ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่354 ดึงรั้ ง
อินซื่อได้ฟังคําของกู้ซีก็มุ่นคิ้ว เอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “นางมีตรงไหนทําให้ผู้อื่นต้อง
ดูแคลนกัน? การเกี่ยวดองเดิมก็เพื่อช่วยเหลือคํ้าจุนกันอยู่แล้ว หากว่าสกุลเผยไม่ช่วยสกุลอวี้
เช่นนี้ถึงจะทําให้คนดูถูก เจ้าได้ดี ข้าได้ดี ทุกคนได้ดีเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ? หากสกุลอวี้ไม่คว้า
โอกาสนี้ไว้สิถึงจะเรียกว่าโง่เขลา”
กู้ซีเห็นว่าพี่สะใภ้ไม่สนับสนุนความคิดของนาง ตั้งใจจะร่ายเหตุผลต่างๆ นานาให้
พี่สะใภ้ฟังสักหน่อย แต่พอใคร่ครวญดูอีกที ที่สกุลนางเกี่ยวดองกับสกุลอินก็เพราะต้องการ
ผลประโยชน์บางอย่างเช่นกัน นางกลัวว่าพี่สะใภ้ตัวน้อยจะฟังคําของนางและนําไปโยงกับเรื่อง
ของสกุลกู้กับสกุลอินเข้า จึงรีบซ่อนความคิดของตนเอาไว้อย่างมิดชิด แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้าแค่รู้สึกว่าฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดเชือดวัว ให้คนของสกุลเผยช่วยเรื่องนี้ก็เหมือนขี่ข้างจับ
ตั๊กแตน” จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “พี่สะใภ้มากับใครเล่า? นาย
หญิงอินรึ? ช่วงนี้นางไปเป็นแขกที่เรือนสกุลเผยประจํา สนิทสนมกับสกุลของเรามากทีเดียว”
พูดถึงพี่สะใภ้ที่แต่งเข้ามาก็ตั้งท้องทันทีคนนี้ อินซื่อก็รู้สึกทั้งปลาบปลื้มและนับถือ พอ
ได้ยินสีหน้าจึงค่อยผ่อนคลายขึ้นเผยรอยยิ้มออกมา “เปล่า ข้าเพิ่งมาถึง ไปทักทายฮูหยินจาง
กับฮูหยินหลีทางนั้นก่อน ตั้งใจว่าจะไปหาพี่สะใภ้ของข้าเสียหน่อย! เจ้ามาถึงก่อนข้า เห็น
พี่สะใภ้ข้าบ้างหรือไม่? ข้าไม่ได้เจอนางพักหนึ่งแล้ว ท้องนางคงใหญ่ขึ้นอีก? ข้าตั้งใจว่ารอนาง
ใกล้คลอดจะไปเฝ้านางด้วยกันกับพวกฮูหยินจางและฮูหยินหลี! ไม่รู้ว่าท้องนี้ของนางจะเป็น
บุตรชายหรือว่าบุตรสาว หากว่าเป็นบุตรสาว เช่นนั้นก็เป็นรุ่นที่สามของสกุล หากเป็นบุตรชาย
ก็เป็นรุ่นแรก แต่ไม่ว่าจะบุตรชายหรือบุตรสาว ก็ล้วนแต่ลํ้าค่าทั้งสิ้น”
นางเอาแต่พูดซํ้าซากไม่หยุด เห็นชัดเจนว่าดีอกดีใจกับเรื่องที่สวีเซวียนตั้งท้องอย่าง
มาก
กู้ซีไม่อยากคุยเรื่องอวี้ถังกับนางอีก ย่อมจะยอมไหลตามนํ้าคล้อยตามอินซื่อ
สองคนพูดคุยยิ้มแย้ม จากนั้นอินซื่อกับนางก็ไปยังโถงบุปผาที่ใช้รับรองแขก
2818
กู้ซีมองปราดเดียวก็เห็นอวี้ถังกับนางหญิงรองที่นั่งอยู่ด้วยกันกับบรรดาฮูหยินในชุด
พริ้งเพราโดดเด่น
เดิมชุดที่เคยเห็นว่าสะดุดตาเกินไปเมื่ออยู่ลําพังของนาง เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้วกลับดู
เรียบง่ายและสะอาดตา
เหมาะสมกับอายุและฐานะของนางอย่างมาก
ไม่คิดว่าอวี้ถังจะไม่ทําเรื่องน่าขายหน้าในงานแบบนี้
นางยังเป็นเด็กสาวที่เกิดในตรอกเมืองหลินอันคนนั้นหรือไม่?
