ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่369 ข้อตกลงร่วม
ฝีเท้าของอวี้ถังหยุดลง
เผยเยี่ยนเดินนําไปข้างหน้าแล้ว
อวี้ถังมองร่างสูงโปร่งของเผยเยี่ยน ไหล่กว้างดูมั่นคงดั่งขุนเขา ตอนที่นางไม่ต้องการ
เขาก็จะอยู่เงียบๆ จนคนมองหาไม่เห็น แต่พอถึงช่วงเวลาสําคัญ เขากลับเป็นคนที่พึ่งพาได้
เสมอ
อีกอย่าง เขาไม่เคยทําให้นางผิดหวังเลยสักครั้ง!
อวี้ถังยิ้มออกมา เดินไปข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นก็กระโจนเกาะหลังเขาไว้
บนร่างของเผยเยี่ยนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ดมเผินๆ คล้ายกลิ่นไม้จันทน์ แต่หากตั้งใจดมอย่างละเอียดจะเหมือนกลิ่นกฤษณา
ช่างหอมสดชื่นเหลือเกิน
หากว่าไม่เข้าใกล้เพียงนี้ ไม่มีทางจะได้กลิ่นเลยด้วยซํ้า
สิ่งนี้ทําให้นางนึกถึงตอนที่เขากอดรัดตนเอาไว้ภายใต้ผ้าห่มอบอุ่น
กลิ่นที่โอบล้อมรอบกายนางก็คือกลิ่นหอมนี้
จากความฝืนใจกลายเป็นความเคยชิน ความชอบ และความรัก…เพียงพริบตา ก็
คล้ายเดินผ่านมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว
“สยากวง!” อวี้ถังเรียกชื่อเขาเบาๆ เป็นครั้งแรก “ข้าเดินไม่ไหว!”
แค่อยากจะเกาะติดเขาไปแบบนี้ ให้เขาแบกนางไปชั่วชีวิต
“อากาศร้อนจะแย่!” จอมทําลายบรรยากาศยังเป็นเผยเยี่ยนเช่นเคย เขาร้องบอกนาง
ว่า “รีบลงมาเลยนะ! เจ้าไม่ร้อน แต่ข้าร้อนจะตายแล้ว!”
2934
อวี้ถังแอบหัวเราะเขา
นางรู้ คนผู้นี้ไม่มีทางเอาใจนางแน่
แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก
เขามักจะคอยตามใจนางอยู่เสมอ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนางทําตัวเป็นจิ้งจอกห่มหนังเสือ อ้างชื่อสกุลเผยเพื่อทําเรื่อง
บางอย่าง จนถึงเรื่องที่กู้ซีตั้งท้องก่อนนาง
เพียงแต่การ ‘ตามใจ’ ของเขามักทําโดยที่นางไม่ค่อยรู้ตัว โดยเฉพาะตอนที่นางเสียใจ
มันทําให้หัวใจคล้ายมีตานํ้าพุร้อนที่ไหลพุ่งออกมาไม่หยุด
“แต่ข้าอยากให้แบกนี่นา” อวี้ถังตอบ นํ้าเสียงเจือความออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว คล้ายเด็ก
ที่แง่งอนคนหนึ่ง
เผยเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย “ข้างนอกมีคนมองเยอะ! กลับไปข้าค่อยแบกเจ้าก็ได้!”
นํ้าเสียงนั่นคล้ายจะลังเล
สายตาของอวี้ถังเป็นประกายวิบวับ ขนาดเผยเยี่ยนเองยังลังเลใจแล้ว
นางรีบเอ่ยว่า “มีคนที่ไหน? คนรับใช้ของท่านท่านไม่รู้เลยรึ หายไปไหนต่อไหนกันตั้ง
นานแล้ว!”
เผยเยี่ยนมองซ้ายมองขวา คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาอยู่เมื่อครู่นี้ไม่รู้หายตัวไป
ไหนหมดแล้ว
นับว่าเจ้าพวกนี้ดวงตามีแวว!
