ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่373 ปกป้อง
คําพูดของเผยถงทําให้ทุกคนพากันตกตะลึง
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน?
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
นายหญิงรองและกู้ซีดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่พักใหญ่
เผยเยี่ยนที่เดาออกอยู่บ้างกลับไม่ได้หลบหลีก แววตาของเขาปรากฏความคลุมเครือที่
มองไม่ออก ยืนแสยะยิ้มอยู่ตรงนั้น ราวกับเผยถงเป็นเด็กไม่รู้ความที่ชอบก่อเรื่องคนหนึ่ง
เผยถงมีโทสะในใจยิ่งกว่าเดิม
แบบนี้แหละ
อาสามผู้นี้ของเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ทุกครั้งล้วนมองเขาราวกับเป็นคนปัญญาอ่อน
ส่วนเขากลับเป็นคนปัญญาอ่อนอย่างแท้จริง ไฉนจึงสงสัยมารดาและลุงตัวเอง กลับไปเชื่อใจ
อาที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานอย่างนี้กัน
ชั่วพริบตานั้นใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที
แต่สีหน้านั้นของเขา เมื่อตกอยู่ในสายตาของอวี้ถังที่กําลังนิ่งอึ้ง กลับดูเย็นยะเยือก
ขึ้นมา
เผยถงเคียดแค้นเผยเยี่ยน เผยถงต้องการให้เผยเยี่ยนชดใช้ให้บิดาของเขา เผยถง
อาจจะทําร้ายเผยเยี่ยนขึ้นมาได้…ความคิดพวกนี้วาบผ่านเข้ามาในสมองของนาง มือจึงเร็วยิ่ง
กว่าความคิด ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเผยเยี่ยนทันที…‘ผัวะ’ นางปัดมือเผยถงที่ยื่นมาหาคอเสื้อ
ของเผยเยี่ยน
2965
ตัวนางก็เร็วยิ่งกว่าความคิดเช่นกัน ขวางอยู่ด้านหน้าเผยเยี่ยนทันที ตวาดเผยถงเสียง
ดัง “เจ้าจะทําอะไร? คิดจะปีนเกลียวใช่หรือไม่? เขาเป็นอาเจ้า ไม่ใช่คนนอก? หากวันนี้เจ้ากล้า
แตะเขาแม้แต่ปลายนิ้ว เจ้าก็เตรียมถูกไล่ออกจากสกุล สวมชื่อ ‘เนรคุณ’ ได้เลย!”
เผยถงเจ็บแปลบที่นิ้ว คล้อยหลังก็ได้ยินคําตําหนิที่เต็มไปด้วยโทสะของอวี้ถัง
ชั่วขณะนั้นมือของเขาก็ชะงัก หวนสติคืนมาได้อยู่บ้าง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เผยเยี่ยนก็เป็นผู้อาวุโส เขาเรียกชื่อของเผยเยี่ยนตรงๆ ถือเป็นการ
ไม่เคารพผู้อาวุโสอย่างแท้จริง หากเขาไม่อาจอธิบายเหตุผลที่เป็นชิ้นเป็นอันออกมาได้ ถึงเวลา
นั้นชื่อเสียงย่อมป่ นปี้ สูญเสียคุณสมบัติในการสอบเคอจวี่เป็นแน่
ไม่ เขาจะเป็นแบบนั้นไม่ได้!
เขายังต้องกู้ชื่อให้บิดา ต้องดูแลมารดาและน้องชาย ไม่อาจหุนหันพลันแล่นได้
การหุนหันพลันแล่นทําให้เขามีความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อื่นใด
เผยถงบอกตัวเองในใจไม่หยุดว่า ‘ใจเย็น’ มือที่ยื่นไปยังเผยเยี่ยนค่อยๆ ชักกลับข้าง
ลําตัว
เผยเยี่ยนเห็นกลับแค่นเสียงหัวเราะอย่างดูแคลน
นี่คือลูกชายคนโตของพี่ชายเขา
เติบโตภายใต้การเลี้ยงดูของสตรีในเรือน
กระทั่งโทสะอะไรยังไม่กล้าระบาย!
แม้จะถามก็ยังไม่กล้าถาม!
ความกล้าจะทุบตีคนยังไม่มี!
ชายหนุ่มเช่นนี้ จะมีประโยชน์อันใด?
