ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่379 ช่องว่าง
นํ้าเสียงของเผยเยี่ยนหนักแน่นเด็ดขาด สั่งการได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่ว่าใครก็ไม่กล้า
กระโดดออกมามีปัญหาทั้งนั้น
ทุกคนต่างแยกย้ายไปจัดการตามคําสั่งของเขา
มีเพียงกู้ซี นางเดินตามเผยถงออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพิ่งจะนึกออกว่าตอนนี้พี่ชาย
นางอยู่ที่จวนสกุลเผย นางควรจะไปทักทายเขาหน่อยหรือไม่?
แต่ความคิดนั้นก็แวบหายไปจากสมองนางอย่างรวดเร็ว
หากนางไปทักทายเขาในตอนนี้ แล้วจะให้คุยเรื่องอะไร? มิสู้คอยจับตาดูเผยถงดีกว่า
เดี๋ยวจะถูกนายท่านใหญ่สกุลหยางชักนําไปทางผิดๆ อีก
นางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น รีบตามเผยถงกับนายท่านใหญ่สกุลหยางไป
นายท่านใหญ่สกุลหยางกําลังทอดถอนใจอยู่ตรงนั้น “ใครจะคิดว่าบิดาของเจ้าจะเป็น
คนที่ท่านผู้เฒ่าสกุลเผย…แต่ก่อนข้าเคยได้ยินว่าปู่ เจ้าไม่ธรรมดา หากมิใช่เพราะกฎของสกุล
เขาไม่มีทางหมกตัวอยู่ที่หลินอันเป็นแค่คหบดีกระจอกๆ แน่ นี่คือสิ่งที่บิดาเจ้ารู้สึกไม่ยินยอม
ทั้งๆ ที่สามารถทิ้งชื่อไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ได้ แต่เพราะเป็นบุตรคนโต จึงต้องคอยเฝ้ากิจการ
ของสกุล ไม่รู้เจ้าจะเข้าใจความรู้สึกนี้หรือไม่ แต่บิดาเจ้าไม่ได้คิดจะทําร้ายสกุลเผยจริงๆ ทั้งไม่
อยากจะอกตัญ�ูต่อปู่ เจ้าด้วย เขาแค่คิดว่าปู่ เจ้าอายุยังไม่มาก ยังมีแรงดูแลจัดการไหว เขา
ต้องการออกจากบ้านไปทํามาหากินด้วยตนเองดูก่อน ใช่ว่าจะคิดเนรคุณบรรพบุรุษหรือทรยศ
ต่อความตั้งใจของปู่ เจ้า”
เผยถงไม่ได้ส่งเสียง คล้ายว่าถูกท่านผู้เฒ่าสกุลหยางกล่อมสําเร็จ
กู้ซีแค่นเสียงเย็นในใจ วินาทีนั้นนางรู้สึกรังเกียจท่านลุงผู้นี้ของเผยถงเสียเหลือเกิน
นางได้แต่เอ่ยเตือนเผยถงว่า “แต่โบราณมาก็มีคําสอน ‘พ่อแม่อยู่ ไม่จากไกล’
ความรู้สึกของพ่อสามีข้าพอจะเข้าใจได้ ก็เหมือนกับองค์ชายสาม เขาแค่เกิดช้ากว่าองค์ชาย
3012
รองไม่กี่ปี แต่ต่อให้เขาปรีชาสามารถ ขุนนางส่วนใหญ่ในราชสํานักก็ยังยืนข้างองค์ชายรองอยู่ดี
แน่นอนว่านี่ไม่ยุติธรรมต่อองค์ชายสาม แต่ใครจะพูดว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีเรื่องหนึ่งเล่า? ไม่เช่นนั้น
ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้เริ่มไม่แยกแยะบุตรสายตรงสายรอง ไม่สนใจใครแก่ใครเด็ก รักใคร่ลําเอียง ใต้
หล้านี้มิใช่โกลาหลหมดรึ? เรือนหลังมิต้องเลือดนองเป็นสายรึ? ท่านลุงเองก็เป็นบุตรสายหลัก
คนโต ทั้งยังเล่าเรียนเขียนอ่านจนถ่องแท้ ย่อมจะมองอะไรได้ไกลกว่าสะใภ้อย่างข้าเป็นแน่เจ้า
ค่ะ”
นํ้าเสียงของนางอ่อนนุ่ม สีหน้าอบอุ่น ทว่าประโยคที่หลุดออกมากลับทิ่มแทงทุกคํา ไม่
เพียงติติงการกระทําของเผยโย่ว ทั้งยังวิจารณ์จุดยืนของนายท่านใหญ่สกุลหยาง เป็นเหตุให้ใบ
หูของนายท่านใหญ่สกุลหยางแดงกํ่า หากโต้เถียงกลับ ก็จะเสียความน่าเชื่อถือของผู้อาวุโส แต่
ถ้าไม่โต้กลับ ก็กลายเป็นว่ากู้ซีพูดถูกและเขาก็ใช้ความเงียบงันยอมรับต่อความผิดนั้น
นายท่านใหญ่สกุลหยางร้อง “เหอะ” อย่างไม่พอใจ หวังให้เผยถงออกกหน้าตําหนิ
หลานสะใภ้สักหลายคํา จึงอดจะหันไปมองเผยถงไม่ได้
เผยถงได้ยินการโต้ตอบของคนทั้งสอง สีหน้าก็ยิ่งกระสับกระส่าย
บิดาของเขา เพราะตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกับองค์ชายสาม ถึงได้สงสารเห็นใจ
อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยองค์ชายสามรึ?
