ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่378 สกุลฝั่งมารดา
เผยถงไม่รู้ว่าควรทําเช่นไรดี
เขามาเพื่อมาซักไซ้เอาความจากเผยเยี่ยน
ผลปรากฏว่าเผยเยี่ยนบริสุทธิ์ กลับเป็นบิดาของเขาที่เป็นคนผิดแทน
เขายังมีสิทธิ์
อะไรไปซักถามเผยเยี่ยนอีก?
เผยถงไม่ได้อยากแยกสกุล
แม้แต่เล็กเขาจะเติบโตในเมืองหลวง แต่เขาก็รู้แต่แรกว่าบรรพบุรุษของตนอยู่ทางตอน
ใต้ รากเหง้าของตนอยู่ที่หลินอัน หากว่ามีวันใดที่เขาอยู่ด้านนอกแล้วได้รับความลําบาก เขาก็
ยังสามารถไปขอความช่วยเหลือจากสกุลของตนได้ เขายังสามารถกลับไปที่หลินอันได้อยู่
แต่ว่าเผยเยี่ยนก็บีบให้เขาตัดสินใจเลือก
เขาเหมือนยืนอยู่กลางทางแยก ไม่รู้ต้องเดินไปทางไหน จึงจะไปถึงจุดหมายที่ตน
ต้องการ
เผยเยี่ยนนับว่ามองเห็นอย่างชัดเจนแล้ว
หลานชายเขาคนนี้ เป็นคนไม่มีความคิด
ตอนที่เผยเยี่ยนอายุเท่าๆ เขา ก็ตัดสินใจจะมาเป็นขุนนางที่เมืองหลวงแล้ว อีกทั้งยังมุ่ง
มาดว่าจะเป็นขุนนางใหญ่ที่ทิ้งชื่อไว้บนหน้าประวัติศาสตร์
แน่นอนว่า แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เขาหวังถึงหนึ่งหมื่นแปดพันลี้ แต่ไม่ได้
หมายความว่าเขาจะไม่มีแผนอื่นสําหรับชีวิตภายภาคหน้าของเขา
สิ่งที่ล้มเหลวที่สุดของพี่ใหญ่ น่าจะเป็นการไม่ได้เลี้ยงดูบุตรชายทั้งสองให้รู้จักยืนด้วย
สองขาของตัวเองกระมัง!
3004
มิฉะนั้นชายหนุ่มที่เติบใหญ่ปานนี้ ไฉนยังถูกวาจาสองสามคําของผู้อื่นปั่ นหัวจนไม่รู้
ทิศเหนือใต้ได้อีก!
เผยเยี่ยนอดจะเบะปากใส่ไม่ได้ คิดว่าหากยืดเยื้อต่อไป รอถึงปีหน้าก็คงหาข้อสรุป
ไม่ได้ เขานั้นช่างปะไร แต่ก่อนตอนที่ทําสงครามลับฝีปากกับสหายขุนนางในราชสํานักก็มักจะ
ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มบ่อยๆ อาจารย์ของเขายังเคยล้อเล่นเรื่องนี้ว่า สมควรให้เขาไปเป็นผู้ตรวจการ
คงจะดี
อวี้ถังนั้นคงทนไม่ไหว
เขาสังเกตว่าทุกวันหลังตื่นนอนกลางวัน นางมักจะกินผิงกั๋วไม่ก็สาลี่ครึ่งลูก บางครั้ง
ช่วงบ่ายก็มักจะกินของว่างอีกสองสามชิ้น
วันนี้อวี้ถังอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดบ่าย ยังไม่มีจังหวะได้ออกไปจิบชาหรือกินของว่าง
เลยด้วยซํ้า
เห็นว่าใกล้จะถึงมื้อเย็นเต็มทีแล้ว คงไม่อาจปล่อยให้ทุกคนหิ้วท้องรอเพราะเรื่องของ
เผยถงคนเดียวกระมัง?