เผยเยี่ยนลอบคิดในใจ รู้สึกว่าคนบนหลังเหมือนกับเนื้อถังเซิงอุ่นนุ่มและหอมหวาน
หอมจนทําให้เลือดในตัวต้องเดือดระอุ
2935
เขาลอบยิ้มอย่างลําพองใจ
นางส่งตัวเองเข้าปากเสือเอง จะมาว่าเขาโหดร้ายไม่ได้นะ
“กอดให้แน่นล่ะ!” เผยเยี่ยนบอก สองมือก็แบกนางไว้บนหลัง “ถ้าอีกเดี๋ยวตกลงมาจะ
โทษข้าไม่ได้นะ”
อวี้ถังเกาะอยู่บนหลังเขา ข้างแก้มของนางคือเส้นผมที่ทั้งดกและดํา
พวกผู้เฒ่ามักจะพูดว่า ชายหนุ่มที่มีผมดกดํามักเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา
เผยเยี่ยนอาจไม่เกี่ยวอะไรกับ ‘เปิดเผย’ แต่เขาก็ ‘ตรงไปตรงมา’ มากทีเดียว
แม้บางครั้งจะพูดจาไม่น่าฟังก็เถอะ
แต่ที่พูดจาไม่น่าฟัง ก็เป็นนิสัยของเขานี่นา!
อวี้ถังใช้แก้มถูเส้นผมเขาไปมา มันค่อนข้างกระด้าง แต่นางกลับรู้สึกชอบมันนัก
นี่เป็นความรู้สึกของคนที่ตกหลุมรักกระมัง?
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ในสายตานาง ล้วนเป็นสิ่งที่นางชื่นชอบทั้งสิ้น
อวี้ถังอดใจไม่ไหวกระซิบข้างหูเขาเบาๆ ว่า “สยากวง” แล้วประทับจูบที่จอนผมของเขา
ไม่นานสกุลหยางก็รับรู้การตัดสินใจของเผยถง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางอ้าปากสบถทันทีว่า “รู้แต่แรกคงไม่ให้พวกเขากลับไปหลินอัน
หรอก เผยถงยังพอโตแล้ว สนิทกับเราค่อนข้างมาก แต่เผยเฟยจากเมืองหลวงไปตั้งแต่เล็ก ผ่าน
ไปอีกสองสามปี คงจะจําตายายกับพวกท่านลุงไม่ได้แล้ว เหตุใดบุตรเขยต้องมาด่วนจากไปไว
ด้วย! ไม่อย่างนั้น คงไม่มีที่ให้คนอย่างเผยเซวียนหรอก!”
2936
ตอนแรกที่เผยโย่วอยากเป็นขุนนาง ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยไม่เห็นด้วย ผู้อาวุโสในสกุลคน
อื่นก็ไม่สนับสนุน เผยโย่วจึงเรื่องหมางใจกับสกุลเผย บวกกับเขาแต่งกับคนที่ท่านแม่เฒ่าสกุล
เผยไม่ยอมรับอย่างสกุลหยาง คนจึงค่อยๆ ห่างจากสกุลเผยออกมาเรื่อยๆ เรื่องในราชสํานัก
ส่วนใหญ่ก็เกื้อกูลอาศัยกับฝั่งสกุลหยางทางนี้ ตอนนั้นเขายังเคยวางแผนกับท่านผู้เฒ่าสกุล
หยางด้วยซํ้าว่าจะย้ายเข้าหกกรมเมื่อใด ช่วงไหนต้องขึ้นเป็นอาลักษณ์ และจากนั้นก็เป็นรอง
เจ้ากรม
บัดนี้เผยโย่วไม่อยู่แล้ว สกุลหยางสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง นายท่านรองกับนายท่าน
สามสกุลหยางใกล้จะถูกปลดจากราชการเต็มที เผยเซวียนก็อาศัยกําลังของสกุลเผยจนได้ขึ้น
เป็นรองเจ้ากรม
คนที่เอาแต่อมพะนําอย่างเผยเซวียนนั่น มีสิทธิ์
อะไรได้เป็นถึงรองเจ้ากรมกัน?