ในความทรงจําของเขา ท่านพ่อมิใช่คนที่ละทิ้งคุณธรรมเพียงเพื่ออํานาจ จนไม่สนใจ
ไยดีคนในครอบครัว
เขาไม่เชื่อว่าบิดาจะยืนอยู่ข้างองค์ชายสามเพียงเพราะชื่อเสียงเกียรติยศ
นายท่านใหญ่สกุลหยางเห็นท่าทีของเผยถงก็ไม่สบอารมณ์ไปใหญ่ นํ้าเสียงที่เอ่ยจึง
แหลมสูงขึ้นหลายส่วน “อาถง ไม่ว่าอย่างไร เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เจ้าต้องตัดสินใจว่าควรทําเช่นไรถึงจะถูก”
3013
เผยถงหยุดฝีเท้าลง หันไปมองนายท่านใหญ่สกุลหยางแต่ไม่พูดจา แต่สีหน้านั้นกลับ
บอกนายท่านใหญ่สกุลหยางว่า ‘นี่มิใช่เรื่องของท่านด้วยรึ’
นายท่านใหญ่สกุลหยางเดือดพล่าน เป็นครั้งแรกที่สงสัยว่าตนเลือกหลานชายคนนี้มา
เป็นลูกมือนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่
ขณะนั้นกู้ซีเองก็คิดไปในทางเดียวกันกับเผยถง
เรื่องนี้สกุลหยางเป็นคนก่อ พวกเขาต้องเป็นคนเก็บกวาดเอาเอง
ขอเพียงเผยถงไม่ฟังคําของลุงตน เรื่องนี้ก็จะจัดการได้ง่ายแล้ว
นางเชื่อว่าเผยเซวียนกับเผยเยี่ยนไม่ได้คิดจะขับไล่เผยถงออกมาจริงๆ
เพราะไม่ว่าคนข้างนอกจะพูดอย่างไร แยกสกุลก็เป็นเรื่องจริง เผยเยี่ยนเป็นผู้นําสกุล
เผยก็เป็นเรื่องจริง เผยถงหนีข่าวลือเสียหายไม่พ้น เผยเยี่ยนเองก็เช่นเดียวกัน
เช่นนี้ย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงของสกุลเผย
เชื่อว่าคนของสกุลเผยคงไม่ยินดีให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่
กู้ซีรีบเบี่ยงไปพูดเรื่องอื่นว่า “ท่านลุงใหญ่ มีเรื่องอะไรค่อยมาคุยกันใหม่เถอะเจ้าค่ะ!
