ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่380 เรื่ องต่อจากนั้ น
นายหญิงรองใช่ว่าเป็นคนไม่มีความรู้ เพียงแต่ตอนอยู่สกุลฝั่งมารดานางก็เป็นไข่มุกใน
มือของบิดามารดา พอมาอยู่บ้านสามีก็แค่ต้องเป็นสะใภ้รองที่คํานึงถึงส่วนรวม เชื่อฟังคําสั่ง
ไม่มีโอกาสและไม่มีเรื่องใหญ่ที่จําเป็นให้นางตัดสินใจเอง นี่เป็นครั้งแรกของนาง นางจึงอดจะ
กระวนกระวายไม่ได้ แต่พออวี้ถังดึงตัวนางไว้ ฝีเท้าชะงักกึก นางก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้นมา
นางบีบมืออวี้ถัง ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด “เจ้าพูดถูก ยิ่งเป็นช่วงวิกฤติ ข้าก็ยิ่ง
ห้ามลนลาน ข้ายังมีลูกอีกตั้งสองคนนะ!”
นี่นับว่าแข็งแกร่งขึ้นมาเพราะความเป็นแม่นี่เอง!
อวี้ถังเม้มปากยิ้มๆ
คนทั้งสองไปยังเรือนพักของนายหญิงรอง เผยตันกับเผยหงกําลังรอให้มารดากลับไป
กินมื้อเย็นด้วย พอเห็นอวี้ถังเดินตามมา เผยหงไม่ค่อยสนิทกับนางเท่าไร จึงค่อนข้างประหลาด
ใจเล็กน้อย แต่เผยตันกลับดีอกดีใจ รีบสาวเท้าเข้ามาหา แล้วตะโกนเรียกอวี้ถังด้วยรอยยิ้มแฉ่ง
ว่า “อาหญิงสาม”
นายหญิงรองเห็นดังนั้น ก็รีบโอบไหล่บุตรสาวไว้ แล้วหันไปบอกเผยหงว่า “อาหญิง
สามมากินข้าวกับพวกเจ้าด้วย อีกเดี๋ยวพวกเรายังมีเรื่องต้องจัดการ พวกเจ้าสองคนกลับไปอยู่
ในห้องหนังสือของตัวเอง อาหงหากทบทวนบทเรียนของอาจารย์และคัดอักษรตัวใหญ่สามร้อย
ตัวที่ท่านพ่อเจ้าสั่งเอาไว้เสร็จแล้วก็ให้ไปพักผ่อนได้ อาตันให้ปักดอกไม้ที่ซิ่วเหนียงสั่งเอาไว้เมื่อ
วานให้เสร็จ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาตรวจดู”
หลังจากเผยเซวียนรับตราประทับขุนนางได้ไม่นาน ก็หาอาจารย์จากสํานักฮั่นหลินที่
เกษียณอายุมาช่วยสอนตําราให้เผยหง ส่วนซิ่วเหนียงที่สอนเผยตันนั้น หลังจากที่สกุลเผยกับ
สกุลฉินกําหนดเรื่องงานแต่งเรียบร้อย นายหญิงรองไปรู้ว่าฮูหยินฉินเชี่ยวชาญงานปักเย็บ กลัว
ว่าสกุลฉินจะดูถูกงานฝีมือของเผยตัน จึงไปเชิญซิ่วเหนียงจากในวังมาช่วยชี้แนะให้
3020
เด็กทั้งสองคนจึงค่อนข้างยุ่งมากในช่วงนี้
พวกเขาต่างประสานเสียงรับคํา จากนั้นเผยหงก็เข้ามาคารวะอวี้ถัง
คนทั้งสี่แยกย้ายกันไปนั่ง พอทานอาหารเย็นเสร็จ ดูแลเผยตันกับเผยหงเรียบร้อยแล้ว
สองคนก็มุ่งหน้าไปที่โถงบุปผา
พวกเผยเยี่ยนกับเผยถงยังมาไม่ถึง โถงบุปผามีพวกนางเพียงสองคน
แม้ดวงโคมจะสว่างไสว มีสาวรับใช้และหญิงรับใช้คอยดูแล แต่สองคนกลับรู้สึก
กระสับกระส่าย
นายหญิงรองหันมาหารือกับอวี้ถัง “ส่งคนไปดูหน่อยดีหรือไม่?”
