ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่372 สั่ นสะเทือน
กู้ซีรู้นิสัยของเผยถงดี เขาเป็นคนหัวอ่อน และค่อนข้างจะหูเบา
นางกลัวว่านายท่านใหญ่สกุลหยางพูดไม่กี่คํา ก็ทําให้เผยถงเปลี่ยนใจได้แล้ว
กู้ซีร้อนใจเหมือนหนูติดจั่น พอพิจารณาดูแล้วเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตนจะรับมือไหว
นางจึงกัดฟันแน่นแล้วไปหานายหญิงรอง เล่าเรื่องที่นายท่านใหญ่สกุลหยางมาหาเผยถงให้
นางฟัง
นายหญิงรองได้ฟังก็เคร่งเครียดตามไปด้วย วางสมุดบัญชีที่ตรวจสอบอยู่แล้วลุกยืนขึ้น
“ไป พวกเราไปหาอาหญิงสามกัน”
กู้ซีไม่อยากเกี่ยวข้องกับอวี้ถัง โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ดีในเรือนตน นางตอบเลี่ยงๆ ไปว่า
“ข้าไม่ไปดีกว่าเจ้าค่ะ อาหญิงรองไปคุยกับอาหญิงสามก็ใช้ได้แล้ว”
อย่างไรปัญหานี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่กู้ซีจะแก้ไขได้
นายหญิงรองส่ายหน้า ถือโอกาสชี้แนะกู้ซีว่า “แม้คนในเรือนจะไม่เคร่งครัดกฎระเบียบ
เท่าไร แต่บางเรื่องจะทําตามใจไม่ได้ อย่างเรื่องที่เจ้าพูดมานี้ ข้าคิดว่าพวกเราที่เป็นสะใภ้ใน
ห้องหอคงไม่มีปัญญาแก้ อย่างไรก็ต้องไปขอให้อารองกับอาสามเจ้าออกหน้า ถ้าอารองเจ้าอยู่
ที่เรือน เราไปบอกเขาสักคํา ส่วนเขาจะจัดการอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขา แต่อารองเจ้า
ตอนนี้ไม่อยู่ พวกเราคงได้แต่ไปบอกอาหญิงสาม ให้อาหญิงสามไปพูดกับอาสามเจ้า พวกเรา
จะข้ามหน้าอาหญิงสามไปหาอาสามเจ้าโดยตรง แบบนั้นไม่เหมาะ”
กู้ซีพลันหน้าแดงทันที
นายหญิงรองเหลือแค่ยังไม่ตําหนินางว่าไม่รู้มารยาทเท่านั้น
นี่เป็นมารยาททั่วไป นางเป็นเด็กสาวที่เกิดในสกุลใหญ่แถบเจียงหนาน ไม่มีทางที่จะ
ไม่รู้? ที่นายหญิงรองพูดเช่นนี้ หนึ่งเพราะวาจาเมื่อครู่ของนาง สองเพราะนางเติบโตมากับ
มารดาเลี้ยง คงคิดว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนเป็นแน่
2958
กู้ซีในเวลานี้ไม่รู้ว่าควรดีใจที่เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของมารดาเลี้ยง หรือควรดีใจที่
นายหญิงรองเป็นคนใจกว้างและไม่คิดมากกันแน่
ไม่อย่างนั้นนายหญิงรองต้องมองท่าทีที่นางมีต่ออวี้ถังออกแน่
กู้ซีลอบถอนหายใจยาวเหยียด แล้วตามนายหญิงรองไปหายังเรือนอวี้ถัง
อวี้ถังกําลังนั่งคุยกับอวี้หย่วนอยู่ที่ม้านั่งหินใต้เครือผูเถา
อวี้หย่วนเห็นนายหญิงรองกับกู้ซีเดินมา ก็รีบทักทายพวกนางอย่างลวกๆ แล้วขอตัว
จากไป
นายหญิงเอ่ยอย่างลุแก่โทษว่า “พวกเรามารบกวนเจ้าใช่หรือไม่?”