พวกเราไปกินข้าวกันก่อน เรื่องเกิดอย่างฉุกละหุก ทั้งเกี่ยวพันถึงหลายฝ่าย พวกเราไม่ได้เตรียม
ใจเอาไว้สักนิด จะให้ตัดสินใจเร่งด่วนทันทีก็ออกจะยากเกินไปสําหรับเรา อย่างไรก็ต้องฟังคํา
ชี้แนะของท่านลุงให้มากถึงจะถูก”
นายท่านใหญ่สกุลหยางเองก็ไม่มีวิธีที่จะทําให้สองฝ่ายต่างพอใจได้เช่นกัน
แม้ในมือเขาจะมีจดหมายของเผยโย่วอยู่ แต่จดหมายฉบับนั้นไม่อาจเปิดเผยได้
ไม่เช่นนั้นไม่เพียงเรื่องที่ก่อนตายเผยโย่วร่วมมือกับองค์ชายสามจะถูกเปิดโปง ทั้งเรื่องที่สกุล
เขาใช้องค์ชายสามเป็นข้ออ้างเพื่อหวังในตําแหน่งรองเจ้ากรมของหกกรมก็จะแดงขึ้นมาด้วย
3014
เดิมขุนนางคนไหนบ้างไม่อยากไต่เต้าเติบโต ที่สกุลเขามาดหมายตําแหน่งรองเจ้ากรมหกกรมก็
เป็นเรื่องปกติ แต่หากว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายสาม เรื่องราวย่อมจะต่างกันออกไป
องค์ชายสามไม่เพียงถูกลงโทษในข้อหาสมคบคิดกับขุนนาง ไม่แน่สกุลหยางอาจถูก
ตัดสินในข้อหา ‘สมรู้ร่วมคิดเพื่อประโยชน์ส่วนตน’ อีกด้วย
สองเรื่องนี้ล้วนเป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาดของราชสํานักในปีนั้น
หากว่าฮ่องเต้เคลือบแคลงพระทัย ไม่ตายก็คงต้องถูกถลกหนัง
สิ่งที่ทําให้พวกเขาคิดไม่ถึงกว่านั้น คือเผยเยี่ยนไม่ยอมเดินหมากอย่างที่ควรจะเป็น
เขาไม่เพียงไร้ความหวาดกลัว ทั้งวางทีท่าว่าหากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกไป ทุกคนก็พินาศไป
พร้อมๆ กันเสีย
ปัญหาคือ ต่อให้เรื่องนี้แดงขึ้นมา อาศัยกําลังของสกุลเผย แม้เป็นซากเรือผุพังก็ยังมี
เหล็กให้เอาไปใช้ต่อได้ คงไม่ถึงกับทําให้สกุลล่มจม แต่สกุลหยางไม่มีทางทานรับพายุฝนลูกนี้
ไหวแน่
สิ่งใดยาก สิ่งใดง่าย มองปราดเดียวก็อ่านออกแล้ว
นายท่านใหญ่สกุลหยางเลือดขึ้นหน้าจนปวดกบาลไปหมด
เผยเยี่ยนกับเผยเซวียนทางนั้น กู้ฉ่างถามขึ้นมาอย่างทนอยากรู้ไม่ไหวว่า “เกิดอะไรขึ้น
รึ? พวกท่านเร่งร้อนเรียกตัวข้ามา? ไม่ใช่เพราะน้องเขยกับน้องสาวก่อเรื่องอะไรกระมัง?”
เผยเซวียนไม่รู้จะพูดออกไปอย่างไรดี
เผยเยี่ยนกลับไม่เป็นกังวลสักนิด แต่ก็ไม่คิดจะตอบไปตรงๆ เขารินสุราให้กู้ฉ่างด้วย
ตนเองจอกหนึ่ง จากนั้นเอ่ยว่า “ไม่เกิดเรื่องแล้วจะเรียกเจ้ามาทําไม แต่เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่
ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก…เผยถงต้องการแยกสกุล…”
3015
“ว่าไงนะ?!” เขายังพูดไม่ทันจบดี กู้ฉ่างก็กระโดดโหยงแล้ว พลางถลึงตาโตพูดว่า “นี่ยัง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกรึ?! ทําไมต้องแยกสกุล? ข้าไม่เห็นด้วยให้แยกสกุล”
ไม่ว่าจะผิดใจกันด้วยเรื่องใด คนในสกุลคุยกันหาทางออกก็ใช้ได้แล้ว โวยวายถึงขั้นจะ
แบ่งสกุลแบบนี้ เคยนึกถึงส่วนรวมบ้างหรือไม่?