เพราะได้นายท่านสามสกุลเผยวางแผนคิดหาทางช่วยเขาน่ะสิ
บางครั้งนายหญิงใหญ่สกุลหยางก็คิดว่า หากเผยโย่วยังมีชีวิตอยู่ ตําแหน่งของเผย
เซวียนในตอนนี้ต้องตกเป็นของสามีนางแน่
นางร้อนใจจนปากสั่นระริก ทั้งกลัวว่าหากท่านผู้เฒ่าสกุลหยางรู้เรื่องจะเดือดดาลจน
เป็นอะไรไป สกุลหยางมิอาจขาดกําลังในราชสํานักได้ จึงลอบไปหารือกับนายท่านใหญ่ว่า
“เรื่องนี้ทําอย่างไรดีเจ้าคะ? หรือต้องเปิดโปงเรื่องของสกุลเผยจริงๆ?”
นายท่านใหญ่สกุลหยางย่นคิ้ว “เปิดโปงสกุลเผยตอนนี้มีประโยชน์อะไร? ถึงเวลานั้นมี
แต่จะลากสกุลเราให้ติดร่างแหไปด้วย แล้วถ้าองค์ชายสามได้เป็นรัชทายาทขึ้นมา สกุลนั้นก็มี
แต่จะได้ความดีความชอบไปอีก ถ้าจะเปิดโปง สกุลเราจะออกหน้าเองไม่ได้ อย่างน้อยต้องทํา
อย่างอ้อมๆ ดูว่าใครอยากเล่นงานสกุลเผยบ้าง ยืมมือพวกนั้นจัดการแทน! ถ้าไม่มีเจ้าสาม เจ้า
รองก็ไม่เหลือความน่ากลัวอีกต่อไป”
นายหญิงใหญ่สกุลหยางผงกศีรษะ
2937
นางเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
นางถึงขั้นคิดว่า ที่นายท่านสามสกุลเผยถูกยกย่องขึ้นมา ก็เพราะเผยโย่วได้ตายไปแล้ว
“แต่จะปล่อยเจ้าสามไปง่ายๆ ไม่ได้” นายท่านใหญ่สกุลหยางคิดถึงความขุ่นเคืองที่เผย
เยี่ยนได้รับตอนที่เผยโย่วยังมีชีวิตอยู่ ในใจเขารู้สึกหวาดระแวงอย่างมาก จึงเอ่ยด้วยสีหน้า
เคร่งเครียดว่า “ข้าคิดว่าเรื่องนี้จําเป็นต้องคุยกับเจ้าหลานตัวดีของเราหน่อย ให้เขารู้เอาไว้ว่า
พวกคนสกุลเผยเคยทําอะไรเอาไว้”
นัยน์ตานายหญิงใหญ่หมุนกลอกอย่างว่องไว “ท่านหมายถึง?”
“เรื่องนี้ข้าจัดการเอง” นายท่านใหญ่เอ่ยเสียงลอดฟัน “เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว ส่วนเรื่องเจ้า
รองกับเจ้าสาม ในเมื่อสกุลเผยรับปากว่าจะช่วย ก็รอให้สกุลเผยลงมือแล้วค่อยว่ากัน”
เรื่องนี้เขาต้องได้ประโยชน์ทุกทาง!
ตอนที่เผยโย่วยังอยู่สกุลหยางเอาแต่กอบโกยจนเคยตัว มาตอนนี้ถึงได้เกลียดชังสกุล
เผย พวกเขาคิดว่าเช่นนี้ก็ดีแล้ว
นายท่านใหญ่แสยะยิ้มเสียงเย็น ก่อนจะไปขอโทษเผยถงถึงเรือนด้วยตนเอง โทษว่าตน
ไม่จัดการเรื่องในเรือนหลังให้ดี เป็นเหตุให้ท่านป้ามาพูดสิ่งที่ไม่สมควรกับเขา ตนได้ต่อว่านาย
หญิงใหญ่อย่างหนักหน่วงและสั่งให้นางไปถือศีลกินเจที่วัด สํานึกผิดในสิ่งที่ได้กระทําลงไป
ส่วนท่านลุงทั้งสองจากสกุลหยาง ก็ต้องพึ่งพาอํานาจของสกุลเผย แค่รักษาชีวิตของสองคนไว้
ได้นับว่าสวรรค์เมตตาแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาไม่กล้าเพ้อฝันหรือร้องขออะไรอีก
จากนั้นก็ทอดถอนใจต่อหน้าเผยถงว่า หากรู้แต่แรก เขาก็คงลาออกจากราชการตั้งแต่
ตอนที่บิดาของเผยถงจากไป สองสกุลจะได้เหลือไมตรี ไม่บาดหมางจนมองหน้ากันไม่ติดอย่าง
ทุกวันนี้
เผยถงฟังแล้วในใจก็รู้สึกผิดขึ้นมา
แต่เขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว เขาแค่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
2938
เขากดข่มความเจ็บปวดในใจ แล้วสนทนาเป็นเพื่อนท่านลุงใหญ่อีกค่อนวัน รู้ว่านับแต่