แต่เรื่องที่นางจะพูดเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ต้องลําบากอวี้หย่วนอยู่ดี
อวี้ถังหัวเราะพลางส่ายหน้า “มิได้รบกวน จริงๆ ก็คุยกันจบแล้ว เขากําลังจะกลับ
พอดี!”
นายหญิงรองไม่ได้ถามต่อ แล้วรีบเล่าเรื่องเผยถงให้อวี้ถังฟัง ทั้งเอ่ยว่า “ต้องรีบแจ้งอา
สามสักหน่อย ข้าคิดว่านายท่านใหญ่สกุลหยางมีเจตนาไม่ดี ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่”
อวี้ถังรู้เรื่องก็ร้อนรนตามไปด้วย “นายท่านสามถูกผู้เฒ่าจางเรียกตัวไปแล้ว ข้าจะรีบส่ง
คนไปบอกเขาโดยเร็ว”
นายหญิงรองพยักหน้ารัวเร็วพลางถอนหายใจ หารือกับอวี้ถังต่อ “เจ้าว่า ต้องส่งคนไป
บอกนายท่านรองหน่อยหรือไม่?”
“รอฟังคําสั่งจากนายท่านสามก่อนเถอะเจ้าค่ะ!” อวี้ถังทั้งกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเผยถง
แต่ก็กังวลว่าพวกนางจะตื่นตูมกันไปเอง มีแต่ทําให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ “นายท่านรองยังอยู่ที่ที่ว่า
การนี่เจ้าคะ?”
นายหญิงรองไม่ได้ดึงดัน มองดูอวี้ถังสั่งการคนให้ไปตามเผยเยี่ยน
2959
กู้ซีนั้นตั้งแต่เข้าประตูเรือนอวี้ถังมา ก็ไม่ได้เปล่งเสียงสักเอะ
อวี้ถังนั่งอยู่ใต้เครือผูเถา สวมชุดลูกไม้สีแดงประกายเงิน กลัดกระดุมหยกลายผีเสื้อรัก
บุปผา ข้อมือขาวผ่องสวมกําไลหยกมันแพะ งดงามเสียจนทําให้คนไม่อาจละสายตาได้ ส่วน
ญาติผู้พี่ของนาง ก็ดูต่างจากคนที่นางเคยเจอที่หลินอันมาก เขาอยู่ในชุดผ้าหังโฉวสีนํ้าเงินเข้ม
สวมหมวกตาข่ายดํา แขวนถุงผ้าสีหยกปักดิ้นทองกับพวงของจุกจิกเจ็ดชิ้น แต่ละชิ้นล้วน
งดงามสูงค่า บวกกับผิวขาวสะอาดตา อาจเพราะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น สีหน้าจึงสุขุมอ่อนโยน
มองแล้วเหมือนคุณชายจากสกุลบัณฑิต หาได้เหมือนพ่อค้าสักนิดไม่ ทําให้นางอดคิดถึงคําที่
กล่าวว่า ‘สภาพแวดล้อมเปลี่ยนนิสัย การสั่งสอนเปลี่ยนเนื้อแท้คน’ ไม่ได้
กู้ซีได้แต่ยิ้มหยันในใจ
มีสกุลเผยคอยหนุนหลัง ช่างไม่เหมือนเดิมจริงๆ คงได้ชุบตัวใหม่
นางหลุบตาตํ่า ไม่ต้องการให้ใครอ่านความคิดของนางในตอนนี้ออก กลัวจะเพิ่ม
ปัญหาอื่นให้เผยถงอีก
แต่อวี้หย่วนมาหาอวี้ถังด้วยเรื่องอะไร? เมื่อครู่แม้นางจะอยู่ห่างออกไป แต่กลับ
มองเห็นรอยยิ้มเปล่งประกายบนหน้าอวี้หย่วนได้ชัดเจน
รอจนอวี้ถังสั่งการเสร็จแล้ว นางก็หันไปกระตุกชายเสื้อนายหญิงรอง “พวกเรากลับไป
รอฟังข่าวเถอะเจ้าค่ะ เมื่อครู่ญาติผู้พี่ของอาหญิงสาม…”
นายหญิงรองได้ยินดังนั้น ก็ทําหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก รีบเอ่ยกับอวี้ถังว่า “ญาติผู้พี่เจ้า
มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? มิได้ติดขัดล่าช้าเพราะพวกเรากระมัง?”