2966
เขาอดเอ่ยไม่ได้ “ไฉนไม่เอะอะโวยวายแล้วล่ะ? เพราะภรรยาเจ้า แม่เจ้าล้วนอยู่ที่นี่?
เจ้าไม่ใช่จะคิดบัญชีกับข้ารึ? ทําไมล่ะ? ถูกคนขัดขวาง หวนสติกลับมาได้ จึงเกรงกลัว! เมื่อครู่
เรียกข้าเสียงดังว่า ‘เผยสยากวง’ เหตุใดจึงไม่เรียกอีก?”
เผยถงได้ฟังก็ใบหน้าซีดเผือด
อวี้ถังกลับอยากอุดปากชายผู้นี้ ลากเขาไปด้านข้าง
แต่ว่าคงจะอุดปากเขาไม่สําเร็จอยู่ดี
เขาสูงกว่านางมาก
แต่ย่อมลากเขาไปด้านข้างได้
อวี้ถังไม่คิดมากอีก พยายามลากเผยเยี่ยนมาด้านข้างทันที
ชายผู้นี้ช่างพูดระคายหูเสียจริง!
ยามนี้เผยถงใจเย็นลงแล้ว ใครจะกล้ารับประกันว่าหลังจากเขาได้ยินคําพูดของเผย
เยี่ยนจะสามารถรักษาความใจเย็นไว้ได้หรือไม่?
เผยเยี่ยนก็อีกคน แม้ว่าจะไม่ได้ด่าคนอย่างหยาบคายก็ควรออกห่างจากคนผู้นี้มาบ้าง
ด่าคนอื่นจนโมโหแล้ว ใครยังจะสนว่าเจ้าเป็นใครอีก อย่างฝ่ ามือเมื่อครู่ ไม่ว่าจะตบโดนหรือไม่
อันดับแรกต้องหยุดยั้งไว้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นการทะเลาะยังจะมีค่าอะไร!
อวี้ถังลอบพึมพําอยู่ในใจ
รู้จักแต่พูดเรื่องคนอื่น ตัวเองยังเป็นเพียงนํ้าครึ่งแก้วเท่านั้น
นางไม่อาจทนได้ กระซิบบอกเผยเยี่ยน “เจ้าพูดให้มันน้อยๆ หน่อย! หากอยากจะพูด ก็
ออกห่างจากเขาหน่อย! คนฉลาดย่อมรู้จักหลบหลีกสถานการณ์ที่ยากลําบากไม่ให้ตัวเองเป็น
ฝ่ายเสียเปรียบ ปกติเจ้าก็หลักแหลมเพียงนั้น ไฉนยามสําคัญจึงทําเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้!”
2967
นํ้าเสียงของภรรยาเผยความอ่อนโยนแฝงด้วยความใสกังวาน กล่าวตําหนิกลับ
พลั้งเผลอให้คนรู้สึกถึงความเป็นห่วงและกังวลขึ้นมา
เผยเยี่ยนคล้ายถูกนํ้าเย็นในฤดูหนาวราดลงศีรษะ จู่ๆ ก็ใจสงบลงมา
เมื่อครู่เขาบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ
ได้ยินเผยถงตะโกนเรียกเขาอย่างไร้มารยาทว่า ‘เผยสยากวง’ เขาก็เดือดจนขึ้นศีรษะ
เอาแต่คิดจะสั่งสอนคน ลืมคิดไปว่าอวี้ถังยังยืนอยู่ข้างกายเขา
ทักษะทั้งหกของมหาบุรุษ แม้จะกล่าวว่ายามนี้ทุกคนไม่ได้พิถีพิถันเรื่องพวกนี้ถึงขนาด
นั้น สกุลเผยกลับรักษาขนบธรรมเนียมไว้เหมือนเดิม นอกจากลูกหลานในสกุลจะชํานาญฉิน
หมากรุกหนังสือภาพวาดแล้ว ยังต้องสามารถขี่ม้ายิงธนูเป็นหมัดมวย ตั้งแต่เล็กเผยถงก็
ติดตามมารดาเข้าเมืองหลวง ค่อนข้างได้รับการอบรมสั่งสอนจากสกุลหยางมากกว่า สกุลที่
รํ่ารวยขึ้นมาชั่วพริบตาทั้งต้องการ ‘เรียนหนังสือเพื่อเป็นขุนนาง’ อุทิศตัวให้กับราชวงศ์ ไม่
เหมือนกับลูกหลานของสกุลเผยอีกต่อไปแล้ว แม้จะกล่าวคําพูดทําร้ายเขา อยากจะยื่นมือมา
หาเขาจริงๆ นั่นยังต้องดูว่าเขายินยอมหรือไม่
แต่อวี้ถังไม่รู้!