เผยเยี่ยนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาเอ่ยกับเผยถงว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนที่นายท่าน
ใหญ่สกุลหยางมาถึง ก็ให้เขาช่วยเจ้าออกความเห็นก็แล้วกัน! รอพวกเจ้าหารือกันจบแล้ว ก็
ค่อยเชิญใต้เท้ากู้มาเป็นคนเจรจา กู้ซื่อเจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
บุญคุณความแค้นของสกุลเผยกับสกุลหยางเป็นเหมือนแกงที่ตุ๋นทุกอย่างไว้รวมกัน ไม่
ว่าอย่างไร สิ่งที่สมควรรู้ก็ดี สิ่งที่ไม่สมควรรู้ก็ดี ต่างก็รับรู้กันหมดแล้ว แต่กู้ฉ่างไม่เหมือนกัน
เรื่องที่เผยโย่วสนับสนุนเงินสองแสนตําลึงให้องค์ชายสาม เรื่องที่คอยส่งข่าวให้องค์ชายสามนั้น
พวกนี้เผยเยี่ยนไม่ต้องการให้กู้ฉ่างรู้…เรื่องบางเรื่อง ยิ่งมีคนรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งยากจะเก็บเป็น
ความลับมากเท่านั้น ต่อให้ต้องฆ่าคนปิดปาก คนที่ต้องตายก็มีมาก นับเป็นความยุ่งยากอย่าง
หนึ่ง
3005
กู้ซีรีบลุกยืนขึ้นทันที เอ่ยว่า “ข้าจําได้แล้วเจ้าค่ะ!”
นางลืมได้ด้วยรึ!
กําแพงมีหู ต่อให้นางกับพี่ชายจะสนิทกันมาก แต่ก็ไม่กล้าเล่าเรื่องที่จะทําให้สกุลเผย
ต้องถูกสังหารเก้าชั่วโคตรให้พี่ชายฟังแน่! ถ้าเกิดพี่ชายนางไปบอกอินซื่อเล่า? พวกสะใภ้จาก
สกุลอินได้ชื่อว่าปกป้องสกุลมารดาของตนอย่างกับอะไรดี ถึงเวลานั้นถ้าสกุลอินรู้เรื่องขึ้นมา
สกุลจางก็คงรู้ไปด้วย และสกุลหลีก็อาจจะรู้เพิ่มอีกสกุล…เช่นนั้นสกุลเผยต้องตกอยู่ใน
อันตรายแน่
เมื่อก่อนนางเคยคิดว่ารอให้สามีมีชื่อติดอยู่บนป้ายประกาศทองแล้วค่อยย้ายออกจาก
สกุลเผย นางจะได้ใช้ชีวิตสองคนไปตามประสา ทั้งยังสามารถใช้ชื่อลูกหลานสกุลเผยเพื่อหา
ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่บัดนี้ดูแล้ว เผยถงโง่งมกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก ไม่เพียงหลงเชื่อคํา
ของนายท่านใหญ่สกุลหยาง ยังถูกยุยงให้แข็งข้อกับผู้อาวุโสในสกุลอีก หากว่าเป็นนาง นางคง
รีบหาทางเอาหลักฐานที่นายท่านใหญ่สกุลหยางพูดถึงมาให้ได้ แล้วก็ส่งมันให้ผู้อาวุโสสกุลเผย
เพื่อเป็นของบรรณาการ แลกกับผลประโยชน์และเงินทองอื่นๆ ที่มากกว่านี้
บางทีนี่อาจเป็นชะตาชีวิตของนางกระมัง!
คนที่ถูกใจอย่างหลี่ตวนก็ไร้ความรับผิดชอบ เผยถงที่แต่งงานด้วยก็อ่อนแอไม่ต่างกัน
กู้ซีรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ หากว่านางไม่คิดหาร่มเงาไม้เย็นเพื่อเข้าไป
หลบ ก็คงไม่มีใครไยดีว่านางจะร้อนหรือไม่ จะถูกแผดเผาจนบาดเจ็บหรือเปล่า
นางกัดฟันแน่น สีหน้าเคารพนอบน้อม เอ่ยคําขณะที่มือกําเป็นหมัดว่า “ในเมื่อข้าเป็น
สะใภ้ของสกุลเผย ทุกสิ่งย่อมเชื่อฟังผู้อาวุโสในสกุลแน่แล้ว พี่ชายข้าทางนั้น ข้าก็ไม่อยากทําให้
เขาเป็นห่วง เรื่องบางเรื่อง พวกเราคนในสกุลรู้กันก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