กู้ซีรู้สึกไม่แน่ใจนัก
นางคล้ายว่าจะไม่เคยเห็นอวี้ถังทําเรื่องผิดมารยาทมาก่อน
แต่ก่อนตอนอยู่หลินอัน การแต่งตัวของนางแม้จะไม่โดดเด่นแต่ไม่เคยผิดธรรมเนียม
บัดนี้มาถึงเมืองหลวง ก็ยังเป็นเช่นเดิม…เมื่อเจอคนแกร่งก็จะแข็งกว่า เมื่อเจอคนอ่อนก็มักอ่อน
กว่า ไม่เคยก้าวพลาดเลยสักหน
สายตาของกู้ซีซับซ้อน ข้างหูพลันได้ยินเสียงแนะนําตัวนางของอินซื่อ “นี่คือน้องสาว
สามีข้า ส่วนสองท่านนี้คือฮูหยินจางกับฮูหยินหลี ล้วนอาวุโสกว่าเจ้า”
นี่เป็นการให้เกียรติกู้ซีอย่างมาก
หนึ่งในจุดประสงค์ที่กู้ซีมาวันนี้ก็เพราะต้องการทิ้งความน่าประทับใจอันลึกซึ้งให้แก่
เหล่าฮูหยินอย่างฮูหยินจางและฮูหยินหลี จะมีกะใจที่ไหนไปคิดเรื่องอวี้ถังต่อ นางรีบดึง
ความคิดกลับมา แล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การทักทายฮูหยินทั้งสอง
ฮูหยินจางกับฮูหยินหลีต่างก็เข้าข้างพวกตน กู้ซีนอกจากเป็นหลานสะใภ้ของสกุลเผย
ยังเป็นน้องสามีของอินซื่ออีก ฮูหยินทั้งสองจึงไว้ไมตรีต่อกู้ซีอย่างมาก ฮูหยินหลีถึงกับหัวเราะ
2819
กระเซ้าอินซื่อว่า “เจ้ากลัวว่าพวกเราจะรังแกน้องสามีเจ้าหรืออย่างไร? เมื่อครู่นางมาทักทาย
พวกข้าพร้อมนายหญิงรองกับนายหญิงสามสกุลเผยแล้ว พวกข้าจํานางได้”
อินซื่อได้ยินก็หัวเราะแล้วเอ่ยเสียงหวานว่า “ก็ข้ากลัวว่าพวกท่านจะลืมนี่นา”
พวกนางต่างเป็นฮูหยินขั้นสอง โดยเฉพาะฮูหยินจาง นอกจากได้รับการแต่งตั้ง
บรรดาศักดิ์ อายุยังมากกว่าคนอื่นๆ ท่ามกลางสกุลในเมืองหลวงนับว่ามีคุณธรรมและบารมี
สูงส่ง ทุกครั้งที่ปรากฏตัวร่วมงานเลี้ยง ไม่รู้ว่ามีเหล่าสะใภ้และหญิงสาวมากเท่าไรที่ต้องการมา
คารวะนาง นางเองก็ใช่ว่าจะจดจําทุกคนที่มาทักทายได้เสียหน่อย
แต่กู้ซีเป็นคนของสกุลเผย เผยเยี่ยนกําลังช่วยเหลือสกุลจาง นางจะหลงลืมได้อย่างไร?
ตอนนี้อินซื่อยังตั้งใจพาคนมาหาอีกรอบ นางย่อมต้องไว้หน้ากู้ซีสักหลายส่วน นางจึงยิ้มร่า
พลางตอบกลับอินซื่อว่า “วางใจเถอะๆ ข้าไม่ลืมแน่นอน รู้ว่านางเป็นน้องสามีของเจ้า เป็น
หลานสะใภ้ของสกุลเผย เป็นเด็กที่อ่อนโยนและอบอุ่น”
อินซื่อหัวเราะชอบใจ
กู้ซีถือโอกาสรับกานํ้าชาจากมือของสาวใช้ แล้วเติมชาให้ฮูหยินทั้งสองด้วยตนเอง
ฮูหยินจางกับฮูหยินหลีต่างพยักหน้ายิ้มๆ สายตาที่มองนางยิ่งเมตตามากกว่าเก่า
มีคนเดินเข้ามาทักทายกู้ซีว่า “หลานสะใภ้!”