นี้หากสกุลหยางและสกุลเผยแหนงใจต่อกัน ก็คงยากจะสนิทใจกันได้เหมือนวันเก่าๆ
เผยถงลอบถอนหายใจในอก ไม่รู้ว่าหลังจากกลับหลินอันแล้ว จะเล่าทุกอย่างให้
มารดาฟังอย่างไรดี
บางที ท่านแม่อาจจะพาเผยเฟยมาอยู่ที่เมืองหลวงก็เป็นได้
เขาส่งนายท่านใหญ่สกุลหยางกลับไปด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน แล้วหมุนกายไปหากู้ซีทาง
นั้น
กู้ซีเรียกคนจากร้านแพรไหมมา กําลังเลือกเนื้อผ้าที่เหมาะจะตัดชุดให้เด็กเล็กกับแม่น
มอยู่ พอเห็นเขานางก็ลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มให้ ทักทายเขาด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านกลับมาแล้ว
รึ!” แล้วสั่งให้สาวใช้ไปยกนํ้าชาเข้ามา
แม่นมรีบไล่คนจากร้านแพรไหมให้ออกไปก่อน
วันนั้นเขากลับมาถึงเรือนด้วยสีหน้าอึมครึม ต่างฝ่ ายจึงยังไม่ได้คุยกันทั้งเรื่องตั้งท้อง
และเรื่องของสกุลหยาง
เผยถงคิดว่ากู้ซียกเรื่องตั้งท้องมาบีบบังคับเขา แต่พอเห็นนางเลือกผ้าไปตัดชุดอย่าง
กระตือรือร้น จึงรู้สึกว่าตนเข้าใจกู้ซีผิดไป
เขาถามนางอย่างไม่แน่ใจว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ!” กู้ซียิ้มแฉ่ง มือวางลงที่หน้าท้องอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็หัวเราะแล้ว
เอ่ยว่า “ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน”
ว่านางจะตั้งท้องเร็วเพียงนี้?
2939
เผยถงก็เพิ่งจะเคยเป็นพ่อคนครั้งแรก อดจะรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่ได้ จึงเอ่ยถามยิ้มๆ
ว่า “เจ้า อยากกินหรือดื่มอะไรก็บอกแม่นมได้ ไม่ก็บอกอาหญิงรองทางนั้น อารองกําชับอาหญิง
เอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“ทราบแล้ว!” กู้ซียิ้มอย่างสุขใจ “ท่านตั้งใจอ่านตําราไปก็พอ ข้าจะดูแลสุขภาพให้ดี”
เผยถงตอบ “อืม” มาหนึ่งคํา ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
กู้ซีกลับใจกว้าง นางถามเรื่องที่เขาเล่าเรียนกับอินหมิงหย่วนอย่างเป็นห่วงว่า “ปรับตัว
ได้ไหมเจ้าคะ? หากว่าไม่คุ้นเคย ข้าให้พี่ชายช่วยหาคนอื่นให้? หรือไม่ก็ไปขอร้องอารองให้ช่วย
ท่านออกหน้า”
“พอไหวอยู่!” เมื่อพูดถึงเรื่องที่เขามั่นใจ คนจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้นบ้าง คิดว่าแบบนี้ก็ดี
เหมือนกัน ก่อนที่เขาจะไปหาอารองก็ตัดสินใจแน่แล้วว่าจะช่วยสกุลหยาง เขารู้ว่ากู้ซีต้องไม่
เห็นด้วย จึงไม่ได้หารือกับนางก่อน และเพราะกู้ซีไม่อยากให้เขาช่วยสกุลหยาง จึงโพล่งเรื่องที่
ตั้งครรภ์ออกไป สองฝ่ ายต่างมีส่วนผิด มาถึงตอนนี้ ก็ถือว่าเสมอกันไป ถือเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคย
เกิดขึ้น
ใจเขาไม่อยู่กับตัว คุยเรื่องเล่าเรียนให้กับนางอย่างใจลอย
กู้ซีก็รับฟังด้วยรอยยิ้ม
ทว่าแม่นมของนางกลับร้อนใจจนแทบเต้น
ใน ‘ท้อง’ ของกู้ซีเป็นถึงหลานชายคนโตของสกุลเผย หากถึงตอนนั้นคลอดออกมา
ไม่ได้ จะมีหน้าไปอธิบายให้ผู้อาวุโสสกุลเผยฟังอย่างไร!