นี่คือคํามั่นว่าจะไม่มีทางปริปากบอกกู้ฉ่างแน่นอน
เผยถงชะงักงัน คล้ายเพิ่งจะเคยเห็นกู้ซีอย่างชัดเจนในเวลานี้
3006
แม้จะชอบประจบเบื้องบนเหยียบยํ่าเบื้องล่าง เชี่ยวชาญการพลิกแพลงลู่ตามลม แต่ก็
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า นางทั้งฉลาดฉอเลาะ รู้จักเอาใจคนเป็นนัก
คนเช่นนี้ มักจะอยู่ท่ามกลางสกุลใหญ่ได้อย่างสบายๆ
ไม่เหมือนมารดาเขา วางท่าเย่อหยิ่งไม่คิดอ่อนข้อ คอยแต่ทะเลาะกับท่านย่าเหมือนนํ้า
กับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้
เผยถงหลุบสายตามองตํ่า
เผยเซวียนกับนายหญิงรองพยักหน้าเบาๆ อย่างพอใจ นายหญิงรองยังเอ่ยกับกู้ซีเสียง
นุ่มนวลว่า “เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว! ต่อให้สกุลมารดาจะดีเพียงใด นั่นก็เป็นบ้านพ่อแม่และพี่
น้องของตน เจ้าแต่งเข้าสกุลเผยแล้ว ก็ต้องคลอดลูกเลี้ยงลูกอยู่กับสกุลเผย เจ้าเป็นที่พึ่งของ
เด็กๆ ต่อไปที่นี่ย่อมจะเป็นบ้านของเจ้า พี่ชายเจ้าทางนั้น ที่สมควรดูแลก็ต้องดูแล ที่สมควร
ช่วยเหลือก็ต้องช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนกับที่เจ้าทําในครั้งนี้ ต้องรักษาระยะเอาไว้ด้วย” จากนั้นก็
ทอดถอนใจว่า “เมื่อก่อนข้าคิดว่าเจ้ายังเด็กเกินไป ที่แท้ข้าคงมองผิดพลาด ช่วงหน้าสิ่วหน้า
ขวาน เจ้ายังรู้ว่าจะตัดสินใจเลือกเช่นไร คนที่เป็นพ่อเป็นแม่อย่างข้า ก็กลัวแค่ว่าพวกเจ้าจะใช้
ชีวิตอย่างไม่มีความสุขก็เท่านั้น หากว่ามารดาเจ้ายังอยู่ มาได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะปลื้มใจ
สักเพียงไร!”
กู้ซีประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าตนทําได้ไม่เลว นึกไม่ถึงว่าในสายตาของนายหญิงรอง นางก็ยัง
‘เด็กเกินไป’ อยู่ดี
เห็นชัดว่าการจัดการเรื่องราวต่างๆ ของนาง ยังไม่สมบูรณ์ครบพร้อมในสายตาของ
ผู้อื่นนัก
กู้ซีหันไปมองอวี้ถัง
3007
อวี้ถังยืนอยู่ข้างๆ เผยเยี่ยน มือยังถูกเผยเยี่ยนกุมเอาไว้ นางอยากจะกลับไปนั่งที่ของ
ตนเอง แต่เผยเยี่ยนทําเหมือนไม่ยอมปล่อยมือเสียอย่างนั้น อวี้ถังได้แต่ปล่อยให้เขากุมมือ
เอาไว้และยืนอยู่ข้างเขาต่อไปอย่างจนปัญญา
แล้วนางทําได้ดีเพียงนั้นเชียวรึ?
กู้ซีลอบเย้ยหยันในใจเงียบๆ
คงไม่หรอกกระมัง?
หากว่านางเป็นนายหญิงรอง ก็คงบอกข้อบกพร่องของอวี้ถังออกมาได้มากมาย…
กู้ซีกําลังขบคิดอยู่ พลันเด็กรับใช้เข้ามารายงาน บอกว่านายท่านใหญ่สกุลหยางกับกู้
ฉ่างมาถึงแล้ว เขาทําตามคําสั่งของเผยเยี่ยน พาคนทั้งสองไปดื่มนํ้าชารอที่โถงใหญ่
เผยเยี่ยนไม่ทันหยุดคิดด้วยซํ้า บอกให้เชิญนายท่านใหญ่สกุลหยางมาที่นี่ “อธิบายให้
ใต้เท้ากู้ฟังที บอกว่าเป็นเรื่องสําคัญ ลําบากเขาให้นั่งรอสักครู่ก่อน”
เด็กรับใช้รับคําแล้วจากไป
เผยถงเอ่ยอย่างตึงเครียดว่า “จริงรึ จะแยกสกุลจริงๆ หรือขอรับ?”