กู้ซีหันกลับไปมอง เห็นว่านายหญิงใหญ่กับนายหญิงรองสกุลหยางผู้เป็นป้าของเผยถง
กําลังยิ้มแฉ่งยืนอยู่ด้านหลัง คนกําลังมองมาที่นาง
ดันลืมท่านป้าทั้งสองจากสกุลหยางไปเสียสนิท
กู้ซีต้องพยายามอย่างมากไม่ให้ตัวเองหลุดสีหน้าประหลาดใจออกไป นางเผยยิ้มแล้ว
เดินเข้าไปคารวะนายหญิงสกุลหยางทั้งสองทันที
นายหญิงใหญ่สกุลหยางรีบดึงมือกู้ซีเอาไว้ แล้วส่งยิ้มให้ฮูหยินจางกับฮูหยินหลี
2820
ฮูหยินจางกับฮูหยินหลีต่างส่งยิ้มตอบและทักทายนายหญิงทั้งสองจากสกุลหยางตาม
มารยาทด้วยท่าทีเป็นมิตร และกู้ซีก็สัมผัสได้อย่างว่องไว ว่าท่าทางของฮูหยินจางกับฮูหยินหลี
ต่างดูห่างเหินกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย
มิใช่บอกว่าสกุลหยางมีหน้ามีตาในบรรดาขุนนางเมืองหลวงหรอกรึ?
กู้ซีลอบแสยะยิ้มเงียบๆ ก่อนจะดึงมือออกจากการกอบกุมของนายหญิงใหญ่สกุลห
ยาง แต่พยายามอยู่หลายรอบก็ยังไม่สําเร็จ
นายหญิงใหญ่สกุลหยางทําราวกับไม่รู้สึกรู้สา แล้วลากนางไปหาอวี้ถังกับนายหญิง
รองทางนั้น เอ่ยทักทายพวกนางด้วยความกระตือรือร้น “นายหญิงรอง นายหญิงสาม ไม่เจอกัน
เสียนาน!”
อวี้ถังกําลังตั้งใจฟังนายหญิงรองกับฮูหยินของฉินเหว่ยคุยกัน เมื่อได้ยินเสียงคนเอ่ยทัก
ทั้งสามจึงเงยหน้าขึ้นมอง
“ไอหยา ฮูหยินฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย!” นายหญิงใหญ่สกุลหยางค่อนข้างประหลาดใจ แต่ก็
นึกได้ว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
เมื่อก่อนฉินเหว่ยรับตําแหน่งผู้ว่าการเจ้อเจียง ภายหลังถูกโยกไปเป็นรองเจ้ากรมพิธี
การ นับว่าไม่เคยไปมาหาสู่กับนายหญิงรองสกุลเผยมาก่อน แต่หลังจากที่เผยเซวียนได้เป็นรอง
เจ้ากรมคลัง ก็อาจจะได้ไปมาหาสู่กันบ้าง
ฮูหยินฉินหัวเราะก่อนจะเสวนาตามมารยาทไปสองสามประโยค จากนั้นนายหญิงใหญ่
สกุลหยางก็เบี่ยงความสนใจไปที่อวี้ถัง “นายหญิงสาม อาถงกับหลานสะใภ้ของเราได้รับการ
ดูแลจากเจ้า ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก ก่อนหน้านี้มีแต่เรื่องยุ่ง เรื่องนี้จบก็มีเรื่องอื่นมาไม่หยุดหย่อน
หาเวลาว่างไปเยี่ยมเจ้าไม่ได้เสียที ตอนนี้พอมีเวลาขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่านายหญิงสามกับนายหญิง
รองพอจะสะดวกมานั่งดื่มชาที่เรือนหรือไม่?”