นางนั้นร้อนใจ ไม่เพียงปัดมือเผยถงทิ้ง ยังขวางอยู่เบื้องหน้าเขา ปกป้องเขาอย่างไม่
สนใจถูกผิดอันใด…
อวี้ถังต้องชอบเขามากแน่ๆ จึงไม่ห่วงกระทั่งความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ถามกระทั่ง
เหตุผลหรือถูกผิด
เผยเยี่ยนนึกแล้วก็รู้สึกดีใจทั้งหวานซึ้ง ความไม่พอใจและขุ่นเคืองนั้นล้วนสลายหายไป
ราวกับหมอกควัน
เขาไม่สนใจว่านี่จะเป็นกลางวันแสกๆ ด้านนอกหรือด้านในห้อง โอบไหล่ของอวี้ถังแน่น
เอ่ยเสียงเบากับนางว่า “ไม่เป็นไร! ข้ามีแผนในใจ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็เพียงพอแล้ว”
2968
แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ อวี้ถังไหนเลยจะวางใจลงได้! โดยเฉพาะคําพูดเมื่อครู่ของเผยถง ทุก
ประโยคล้วนกล่าวโทษเผยเยี่ยนว่าทําร้ายเผยโย่ว ทั้งเผยเยี่ยนยังช่วงชิงตําแหน่งผู้นําสกุลของ
พวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คําพูดเช่นนี้หากแพร่งพรายออกไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อ
ชื่อเสียงของเผยเยี่ยน
อวี้ถังไม่สนใจเผยเยี่ยน กลับขมวดคิ้วมองเผยถงอย่างไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เอ่ยเสียงดัง
ว่า “เจ้าอยากจะพูดตรงนี้ ให้พวกบ่าวรับใช้ในเรือนได้ยินกันชัดเจน? หรือจะไปพูดในห้อง
หนังสือไม่ก็โถงบุปผา รออารองกลับมา เชิญคนของสกุลหยางและสกุลกู้เข้ามาแล้วค่อยพูดกัน
ให้ชัดเจนดีล่ะ?”
คนของสกุลหยางคอยสร้างปัญหาอยู่เบื้องหลัง ย่อมต้องเรียกมาเผชิญหน้ากัน
สกุลกู้เป็นสกุลมารดาของกู้ซี นับตั้งแต่เกิดเรื่องใหญ่ สกุลของพี่เขยล้วนเป็นพยาน
สําคัญ ย่อมต้องเชิญมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้กู้ฉ่างยังมีความคิดสอดคล้องกับเผยเยี่ยน
อย่างเห็นได้ชัด ทั้งกู้ฉ่างก็ไม่ใช่คนที่ใครจะแตะต้องได้ เรียกเขาเข้ามา ช่วยเหลือได้หรือไม่นั้นยัง
ไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างน้อยย่อมสามารถทําให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม ทําให้คนจํานวน
มากกว่านี้รู้ว่าเผยถงทําอะไรไปบ้าง?
นี่ล้วนเป็นวิธีที่อวี้ถังสามารถคิดออกมาได้อย่างว่องไว ยามที่พูดเมื่อสักครู่
เผยถงก็อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้
เมื่อครู่เขาหุนหันพลันแล่นเกินไป
ในเมื่อสกุลหยางกล่าวว่าการตายของบิดามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาสามของเขา เช่นนั้น
ทุกคนก็เผชิญหน้าพูดคุยกันให้เข้าใจเถิด เขาจะได้ไม่นับโจรเป็นพ่อ เมื่อไปสู่ปรโลกจะไม่มีหน้า
ไปพบบิดา
เขาขานรับเสียงดังอย่างเยือกเย็นว่า “ได้”
อวี้ถังก็ให้คนไปเชิญคนของสกุลหยางและสกุลกู้เข้ามาทันที
2969
ยามนี้กู้ซีและนายหญิงรองจึงค่อยดึงสติกลับมาได้
นายหญิงรองอยากไปดึงอวี้ถังไว้ ถามนางว่าตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่อวี้ถังถูกเผย
เยี่ยนโอบไว้ในอ้อมอก นางไม่อาจไปดึงมืออวี้ถังได้ ทําได้เพียงเอ่ยว่า “ข้า ข้าจะไปเร่งคนเดี๋ยวนี้
ให้นายท่านรองรีบกลับมาเร็วหน่อย!”