เหตุใดนางจึงโง่งมเช่นนี้!
หาข้ออ้างเรื่องอื่นมิได้หรือ ไฉนต้องอ้างเรื่อง ‘ตั้งท้อง’ ด้วย?
แม่นมของกู้ซีทุกข์ใจจนนอนไม่หลับ
2940
หรือว่าถึงเวลาก็ต้อง ‘แท้งลูก’ อย่างนั้นรึ?
เผยเยี่ยนกับเผยเซวียนทําตามที่เคยรับปากเอาไว้ ช่วยวิ่งเต้นเรื่องท่านลุงทั้งสองของ
เผยถง แม้จะทําให้เขาถูกปล่อยตัวออกมาอย่างไร้ความผิดมิได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่อาจกลับไปรับ
ราชการได้อีก และถูกตัดสินให้เนรเทศไปอยู่หลิ่งหนาน
ที่นั่นเป็นถิ่นของสกุลเถา
สกุลหยางจึงต้องมาขอร้องให้สกุลเผยช่วยฝากฝังให้อีกรอบ
กระทั่งจัดการเรื่องของสกุลหยางเรียบร้อย สวีเซวียนก็ให้กําเนิดบุตรชายแข็งแรงจํ้ามํ่า
นํ้าหนักแปดจินออกมาแล้ว
สกุลอินดีใจหนักหนา ญาติผู้พี่ผู้น้องที่แต่งออกไปพากันแวะเวียนมาเยี่ยมไม่ขาดสาย
กระทั่งฮูหยินของอินเฮ่าก็ยังรีบเดินทางมาจากบ้านเกิด
สวีเซวียนรําคาญใจอย่างมาก แต่ก็ต้องคอยต้อนรับเหล่าสตรีทั้งหลายอย่างอดทน
อวี้ถังไม่ได้ไปรบกวนนาง แต่ช่วยนายหญิงรองตระเตรียมสินเดิมให้กับคุณหนูห้า
สกุลฉินกับสกุลเผยตกลงจะจัดงานแต่งวันที่ยี่สิบหกเดือนหก
ภายหลังสวีเซวียนรู้เรื่องเข้าก็โวยวายใหญ่ “รอให้ถึงเดือนแปดไม่ได้รึ ข้าจะได้ไปร่วม
พิธีของอาตันด้วย”
อวี้ถังเม้มปากหัวเราะ “เจ้าคอยอยู่แต่ในเรือนดีๆ เถอะ! ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลจางบอกไว้
แล้ว จะช่วยเจ้าบํารุงร่างกายให้ดีก่อน จากนี้สามเดือนเจ้าถึงออกจากเรือนได้”
ทําเอาสวีเซวียนโอดครวญไปพักใหญ่
พอนายหญิงรองรู้เรื่องก็ถามอวี้ถังอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “เมืองหลวงมีธรรมเนียมเช่นนี้
รึ? อยู่เดือนต้องอยู่นานถึงสามเดือนถึงจะดูสูงศักดิ์
? ข้าได้ยินว่าตอนที่นายหญิงอินตั้งท้อง
ใหม่ๆ ก็เชิญแม่หมอตําแยมาอยู่ในเรือนแล้ว หลานสะใภ้เราก็เพิ่งตั้งท้อง เจ้าว่าเราต้องเชิญแม่
2941
หมอมาด้วยหรือไม่? อย่างไรพวกเราก็มิใช่แม่สามีตัวจริงของนาง ดูแลให้มากย่อมดีกว่าน้อย
อีกอย่างก็แค่เพิ่มข้าวไม่กี่คํา เพิ่มเงินอีกไม่กี่ตําลึงเท่านั้น”