสองสามวันข้าจะให้คนของหอเครื่องเงินทําเป็นเครื่องประดับมาให้”
วันนี้อวี้ถังสวมกวานลายผีเสื้อรักบุปผา ตรงกลางมีไข่มุกตะวันออกขนาดเท่าไข่
นกพิราบประดับอยู่ นี่เป็นของขวัญที่เผยเยี่ยนเพิ่งสั่งทําให้นางเมื่อไม่นานนี้
ได้ยินนายหญิงรองเอ่ยเช่นนั้น นางก็หาได้เก็บมาใส่ใจ เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเอง
ก็มีอีกสองเม็ดยังไม่ได้ใช้ หากเจ้าชอบ กลับไปข้าจะหยิบให้”
คุณหนูห้ามองบุปผาที่ประดับบนผมอวี้ถัง ไม่มากไม่น้อยเกินงาม ทั้งลงตัวกับไข่มุก
ตะวันออกขนาดเท่าไข่นกพิราบอีกห้าเม็ดพอดิบพอดี นางคิดว่าตนอายุยังน้อย ปักเพียงบุปผา
สามดอกก็พอแล้ว จึงค่อยเอ่ยเสียงตอบว่า “อาหญิงสามให้ข้าเม็ดเดียวก็พอ ข้าจะปักไข่มุกบุป
ผาสามดอกเหมือนกับอาหญิงสาม”
อวี้ถังส่งยิ้มงดงามให้แล้วเอ่ยว่า “ข้าจะแนะนําช่างฝีมือที่ทําเครื่องประดับพวกนี้ให้เจ้า
เลยก็แล้วกัน”
2812
คุณหนูห้าร้องรับอย่างดีใจ
กู้ซีได้แต่ยืนกัดริมฝีปากอยู่ด้านข้าง
นางเพิ่งค้นพบว่า วันนี้นางไม่ได้แต่งตัวผิด แต่กลับแต่งตัวเองให้กลายเป็นคนอย่าง
คุณหนูห้า เป็นเพียงคนรุ่นเยาว์จากสกุลใหญ่ที่ไร้ความสลักสําคัญ หาใช่นายหญิงที่จะมาดูแล
เรื่องในสกุลได้
พอไปร่วมงานเลี้ยงมงคลของสกุลเจียงแล้ว จะทิ้งภาพประทับใจไว้ให้คนที่นั่นได้อยู่
หรือ?
นางควรจะใช้เครื่องประดับชุดทับทิมที่พี่สะใภ้สกุลอินมอบให้นางถึงจะถูก
กู้ซีกําลังลังเลว่าจะกลับไปเปลี่ยนชุดดีหรือไม่ ก็มีเด็กรับใช้วิ่งเข้ามาถามว่าพวกนาง
เตรียมตัวพร้อมหรือยัง เพราะเผยเยี่ยนทางนั้นกําลังจะออกเดินทางแล้ว
พวกอวี้ถังรีบร้องตอบว่าพร้อมแล้ว กู้ซีไม่มีเวลาให้รู้สึกเสียใจ ได้แต่ปีนขึ้นไปนั่งบน
เกี้ยวของเหล่าสตรีกับพวกอวี้ถัง กระทั่งออกจากประตู ก็ร่วมเดินทางไปที่สกุลเจียงพร้อมกับ
พวกเผยเยี่ยน
งานเลี้ยงมงคลของสกุลเจียงคึกคักรื่นเริงยิ่งนัก มีคนมาร่วมงานเยอะกว่าตอนที่แต่ง
สะใภ้ใหญ่เสียอีก
สกุลเจียงทําเช่นนี้ก็เพราะมีแผนอยู่ในใจ
ตอนที่แต่งสะใภ้ใหญ่ เพราะสกุลฝั่งมารดาของสะใภ้ใหญ่มอบสินเดิมให้มหาศาล ทั้ง
ยังแสดงชัดเจนว่าหนึ่งส่วนในนั้นให้ใช้ส่งเสริมบุตรชายคนโตของสกุลเจียงเล่าเรียนตํารา หรือ
พูดได้ว่า บุตรชายคนโตของสกุลเจียงนั้นถูกควบคุมไว้อยู่ นี่เท่ากับว่าสกุลอู่มอบเงินให้สกุล
เจียงก้อนหนึ่ง
เรื่องบางอย่างแม้ทุกคนจะมองออกแต่ก็ไม่มีใครป่ าวประกาศออกมาชัดๆ
2813
ตอนที่บุตรชายคนโตของเจียงหวาแต่งงานเขาจึงจัดงานอย่างเงียบๆ
แต่งานของบุตรชายคนเล็กกลับจัดเอิกเกริกยิ่งใหญ่ มิใช่ว่าเขารักใคร่บุตรคนเล็กหรือ
พอใจกับงานแต่งของบุตรคนเล็กเป็นพิเศษ แต่เพราะเขาต้องการเข้าร่วมหอเน่ยเก๋อร์ คิดอาศัย
โอกาสนี้ในการผูกสัมพันธ์กับขุนนางที่ไม่ค่อยมีโอกาสไปมาหาสู่
คนสกุลอู่สะใภ้ใหญ่สกุลเจียงเองก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ในใจก็ยังอดรู้สึกไม่เป็นธรรมไม่ได้
วาสนาของบุตรชายคนเล็กออกจะดีเกินไปหน่อยกระมัง?