กู้ซี นางไม่รู้จักหยุดเสียทีสินะ
อวี้ถังได้แต่ลอบถอนใจ เผยยิ้มแล้วมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะตอบนายหญิงรองไปว่า “ไม่
มีเรื่องอะไรหรอกเจ้าค่ะ! เขาจัดการธุระที่เมืองหลวงจบแล้ว อีกสองวันก็จะกลับหลินอัน หนึ่ง
เพราะมาแจ้งข้าไว้ก่อน สองเพราะมาถามว่าข้าจะฝากอะไรกลับหลินอันหรือไม่ ข้าคิดว่าเขายัง
2960
ต้องเตรียมตัวอีกหลายวัน จึงไม่ได้ไปบอกพวกท่าน…พวกท่านมีอะไรจะฝากกลับหลินอันไหม
เจ้าคะ? ข้าให้ท่านพี่ช่วยนํากลับไปได้”
นายหญิงรองทําหน้ายินดี “ดีสิ ปีนี้ทั้งวันตวนอูกับวันไหว้พระจันทร์ล้วนไม่ได้แสดง
ความกตัญ�ูต่อท่านแม่เฒ่าเลย หากญาติผู้พี่เจ้าช่วยพวกเรานําของกลับไปได้ย่อมประเสริฐ
ยิ่ง” พูดถึงตรงนี้ นางก็คิดถึงจุดประสงค์ที่อวี้หย่วนมาเมืองหลวงขึ้นมาได้ “เรื่องสมาคมพ่อค้า
จัดการเรียบร้อยแล้วรึ? ปีนี้กับปีหน้าสกุลเจ้าคงเริ่มมีงานยุ่งแล้ว”
อวี้ถังพยักหน้าพลางยิ้มแฉ่ง “ไม่ใช่แค่นั้นเจ้าค่ะ! ไม่เพียงเครื่องบรรณาการที่ตกลงกัน
เรียบร้อย ท่านพี่ข้ามาเมืองหลวงครั้งนี้ยังได้รู้จักกับพ่อค้าหลายคนที่อยู่กว่างตงและฝูเจี้ยนด้วย
คุยกันไว้ว่าจะทํากล่องของขวัญส่งให้ร้านค้าของพวกเขาที่เมืองหลวง ท่านพี่บอกว่า ครั้งนี้
กลับไปต้องหารือกับลุงใหญ่ ดูว่าจะส่งลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งมาเปิดร้านที่เมืองหลวงได้หรือไม่ ทํา
กล่องของขวัญขายให้พวกเขาโดยเฉพาะเลย”
นายหญิงรองได้ฟังก็ตื่นตะลึง จากนั้นก็ชมเปาะว่า “ข้าคิดว่าความคิดนี้ยอดเยี่ยมนัก!
คนเมืองหลวงพิถีพิถันเรื่องมารยาท กล่องของขวัญจึงมีมาตรฐานสูง จํานวนที่ต้องการใช้ก็มาก
คนแถบเจียงหนานมาเป็นขุนนางที่เมืองหลวงมีไม่น้อย หากว่าญาติผู้พี่เจ้าเปิดร้านที่นี่ ไม่ต้อง
พูดถึงอย่างอื่น แค่เห็นแก่หน้าคนบ้านเดียวกัน ทุกคนย่อมยินดีค้าขายกับเขาแน่ การค้านี้ไม่เลว
เลยทีเดียว”
อวี้ถังก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ดังนั้นตอนที่อวี้หย่วนบอกเรื่องนี้กับนาง นางจึงสนับสนุน
เต็มที่
นายหญิงรองเริ่มช่วยสกุลอวี้วางแผนคร่าวๆ
ในเมืองหลวงนี้คนเจียงหนานใครบ้างที่เป็นขุนนางขั้นสาม? สกุลไหนที่ไปมาหาสู่กัน
บ่อยๆ? สกุลไหนไม่ค่อยคบค้าสมาคม? ทั้งแต่ละสกุลดูแลที่ว่าการไหนบ้าง จําเป็นต้องใช้กล่อง
ของขวัญหรือไม่?