มีเพียงการแบ่งสมบัติ แยกสกุลพวกนี้เท่านั้น ถึงต้องเชิญเหล่าท่านลุงจากสกุลฝั่ ง
มารดามาด้วย
เผยเยี่ยนร้องเหอะแต่ไม่ได้ตอบกลับ
คนอื่นย่อมไม่มีใครเปิดปาก ส่วนว่าในใจคิดอย่างไร เรื่องนั้นใครก็บังคับกันไม่ได้ทั้งสิ้น
ไม่นาน นายท่านใหญ่สกุลหยางก็ก้าวสวบๆ เข้ามา
แม้จะพยายามเก็บอาการเต็มที่ แต่สีหน้าเขาก็เผยรอยยิ้มกริ่มอย่างปิดไม่มิด
เผยเยี่ยนยิ่งคร้านจะหันไปมอง
3008
เห็นนายท่านใหญ่สกุลหยางทําท่าทางเช่นนี้ เผยถงยังจะกล้าทําเรื่องโง่ๆ เพราะเขา ไม่
รู้ว่าสมควรชื่นชมที่นายท่านใหญ่สกุลหยางเป็นเจ้าแผนการชั้นยอด? หรือต้องโทษเผยถงว่าไร้
ความสามารถ กระทั่งคนยังอ่านไม่ทะลุปรุโปร่ง?
เขาไม่ได้เกรงใจ เชิญให้นายท่านใหญ่สกุลหยางนั่งลง รอจนสาวใช้ยกนํ้าชาของว่างมา
ให้และล่าถอยออกไป ก็เปิดประเด็นถึงจุดประสงค์ที่ต้องเชิญนายท่านใหญ่สกุลหยางมาอย่าง
ไม่อ้อมค้อม
นายท่านใหญ่สกุลหยางยิ่งฟังก็ยิ่งปวดศีรษะ สุดท้ายกลายเป็นสีหน้าแตกตื่น เป็นนาน
ที่คนพูดอะไรไม่ออก
เผยถงต่อให้โง่เง่าเพียงใดแต่ก็รู้ตัวว่าตนก่อเรื่องจนเละเทะไปหมดแล้ว
เขาอ้าปากพะงาบๆ เอ่ยเรียก ‘ท่านลุง’ ด้วยเสียงเหมือนยุงบิน มองไปที่นายท่านใหญ่
สกุลหยางด้วยความน่าเวทนา คล้ายขอร้องให้นายท่านใหญ่สกุลหยางช่วยดึงเขาออกจาก
เพลิงไฟกองนี้ที
นายท่านใหญ่สกุลหยางร้องด่ามารดาเขาในใจ
เรื่องเงินสองแสนตําลึงก็ดี เรื่ององค์ชายรองถูกลอบสังหารก็ดี เขาไม่เพียงรู้ทุกอย่าง ทั้ง
ยังคอยช่วยเหลือเผยโย่วอีกด้วย เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า เผยโย่วจะถูกบิดาของตัวเองฆ่าตาย
เผยเยี่ยนหาได้สนใจเขา ถามเสียงเย็นชาว่า “ท่านพ่อฆ่าพี่ใหญ่ข้า เจ้ามีปัญหาอะไร
หรือไม่?”
บิดาต้องการให้บุตรตาย บุตรมิตายได้หรือ
เพียงแต่บิดาที่เลอะเลือนเช่นนี้มีน้อยมากก็เท่านั้น อย่างเช่นสกุลเผยนี้ หากข่าวถูกลือ
ออกไป คนอื่นมีแต่จะพูดว่าท่านผู้เฒ่าสกุลเผยเด็ดขาดแน่วแน่ สุขุมกล้าหาญ ไม่ตราหน้าเผย
โย่วว่า ‘อกตัญ�ู’ ก็ถือเป็นคนดีที่ไม่ซํ้าเติมผู้อื่นแล้ว
นายท่านใหญ่สกุลหยางรู้สึกตกใจกับสาเหตุการตายของเผยโย่วนัก มากกว่านั้น
3009
ยังมีความวิตกกังวล
ตามหลักแล้ว ไม่ว่าสกุลใดเกิดเรื่องเช่นนี้มีแต่จะเก็บงําซ่อนมิดชิด ทว่าสกุลเผยกลับแฉ
ความจริงต่อหน้าเขาให้เห็นทะลุไส้ทะลุพุง สกุลเผยต้องการจะทําอะไรกันแน่?
คิดจะให้สกุลหยางกระโดดขึ้นเรือลําเดียวกับสกุลเผยอย่างนั้นรึ?
สกุลหยางดองกับสกุลเผย มิใช่เพราะต้องการมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้านหรือ?
หลังจากที่สกุลเผยปฏิเสธอย่างเด็ดขาดแล้ว จู่ๆ กลับเอาความลับที่ทุกคนปกปิดกันแทบตาย
มาบอกเขาเสียอย่างนั้น
เผยเยี่ยนมีแผนอะไรอีก?
หากเขากําลังวางอุบายต่อสกุลหยาง เช่นนั้นจุดประสงค์ของเขาคืออะไร?