นางข่มอารมณ์เอาไว้พลางช่วยน้องชายสามีจัดเตรียมงานแต่ง ประจวบกับสกุลฝั่ ง
มารดาส่งน้องสาวที่งามดั่งดอกพุดตานมาร่วมงานเลี้ยงด้วย ทั้งยังฝากฝังนางลับๆ ว่า “เจ้าก็
ช่วยน้องสาวเจ้ามองๆ ไว้บ้าง หากนางแต่งไปอยู่ที่เมืองหลวงได้ พวกเจ้าจะได้มีคนคอยเกื้อกูล
กัน”
ถ้าสกุลใหญ่ในเมืองหลวงแต่งเข้าง่ายๆ เพียงนั้น สกุลนางยังจําเป็นต้องยกสินเดิม
มหาศาลให้อยู่อีกรึ
สิ่งนี้ทําให้นางสนใจภรรยาของเผยเยี่ยนแทบใจจะขาด
น่าเสียดายที่ฐานะและตําแหน่งของเผยเยี่ยนกั้นอยู่ ภรรยาเขาก็ดูค่อนข้างเก็บตัว
หลายครั้งที่ออกมาร่วมงานเลี้ยงมีแต่จะเกี่ยวพันกับสกุลหลีกับสกุลจางเท่านั้น นางยังเคย
กําชับกับสาวใช้คนสนิทเป็นพิเศษว่า “หากว่านายหญิงสามสกุลเผยมาแล้ว อย่าลืมเรียกข้า
เด็ดขาด”
นางอยากรู้เหลือเกินว่าอวี้ซื่อผู้นี้มีสิ่งใดเหนือว่าผู้อื่น ถึงขนาดเอาชนะน้องสาวของนาง
แล้วแต่งเข้าสกุลเผยได้
คุณหนูอู่มาครานี้ก็เพราะตั้งใจมาหาสกุลสามีที่ดีพร้อม ตอนที่นางรู้ว่าคนของสกุลเผย
จะมาร่วมงานด้วยเช่นกัน สิ่งแรกที่นางนึกถึงก็คือกู้ซี
2814
กู้ซีคนนี้ชื่อเสียงที่ได้ยินมานับว่าไม่เลว ในเมื่อนางมาถึงเมืองหลวง ก็ควรไปเยี่ยมเยือน
กู้ซีหน่อยหรือไม่
ครั้งนี้คนที่นางสั่งให้จับตาดูก็คือกู้ซี
ดังนั้นเมื่อเหล่าสตรีสกุลเผยมาถึง ก็ดึงความสนใจจากหลานสะใภ้ของสกุลเจียงได้เป็น
คนแรก ตามหลังมาติดๆ ด้วยคุณหนูอู่
อวี้ถังเองก็ลอบสังเกตหลานสะใภ้คนนี้ของสกุลเจียงอยู่เหมือนกัน
สองคนพอได้พบหน้า อวี้ถังรู้สึกว่าเหมือนตนได้พบกับดอกโบตั๋น ส่วนหลานสะใภ้สกุล
เจียงก็รู้สึกคล้ายได้เห็นดอกอวี้หลันดอกหนึ่ง
ดอกโบตั๋นงามงดลํ้าค่า ดอกอวี้หลันสวยงามพร่างพราว
คนหนึ่งคิดว่า มิแปลกที่คนสกุลอู่ผู้นี้จะกับแต่งสกุลเจียงได้ อีกคนก็คิดว่า มิน่าที่อวี้ซื่อ
ผู้นี้จะเข้าตาเผยเยี่ยน
ชั่วขณะหนึ่ง สองคนเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า อารมณ์เยือกเย็นสงบนิ่ง ต่างฝ่ ายต่าง
คารวะกันอย่างเกรงใจ จากนั้นหลานสะใภ้สกุลเจียงก็พาพวกนางไปนั่งกับเหล่านายหญิงของ
สกุลอื่นด้วยตนเอง
กลับเป็นคุณหนูอู่ที่หาจังหวะส่งสารไปถึงกู้ซี ให้สองคนไปเจอกันที่เรือนพักของคุณหนู
อู่
“ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” คุณหนูอู่รีบดึงมือกู้ซีทันที เอ่ยอย่างละอายแต่แฝงนัย
อยากเชื่อมสัมพันธ์ว่า “ข้าคงต้องอยู่ที่เมืองหลวงต่อ เจ้าล่ะ? รอให้สามีเจ้าสอบเสร็จก่อนค่อย
ตัดสินใจ หรือว่าอีกช่วงหนึ่งจะต้องตามผู้อาวุโสในสกุลกลับหลินอัน?”