อวี้ถังยังไม่ทันตอบความ ด้านนอกก็มีเสียงพูดคุยของเผยเยี่ยนกับเผยเซวียนแว่วเข้า
มาแล้ว
นายหญิงรองกับอวี้ถังจึงถอนหายใจโล่งอก
เผยเซวียนกับเผยเยี่ยนเดินก้าวเท้าเข้ามา
สองคนรีบเข้าไปรับหน้า
เผยเซวียนถามนายหญิงรองว่า “ดูแลพวกเด็กๆ เรียบร้อยแล้วรึ”
นายหญิงรองรับคํา ทั้งกล่าวว่า “ข้ากําชับกับแม่นมในเรือนพวกเขาไว้แล้ว ให้ช่วยจับ
ตาดูอย่างเข้มงวดหน่อย”
เผยเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
อวี้ถังหันไปถามเผยเยี่ยนเบาๆ ว่า “ใต้เท้ากู้ทางนั้นเรียบร้อยดีไหมเจ้าคะ?”
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “วางใจได้ ไม่ปล่อยให้เขาเบื่อ
หน่ายแน่”
3021
อวี้ถังฟังไม่เข้าใจ
เผยเยี่ยนเอ่ยต่อว่า “จะให้เขามาเสียเวลาเปล่าไม่ได้ ข้ามอบตํารากลอนของราชวงศ์
ก่อนที่มีเหลืออยู่เพียงเล่มเดียวให้เขา เขากําลังอ่านอย่างออกรส อย่าว่าแต่ให้เขารอสักหลาย
เค่อเลย ต่อให้หลายชั่วยามเขาก็เต็มใจยิ่ง”
บัณฑิตย่อมรักในตํารา
เผยเยี่ยนก็เป็นบัณฑิตคนหนึ่ง ทั้งยังเย่อหยิ่งมาก
ตําราที่ออกจากมือเขาไป เกรงว่าไม่เพียงมีชื่อเสียงและหายาก ทั้งคงเป็นของดีของ
สกุลเผยอีกด้วย
อวี้ถังกลับรู้สึกเสียดาย เอ่ยว่า “ก็แค่รอไม่กี่เค่อเท่านั้น ถึงขั้นต้องมอบตําราที่เหลือ
เพียงเล่มเดียวออกไป…ให้อย่างอื่นเขาแทนไม่ได้หรือเจ้าคะ?”
เผยเยี่ยนได้ยินมุมปากก็กระตุกขึ้น เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าเสียดายรึ?”
“เหลวไหล!” อวี้ถังค้อนขวับใส่เผยเยี่ยน “ในเมื่อเหลืออยู่เพียงเล่มเดียว เช่นนี้ก็คือมี
เพียงหนึ่งไม่มีสอง หากว่ามอบให้ผู้อื่นไป ท่านก็ไม่เหลือแล้วน่ะสิ” พูดถึงตรงนี้ นางก็คล้ายจะ
พาลโมโหเผยถงไปด้วย
เผยเยี่ยนยิ้มออกมาอย่างเงียบเชียบ ปลอบนางเสียงนุ่มว่า “ไม่เป็นไรหรอก ตําราพวก
นั้น มิใช่จะหายากสักเท่าไร”
แต่ก็ไม่สมควรมอบให้ผู้อื่นนี่นา
อวี้ถังคิดว่าเมื่อก่อนบิดาของตนหลงกลหลู่ซิ่นได้อย่างไร คิ้วก็ขมวดมุ่น
เผยเยี่ยนหัวเราะเหอะๆ ยื่นมือออกไปนวดรอยย่นบนหน้าผากนาง ทั้งกระซิบเสียงแผ่ว
ว่า “สบายใจได้ พวกเราไม่ให้เปล่าๆ แน่”
อวี้ถังถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
3022
ประจวบกับพวกเผยถงมาถึงพอดี นางไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินไปอยู่ด้านหลังเผยเยี่ยน
แล้วนั่งลงด้านข้างเขา
เห็นชัดว่าเผยถงกับนายท่านใหญ่สกุลหยางหารือกันมาแล้ว รอจนสาวใช้ในห้องล่า
ถอยออกไป นายท่านใหญ่สกุลหยางก็เอ่ยแทนเผยถงขึ้นมาว่า “เรื่องนี้จะว่าไปก็เป็นแค่การ
เข้าใจผิดฉากหนึ่ง ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ก็คงจะเหมือนกับพวกเราทั้งนั้น…สกุลเผยมีอายุเกิน