วินาทีนี้กู้ฉ่างรู้สึกไม่พอใจเผยถงอย่างมาก
เผยเยี่ยนหัวเราะเอ่ยว่า “ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมดหรอก ที่ข้าเรียกเจ้ามา ก็เพราะ
ต้องการให้เจ้ามาเป็นพยาน ถ้าจะแยกสกุล คงไม่ต้องพูดมาก เพราะหากไม่ได้รับการยินยอม
จากท่านลุงอย่างเจ้า คนอื่นจะเข้าใจว่าพวกเรารังแกเขาได้ ถ้าจะไม่แยกสกุล ก็ต้องให้เจ้าเป็น
พยานเช่นกัน…สรุปก็คือ ต่อไปก็ใช้ชีวิตกันให้ดี อย่าได้ก่อเรื่องจนคนในสกุลไม่อาจอยู่เป็นสุข
พี่น้องแตกคอกัน ก็มิใช่เรื่องงามหน้าอะไร พวกเราสกุลเผยก็คร้านจะวุ่นวายกับเรื่องนี้แล้ว” ทั้ง
ยังกล่อมเขาอีกว่า “ดื่มเหล้ากันก่อนเถอะ ข้าบอกให้เผยถงให้คําตอบข้าหลังมื้อเย็น ต้อง
รบกวนเจ้ารออยู่ก่อน เรื่องนี้หากไม่ตีเหล็กตอนร้อน ต่อไปก็คงมีปัญหาไม่หยุดหย่อน สกุลข้าไม่
มีเวลามาคอยรําคาญใจ มิสู้แก้ปัญหาครั้งนี้ให้จบๆ ไปเสีย”
กู้ฉ่างนั่งติดเสียที่ไหน เขาถูกเผยเยี่ยนกดไหล่ให้นั่งลง “ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจ ข้าเองก็
เช่นกัน แต่เรื่องบางเรื่อง พวกเราไม่อาจตัดสินใจแทนเผยถงได้ ต่อให้ครั้งนี้กล่อมเขาสําเร็จ แต่
ในใจเขาคิดอ่านอย่างไร? เป็นเจ้ามีเวลาคอยจับตาดูเขาทุกวัน หรือเป็นข้าต้องตามไปเฝ้าคน
ไว้? ครั้งนี้ก็ปล่อยมือตามที่พวกเขาต้องการเถอะ แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ในเมื่อน้องสาวเจ้าผ่าน
ประตูสกุลเรามาแล้ว ขอเพียงนางยินยอม พวกเราก็ยินดีจะเห็นนางเป็นคนรุ่นหลังคนหนึ่ง”
หากว่าเผยถงแตกหักกับสกุลเผยจริงๆ สกุลเผยจะมองกู้ซีเป็นเหมือนลูกหลานจากใจ
จริงได้หรือ?
แต่เขาไม่กล้าซักไซ้
ที่เผยถงจะแตกหักกับเผยเซวียนและเผยเยี่ยนในเวลานี้ มากกว่าครึ่งคงเกี่ยวกับเรื่องที่
สกุลหยางข่มขู่สกุลเผยเป็นแน่
3016
ไม่ว่าในมือสกุลหยางจะกุมหมากตัวไหนไว้ ในสายตากู้ฉ่าง เผยถงล้วนแต่ไม่ควรแยก
ออกไปจากสกุลเผยทั้งสิ้น
นายท่านใหญ่สกุลหยางผู้นี้ทําร้ายคนไม่เบาเลยจริงๆ!
กู้ฉ่างกําลังไล่เลียงในใจถึงคนที่เขาพอจะรู้จัก คนที่มีอํานาจมากพอในหลิงหนาน คง
ต้องเชือดไก่สักตัว เพื่อให้ลิงรู้จักหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง
ในเมื่อสกุลหยางไม่รู้ที่ทางของตน เช่นนั้นก็ต้องให้คนมาสั่งสอนวิธีการเป็นคนให้กับ
สกุลหยางหน่อยแล้ว
ทั้งทําให้เผยถงตาสว่างเสียทีว่าสกุลหยางแท้จริงแล้วมีกําลังเพียงใด เผยถงเป็นคน
ฉลาด ย่อมรู้ดีว่าควรจะเลือกยืนฝั่งไหนแน่
กู้ฉ่างตัดสินแน่วแน่แล้ว ความวิตกก็เริ่มคลายลง
เขาหัวเราะเอ่ยว่า “ได้สิ! วันนี้ข้าจะฟังเจ้าทุกอย่างเลย เจ้าจะให้ข้าทําอะไรข้าก็จะทํา
อย่างนั้น”
ในใจก็ลอบหาทางว่ามีวิธีไหนจะทําให้เขาได้พบกู้ซีล่วงหน้า เพื่อโน้มน้าวเผยถงอย่าได้
หลงเชื่อสกุลหยางให้มากนัก
สามคนดื่มสุรากันอย่างเฮฮาครึกครื้น
ระหว่างที่เดินกลับ นายหญิงรองไล่หญิงรับใช้ข้างกายออกไปยืนห่างๆ จากนั้นก็กระซิบ
บอกอวี้ถังว่า “เจ้าว่า ท่านผู้เฒ่าทําสิ่งนั้นกับนายท่านใหญ่จริงรึ? ไฉนข้ากลับตะหงิดใจพิกล
รู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่ท่านอาสามก็ไม่จําเป็นต้องโกหกนี่!”