กู้ซีไตร่ตรองคําว่า ‘อยู่เมืองหลวงต่อ’ ที่คุณหนูอู่พูดถึง คงจะหมายถึงแต่งเข้าเมือง
หลวงกระมัง ทั้งจากแผนการและความทะเยอทะยานของสกุลอู่ ย่อมไม่มีทางให้นางแต่งกับ
2815
สกุลคนธรรมดาทั่วไปแน่ นางจึงยิ้มแล้วตอบอย่างมีไมตรีว่า “ยินดีกับเจ้าด้วย ส่วนข้าจะได้อยู่ที่
เมืองหลวงต่อหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่อาจรู้ได้ หากอยู่ทันงานแต่งของเจ้าก็คงดีไม่น้อย”
คุณหนูอู่เขินอายหน้าแดง เปลี่ยนไปถามเรื่องต่างๆ หลังจากที่กู้ซีออกเรือนแทน
สามีภรรยาไม่สามัคคี มีแต่จะถูกคนนอกข่มเหงรังแก
หลักการนี้สามารถนํามาใช้กับการคบสหายได้เช่นกัน
แน่นอนว่ากู้ซีย่อมพูดแต่เรื่องดีๆ ออกไปทั้งสิ้น
บทสนทนาของคุณหนูอู่จึงค่อยๆ เอนเอียงไปหาอวี้ถัง “ไม่คิดว่าสกุลนางจะเก็บตัว
เงียบขนาดนี้ สินเดิมยกให้ตั้งมากมาย นับว่าเป็นครั้งแรกของเมืองหลินอันเลยกระมัง”
กู้ซีไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไร เอ่ยอย่างไม่ค่อยใส่ใจว่า “นางเป็นบุตรสาวคนเดียว
ไม่เหมือนกับพวกเราๆ หรอก”
คุณหนูอู่จึงนึกเรื่องที่คนในสกุลพูดถึงขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ สกุลนางจะมา
ทําการค้าที่เมืองหลวงแล้ว บอกว่าสมาคมพ่อค้าหังโจวเป็นคนรับรองให้ญาติผู้พี่ของนาง หาก
สกุลนางได้รับเลือกให้ผลิตกล่องสํารับสําหรับงานฉลองหมื่นพรรษาในปีหน้าขึ้นมา นี่ย่อม
กลายเป็นเรื่องใหญ่มากแน่”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ!” กู้ซียกคิ้วสูง
คุณหนูอู่จึงเล่าบอก “เห็นว่าปีนี้สกุลเผิงกับสกุลเถาไม่ได้ออกหน้าเลย เจ้าก็รู้ว่าฝูเจี้ย
นกับกว่างตงขึ้นชื่อเรื่องเครื่องลงรักที่สุด แต่ก่อนสกุลเผิงกับสกุลเถามักจะแนะนําขึ้นมาหนึ่งถึง
สองร้าน ครั้งนี้กลับไม่ส่งเสียงสักเอะ ย่อมเพราะเห็นแก่หน้าสกุลเผยเป็นแน่ สกุลนางคงใกล้
รํ่ารวยแล้วล่ะ!”
ประโยคสุดท้ายนั้น นางเอ่ยด้วยอารมณ์ริษยาเล็กน้อย
2816
กู้ซีไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกแย่เหมือนกลืนแมลงวันลงท้อง นางอดทนสุดกําลังที่
จะไม่เอ่ยวาจาให้ร้ายอวี้ถังออกไป กระทั่งนางเดินคล้องแขนกับคุณหนูอู่ออกมาจากเรือนพัก ก็
เจอกับอินซื่อที่กําลังตามหานางเข้าพอดี เพราะนางไม่อาจข่มกลั้นอีกต่อไป ตอนที่คุณหนูอู่ถูก
คนในสกุลลากตัวไปทักทายแขกคนอื่น นางก็บ่นเรื่องอวี้ถังกับอินซื่อทันที
อินซื่อได้ฟังก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
กู้ซีมีโทสะสุมอก เร่งเร้าเอาความกับพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่าตนว่า “ท่านดูสิ นางไม่กลัว
ว่าสกุลเผยจะดูแคลนนางเสียด้วยซํ้า!”