นางกับอวี้ถังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ กู้ซีฟังอยู่ข้างๆ รู้สึกเพียงหงุดหงิดรําคาญใจ
2961
เผยถงออกไปได้เกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว หากว่านายท่านใหญ่สกุลหยางมีเจตนาร้าย
จริงๆ ต่อให้สกุลเผยมีสามหัวหกกรก็คงช่วยไม่ทันแล้ว นายหญิงรองกับอวี้ถังไม่เพียงไม่เป็น
ห่วงความปลอดภัยของเผยถง ยังเอาแต่สนทนากันอย่างสนุกสนาน…ญาติผู้พี่อย่างไรก็เป็นคน
สายเลือดเดียวกัน หลานชายสามีอย่างไรก็เป็นคนนอกวันยังคํ่า เวลาปกติก็เห็นว่าไม่ต่างกัน
แต่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานมีหรือจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมได้
นางเห็นถึงจังหวะจึงเอ่ยแทรกนายหญิงรองกับอวี้ถังว่า “เถ้าแก่อวี้กําหนดวันกลับหลิน
อันหรือยังเจ้าคะ? ข้าจะได้ดูว่าถึงเวลานั้นจะกลับพร้อมเขาได้หรือไม่!”
อวี้ถังชะงักไป
นายหญิงรองถอนหายใจ แล้วเล่าแผนการของกู้ซีให้อวี้ถังฟัง ทั้งยังกล่อมกู้ซีอีกพัก
ใหญ่ แล้วค่อยเปลี่ยนมาคุยเรื่องเผยถงต่อ
อวี้ถังแทบจะเบะปากใส่นาง
เผยเยี่ยนกลับมาถึงในที่สุด
สีหน้าเขาไม่น่ามอง เขาถามกู้ซีว่า “เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าอาถงออกไปพร้อมกับลุงของ
เขา?”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
กู้ซีตอบอย่างอึกอักว่า “สาวใช้ในเรือนเห็นพวกเขาเดินออกไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะเกิด
เรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า!” พูดจบ นางก็ใจเสียจนกรอบตาแดงอีกรอบ
หากว่าเผยถงเป็นอะไรไปขึ้นมา นางจะทําอย่างไร?
เผยเยี่ยนพยักหน้า สั่งเผยอู่ที่อยู่ด้านหลังเขาว่า “ตามหาต่อไป ให้ท่านเฉินช่วยคิดด้วย
ว่าเขาน่าจะไปที่ไหนได้อีก?”
2962
เผยอู่พยักหน้า กําลังจะรับคํา พลันเด็กรับใช้ในเรือนกู้ซีก็พรวดพราดเข้ามาเสียก่อน
“นายหญิงน้อย นายหญิงน้อย คุณชายใหญ่กลับมาแล้วขอรับ!”
ทุกคนต่างทําหน้าโล่งอก
กู้ซีรีบถามเด็กรับใช้ว่า “คุณชายใหญ่กลับมาแต่เมื่อไร? คนอยู่ที่ไหน? แล้วบาดเจ็บ
หรือเปล่า?”
เด็กรับใช้ฟังแล้วก็ทําหน้ามึนงง รีบตอบกลับว่า “นายหญิงน้อย คุณชายใหญ่กลับมา
คนเดียวขอรับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องหนังสือ คุณชายใหญ่เสื้อผ้าเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ไม่คล้ายคน
ได้รับบาดเจ็บ ทว่าสีหน้าดูกระสับกระส่าย พวกข้าทําความเคารพ เขาแทบมองไม่เห็นด้วยซํ้า
ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
จะเกี่ยวกับ ‘หลักฐาน’ ที่นายท่านใหญ่สกุลหยางพูดถึงหรือไม่?