นายท่านใหญ่สกุลหยางที่มักมีแผนเตรียมพร้อมในใจอยู่เสมอกลายเป็นแมลงวันไร้หัว
ทันที
เขาอดจะหันไปมองทางเผยเซวียนไม่ได้
พยายามมองหาเบาะแสบางอย่างจากคนที่ซื่อตรงอย่างเขา
แต่สิ่งที่ทําให้เขาผิดหวังก็คือ เผยเซวียนไม่เพียงทําหน้าเรียบเฉย สายตายังเต็มไปด้วย
ความเตรียมพร้อม
นายท่านใหญ่สกุลหยางได้แต่ลอบยิ้มขื่น เอ่ยเบาๆ เชิงคล้อยตามเผยเยี่ยนว่า “เจ้าว่า
การตายของน้องเขยข้าเกี่ยวพันถึงท่านผู้เฒ่าสกุลเผย เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
เผยเยี่ยนดูแคลนคนประเภทเห็นโลงศพแต่ลอบทําเหมือนไม่เห็นเช่นนี้นัก ตอนนี้พอ
นายท่านใหญ่สกุลหยางจะใช้ลูกไม้เก่าๆ อีกจึงคร้านจะเล่นด้วย เขาโพล่งไปว่า “เจ้าไม่ยินยอม
จะเชื่อ ก็คิดว่าพี่ใหญ่ข้าป่ วยตายไปก็แล้วกัน เพียงแต่พอหลานชายเจ้าฟังคําของเจ้าแล้ว กลับ
สงสัยว่าข้าเป็นคนทําร้ายพี่ใหญ่ ตอนนี้มีสองทางให้เลือกเดิน หนึ่งพวกเจ้าไปร้องเรียนข้า แต่
3010
ต้องบอกไว้ก่อนว่า พวกเจ้าควรจะมีหลักฐานไปด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะฟ้องกลับว่าเผยถง
‘อกตัญ�ู’ เช่นกัน สองคือพวกเจ้าไม่มีหลักฐานว่าข้าทําร้ายพี่ใหญ่ แต่ในใจก็ไม่อาจลืมเรื่องนี้
ไปได้ เช่นนั้นก็ให้เผยถงแยกออกไปใช้ชีวิตลําพังเสีย ซึ่งก็คือให้แยกสกุลตามที่ข้าเพิ่งจะพูดไป”
พูดจบ เขาก็หันไปมองนาฬิ
กาทรายแวบหนึ่ง “ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งชั่วยาม พวกเจ้ารีบ
ตัดสินใจ ไม่ก็เผยถงเจ้ากับท่านลุงของเจ้าเดินออกประตูตะวันตกไป มุ่งหน้าไปยังที่ว่าการ
ศาลต้าหลี่ หรือไม่ก็เชิญนายท่านใหญ่สกุลหยางเดินออกจากโถงบุปผาไปทางตะวันตก ช่วย
เผยถงตรวจนับทรัพย์สินให้ครบถ้วน ข้าทางนี้จะเชิญคนมาเป็นพยานเรื่องแยกสกุลเอง”
เขาพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ นํ้าเสียงหนักแน่น ให้ความรู้สึกว่าพูดคําไหนย่อมจะ
เกิดขึ้นจริงตามนั้น
ความจริงแล้ว แต่ไรเขาก็เป็นคนที่พูดจริงทําจริง ดังนั้นวาจาที่เขาลั่นออกไป ทุกคนจึง
ไม่กล้าวางเฉย
โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้
เผยเยี่ยนกระเด้งตัวลุกขึ้น ปรายตามองเผยถงอย่างเย็นเยียบทีหนึ่ง “ที่นี่ไม่มีใคร
ว่างงานสักคน พวกเราจะรออยู่เฉยๆ ไม่ได้ เผยถง พวกเจ้าสองสามีภรรยากับท่านลุงเจ้าก็หารือ
กันระหว่างมื้อเย็นเสีย! พี่รอง พวกเราไปทักทายใต้เท้ากู้หน่อย จะเชิญคนมาให้นั่งรออย่างเดียว
ไม่แม้กระทั่งจะรับรองอาหารเย็นเลยคงไม่ได้กระมัง? อาถัง เจ้าไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่สะใภ้รอง
กับอาตันเถอะ กลัวว่าพวกบ่าวไพร่จะปากยื่นปากยาว พูดอะไรให้เด็กๆ ตกใจอีก!”
ทั้งเชิญญาติฝั่ งมารดาของนายหญิงใหญ่ ทั้งไม่ยอมให้คนที่เดินไปเดินมา
วิพากษ์วิจารณ์ บ่าวรับใช้ในเรือนอย่างไรก็ต้องแอบไปกระซิบกระซาบกันอยู่แล้ว