มารน้อยในใจของอวี้ถังยิ้มเยาะ
2821
หากเห็นสกุลเผยอยู่ในสายตาจริงๆ มีหรือจะหาเวลาไม่ได้
เหตุใดคนของสกุลจางจึงหาเวลาไปต้อนรับขับสู้ได้เล่า?
อวี้ถังส่งยิ้มอ่อนหวาน เอ่ยเสียงน่าฟังว่า “พวกเราเพิ่งมาอยู่เมืองหลวง ไม่ค่อยรู้เรื่อง
สักอย่าง ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะญาติๆ ฝั่งท่านผู้เฒ่าและนายหญิงผู้เฒ่าก็รู้สึกไม่สบายใจมาก
แล้ว เช่นนี้จะกล้าขอให้ท่านมาเยี่ยมเยือนพวกเราได้อย่างไร! สองวันก่อนข้ายังปรึกษากับนาย
หญิงรองอยู่ว่า วันไหนมีเวลาจะได้ไปทักทายพวกท่านเสียที ในเมื่อนายหญิงใหญ่พูดขึ้นมา
เลือกวันดีหรือจะสู้วันเหมาะ พวกเราลองหาสักวันของเดือนนี้ที่ทุกคนสะดวก ท่านเห็นอย่างไร
เจ้าคะ?”
นายหญิงใหญ่สกุลหยางร้องรับว่าเห็นด้วย นัดแนะว่าห้าวันหลังจากนี้จะเชิญเหล่า
สตรีสกุลเผยไปงานเลี้ยงที่เรือน จากนั้นก็ลากกู้ซีจากไป
กู้ซีไม่อยากไปกับนายหญิงใหญ่สกุลหยาง แต่ยิ่งไม่อยากคอยก้มหน้าก้มตารับใช้อวี้ถัง
กับนายหญิงรองอยู่ตรงนี้ ลองนึกๆ ดูแล้ว เห็นว่าตามนายหญิงใหญ่สกุลหยางไปจะดีกว่า
นายหญิงรองสกุลเผยกระซิบถามอวี้ถังว่า “เจ้าจะไปเป็นแขกที่เรือนของพวกนางจริงๆ
รึ?”
พวกนางสองสะใภ้ช่วงนี้คบหากันสนิทชิดใกล้ สาเหตุหลักเพราะนิสัยของอวี้ถังกับนาย
หญิงรองเข้ากันได้ สองคนต่างไม่ชอบพวกเอะอะมะเทิ่ง ส่วนคนที่เข้ากันไม่ค่อยได้นั้นก็ไม่อยาก
ฝืนใจคบหา ด้วยเหตุนี้ในเรือนจึงสงบสุขอย่างมาก
อวี้ถังตอบกลับนายหญิงรองเสียงเบาว่า “ตรงนี้คนเยอะ หากพวกเราบอกว่าไม่ไป ย่อม
มีคนลือข่าวไม่น่าฟังออกไปอีก มิสู้รับปากนางแล้วรีบไล่คนไปเสีย ส่วนเรื่องจะไปหรือไม่ไป
พรุ่งนี้เราค่อยส่งคนไปบอกอีกที ก็อ้างว่าวันนั้นติดธุระ ค่อยนัดกันใหม่ทีหลัง ส่วนจะเป็นเมื่อไร
นั้น ก็ต้องดูว่าสองสกุลจะมีเวลาว่างตรงกันหรือไม่”
เช่นนี้นับว่าไร้สัจจะยิ่ง
2822
แต่จะรับมือสกุลหยาง วิธีไร้สัจจะเช่นนี้กลับถูกใจนายหญิงรองนัก
นางยกมือปิดปากกลั้นยิ้ม แล้วพูดกับอวี้ถังว่า “วิธีเจ้าช่างประเสริฐนัก ทําไมแต่ก่อนข้า
ถึงนึกไม่ออกนะ?”