กู้ซีรีบหันไปมองนายหญิงรองอย่างลนลาน
นายหญิงรองกัดฟัน ถามเผยเยี่ยนว่า “พวกเราจะไปดูหน่อยหรือไม่?”
แน่นอนว่าต้องไปดูอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องถามเขาด้วยว่านายท่านใหญ่สกุลห
ยางพูดอะไรกับเขาบ้าง
เผยเยี่ยนเดิมตั้งใจว่าจะพาเฉินชูที่ปรึกษาไปก็พอแล้ว แต่พอเห็นดวงตาที่แวววาวกว่า
ปกติด้วยความอยากรู้ของอวี้ถัง เขาจึงหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจให้ทุกคนไปพร้อมกัน
ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นตอนเขากลับมา อวี้ถังก็ต้องซักไซ้ถามความจากเขาไม่หยุด เขายังต้องเล่า
เรื่องจุกจิกให้นางฟังอย่างละเอียดอีกรอบ
“เช่นนั้นก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ!” เผยเยี่ยนเอ่ย ก่อนจะก้าวขานําออกไปคนแรก
พวกนายหญิงรองได้ฟังก็รีบกระเด้งตัวขึ้น แล้วเดินตามเผยเยี่ยนมุ่งหน้าไปที่เรือนของ
กู้ซีกับเผยถง
2963
ตอนที่เดินเลี้ยวมุมตรงศาลาเหมันต์ข้างลําธาร เผยถงพลันโซซัดโซเซโผล่ขึ้นมา
เผยเยี่ยนเห็นสีหน้าเขาเขียวคลํ้า สายตาแข็งทื่อ ฝีเท้าซวนเซ คล้ายว่าดื่มเหล้าจนแทบ
คุมสติไม่อยู่ จึงตวาดเรียกเขาเสียงลั่นว่า “อาถง!” พร้อมเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “นี่เจ้าเป็นอะไร?
ทําไมไร้สติเช่นนี้!”
ต่างโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ยังจัดการเรื่องราวได้เหยาะแหยะอยู่เลย
เผยเยี่ยนได้แต่ตําหนิในใจ เห็นแก่ที่เขาแต่งงานมีภรรยาแล้ว จึงไม่ต่อว่าเขาหน้าฝูงชน
อีก กลัวว่าเขาจะขายหน้า
ใครจะคิดว่าเผยถงฟังไม่เข้าใจด้วยซํ้าว่าเผยเยี่ยนกําลังพูดอะไร เขาคิดว่าเผยเยี่ยน
ตําหนิตน จึงหันกลับมามองด้วยความว่างเปล่า เขาชะงักฝีเท้าหยุด ดวงหน้าพลันเปลี่ยนสี
สายตาที่มองเผยเยี่ยนเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะกระโจนเข้าใส่อย่างเดือดดาล ยื่นมือ
ออกมากระชากคอเสื้อของเผยเยี่ยนเอาไว้ “เพราะเจ้า! เพราะเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าทําให้พ่อข้า
ต้องตาย! เจ้าทําร้ายเขา! เจ้าขัดขวางเขา! เจ้าทรยศเขา! เป็นเจ้า เป็นเพราะเจ้าทั้งหมด! หาก
ไม่ใช่เพราะเจ้า ท่านพ่อข้าก็คงไม่ตาย! คงไม่ตายอย่างนอนตาไม่หลับ! กระทั่งงานศพก็ไม่จัด
ให้เขาอย่างดี! คงไม่ต้องการให้พวกข้าแม่ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างสงบใช่หรือไม่! เผยสยากวง เจ้า
คู่ควรจะเป็นอาข้าแล้วหรือ? คู่ควรเป็นผู้นําสกุลเผยแล้วอย่างนั้นรึ?” เขายิ่งพูดก็ยิ่งเดือดพล่าน
เสียงยิ่งดังขึ้นกว่าเก่า แล้วก็ตวาดสุดเสียงออกไปว่า “เจ้าเอาชีวิตท่านพ่อข้าคืนมา!”