อวี้ถังคิดว่านี่ออกจะเกินความคาดหมายเช่นกัน
มีบิดาที่โหดร้ายเพียงนี้ด้วยรึ?
วางยาพิษฆ่าบุตรชายด้วยตนเอง
3017
ที่ทําให้คนยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ เขากลับโหดร้ายต่อตัวเองยิ่งกว่า
ใช้หนึ่งชีวิตชดใช้หนึ่งชีวิต ฆ่าตัวตายตาม
ตอนที่ท่านผู้เฒ่าวางยาเผยโย่ว มีเพียงเผยเยี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ เขาย่อมรู้เรื่องเป็นคนแรก
นางที่เป็นคนนอกได้ยินแล้วยังใจสั่นสะท้านไปหมด นับประสาอะไรกับเผยเยี่ยน คนหนึ่งเป็น
บิดา คนหนึ่งเป็นพี่ชาย
ยังมีท่านแม่เฒ่าสกุลเผยอีก
ไม่รู้ว่าท่านแม่เฒ่ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่?
แล้วนางจะต้องทําใจเช่นไรเมื่อต้องบอกลาบุตรชายรวมถึงสามีที่รักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง
อวี้ถังคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นนาง แค่คิดก็ปวดร้าวแทบแย่แล้ว นางยอมตายตรงหน้า
ท่านผู้เฒ่าสกุลเผย ดีกว่าที่ต้องมาเห็นฉากพ่อลูกฆ่าแกงกันเอง
นางไม่ได้ตอบคําถามของนายหญิงรอง ได้แต่นึกถึงท่านแม่เฒ่าสกุลเผยอยู่อย่างนั้น
ไม่รู้ว่าจะปิดบังท่านแม่เฒ่าไปได้ชั่วชีวิตหรือไม่?
บางครั้ง การไม่รู้อะไรเลยก็เป็นโชคอย่างหนึ่ง!
อวี้ถังถอนหายใจ
นายหญิงรองนึกว่านางไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงเอ่ยต่อเสียงเบาว่า “เจ้าว่า สุดท้ายแล้ว
คุณชายใหญ่จะเลือกอย่างไร? นายท่านใหญ่สกุลหยางคงไม่พูดเรื่องวันนี้ออกไปกระมัง? หาก
ว่าเขาพูดออกไปจริงๆ ชื่อเสียงสกุลเราย่อยยับแน่ คงไม่กระทบต่องานแต่งอาตันของพวกเรา
กระมัง?”
นางยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจขึ้นทุกที นางกํามือของอวี้ถังไว้แน่น
พลางเอ่ยว่า “ไม่ได้การแล้ว จะให้เรื่องนี้หลุดออกไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าต้องไปหานายท่านรอง
ต้องให้เขาคิดหาทางไว้กดเรื่องนี้ให้เงียบเอาไว้”
3018
นั่นน่ะสิ!
หากว่าเรื่องนี้หลุดออกไป ไม่เพียงงานแต่งของเผยตันที่ได้รับผลกระทบ กระทั่งเส้นทาง
ขุนนางของเผยปัวและเผยฉานก็ย่อมลําบากไปด้วย
อวี้ถังเห็นนางร้อนรน กลัวว่าคนจะลนลานจนเสียเรื่อง มือจึงคว้านางเอาไว้ก่อน แล้ว
กดเสียงตํ่าบอกนางว่า “ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป! ท่านควรจะเชื่อในตัวนายท่านสามและนาย
ท่านรองกว่านี้ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้สกุลหยางกับคุณชายใหญ่ก่อเรื่องเหลวไหวตามใจ
ชอบแน่เจ้าค่ะ”