ร้อยปี ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยก่อนตายก็ไม่เคยแสดงท่าทีมาก่อน จู่ๆ ก็ยกสยากวงให้เป็นผู้สืบทอด
ตําแหน่ง ทั้งเผยโย่วก็มาตายไปอีก พวกเจ้าที่เป็นอาก็ไม่มีใครอธิบายอะไร จะเด็กๆ ก็ช่าง หรือ
มารดาของพวกเขาก็ดี ถึงได้คิดมากเป็นธรรมดา หวังว่าพวกเจ้าทั้งสองที่เป็นอาจะเข้าใจหัวอก
พวกเขาบ้าง”
“ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น อาถงก็ได้พูดกับข้าแล้ว”
“เหตุเพราะเรื่องเกิดกะทันหัน เพราะเขาเคารพนับถือบิดาของตน นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจ
ได้ ข้าว่า เรื่องนี้ไม่ต้องสืบสาวเอาความ ยิ่งไม่ต้องทําเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดจะแยกสกุลหรอก”
“ข้าคิดว่า ให้อาถงขอขมาสยากวงก็พอ ต่อไปท่านอาทั้งสองก็เหมือนบิดาแท้ๆ ถือว่า
แล้วกันไป พวกเจ้าที่เป็นอานั้น ก็สั่งสอนหลานๆ แทนพี่ชาย คิดเสียว่าเขาเป็นบุตรแท้ๆ อีกคน
สมควรตีก็ตี สมควรด่าก็ด่า ทุกคนรักใคร่สามัคคี เช่นนี้ประเสริฐยิ่งนัก!”
“ไม่จําเป็นต้องก่อเรื่องให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะหรอก”
เผยเซวียนคิดว่าเช่นนี้ก็ไม่เลว
แต่มีข้อแม้ว่า สกุลหยางต้องไม่สอดมือมายุ่งเรื่องในสกุลเขาอีก
เขากําลังจะหันไปมองเผยเยี่ยน ดูว่าเขามีความเห็นเช่นไร ใครจะคิดว่ายังไม่ทันได้หัน
ไปมอง เสียงเย็นเยียบของเผยเยี่ยนก็ดังขึ้นก่อนแล้ว “นี่คือสิ่งที่เผยถงต้องการอย่างนั้นรึ?”
สายตาของเผยเซวียนย้ายไปที่ร่างของเผยถง
3023
ภายใต้แสงโคม เผยถงก้มหน้างุด ดวงตาหลุบตํ่า เงามืดกระทบลงที่ข้างแก้ม ทําให้คน
มองอารมณ์เขาได้ไม่ชัด
“ข้าเชื่อฟังท่านลุงและท่านอาทั้งสองขอรับ!” นํ้าเสียงของเขาค่อนข้างทุ้ม
ในใจเผยเยี่ยนรู้สึกผิดหวังนัก
คนเช่นนี้ คือหลานชายคนโตของสกุลเผยสายหลักอย่างนั้นรึ
ชีวิตของตนเองไม่รู้จะเดินไปทางไหน หากมิใช่มีมารดาคอยกรอกหู ก็ถูกท่านลุงคอย
บงการ จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่ต่างจากบิดาเขาเท่าไร เชื่อใจคนสกุลหยางมากกว่าสกุลเผย
เผยเยี่ยนทําท่าเหมือนไม่อยากจะมองเผยถงให้ปวดใจไปมากกว่านี้แล้วจึงหลับตาลง
กู้ซีรู้สึกว่านายท่านใหญ่สกุลหยางพูดได้ไม่ค่อยดีเท่าไร
พอเขาเล่นบทคนดีไปแล้ว คนเลวก็คือเผยเซวียนกับเผยเยี่ยน ต่อให้เป็นคนอื่นก็คงไม่
ชอบใจทั้งนั้น!
นับประสาอะไรกับคนที่เย่อหยิ่งอย่างเผยเยี่ยนเล่า
นางคิดจะเสริมสักประโยคเพื่อคลายความตึงเครียดของสถานการณ์ จู่ๆ เผยเยี่ยนกลับ
ลืมตาขึ้นมากะทันหัน มองไปทางเผยถงแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ถ้าพวกข้าคิดไม่เหมือนกับ
ท่านลุงของเจ้าล่ะ เจ้ามีแผนจะทําอย่างไรต่อ?”