อวี้ถังพยักหน้า
กู้ซีกลับด่าเผยถงว่าสุนัขจนตรอกอยู่ในใจ
ไฉนจึงมีคนโง่ถึงขนาดนี้ได้?
แม้ว่าการตายของเผยโย่วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยเยี่ยน ยามนี้เขาไม่มีชื่อเสียงและ
อํานาจอันใด ทั้งยังแบมือขอเงินค่ากินค่าใช้จากอาทั้งสอง ถือสิทธิ์
อันใดมาแตกหักกับเผย
เยี่ยน? แม้ว่าเคียดแค้นอยากจะแตกหักจริงๆ ก็ควรลากเผยเซวียนมาเป็นพวกเดียวกันก่อน ให้
เผยเซวียนช่วยเป็นคนออกหน้าแทนเขา?
คนพึ่งพิงข้างกายล้วนไม่มี กลับกล้ามาเอะอะโวยวายที่นี่ ทั้งยังกล้าให้คนของสกุลเผย
เรียกคนของสกุลหยางมาเช่นนี้? ไฉนไม่หาวิธีส่งจดหมายให้สกุลหยางก่อนที่คนของสกุลเผยจะ
เรียกพวกเขามา ให้คนของสกุลหยางได้มีเวลาเตรียมตัวก่อน?
กู้ซีโมโหจนหายใจฟึดฟัด สมองแล่นปราดอย่างว่องไว ตัวคนนั้นถอยติดต่อกันไปหลาย
ก้าว ออกห่างจากเผยถงมาอย่างไม่รู้ตัว
นางมองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง
นายหญิงรองมองอวี้ถังและเผยเยี่ยนอย่างกระดากอาย ใบหน้าแดงกํ่า กําลังเอนตัวคุย
กับหญิงรับใช้ข้างกาย ด้านเผยเยี่ยนกําลังกระซิบหูอวี้ถังพูดอะไรบางอย่างด้วยแววตาแฝง
รอยยิ้ม อวี้ถังพยักหน้าหงึกหงัก บางครั้งก็ขานรับเผยเยี่ยนเบาๆ ไม่กี่คํา ทั้งสองคนสนิทสนม
ลึกซึ้งกันอย่างยิ่ง ราวกับสามารถได้กลิ่นของนํ้าตาล แต่ว่าสามีคนดีของนางนั้น ไม่รู้ว่ากําลังคิด
2970
อะไรอยู่ ทําหน้านิ่งแข็งทื่อยืนอยู่ตรงนั้น คล้ายว่าความเดือดดาลเมื่อครู่ได้กลืนกินพละกําลัง
ของเขาเข้าไปทั้งหมดแล้ว ไม่อาจเลือดร้อนอะไรขึ้นมาได้อีก
นางลอบโล่งอกอย่างเงียบเชียบ รีบเรียกเหอเซียงเข้ามา กําชับนางเสียงเบาให้หาวิธี
บอกเรื่องเมื่อครู่กับกู้ฉ่าง ยังเอ่ยว่า “จําต้องรีบบอกก่อนคนของสกุลเผยจะไปถึง อย่าให้
คุณชายใหญ่เผลอไปเหยียบกับดักเข้าโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเชียว”
เช่นนี้ พี่ชายของนางก็จะสามารถตรึกตรองได้ว่าจะข้องเกี่ยวเรื่องนี้กับสกุลเผยหรือไม่?
หากไม่มาควรจะใช้ข้ออ้างอะไรดี? หลังจากมาแล้วควรจะพูดอะไรบ้าง? หรือต้องยืนอยู่ฝั่งใด?