ตอนที่นายหญิงใหญ่สกุลหยางไปเป็นแขกที่หลินอัน ก็ชอบฝืนใจนางเช่นนี้ นางไม่อาจ
ปฏิเสธได้ จึงยอมอดทนถอยให้ครั้งแล้วครั้งเล่า รวมทั้งนายหญิงใหญ่สกุลเผย แต่ก่อนพวก
สะใภ้อยู่ด้วยกันก็มักเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นนางเพิ่งจะแต่งเข้าไป ทั้งนายหญิงใหญ่ยังมีเผยโย่วหนุน
หลัง นางจึงแอบมาร้องไห้ลับหลังเพราะเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
บัดนี้นับว่าลืมตาอ้าปากได้เสียทีสินะ
อวี้ถังก็เม้มปากขําๆ
ฮูหยินฉินเห็นพวกนางสองสะใภ้กระซิบกระซาบกันอยู่ ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ พอดีมีคน
เดินมาทักทายนาง นางจึงหันไปคุยเรื่องบุตรชายคนโตกับผู้มาใหม่แทน
นายหญิงรองสกุลเผยส่งสายตาให้อวี้ถัง สองคนหาจังหวะหลบออกไปคุยกันที่มุมด้าน
นอกลาน
“เจ้าคิดว่าสกุลฉินเป็นอย่างไร?” นายหญิงรองถามอวี้ถังเสียงแผ่ว “ฮูหยินฉินอยากหา
คู่ให้บุตรชายคนโตน่ะ”
อวี้ถังตกใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าบุพเพของคุณหนูห้าคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่นึกว่าจะมาถึงไว
ปานนี้
“ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องสกุลฉินเท่าไร” อวี้ถังตอบเสียงจริงจัง “แต่ว่า ใต้เท้าฉินเคยรับตําแหน่ง
ที่เจ้อเจียงมาก่อน ข้อนี้นับว่าดีทีเดียว สามารถสั่งคนที่ไว้ใจไปลองสืบถามนิสัยใจคอของ
คุณชายใหญ่สกุลฉินก่อนได้ ส่วนเรื่องใต้เท้าฉิน จําเป็นต้องถามกับอารอง เกี่ยวกับฮูหยินฉิน
นั้น ก็ต้องหาคนไปสืบดูเช่นกันเจ้าค่ะ”
2823
นายหญิงรองพยักหน้า กําชับนางว่า “เรื่องนี้ยังไม่แน่นอน เจ้าอย่าเพิ่งพูดออกไปล่ะ
อีกเดี๋ยวเจ้าต้องคอยช่วยข้าดูอาตัน ต่อให้งานแต่งไม่สําเร็จ แต่จะให้ผู้อื่นดูแคลนไม่ได้”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” อวี้ถังรู้สึกซาบซึ้งที่นายหญิงรองเชื่อใจนาง จากนั้นสายตานางก็ไม่
เคยละห่างจากเผยตันเลย ดีที่เผยตันเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างขี้อาย คนจึงสงบเสงี่ยมว่าง่าย คอย
ดูแลนางไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งบางทียังได้เสพสุขกับความกตัญ�ูของนางอีกด้วย…เดี๋ยวก็รินนํ้าชา
เดี๋ยวก็จิ้มผลไม้ให้ เดี๋ยวหยิบขนมมาให้อีก
ฮูหยินฉินยิ่งเห็นก็ยิ่งนึกรัก
สกุลของนางมิใช่สกุลยิ่งใหญ่มากบารมี ดังนั้นจึงไม่อยากได้สะใภ้ที่แข็งแกร่งมาก
เกินไป บวกกับสกุลเผยมีชื่อว่าเป็นสกุลบัณฑิต ย่อมจะให้กําเนิดหลานๆ ที่เฉลียวฉลาดออกมา
ได้
นางตั้งใจหาจังหวะคุยกับนายหญิงรองและนายหญิงสามสกุลเผย เพื่อพัฒนาความรู้
จักคุ้นเคยให้ลึกซึ้ง แต่นางกลับถูกคนสกุลอู่รั้งตัวเอาไว้ สองสะใภ้สกุลเผยก็ถูกคนสกุลหยางเข้า
มาติดพัน ทําให้นางไม่อาจสนทนากับนายหญิงทั้งสองของสกุลเผยได้สมใจปรารถนาเสียที
ฮูหยินฉินรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
นายหญิงรองกับอวี้ถังก็รู้สึกรําคาญใจไม่ต่างกัน
คนรับปากไปแล้วว่าจะไปเป็นแขกที่เรือนสกุลหยาง เหตุใดนายหญิงใหญ่สกุลหยางจึง
ไม่ปล่อยพวกนางไปเสียที