“ฮะ!” เผยถงพลันเงยหน้าขึ้นมา
นายท่านใหญ่สกุลหยางมองเผยเยี่ยนด้วยสีหน้าเกินความคาดหมาย
เผยเยี่ยนลอบหัวเราะในใจ
หากการขอขมาใช้ได้ผล เช่นนั้นท่านพ่อเขาจะตายได้อย่างไร!
3024
พอตกเป็นรองก็วิงวอนร้องขอ พอได้เปรียบหน่อยก็เย่อหยิ่งโอหัง มีเรื่องดีๆ เช่นนี้เสียที่
ไหนกัน?
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ท่านลุงเจ้าคิดว่าให้แล้วต่อกันไปเสีย แต่ข้ากลับรู้สึกว่าโอกาสหายาก
นัก พวกเรามิสู้เปิดอกพูดสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างไม่พอใจออกมา จากนั้นก็แยกสกุล”
นี่คือไม่ยอมยกโทษให้สินะ!
เผยถงได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดง นายท่านใหญ่สกุลหยางรู้ทันอุบายของเผยเยี่ยนดี รีบ
เอ่ยว่า “จะแยกสกุลได้อย่างไรเล่า? เด็กๆ ไม่รู้ความ ผู้เป็นอาวุโสเดิมก็ควรรับผิดชอบและชี้นํา
ถูกผิด พวกเจ้าพอเห็นคนทําผิดก็ไล่ออกไปเช่นนี้ มิเป็นการกระทําที่ป่ าเถื่อนไปหน่อยรึ”
เผยเยี่ยนทําสัญญาณมือบอกให้นายท่านใหญ่สกุลหยางไม่ต้องพูดอีก จากนั้นก็เอ่ยว่า
“ท่านพ่อยกตําแหน่งผู้นําสกุลให้ข้า แม้จะบอกว่าเป็นเพราะจนปัญญา แต่กลับทิ้งปัญหาเรื่อง
‘ลําดับศักดิ์
ก่อนหลัง’ เอาไว้ หากปล่อยนานไป บ้านอื่่
นคงได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง สกุลเผยของ
พวกเราจะกลายเป็นสกุลเช่นไรเล่า? ดีที่สุดคือแยกสกุลไปเสีย ตัดปัญหายุ่งยากในภายภาค
หน้า และพวกเจ้าจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างอึดอัดในสกุลเผยอีก” จากนั้นก็เริ่มกล่อมเผยถงให้แยก
สกุลว่า “เทียบกับการไม่มีจุดยืนเช่นนี้ มิสู้พามารดากับอาเฟยของเจ้ามาอยู่ที่เมืองหลวง
คฤหาสน์ที่พี่ใหญ่ทิ้งเอาไว้ยังอยู่ในสภาพดี พวกสหายขุนนางและสหายร่วมชั้นที่เคยติดหนี้
บุญคุณพี่ใหญ่ย่อมจะดูแลพวกเจ้าที่เป็นลูกกําพร้าและแม่ม่าย ทั้งยังได้ชื่อว่าแยกสกุลออก
มาแล้วอีก อีกอย่างเจ้าก็แค่แยกออกมาจากสกุลเผยสายหลัก ใช่ว่าเป็นตายร้ายดีจะไม่ข้อง
เกี่ยวกันอีก มีอะไรเสียหายกันเล่า?”