เมื่อครู่เหอเซียงตกใจเผยถงจนสติหลุดลอย ได้ยินกู้ซีพูดเช่นนี้ นางไหนเลยยังไม่รู้ความ
ร้ายแรงของเรื่องนี้ ขานรับคําสั่งติดต่อกัน ก่อนจะวิ่งไปแทบไม่เห็นฝุ่น
แม้ว่านางจะวิ่งแล้ว กลับไม่อาจออกจากจวนได้
ยามที่จะออกประตูทางด้านข้าง กลับถูกหญิงรับใช้ในห้องของอวี้ถังขวางไว้ด้วยยิ้มที่
คล้ายไม่ยิ้ม ยังเอ่ยว่า “นี่เจ้าจะไปไหนรึ? ทางหลานสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องการให้เจ้าคอยปรนนิบัติ
หรืออย่างไร? วันนี้ในเรือนเกิดเรื่องเล็กน้อย นายหญิงสามกล่าวว่า บ่าวรับใช้ในเรือนตั้งแต่
กวาดลานจนถึงรดนํ้าดอกไม้ ใครล้วนไม่อาจออกจากประตูบานนี้ เจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ
ที่สุดของหลานสะใภ้ใหญ่ เจ้าอย่าได้สร้างความลําบากใจให้พวกเราจะดีกว่า”
แม้เหอเซียงจะพูดดีถึงเพียงใดหรือใช้เงินช่วยล้วนไม่มีประโยชน์ นางยังคงถูกคนของ
อวี้ถังรั้งไว้ที่ประตูด้านข้าง
เหอเซียงทําได้เพียงวิ่งกลับไปหากู้ซี
เฉลียงทางเดินนั้นไม่มีผู้คนแล้ว เหอเซียงหาอยู่ค่อนวัน จึงค่อยพบว่าพวกกู้ซีไปโถงบุป
ผาในเรือนของเผยเยี่ยนที่อยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุด
เหอเซียงเข้าไปในโถงบุปผาอย่างเงียบเชียบ พบว่าผู้รับใช้ที่ติดตามนายหญิงรอง นาย
หญิงสามกระทั่งนายท่านสามเมื่อครู่ นอกจากคนสนิทจริงๆ ก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว อย่างเช่นแม่
2971
นมจินที่อยู่ข้างกายนายหญิงรอง ชิงหยวนที่อยู่ข้างกายนายหญิงสาม สาวใช้ที่ยกนํ้ารินชาก็
เปลี่ยนเป็นคนที่นางไม่รู้จักทั้งสิ้น นางอยากจะสืบว่าหลังจากนางออกไปเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ก็ไม่มีคนที่นางคุ้นหน้าเลยสักคน
นางอดหวาดกลัวในใจไม่ได้ วิ่งไปข้างกายของกู้ซี พยายามเข้าใกล้นางมากที่สุด
กู้ซีไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง ถามนางเสียงเบาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เหอเซียงชําเลืองตามองรอบๆ โถงบุปผาที่เงียบสงบจนเสียงยกวางถ้วยชานั้น
เปลี่ยนเป็นดังก้อง พยายามลดเสียงลง กระซิบข้างหูกู้ซีว่า “ออกไปไม่ได้เจ้าค่ะ! นายหญิงสาม
ให้คนเฝ้าไว้ที่ประตูด้านข้าง กล่าวว่าไม่อนุญาตให้คนที่อยู่เรือนในออกไปแม้แต่คนเดียว” นาง
พูดจบ ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยอีกครั้งว่า “ตลอดทางที่ข้าเข้ามา ล้วนไม่เคยเห็นหน้าบ่าวรับใช้คน
ไหนมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
ก็หมายความว่า ในเรือนล้วนถูกควบคุมไว้หมดแล้ว ไม่มีคําสั่งของอวี้ถัง ใครก็ไม่อาจ
ขยับเขยื้อนส่งเดชได้
แต่เมื่อครู่นางจับตามองอวี้ถังอยู่ตลอด อวี้ถังออกคําสั่งไปตั้งแต่เมื่อใดกัน? เมื่อครู่ชิง
หยวนก็อยู่ข้างกายนางตลอด ทั้งใครเป็นคนไปถ่ายทอดคําพูดแทนอวี้ถัง?
กู้ซีสับสนงงงวยอยู่บ้าง
ก่อนจะมีเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งตึกตักเข้ามา เอ่ยทั้งหอบหายใจว่า “นายท่านรองกลับ
มาแล้วขอรับ!”