เผยถงหวั่นไหวทันที
เช่นนี้ การแก่งแย่งผู้สืบทอดของสกุลสายหลักก็จะกลายเป็นเรื่องท่านปู่ ลําเอียงรักใคร่
บุตรชายคนเล็ก ที่พวกเขาแยกออกมามิใช่เพราะขัดแย้งกับคนในสกุล แต่ต้องการให้สกุลเผย
สามารถก้าวเดินต่อไปได้ดียิ่งกว่าเก่า ท่านแม่เองก็จะได้ย้ายมาอยู่เมืองหลวงตามที่วาดหวังไว้
เนิ่นนานได้เสียที ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
3025
คิ้วตาของเขากระตุกอย่างตื่นเต้น หาได้อึมครึมครํ่าเคร่งเหมือนเก่า
นายท่านใหญ่สกุลหยางลอบกร่นด่าเขายกใหญ่
เขามองเห็นปัญหาของหลานชายคนนี้ทันที
เมื่อครู่ยังคุยกันเป็นดิบดี พอได้ฟังคําของเผยเยี่ยน เขาก็เปลี่ยนใจอีกแล้ว
เขารีบตะโกนเรียก “อาถง!” คิดจะหยุดไม่ให้เขาเอ่ยคําที่รับผิดชอบไม่ไหวออกมา แต่
กลับถูกเผยเยี่ยนที่อ่านเจตนาออกแต่แรกสกัดเอาไว้ “ส่วนนายท่านใหญ่ซึ่งเป็นลุงนั้น ก็
สามารถช่วยพวกเราดูแลอาถงแม่ลูกได้ จะว่าไป ที่สกุลเราจะเกี่ยวดองกัน ก็เพราะต้องการเดิน
บนเส้นทางขุนนางให้ราบรื่นกว่าเก่า เรื่องอื่นไม่กล้าพูดถึง แค่เรื่องนายท่านรองกับนายท่าน
สามสกุลหยาง ข้าก็ทุ่มเทไปสุดกําลังแล้ว ท่านเองก็คงจะมองเห็นอยู่ ความลับของสกุลเผย
พวกเราก็ไม่คิดปิดบัง พี่สะใภ้ข้าทางนั้น ยังคงต้องขอให้นายท่านใหญ่ช่วยชี้แนะให้มากถึงจะ
ถูก”
การแต่งงานนี้ ก็เพราะอยากจะเกี่ยวดองกับสกุลเผยใจจะขาดมิใช่รึ?
ในเมื่อดองกันแล้ว สกุลเผยย่อมคาดหวังให้เขาช่วยดูแลปลอบใจน้องสาว ทุกคน
ช่วยกันรักษาความลับของสกุลเผยเอาไว้ ยังมีความสัมพันธ์ใดจะแน่นแฟ้นไปมากกว่านี้อีก
นายท่านใหญ่สกุลหยางทําหน้ายินดี แต่ขณะเดียวกันก็พะวงหนัก สัญชาตญาณของ
เขาร้องว่าเผยเยี่ยนไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ ที่เขาทําเช่นนี้ ย่อมต้องมีแผนอะไรอีกแน่ คง
อยากได้สิทธิ์
ผู้สืบทอดไปโดยที่ไม่ต้องเลือดตกยางออก? หรือแค่รําคาญสายตาเพราะบ้านของ
เผยถงชอบก่อเรื่อง? หรือบางที อาจกําลังเตรียมตัวเก็บกวาดเรื่องวุ่นวายที่เผยโย่วทิ้งเอาไว้
ล่วงหน้า?
เขาขบคิดซํ้าไปซํ้ามา แม้สีหน้าไม่แสดงออก แต่ก็เอ่ยเตือนสติเผยถงว่า “เจ้าอยาก
กลับไปคิดดูให้ดีหรือไม่?”
มีอะไรให้น่าคิดอีก?!
3026
กู้ซีไม่สนใจลําดับศักดิอาวุโส โพล่งออกไปทันทีว่า “อาถง จะแยกสกุลไม่ได้” ์
แม้การใช้ชีวิตหลังแยกสกุลที่เผยเยี่ยนบรรยายให้ฟังจะเป็นสิ่งที่กู้ซีคาดหวังก็ตามที
หากนางไม่เคยเห็นอุบายของเผยเยี่ยนมาก่อน ไม่เคยรับรู้ถึงความเกลียดชังที่เผยเยี่ยน
มีต่อสกุลหยาง นางคงตอบรับด้วยความยินดีไปแล้ว แต่หลังจากที่นางได้รู้จักเผยเยี่ยนใหม่ ต่อ
ให้นางจะขบคิดไม่เข้าใจ แต่ก็พอสัมผัสได้เลือนรางว่า ขอเพียงเป็นสิ่งที่เผยเยี่ยนต้องการ นาง
แค่ต้องปฏิเสธไปก็พอ
นางไม่มีทางลงเรือลํานี้ของเผยเยี่ยนแน่
“พวกเรายินดีจะติดตามใช้ชีวิตร่วมกับท่านอาทั้งสองเจ้าค่ะ” นางแสดงท่าทีอีกครั้ง
ด้วยเสียงอันดัง “ข้ารู้ว่าอาสามเองเป็นกังวล แต่ใครจะเป็นผู้นําสกุลขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ
ท่านปู่ ผู้อาวุโสในสกุลต่างก็ยอมรับหมดแล้ว หากพวกเราแยกสกุลออกไป มิใช่เป็นการเคลือบ
แคลงสงสัยต่อการตัดสินใจของท่านปู่ และผู้อาวุโสหรือเจ้าคะ?”